ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 84-3 ออกกระบี่และเก็บกระบี่

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ม่าน​แสง​ส่งเสียง​ ​กึก​ๆ​ ​อย่างต่อเนื่อง​ ​เหมือนกับ​ประตู​ไม้​ที่​ไม่ได้​บูรณะ​มา​หลาย​ปี​แล้ว​ ​ทั้ง​ยัง​เหมือนกับ​ม้านั่ง​ที่​รับ​น้ำหนัก​ไม่ได้​อีกแล้ว​ ​เหมือนกับ​พร้อม​จะ​หัก​ได้​ตลอดเวลา

วานร​ดิน​หมอบ​อยู่​ด้านหลัง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​ใช้​ขา​หน้า​อัน​ผอม​เล็ก​ของ​ตน​ปิด​ตา​เอาไว้​ ​มัน​หวาดกลัว​เสีย​จน​ตัวสั่น​ ​โลหิต​สด​ไหล​ออกมา​จาก​หว่าง​นิ้ว​อย่างต่อเนื่อง​…​ต่อมา​ ​มัน​คิด​อยาก​จะ​มุด​ดิน​หนี​ไป​ ​แต่กลับ​พบ​ว่า​โคลน​ดิน​ใต้​พื้นดิน​ถูก​แรงกดดัน​จาก​บรรพต​เยียน​จือ​และ​ความแข็ง​แกร่ง​ของ​เจตจำนง​กระบี่​เต็ม​ท้องฟ้า​กดดัน​ ​จน​กลายเป็น​ดั่ง​เหล็กกล้า​ ​มัน​ชนก​ระ​แทก​เสีย​จน​โลหิต​ไหล​ท่วม​ศีรษะ

ใน​คืน​นั้น​มีเสียง​คำราม​ที่​เต็มไปด้วย​ความรุนแรง​และ​โหดร้าย

พล​หมาป่า​กว่า​ร้อย​ตัว​พุ่งตรง​มาหา​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หร​งอย​่า​งบ​้า​คลั่ง

เงา​ของ​เทือกเขา​ที่​ทอด​ยาว​หลาย​ร้อย​ลี้​บน​ทุ่งหญ้า​ทาง​ตอน​ใต้​นั้น​ยิ่งใหญ่​ตระการตา​อย่าง​หา​ใด​เทียบ​ได้​ ​และ​ยาก​จะ​ข้าม​ผ่าน​ด้วย

บรรพต​จิ้ง​พัว​และ​บรรพต​อี​ชุน​ตัดทาง​หนี​พวกเขา​ไป​เสีย​แล้ว

บรรพต​เยียน​จือ​อยู่​ห่าง​ออก​ไป​สิบ​กว่า​ลี้​ ​และ​เปิด​การ​โจมตี​อัน​เหิมเกริม​ขึ้น

วิชา​สอง​กระบี่​ประสาน​พลัง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​ก็​ทำได้​เพียงแค่​ฝืน​ต้านทาน​ไว้​เท่านั้น

เวลานี้​พล​หมาป่า​พร้อม​ปะทะ​สังหาร​มาถึง​แล้ว​ ​พวกเขา​จะ​ทำ​เยี่ยง​ไร

เวลานี้​ ​วานร​ดิน​แอบ​ส่งสายตา​ไป​มอง​เฉิน​ฉาง​เซิง​แวบ​หนึ่ง

แววตา​ของ​มัน​เศร้าสร้อย​นัก

มัน​คิด​ว่า​มัน​เอง​คาดเดา​ได้​ว่า​เฉิน​ฉาง​เซิง​จะ​รับมือ​พล​หมาป่า​เหล่านั้น​อย่างไร

เฉิน​ฉาง​เซิง​คงจะ​เรียก​อสูร​ปีศาจ​เหล่านั้น​ออกมา​จาก​ใน​สวน​โจว

พล​หมาป่า​กว่า​ร้อย​ตัวต่อ​ให้​น่ากลัว​เพียงใด​ ​ก็​มิ​อาจ​เป็น​ศัตรู​ของ​อสูร​ปีศาจ​มากมาย​ขนาด​นั้น​บน​ที่ราบ​ทุ่งหญ้า​สุริยา​ไม่​หลับใหล

ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​ ​ท่ามกลาง​อสูร​ปีศาจ​เหล่านั้น​ยัง​มีส​หาย​ที่​แข็งแกร่ง​ทั้งสอง​ของ​วานร​ดิน​…​อสูร​กระทิง​และ​ยักษ์​ล้ม​ภูเขา

มี​เพียง​สังหาร​พล​หมาป่า​เหล่านี้​ให้​สิ้น​ ​ยัง​มี​ผู้​แข็งแกร่ง​บรรพกาล​จาก​เผ่า​มาร​ทั้ง​สาม​ท่าน​ด้วย

สุดท้าย​ ​อสูร​ปีศาจ​ใน​สวน​โจว​จะ​มี​กี่​ตัว​ที่​รอดชีวิต​อยู่​ได้

เมื่อ​นึกถึง​จุดจบ​นั้น​ ​วานร​ดิน​ก็​รู้สึก​ไม่สบายใจ

แต่​มัน​ถาม​ตัวเอง​ว่า​ ​ใน​สถานการณ์​เช่นนี้​ ​หาก​เป็นมัน​เอง​ก็​คง​ตัดสินใจ​อย่างเดียวกัน

ดังนั้น​มัน​ไม่เห็น​ต่าง​ต่อ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​ยิ่ง​ไม่มี​ความโกรธเคือง​ ​มี​เพียง​ความ​โศกเศร้า

…​…

…​…

สวี​โหย​่ว​หร​งก​็​ทราบ​ดี​ว่า​ใน​สวน​โจว​นั้น​มี​อสูร​ปีศาจ​มากมาย​ ​ขอ​เพียง​เฉิน​ฉาง​เซิง​เรียก​พวก​มัน​ออกมา​ก็​จะ​สามารถ​ขจัด​วิกฤตการณ์​ที่มา​จาก​พล​หมาป่า​นี้​ได้

แต่​นาง​ไม่ได้​มอง​ไป​ยัง​เฉิน​ฉาง​เซิง​…​ไม่ว่า​จะ​แอบมอง​ ​หรือว่า​จ้อง​ไป​ตรงๆ

เนื่องจาก​นาง​ไม่ใช่​วานร​ดิน​ผู้​แสน​เศร้าโศก​ตัว​นั้น​ ​เจตนา​ที่แท้​จริง​ของ​นาง​และ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ตรงกัน​ ​นาง​ทราบ​ดี​ว่า​เฉิน​ฉาง​เซิง​ไม่มีทาง​ทำ​เช่นนี้​แน่นอน

หรือ​จะ​พูด​อีก​อย่าง​ก็​คือ​ ​นาง​ทราบ​ดี​ว่า​เฉิน​ฉาง​เซิง​เตรียม​ทำการ​ใด

นาง​เดิน​ไป​ข้างหน้า​หนึ่ง​ก้าว​ ​หยุด​ยืน​ตรงหน้า​เฉิน​ฉาง​เซิง

ปีก​สีขาว​แผ่ออก​ไป​ด้านหลัง​นาง​ ​เพลิง​หงส์​สีทอง​เริ่ม​แผดเผา​ ​และ​กระบี่​จำศีล​ใน​มือ​ของ​นาง​ก็​ค่อยๆ​ ​เปล่ง​เส้น​แสง​ออกมา​มากขึ้น

ภายใน​ระยะเวลา​สั้น​ๆ​ ​นาง​เลือก​จะ​รับ​กระบี่​สั้น​มาจาก​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​รับ​แรงกดดัน​บางส่วน​เอาไว้

เฉิน​ฉาง​เซิง​นั่งขัดสมาธิ​บน​พื้น​ ​หลับตา​ทั้งสอง​ลง

สวบ​ๆ​ ​เสียงดัง​แหวก​อากาศ​ ​ราวกับ​ธนู​ที่​ทะลุ​เมฆ​ลงมา

กระบี่​มากมาย​พุ่ง​ออกมา​จาก​ฝัก​กระบี่​ซ่อนคม​ ​แสง​กระบี่​สาดส่อง​ไป​ทั่วทั้ง​ที่ราบ​ทุ่งหญ้า​ใน​ยามค่ำคืน

