ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 84-2 ออกกระบี่และเก็บกระบี่

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

มอง​ไป​ยัง​เทือกเขา​ดำทะมึน​ใน​รัตติกาล​นั้น​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​เงียบ​ไป​ครู่ใหญ่​ก่อน​เอ่ย​ถาม​ ​“​มีโอกาส​กี่​ส่วน​”

คำถาม​นี้​ของ​เขา​หมายถึง​โอกาส​ที่จะ​มีชีวิต​กลับ​ออก​ไป​ ​แน่นอน​ว่า​ต้อง​นำ​เซียว​จาง​กลับ​ไป​ด้วย

ความเร็ว​ของ​สวี​โหย​่ว​หรง​และ​กระ​เรียน​ขาว​ราว​สายฟ้า​แลบ​ ​ไม่​เป็นรอง​ใคร​ ​หาก​ใช้​พลัง​เต็มที่​ ​บรรพต​ทั้ง​แปด​ต่อให้​ลึกล้ำ​เกินคาด​เดา​เพียงใด​ก็​มิ​อาจ​ติดตาม​ทัน​แน่นอน​

สายลม​พัด​แขน​เสื้อ​ ​สวี​โหย​่ว​หรง​เก็บ​ถาด​ดาว​โชคชะตา​กลับ​ไว้​ใน​แขน​เสื้อ​ ​ราวกับ​สามารถ​มองเห็น​เส้นทาง​การ​หมุน​ของ​ดวงดาว​ได้​คร่าวๆ

นาง​ไม่ได้​ตอบคำถาม​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​เพียง​ส่ายหน้า​เท่านั้น

เห็นได้ชัด​ว่า​ ​การคาด​เดา​ของ​ถาด​ดาว​โชคชะตา​นั้น​ย่ำแย่​นัก​ ​การ​จากไป​…​แทบจะ​เป็นไปไม่ได้​เลย​ด้วยซ้ำ

คน​ชุด​ดำ​คำนวณ​เอาไว้​ว่า​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​จะ​มา​เพื่อ​ช่วยเหลือ​เซียว​จาง​ ​แน่นอน​ว่า​ต้อง​มี​การวางแผน​รัดกุม​ไว้​แน่

บน​ทุ่งหญ้า​ทาง​ตอน​ใต้​ ​บรรพต​จิ้ง​พัว​และ​บรรพต​อี​ชุน​เปรียบเสมือน​บรรพต​สอง​ลูก​ ​ที่​ทอด​ยาว​หลาย​สิบ​ลี้​ ​ปิดกั้น​เส้นทาง​หนี​ทุก​ทาง​เอาไว้

หากว่า​จี๊ด​จี๊ด​ยังอยู่​ ​ความหวัง​ใน​การ​หนี​คืนนี้​คง​เป็นไปได้​มาก​หน่อย

เฉิน​ฉาง​เซิง​นึกถึง​หญิงสาว​ชุด​ดำ​ที่​อาจจะ​กำลัง​นอนเล่น​อยู่​บน​เกาะ​อัน​อบอุ่น​ ​ใน​ใจ​ไร้​ซึ่ง​ความเสียใจ​ใดๆ​ ​มี​เพียง​ความเศร้า​โศก​เล็กน้อย

“​อย่างนั้น​พวกเรา​จะ​ทำ​อย่างไร​ต่อไป​”

เขา​เอ่ย​ถาม​สวี​โหย​่ว​หรง

นี่​คือ​ความเชื่อ​ใจ

เมื่อ​พูดถึง​การ​ทำนาย​คาดการณ์​ ​การวางแผน​กลยุทธ์​ ​บน​โลก​นี้​มี​คนที​่​ล้ำเลิศ​กว่านาง​แทบ​นับ​คน​ได้

สวี​โหย​่ว​หร​งม​อง​ไป​ทาง​วานร​ดิน​ ​ก่อน​เอ่ย​จำนวน​ที่​แสดงถึง​ระยะห่าง​และ​ทิศทาง

