ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 85 ลูกธนูของอู๋

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​เงาดำ​นั้น​จะ​เรียกว่า​เป็น​เทือกเขา​ ​หรือ​จะ​เรียก​ได้​ว่า​เป็น​ลำแขน​ของ​เทพ​มาร​เลย​ก็​ว่า​ได้

​ด้านหน้า​สุด​ของ​เทือกเขา​ ​ก็​คือ​ท้องฟ้า​เหนือศีรษะ​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หร​งมี​ทั้งหมด​ห้า​เทือกเขา​ ​มองดู​แล้ว​ช่าง​เหมือน​นิ้วมือ​ทั้ง​ห้า

​ฝน​กระบี่​เต็ม​ท้องฟ้า​ตกลง​บน​ยอดเขา​นั้น​ ​ฝุ่น​ควัน​ตลบอบอวล​ ​เสียงแตก​หัก​ดัง​ไม่​หยุด

​ความเร็ว​ที่​ตกลง​มาบน​เทือกเขา​นั้น​ค่อนข้าง​ช้า​ ​จนถึง​ตอน​สุดท้าย​ในที่สุด​ก็​หยุด​ลง

​ระหว่าง​นั้น​ทั้งหมด​ ​สวี​โหย​่ว​หรง​ไม่ได้​มอง​ไป​ทาง​ความมืด​ใน​รัตติกาล​เลย​ ​ราวกับ​ไม่ได้​สนใจ​ ​แน่นอน​ ​จะเข้า​ใจ​ว่านาง​เชื่อมั่น​ใน​ตัว​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็ได้

​นาง​ปัก​กระบี่​จำศีล​ไว้​บน​พื้นหญ้า​ข้าง​กาย

​เสียง​เบา​ๆ​ ​ดัง​ ฉึก​ ควัน​สีเขียว​ลอย​ขึ้น​มา​พื้นหญ้า​ ​มัน​กลับ​ไม่​ไหม้​ ​รูปร่าง​ตรง​แน่ว​กว่า​เดิม​ ​ดูแล​้ว​มีชีวิตชีวา​กว่า​เดิม​อีก

​นาง​ปลด​ธนู​ที่​ทำ​จาก​ไม้ถ​งด​้าน​หลัง​ออกมา

​ธนู​ทำ​จาก​ไม้ถง​ ​นี่​ก็​คือ​ธนูถง​ ​หนึ่ง​ใน​ศาสตรา​ร้อย​อันดับ​นั่นเอง

​มี​เพียง​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​รวมถึง​ชิว​ซานจ​วิน​ ​โก่ว​หาน​สือ​และ​คน​อีก​ไม่​มาก​เท่านั้น​ที่​รู้​ ​ทักษะ​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ของ​สวี​โหย​่ว​หรง​ไม่ใช่​เพลง​กระบี่

​เฉิน​ฉาง​เซิง​พบ​กระบี่​จำศีล​ใน​สวน​โจว​ ​หลังจากนั้น​ก็​ส่งกลับ​ไป​ยัง​เทือกเขา​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์

​เพลง​กระบี่​จรัสแสง​คือ​การบูร​ณา​การ​หลังจากที่​นาง​ได้​กระบี่​จำศีล​มา​แล้ว

​ธนูถ​งคื​อสิ​่ง​ที่นาง​แบก​ไว้​กับ​ตัว​แต่​เล็ก

​ปกติ​แล้ว​ ​ไม่มี​ผู้ใด​สังเกตเห็น​ธนู​นี้​นัก

​เมื่อ​นาง​ต้องการ​ใช้​เท่านั้น​จึง​จะ​ปรากฏ​ออกมา

​อย่างเช่น​ในเวลานี้

​สวี​โหย​่ว​หรง​หยิบ​เอา​ลูกธนู​ออกมา​ ​พร้อม​พาด​ไว้​บน​คันธนู

​นี่​คือ​ลูกธนู​อู๋

​สีหน้า​นาง​สงบนิ่ง​ ​พร้อม​ง้าง​สายธนู

​ท่าทาง​มั่นคง​ ​ไม่​ติดขัด​ ​มอง​แล้ว​รู้สึก​ราวกับ​เมฆ​เคลื่อน​สายน้ำ​ไหล​ ​ทั้ง​ยัง​รู้สึก​ราวกับ​เกิด​ภาพซ้อน​ทับ​นับ​สิบ​สาย​ ​ชัดเจน​ยิ่งนัก