กระบี่​สาม​พัน​เล่ม​กระจาย​ตัว​อยู่​ทั่วไป​หมด​ ​เกิด​เป็น​ค่าย​กล​กระบี่​สถานศึกษา​หนาน​ซี

เวลานี้​ ​แสงดาว​เต็ม​ฟ้า​แทบจะ​ดูหมอง​ไป​เลย

เมื่อ​เจตจำนง​กระบี่​อัน​น่าสะพรึงกลัว​ตกลง​ ​พล​หมาป่า​ที่อยู่​ด้านหน้า​สุด​ก็​สลายตัว​ ​กลายเป็น​ก้อน​โลหิต​หลาย​สิบ​กอง​ทันที

ต่อมา​หมาป่า​ยักษ์​ตัว​หนึ่ง​ก็​พลัน​ขา​หน้าหัก​ลง​ทันที​ ​ทั้ง​ยัง​ตกลง​กระแทก​พื้น​อย่างแรง

ทาง​ด้าน​ตะวันตกเฉียงเหนือ​ ​มีพล​หมาป่า​เผ่า​มาร​ผู้​หนึ่ง​ที่​มี​เขา​แหลม​และ​สวม​เกราะ​ทั้ง​ร่าง​ถูก​เฉือน​ทิ้ง​ ​จน​มันสมอง​ไหล​ออกมา​ ​ถูก​แสง​สาดส่อง​เสีย​จน​เกิดแสง​ใส​กระจ่าง​ ​เหมือนกับ​ทะเลสาบ​เล็ก​ๆ

เสียง​ของ​วัตถุ​ตกกระ​แทก​พื้น​ดัง​ขึ้น​อย่างต่อเนื่อง​ ​เสียง​กรีดร้อง​อย่าง​น่าเวทนา​ก็​เช่นกัน

มัน​ยาก​จะ​มองเห็น​ถึง​สี​ของ​โลหิต​ที่​ชัดเจน​ ​เพราะ​มันต​่า​งก​็​สาด​กระจาย​ออกมา​ไม่​หยุด

ความเร็ว​ใน​การบุก​ของ​พล​หมาป่า​เร็ว​มาก​ ​ฉะนั้น​พวก​มัน​ก็​ล้ม​ลง​ด้วย​ความเร็ว​สูงสุด​เช่นกัน

เวลา​ผ่าน​ไป​ครู่ใหญ่​ ​ก็​มีพล​หมาป่า​สามสิบ​ว่า​ตน​สังเวย​ชีวิต​ภายใต้​ค่าย​กล​กระบี่​สถานศึกษา​หนาน​ซี​ ​ยัง​มีพล​หมาป่า​สิบ​กว่า​ตน​ที่​บาดเจ็บสาหัส​ ​ไม่​สามารถ​ต่อสู้​ได้​อีกต่อไป

เกิด​เสียง​สั่งการ​ที่​เร่งด่วน​ขึ้น​ใน​รัตติกาล

เสียงคราง​ต่ำ​ของ​บรรพต​เยียน​จือ​ดัง​ขึ้น​ใน​ระยะ​สิบ​ลี้

พล​หมาป่า​ไม่ได้​บุก​ต่อ​ ​อ้อม​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ไป​เสีย​ ​ถอยร่น​ไป​ใน​ความมืด​ ​ถอย​ไป​ไกล​กว่า​ร้อย​จั้ง​ก่อน​จะ​หยุด​ลง

เกิด​เสียงดัง​ ค​วับ​ ​แผ่วเบา

เจตจำนง​กระบี่​บางเบา​ปรากฏ​ขึ้น​อย่างไร​้​วี่แวว​ ​เฉือน​ตัด​ลำคอ​ของ​พล​หมาป่า​เผ่า​มาร​ผู้​นั้น

แสงดาว​สว่าง​ขึ้น​กว่า​เดิม​เล็กน้อย

ภาพ​โลหิต​สีเขียว​ที่​ไหล​ออกมา​จาก​หว่าง​นิ้ว​ที่​มี​ขนดำ​ขึ้น​เต็มไปหมด​ช่าง​น่าสะอิดสะเอียน