นาง​รู้ดี​ว่า​มัน​เข้าใจ​ที่นาง​พูด​ ​เข้าใจ​ใน​เจตนา​ของ​นาง

เห็นได้ชัด​ ​วานร​ดิน​เข้าใจ​แล้ว​จริงๆ​ ​ร่าง​ของ​มัน​เครียด​ขึ้ง​ขึ้น​ ​ราวกับ​หวาดกลัว​เล็กน้อย

หลาย​ปีก่อน​หน้า​ ​เมื่อ​สวน​โจว​เกิดเรื่อง​ ​มัน​เอง​ก็​เคย​พบกัน​สวี​โหย​่ว​หร​งมา​ก่อน​ ​ทราบ​ดี​ถึง​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​นาง​และ​เฉิน​ฉาง​เซิง

ดังนั้น​ด้วย​ความ​ชาญฉลาด​ของ​มัน​เอง​จึง​ไม่ได้​มอง​ไป​ยัง​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​และ​ก็​ไม่ได้​ร้องขอ​ความเมตตา​ ​แต่กลับ​มุด​ลง​ไป​ใต้ดิน​ทันที

ไม่ต้อง​ใช้เวลานาน​เลย​ ​มัน​ก็​โผล่​ขึ้น​มาจาก​ใต้ดิน

ใน​ขน​สีน้ำตาล​ที่​หาย​ไป​บ้าง​บาง​กระจุก​เต็มไปด้วย​โคลน​และ​ราก​หญ้า​ ​เหนือ​คิ้ว​ปรากฏ​บาดแผล​เป็น​รู​ ​โลหิต​ไหล​ไม่​หยุด​ ​ดู​น่า​รันทด​ยิ่งนัก

เฉิน​ฉาง​เซิง​หยิบ​เอา​ยาลูกกลอน​มา​หนึ่ง​เม็ด​ ​ก่อน​จะ​บีบ​โปรย​ลง​บน​บาดแผล​ของ​มัน

ยาลูกกลอน​นั้น​ทำ​จาก​เศษ​ยาที​่​เหลือ​จาก​การทำยา​จู​ซา​ ​ไม่ได้​มีผล​ลัพธ์​ที่​วิเศษ​อะไร​มากมาย​ ​แต่​เมื่อ​นำมาใช้​หยุดยั้ง​การ​ไหล​ของ​โลหิต​ผลลัพธ์​ดีมาก

วานร​ดิน​แลบลิ้น​ออก​เลีย​โลหิต​ที่​มุม​ปาก​ตน​ ​ก่อน​มอง​ไป​ยัง​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​มัน​เผย​สีหน้า​เย็นชา​ที่​เต็มไปด้วย​ความพยาบาท​ออกมา

มัน​สามารถ​ดำดิน​ได้​ ​แต่​นั่น​จะ​สามารถ​ปิดบัง​ตัว​มัน​จาก​ดวงจิต​ของ​บรรพต​เยียน​จือ​ได้​หรือ

ใต้​เนินเขา​ห่าง​ออก​ไป​กว่า​สิบ​ลี้​ ​มัน​ยัง​ได้รับ​ผลกระทบ​จาก​การกดดัน​อัน​น่ากลัว​ทำร้าย​ ​ได้รับบาดเจ็บ​สาหัส

สำหรับ​มัน​แล้ว​ ​นี่​คือ​สิ่ง​ที่​สวี​โหย​่ว​หร​งบี​บบั​งคั​บมัน​ ​แน่นอน​ว่า​มัน​คับแค้นใจ​นัก

เฉิน​ฉาง​เซิง​กำลัง​รักษา​บาดแผล​ให้​มัน​ ​เขา​ไม่ได้​สังเกต​ถึง​สีหน้า​แววตา​ที่​เปลี่ยนไป​ของ​มัน

สวี​โหย​่ว​หรง​สังเกตเห็น​แล้วแต่​นาง​ไม่สน​ใจ​สักนิด​ ​นาง​ยัง​เอ่ย​ต่อ​ ​“​อย่างไรเล่า​”

วานร​ดิน​คราง​เสียงต่ำ​สอง​ที​ ​ใช้​ขา​หน้าที่​ทั้ง​เล็ก​และ​สั้น​ของ​ตน​วาด​สื่อ​ความ​อะไร​บางอย่าง​อยู่