​ลูกธนู​ง้าง​ออก​ ​แช่มช้า​เหมือน​ดวงจันทร์​ที่​ถูก​บูชา​โดย​เผ่า​มาร

​ขน​ตานาง​แทบจะ​ไม่​ขยับ​เลย

​ลม​พัด​โหม

​อาภรณ์​สีขาว​ปลิว​ไหว

​ผม​ดำขลับ​ลอย​ขึ้น​ ​ขนาน​กับ​ธนู

​นิ้ว​งดงาม​ผละ​จาก​ลูกธนู

​ธนูถง​ยัง​เกิด​เสียง​พิณ​โดยพลัน

​ว่า​กัน​ว่าวั​สดุ​ไม้ถง​เป็น​วัสดุ​ชั้นดี​ใน​การ​ทำ​พิณ​ ​มิน่าเล่า​ถึง​ได้​ไพเราะ​เยี่ยง​นี้

​เสียง​เครื่องสาย​ดัง​สะท้อน​ไปมา​ใน​ทุ่งหญ้า

​ลูกธนู​ ​มาถึง​ก่อน​เสียง

​ไกล​ออก​ไป​หลาย​ลี้

​กลาง​หน้าผาก​ของ​พล​หมาป่า​เผ่า​มารคน​หนึ่ง​ปรากฏ​รู​ขึ้น

​รู​โลหิต​นั้น​กลม​มาก​ ​บริเวณ​รอบ​ๆ​ ​ของ​รู​ก็​เรียบ​มาก​ ​ผู้พบเห็น​ต่าง​แทบ​อยาก​ใช้​คำ​ว่าง​ดงา​มมา​พรรณนา​ด้วยซ้ำ

​ต่อมา​ ​สวี​โหย​่ว​หร​งง​้าง​ธนู​เป็น​ครั้ง​ที่สอง​ ​ครั้ง​ที่สาม​ ​ครั้ง​ที่สี่​…

​ท่าทาง​ของ​นาง​มั่นคง​อย่างนั้น​ ​ให้ความรู้​สึก​งดงาม​อัน​แสน​เรียบง่าย

​และ​ภายใน​ระยะเวลา​สั้น​ๆ​ ​ซอง​ธนู​ก็​ว่างเปล่า

​ลูกธนู​อู๋​สาม​ดอก​พุ่ง​ไป​จาก​ธนูถง​ ​ถาโถม​เข้าไป​ใน​รัตติกาล​ ​พุ่งตรง​ไป​ยัง​พล​หมาป่า​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​หลาย​ลี้

​เสียงคำราม​ต่ำ​ดัง​ขึ้น​อย่างต่อเนื่อง

​บุปผา​โลหิต​ระเบิด​ออก​ไม่​หยุด

​พล​หมาป่า​เผ่า​มาร​ล้ม​ลง​อย่างต่อเนื่อง

​เสียง​ตะโกน​ด้วย​ความหวาดกลัว​ดัง​ขึ้น​ไม่​สิ้นสุด

​พล​หมาป่า​หลีกหนี​ไปร​อบ​ทิศทาง

​ลูกธนู​สามสิบ​ดอก​อย่างมาก​ก็​นำมาซึ่ง​ความตาย​สามสิบ​หน

​หากว่า​กันตา​มห​ลัก​การ​แล้ว​ ​การก​ระ​จาย​ตัว​กัน​ออก​ไป​ไม่​จับกลุ่ม​เป็น​ทางเลือก​ที่​ดีที​่​สุด