พล​หมาป่า​โกลาหล​ ​ก่อน​วิ่งหนี​หาย​ไป​ ​จน​ห่าง​ไป​ไกล​หลาย​ลี้​ ​จน​มั่นใจ​ว่า​อยู่​นอกเหนือ​รัศมี​การ​โจมตี​ของ​ค่าย​กล​จึง​ได้​หยุด​ลง

ใน​สายตา​ของ​พล​หมาป่า​เผ่า​มาร​มากมาย​ปรากฏ​แววตา​ความหวาดกลัว​ออกมา

เขา​เคย​พบ​ผู้​แข็งแกร่ง​มา​แล้ว​มากมาย​แต่​ไม่เคย​พบ​วิธีการ​ต่อสู้​เช่นนี้​มาก​่อน

ค่าย​กล​กระบี่​สถานศึกษา​หนาน​ซี​ถือได้ว่า​เป็น​วิธี​ป้องกันตัว​ที่​สมบูรณ์แบบ​ที่สุด​ใน​การต่อสู้​เลย​ทีเดียว​และ​ถือเป็น​วิธี​โจมตี​แบบ​หมู่​ที่​ได้ผล​ลัพธ์​ดีที​่​สุด​เลย​ก็​ว่า​ได้

แต่​ใน​อดีต​ต้อง​ใช้​ลูกศิษย์​สถานศึกษา​มากมาย​กว่า​ร้อย​คน​ถึง​จะ​สามารถ​ทำให้เกิด​ค่าย​กล​ขึ้น​มา​ได้​ ​ทั้ง​ยัง​ง่าย​นัก​ที่จะ​ถูก​ลอบ​โจมตี​จาก​ผู้​แข็งแกร่ง​เผ่า​มาร​ ​ความเสี่ยง​จาก​การถูก​ทำลาย​ค่าย​กล​ก็​มาก​เช่นกัน

ตอนนี้​เฉิน​ฉาง​เซิง​เพียง​คนเดียว​ก็​สามารถ​แสดงค่า​ยก​ลก​ระ​บี่​สถานศึกษา​หนาน​ซี​ได้​แล้ว​ ​เขา​ยืน​อยู่​ท่ามกลาง​กระบี่​ทั้งมวล​ ​จะ​โจมตี​อย่างไรเล่า

หรือ​จะ​กล่าว​อีก​อย่าง​ก็​คือ​ ​ไม่มี​ผู้ใด​ที่จะ​เหมาะสม​ใน​การสังหาร​ศัตรู​บน​สนามรบ​ไป​กว่า​เฉิน​ฉาง​เซิง​แล้ว​ ​ต่อให้​เขา​ผู้​นั้น​จะ​มีระดับ​ขั้น​แข็งแกร่ง​กว่า​เขา​ก็ตาม

ใต้เท้า​สังฆราช​แห่ง​เผ่า​มนุษย์​ที่​ยัง​หนุ่ม​น่ากลัว​เพียงนี้​เชียว​หรือ

พล​หมาป่า​กว่า​ร้อย​ตัวส่ง​เสียง​กรีดร้อง​อัน​น่าสังเวช​ออกมา

เพราะ​หวาดกลัว​ ​เพราะ​โกรธ​ ​เพราะ​ไม่ยอม​แพ้

เหล่า​พล​หมาป่า​และ​หมาป่า​กระหายเลือด​เหล่านั้น​ใช้​วิธี​นี้​ใน​การแสดง​ความปรารถนา​จะ​แก้แค้น​ของ​ตน

พวก​มัน​หยุด​อยู่​ไกล​ออก​ไป​หลาย​ลี้​ ​เตรียม​บุก​โจมตี​ตลอดเวลา

ห่าง​ถึง​เพียงนี้​ ​ดวงจิต​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ต่อให้​แข็งแกร่ง​เพียงใด​ ​ก็​ไม่​อาจ​ควบคุม​กระบี่​ให้​มาทำ​ร้าย​ได้​แน่

พวกเขา​เพียง​ให้​แรงกดดัน​อีก​ฝ่าย​เข้า​ไว้​ ​และ​รอ​ให้​บรรพต​เยียน​จือ​ทำลาย​การป้องกัน​ของ​อีก​ฝ่าย​เสีย