สวี​โหย​่ว​หร​งม​อง​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ ​นาง​กำลัง​คำนวณ​ใน​ใจ​ ​พลาง​มอง​ไป​ยัง​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก่อน​เอ่ย​ ​“​ก็​ไม่ได้​อีก​”

เฉิน​ฉาง​เซิง​ลุกขึ้น​มอง​ไป​ยัง​เทือกเขา​สีดำ​ที่อยู่​ภายใต้​ความมืด​ของ​ค่ำคืน​ ​มือขวา​จับ​ไป​ยัง​กระบี่

“​เช่นนั้น​ก็​คง​ต้อง​สู้​แล้ว​”

คน​บรรพต​ปา​ต้า​คือ​ยอด​ฝีมือ​เผ่า​มาร​ใน​อดีต​ที่​เคย​ต่อกร​กับ​หวัง​จือ​เช่อ​ ​ฉินจ​้ง​ ​และ​อวี​่​กง​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​เมื่อ​หลาย​ร้อย​ปีก่อน

หาก​เขา​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​เปิดฉาก​การต่อสู้​กับ​อีก​ฝ่าย​ ​ต้อง​พ่าย​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย

เงา​ยักษ์​ค่อยๆ​ ​เคลื่อนตัว​ ​แรงกดดัน​ยาก​จะ​จินตนาการ​ค่อยๆ​ ​บดขยี้​มาถึง​ยัง​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง

ทุ่งหญ้า​ใน​ยามค่ำคืน​พลัน​น่ากลัว​ยิ่งขึ้น

“​ข่าวดี​ก็​คือ​ ​พวกเรา​โค่นล้ม​แค่​คนเดียว​ก็​พอ​”

สวี​โหย​่ว​หรง​เอ่ย​ขึ้น

สงบนิ่ง​ดุจ​ขุนเขา

คน​บรรพต​ปา​ต้านั​้​นลึ​กล้ำ​เกินคาด​เดา​ ​คดเคี้ยว​ดั่ง​ปีศาจ​ ​เมื่อ​พวกเขา​ไม่​เขยื้อน​ตัว​ ​อาจ​พูด​ได้​เลย​ว่า​สมบูรณ์แบบ​ไร้​ที่​ติ​ ​แต่​เมื่อ​พวกเขา​เขยื้อน​กาย​แล้ว​ ​ก็​ไม่​สามารถ​รักษา​สถานะ​ที่​สมบูรณ์​ได้​อีกต่อไป​ ​มัน​ปรากฏ​ช่องโหว่​ออกมา​อยู่​บ้าง

ก็​เหมือน​ภูเขา​จริงๆ​ ​ใต้​ท้องฟ้า​ที่​เต็มไปด้วย​ดวงดาว​ ​ไม่​สามารถ​สั่นสะเทือน​ได้​เมื่อ​เชื่อมต่อ​กับ​แผ่นดิน​ ​แต่​รากฐาน​ของ​มัน​ไม่มั่นคง​เมื่อมัน​เคลื่อนที่

การสังหาร​ฉาก​นี้​ ​บรรพต​จิ้ง​พัว​และ​บรรพต​อี​ชุน​ตัดหนทาง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หร​งบน​ทุ่งหญ้า​ทาง​ตอน​ใต้​เสีย​ ​ดังนั้น​พวกเขา​ไม่​สามารถ​ขยับเขยื้อน​ไป​ไหน​ได้

บรรพต​เยียน​จือ​และ​พล​หมาป่า​หลาย​ร้อย​ตน​ถึง​จะ​เป็นกำลัง​หลัก​ใน​การ​โจมตี

ในความเป็นจริง​ ​เมื่อ​บรรพต​เยียน​จือ​นำ​ความมืด​มิด​เคลื่อนตัว​มาถึง​ ​ก็​ไม่​อาจ​รักษา​ท่าทาง​อัน​สูงส่ง​ก่อนหน้านี้​ได้