​สวี​โหย​่ว​หรง​ยก​ธนูถง​ขึ้น​อีก​ครา​ ​แม้ว่า​จะ​ไม่มี​ลูกธนู​แล้วก็​ตาม

​ครั้งนี้​ ​เวลา​ที่นาง​ใช้​เห็นได้ชัด​ว่านา​นก​ว่า​ก่อนหน้า​มาก

​ในที่สุด​ ​นาง​ก็​ง้าง​สายธนู

​บน​ธนู​อาบ​ไป​ด้วย​โลหิต​ ​เมื่อ​โลหิต​ปะทะ​กับ​ลม​ใน​รัตติกาล​ ​เสียดสี​กัน​ก็​เกิด​การ​เผาไหม้​ ​เกิด​เปลวเพลิง​สีทอง​ขึ้น

​ลูกธนู​ที่​เจาะ​กะโหลก​ของ​พล​หมาป่า​เหล่านั้น

​ลูกธนู​ที่​ทะลวง​ผ่าน​ร่าง​ของ​หมาป่า​กระหายเลือด​เหล่านั้น

​ลูกธนู​อู๋​ที่​นำ​ความตาย​และ​สูญสิ้น​ใน​รัตติกาล​เหล่านั้น​…​ทันใดนั้น​ก็​กลับมา

​ลูกธนู​อู๋​สามสิบ​ดอก​ติดไฟ​ตรง​ส่วน​ปลาย​ ​มุ่งหน้า​ติดตาม​พล​หมาป่า​ที่​หนีหาย​ไป​ใน​ทุ่งหญ้า​ทุกทิศทาง​ ​เหมือน​วิหค​เพลิง​ที่​เผาไหม้​ ​และ​เหมือน​ดาวตก​ที่​งดงาม

​หลาย​ปีก่อน​ใน​สวน​โจว​ ณ​ ​หุบเขา​อัสดง​ ​สวี​โหย​่ว​หรง​เอง​ก็​เคย​โดน​โจมตี​เยี่ยง​นี้​มาก​่อน

​หลังจาก​คืน​นั้น​ ​ก็​เป็นครั้งแรก​ที่​สวี​โหย​่ว​หรง​ใช้​วิธีการ​นี้

​พล​หมาป่า​เหล่านั้น​จะ​หลบ​ได้​อย่างไรเล่า

สวบ​สวบ​สวบ​สวบ

​บน​ทุ่งหญ้า​เสียง​ลูกธนู​อู๋​พุ่ง​ผ่าน​วัตถุ​แข็ง​ดัง​ขึ้น​ต่อเนื่อง

​ลูกธนู​อู๋​ที่​มี​เปลวเพลิง​ไฟ​ตรง​ส่วน​ปลาย​ ​ไล่ตาม​พล​หมาป่า​ไป​ ​ไล่​ล่า​ใน​รัตติกาล​ ​ทุกที่​ที่​ไป​ถึง​ ​ล้วน​คือ​ความตาย

​ไม่รู้​ว่า​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน​เท่าไร​แล้ว​เสียง​เหล่านั้น​ในที่สุด​ก็​หยุด​ลง

​ทุ่งหญ้า​ใน​รัตติกาล​กลับคืน​สู่​ความ​เงียบ​อีกครั้ง

​แต่​ที่​น่าจะ​พูด​ให้​ถูกต้อง​ก็​คือ​วิเวกวังเวง

​ทุ่งหญ้า​ผืน​นั้น​ได้​กลายเป็น​สุสาน​ไป​แล้ว

​ใน​รัศมี​หลาย​ลี้​ ​เต็มไปด้วย​ศพ​ที่​ล้มตาย

​ไม่ว่า​จะ​เป็น​พล​หมาป่า​เผ่า​มาร​หรือ​หมาป่า​กระหายเลือด​ล้วน​ตาย​หมด​ ​ไม่มีใคร​รอด​เลย