หลังจากที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​สร้าง​ค่าย​กล​ขึ้น​ ​สวี​โหย​่ว​หร​งก​็​รับมือ​กับ​การ​โจมตี​ของ​บรรพต​เยียน​จือ​ด้วย​ตนเอง

ต่อให้​นาง​แผดเผา​เพลิง​หงส์​อย่าง​ไม่​ลังเล​อย่างไร​ ​ก็​รับมือ​ไม่ได้​นาน​มาก

ค่าย​กล​กระบี่​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ต้อง​ป้องกัน​การ​โจมตี​อีกครั้ง​ของ​พล​หมาป่า​เหล่านั้น​ ​แล้ว​นาง​จะ​ยืนหยัด​ได้​อีก​นาน​แค่ไหน​ ​จะ​ทน​ไป​ได้​ตลอดไป​เลย​หรือ

หาก​มอง​จาก​สถานการณ์​ตอนนี้​แล้ว​ ​ผลลัพธ์​สุดท้าย​ก็​ยังคง​เป็น​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หร​งคง​ถูก​บรรพต​เยียน​จือ​กด​ไว้​เป็นแน่​ ​หลังจากนั้น​ก็​จะ​ถูก​ ​พล​หมาป่า​กัด​ตายทั้งเป็น

อย่างน้อย​ใน​สายตา​ของ​พล​หมาป่า​เผ่า​มาร​พวก​นี้​ ​นี่​ก็​ถึง​จุดจบ​แล้ว

พวกเขา​มอง​ไป​ยัง​ทาง​นั้น​ ​พลาง​คิด​ว่า​อีก​ประเดี๋ยว​จะ​สังหาร​ใต้เท้า​สังฆราช​ของ​เผ่า​มนุษย์​และ​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​อย่างไร​ ​จากนั้น​ก็​ฉีก​อีก​ฝ่าย​เพื่อ​กลืน​กิน​เสีย​ ​ดวงตา​ของ​พวก​มัน​ดุร้าย​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​และ​ลมหายใจ​ของ​พวกเขา​ก็​หอบ​ถี่​หนัก​ขึ้น​เรื่อยๆ

สีหน้า​ของ​สวี​โหย​่ว​หรง​ซีด​ขาว​ ​คงทน​ไม่ไหว​แล้ว​อีก​เป็นแน่

ใน​เวลา​หน้าสิ่วหน้าขวาน​เช่นนี้​ ​นาง​จู่ๆ​ ​ก็​ทำการ​เคลื่อนไหว​อย่าง​ไม่​คาดคิด

แสงสว่าง​เต็ม​ท้องฟ้า​พลัน​หาย​ไป

นาง​เก็บ​กระบี่​กลับมา

อย่างนั้น​ใคร​จะ​เป็น​คน​ทาน​แรงกดดัน​จาก​บรรพต​เยียน​จือ​กัน

ค่าย​กล​กระบี่​สถานศึกษา​หนาน​ซีที​่​อยู่​ใน​รัตติกาล​จู่ๆ​ ​ก็​ขยับ​ ​มัน​ขยับ​อย่าง​พร้อมเพรียง​ครั้งหนึ่ง

กระบี่​ที่​ลอยเคว้ง​เต็มไปหมด​นั้น​เดิมที​พุ่ง​เป้า​ไป​ยัง​ทุ่งหญ้า​รอบ​ทิศ​ ​เวลานี้​กลับ​พุ่ง​เป้า​ไป​ยัง​ท้องฟ้า

บน​ท้องฟ้า​ยังคง​เต็มไปด้วย​มวล​กระบี่​ ​เพียงแต่ว่า​มัน​ก็​พุ่ง​เป้า​ไป​ยัง​ท้องฟ้า​แล้ว

กระบี่​กว่า​สาม​พัน​เล่ม​ ​พุ่ง​เป้า​ไป​ยัง​เงาดำ​ยักษ์​นั้น

แสงดาว​และ​แสง​กระบี่​สะท้อน​ซึ่งกันและกัน​ ​ทำให้​รัตติกาล​สว่าง​ขึ้น​มาก​นัก

เงาดำ​ที่​ทอด​ยาว​กว่า​สิบ​ลี้​นั้น​ ​ในที่สุด​ก็​ปรากฏ​โฉมหน้า​ที่แท้​จริง​ออกมา