สวี​โหย​่ว​หรง​ใช้​ถาด​ดาว​โชคชะตา​ทำนาย​คาดการณ์​และ​ให้​วานร​ดิน​เสี่ยง​ดำดิน​ไป​สำรวจ​เส้นทาง​ ​ก่อน​พบ​ว่า​มี​เส้นทาง​หลบหนี​ที่​อาจ​เป็นไปได้​หนึ่ง​เส้น

แต่​นาง​ไม่​เลือก​หลบหนี​เส้นทาง​นั้น​ ​นาง​ไม่ได้​เอ่ยถึง​เส้นทาง​นั้น​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง

ไม่ใช่​เพราะ​พล​หมาป่า​กระหายเลือด​และ​น่ากลัว​ที่​ขี่​ไป​ทั่ว​ทุ่งหญ้า​ ​และ​ไม่ใช่​เพราะ​วิหค​ดุร้าย​นับ​สิบ​ตัว​ที่​ถูก​กลุ่ม​ดาว​ไขว้​ทักษิณ​สาดส่อง​ภายใต้​ท้องฟ้า​ค่ำคืน​ทางเหนือ​ ​แต่​เพราะ​นาง​รับรู้​ถึง​อันตราย​ใน​ส่วน​ที่​ลึก​ที่สุด​ภายใต้​ความมืด​นี้​ ​นี่​ทำให้​นาง​สงสัย​ว่า​ทาง​เส้น​นั้น​อาจะ​เป็น​กับดัก​ที่​คน​ชุด​ดำ​วาง​เอาไว้

บรรพต​เยียน​จือ​หยุด​ฝีเท้า​ลง

ถึงแม้ว่า​จะ​ไม่มี​ผู้ใด​มองเห็น​ชัดเจน​ว่า​เขา​เคลื่อนไหว​อย่างไร​ ​ยิ่ง​ไม่มี​ผู้ใด​สามารถ​มองเห็น​เท้า​ของ​เขา​ได้​เลย

เขา​อยู่​ห่าง​จาก​ตำแหน่ง​ที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หร​งอยู​่​เพียง​สิบ​ลี้​เท่านั้น

สำหรับ​คน​ปกติ​ทั่วไป​แล้ว​สิบ​ลี้​นี้​อาจจะ​เป็นระยะ​ทาง​ที่​ไกล​มาก​ ​อาจจะ​มอง​ให้​ชัด​ถึง​ภาพ​นั้น​ได้​ยาก​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​การ​โจมตี​เลย

แต่​ในเวลานี้​ ​ที่​แห่ง​นี้​ ​ห่าง​เพียง​สิบ​ลี้​ ​เกิด​ความคาดหมาย​และ​ผิดแผก​จาก​ปกติ​ ​ทำให้​คน​คาดคิด​ไม่​ถึง​เลย

บรรพต​เยียน​จืด​เปิดฉาก​การ​โจมตี​ต่อ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง

เขา​ยกมือ​ขวา​ของ​ตน​ขึ้น

ดวงดาว​เต็ม​ท้องฟ้า​จู่ๆ​ ​ก็​หรี่​แสง​ลง

เนื่องจาก​บน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​พลัน​ปรากฏ​เงาดำ​ทอด​ยาว​ถึง​สิบ​ลี้​ขึ้น​มา​ ​บดบัง​ดวงดาว​กว่า​ร้อย​ดวง​ไป​เสีย

เงาดำ​นั้น​สาดส่อง​ลงมา​ยัง​ทุ่งหญ้า​จาก​ท้องฟ้า

บน​ท้องฟ้า​เกิด​เสียงดัง​ราว​ฟ้าผ่า​ ​นั้น​เพราะ​อากาศ​หลีก​ไม่​พ้น​ ​โดน​แรง​มหาศาล​กด​ทับหลัง​จากนั้น​ก็​ฉีก​ทึ้ง​ออก

เฉิน​ฉาง​เซิง​รู้​เลย​ว่า​ตน​ได้ยิน​เสียง​ของ​รัตติกาล​ถูก​ฉีก​ทิ้ง​ลง​อย่างรุนแรง