​ทุ่งหญ้า​สะท้อน​แสงดาว​ ​รู้สึก​ชื้น​เล็กน้อย

​มิใช่​เทือกเขา​ที่ว่างเปล่า​ ​เหมือนกับ​ฝนตก​ใหม่​อย่างนั้น

​แต่​นั่น​ไม่ใช่​ฝน​ ​กลับเป็น​โลหิต

​สวี​โหย​่ว​หรง​ปัก​ธนูถง​ลง​บน​พื้นดิน

​ธนูถง​ยาว​มาก​ ​ตั้งตรง​แล้ว​สูง​กว่านาง​เสียอีก​ ​ดูแล​้ว​เหมือน​พิณ​ตั้ง​ได้

​ที่จริง​แล้ว​มัน​ไม่ใช่​พิณ​ ​แต่​เป็นต้น​ไม้​ต้นหนึ​่ง

​ทันใดนั้น​เอง​ ​กิ่งไม้​นับไม่ถ้วน​ก็​แตกหน่อ​ออกมา​จาก​ด้านใน​ของ​ธนูถง​ ​เกิด​กิ่งก้าน​ใบ​มากมาย​ ​ปลิว​ล้อ​ไป​ตาม​สายลม

​ลมปราณ​สด​ใหม่​ ​โปรยปราย​ลง​บน​กาย​นาง​และ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ราวกับ​น้ำตก​ ​และ​ตกลง​บน​กาย​ของ​วานร​ดิน​เช่นกัน

​วานร​ดิน​กำลัง​แอบมอง​นาง​ ​มันตก​ใจมาก​ ​หลังจากนั้น​ก็​รู้สึก​ว่า​บาดแผล​นั้น​ดีขึ้น​อย่างรวดเร็ว

​กิ่ง​สีเขียว​เติบโต​ต่อเนื่อง​ ​ไม่นาน​ก็​กลายเป็น​ต้นไม้​ใหญ่

​นี่​คือ​ต้น​อู๋ถง

​ด้านใน​ต้น​อู๋ถง​นี้​มีค่า​ยกล​วังถง

​นาง​ชัก​กระบี่​จำศีล​ออกมา​ ​ก่อน​เดิน​ไป​เคียงข้าง​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​มอง​ไป​ยัง​เทือกเขา​นั้น​ใน​รัตติกาล

​“​อู๋ถง​สามารถ​ต้าน​ได้​แปดสิบ​ลมหายใจ​ ​คิด​สักหน่อย​ว่ายั​งมี​วิธี​อะไร​อีก​”

​ขมับ​ของ​นาง​เปียก​เล็กน้อย​ ​สีหน้า​ของ​นาง​ดู​เหนื่อยล้า​ ​แต่​ดวงตา​ของ​นาง​นิ่ง​สงบ​ ​ราวกับว่า​นาง​ไม่ได้​ทำ​อะไร​เลย

​…​…

​…​…

​ทุ่งหญ้า​อัน​มืด​ดำ​จู่ๆ​ ​ก็​ปรากฏ​ต้น​อู๋ถง​ที่​โดดเดี่ยว​ขึ้น​มา

​กิ่งก้าน​นับ​พัน​ยืด​ขยาย​ล้อมรอบ​กระบี่​ ​บดบัง​เทือกเขา​ใน​รัตติกาล​เอาไว้

​ธนูถง​และ​ลูกธนู​อู๋​ ​เมื่อ​รวม​กับ​แล้วก็​คือ​อู๋ถง​ ​ความเฉลียวฉลาด​และ​ความสามารถ​อัน​ยาก​จะ​จินตนาการ​ได้​ของ​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​ใน​ยุค​ก่อน​ ​นำ​ค่าย​กล​วังถ​งบร​รจุ​เอาไว้​ใน​ธนู​ ​ยิ่ง​ทำให้​แสนยานุภาพ​นั้น​ทบ​เท่า​ทวีคูณ​ ​มี​เพียงศัส​ตรา​วุธ​เยี่ยง​นี้​จึง​จะ​สามารถ​ต้านทาน​การ​โจมตี​ของ​บุคคล​ใน​ตำนาน​เยี่ยง​บรรพต​เยียน​จือ​ได้

​แน่นอน​ ​ต่อให้​เป็นต้น​อู๋ถง​ต้น​นี้​ก็​ไม่​อาจ​ต้านทาน​ได้​ตลอด

​เสียง​ฟ้าร้อง​นับไม่ถ้วน​ดัง​ขึ้น​จาก​ทุ่งหญ้า

​นั่น​คือ​เสียง​ยอดเขา​ที่​หนักอึ้ง​กระแทก​พื้นดิน​ ​คือ​เสียง​ของ​ศิลา​ใต้พิภพ​และ​ดิน​โคลน​ที่​บดขยี้​กัน

​บรรพต​เยียน​จือ​มุ่งหน้า​มายัง​พวกเขา

​แต่​เชื่องช้า​มาก​ ​และ​ไม่มี​ช่องโหว่​เลย​ ​เหมือนกับ​เทือกเขา​ทั้ง​ลูก​เคลื่อนย้าย​มา​ ​ช่างทำ​ให้​คน​รู้สึก​กดดัน​โดยแท้

​ใน​รัตติกาล​ก็​มี​เทือกเขา​อยู่​ลูก​หนึ่ง​ ​แผ่​ลมปราณ​อัน​เก่าแก่​และ​แปรปรวน​ ​หนักอึ้ง​ไร้​ที่​เปรียบ​ ​ทำให้​คน​ใจ​สะท้าน

​ต้น​อู๋ถง​ส่งเสียง​ดัง​ พึ่บพั​่บใบไม้​สีเขียว​กว่า​ร้อย​ใบ​โรยรา​ ​เปลือก​ต้นไม้​โค้ง​งอ​ ​เกิด​เสียง​ กรอบแกรบ ​เหมือนกับ​จะ​หัก​ลง​ได้​ทุกเมื่อ

​กระบี่​กว่า​พัน​เล่ม​ถลา​ตกลง​บน​เทือกเขา​อย่างต่อเนื่อง​ ​มี​เศษ​หิน​โปรยปราย​ ​หลังจากนั้น​ก็​กลายเป็น​แสงสี​น้ำเงิน​กลางอากาศ​ก่อน​สลาย​หาย​ไป

​ขน​ตาของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​กะพริบ​ถี่​ ​เขา​ก้ม​มอง​พื้นดิน​ ​ไม่รู้​ว่า​กำลัง​คิด​สิ่งใด​อยู่

​สวี​โหย​่ว​หรง​ให้​เขา​คิด​วิธี​แก้ปัญหา​ ​หาก​คิดไม่ออก​ ​พวกเขา​อาจ​ต้อง​เสี่ยง​ดู​สักที

​ลักษณะนิสัย​แล้ว​เฉิน​ฉาง​เซิง​ไม่​ชอบ​การ​เสี่ยงอันตราย​ ​แต่​ในเวลานี้​เขา​จ้อง​ไป​ยัง​พื้นดิน​ ​จะ​คิด​วิธี​อะไร​ได้กัน​เล่า

​คง​ไม่​จ้อง​พื้น​จน​บุปผา​บาน​กระมัง

​ที่จริง​แล้ว​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​มอง​บุปผา​อยู่​จริงๆ

​เซียว​จาง​นอน​อยู่​บน​พื้น​ ​สลบ​ไม่ได้​สติ

​กระดาษสี​ขาว​บน​ใบหน้า​ของ​เขา​นั้น​ถูก​ลม​พัด​ปลิว​ ​หยด​โลหิต​บน​นั้น​เปลี่ยนไป​มาต​ลอด​ ​มองดู​แล้ว​เหมือนกัน​ต้น​เหมย​เหลือง​กลาง​สายลม