สวี​โหย​่ว​หร​งอ​อก​กระบี่​แล้ว

เมื่อ​ออก​กระบี่​มา​ ​ก็​เปิด​ด้วย​เพลง​กระบี่​จรัสแสง​ทันที

ร่องรอย​กระบี่​นับไม่ถ้วน​นำมาซึ่ง​เปลวเพลิง​มากมาย​ ​สาดส่อง​ไป​จน​ทุ่งหญ้า​รกร้าง​สว่างไสว

เงาดำ​บน​ท้องฟ้า​นั้น​ถูก​ส่องสว่าง​เสีย​จน​มองเห็น​ได้​ชัดเจน​ ​และ​ดู​สมจริง​ยิ่งขึ้น

ติดตาม​มาด​้วย​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​ออก​กระบี่​แล้ว​เช่นกัน

เขา​ใช้​คือ​เพลง​กระบี่​สันดาป​ ​เพลง​กระบี่​ท่าที​่​สาม​ใน​ทุ่งหญ้า​รกร้าง

ใช่​แล้ว​ ​แม้​เวลา​ผ่าน​ไป​หลาย​ปี​ ​ซู​หลี​เคย​มอบ​วิชา​เพลง​กระบี่​ให้​เขา​บน​ทุ่งหญ้า​รกร้าง​สาม​กระบวน​ท่า​ ​และ​พวก​มัน​ก็​มีชื่อ​อย่างเป็นทางการ​บน​สารานุกรม​พรต​ด้วย

เปลวไฟ​ที่​ร้อนแรง​และ​มองไม่เห็น​ได้​หลอม​รวม​เป็น​แสงสว่าง

เจตจำนง​กระบี่​ของ​กระบี่​ไร้ราคี​และ​เจตจำนง​กระบี่​ของ​กระบี่​จำศีล​พานพบ​ประสบ​พักตร์​ ​หลังจากนั้น​ก็​หลอม​รวมกัน

กระบี่​ทั้งสอง​ลอย​ขึ้น​เคียงข้าง​กัน​ ​พลัน​ก่อให้เกิด​ความรู้สึก​ไร้​ที่​สิ้นสุด​ในทันที​ ​และ​มัน​ก็​เป็นหนึ่งเดียว​อย่าง​ถึงที่สุด​ ​ราวกับว่า​เป็น​สิ่ง​ที่​สมบูรณ์แบบ​จน​ไม่ใช่​สิ่ง​ที่​มีอยู่​ใน​โลก

นี่​ก็​คือ​เพลง​กระบี่​ประสาน​รวม​ของ​สถานศึกษา​หนาน​ซี

นี่​ก็​คือ​เพลง​กระบี่​ประสาน​พลัง​อัน​ลือเลื่อง​ไป​ทั้ง​ดินแดน​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง

ทุ่งหญ้า​ภายใต้​รัตติกาล​สีดำ​ปรากฏ​ลำแสง​ขึ้น​กลุ่ม​หนึ่ง

ลำแสง​กลุ่ม​นั้น​เกิด​จาก​การ​รวมตัว​ของ​แสง​กระบี่​ที่​บริสุทธิ์​ที่สุด​ ​สว่างไสว​ยิ่งนัก​ ​เจิดจ้า​อย่าง​ถึงที่สุด​ ​เหมือนกับ​ดวงอาทิตย์​ที่​ไม่เคย​ตก​เลย

เงาดำ​ที่​ยาว​สิบ​กว่า​ลี้​นั้น​ตกลง​มาจาก​ฟ้า​ ​ตกลง​บน​ลำแสง​นั้น​พอดี

ปัง​!​

หญ้า​ใน​รัศมี​หลาย​สิบ​ลี้​ล้ม​เตียน​ ​และ​มีดิน​สีดำ​จำนวนนับ​ไม่​ถ้วน​ปลิว​ว่อน​ไปร​อบ​ๆ​ ​เหมือน​ลูกศร

แสง​กระบี่​ผนึก​รวม​เป็น​ม่าน​แสง​บน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​เหนือ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ไป​หลาย​จั้ง​ ​ป้องกัน​เงาดำ​ที่​น่ากลัว​นั่น