​บน​กระดาษสี​ขาว​มี​รู​สอง​รู​ ​ตรง​ตำแหน่ง​ดวงตา​ ​จมูก​และ​ปาก​ล้วน​ใช้​พู่กัน​วาด​ออกมา

​ชื่อเสียง​ของฮ​ว่า​เจี่ย​เซียว​จาง​ก็​จาก​ด้วยเหตุนี้

​เซียว​จาง​เหตุใด​ต้อง​ใช้​ ​กระดาษสี​ขาว​ปกปิด​ใบหน้า​ ​นี่​คือ​คำถาม​ที่​ทุกคน​ล้วน​สงสัย

​บางคน​ว่า​หน้า​ของ​เขา​มี​ปาน​ ​อัปลักษณ์​ไม่น่า​ดู​ยิ่ง

​บางคน​ว่า​เขา​เกิด​มาง​ดงา​มนัก​ ​เมื่อ​แตก​หนุ่ม​มัก​ถูก​เข้าใจ​ว่า​เป็น​หญิงสาว​ ​ยัง​มัก​เจอ​เรื่อง​ยุ่งยาก​ใจ​คล้ายๆ​ ​กัน​ ​ดังนั้น​จึง​ปิดบัง​ใบหน้า​ไว้​เสีย

​คำกล่าว​ที่​โด่งดัง​ที่สุด​ ​และ​ได้รับ​การยอ​มรั​บที​่​สุด​ก็​คือ​ ​ใน​ปีนั​้น​เซียว​จาง​เพื่อที่จะ​เอาชนะ​หวังผ​้อ​ ​จึง​ฝืน​บำเพ็ญ​วิชา​มาร​ ​สุดท้าย​ธาตุ​ไฟ​เข้า​แทรก​ ​ได้รับบาดเจ็บ​สาหัส​ ​โดยเฉพาะ​บริเวณ​ใบหน้า​ที่​แทบจะ​เสียโฉม​เลย​ ​ดังนั้น​เขา​จึง​ใช้​กระดาษสี​ขาว​ปกปิด​เอาไว้​เสีย​ ​ว่า​กัน​ว่า​ผู้เฒ่า​ความลับ​สวรรค์​เคย​เอ่ย​ถาม​เขา​ว่า​เหตุใด​จึง​ไม่ใช่​หน้ากาก​ ​หรือไม่ก็​หมวก​งอบ​ก็ได้​ ​เซียว​จาง​เอ่ย​ว่า​ตน​ใช้​กระดาษสี​ขาว​ปิดหน้า​เพียง​เพราะ​ไม่​อยาก​ทำให้​เด็ก​ตกใจ​ ​และ​ก็​ไม่ได้​อาย​ที่จะ​พบปะ​ผู้คน​ ​เหตุใด​ต้อง​ใช้​หน้ากาก​เล่า​ ​ส่วน​หมวก​งอบ​ยิ่ง​ทำให้​ผู้คน​อึดอัด​ใจมา​กก​ว่า

​ตาม​ความเข้าใจ​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ที่​มีต​่อ​เซียว​จาง​แล้ว​ ​เรื่อง​บทสนทนา​ระหว่าง​ผู้เฒ่า​ความลับ​สวรรค์​และ​เซียว​จาง​น่าจะเป็น​เรื่อง​ลวง​โลก​ ​ว่า​กัน​ว่า​แค่​พูด​ไป​อย่างนั้น​เท่านั้น​ ​อย่างนั้น​การ​เอ่ย​เช่นนี้​ก็​อาจจะ​เป็นเรื่อง​จริง​ ​ใบหน้า​ของ​เซียว​จาง​อาจจะ​ไม่ได้​มีบาด​แผล​อะไร​ที่​น่ากลัว​เลย

​อย่างนั้น​ภายใต้​กระดาษสี​ขาว​คือ​อะไร​กัน​แน่

​หลาย​คน​ล้วน​อยาก​ดึง​กระดาษสี​ขาว​ใบ​นี้​ออก​เสีย​ ​แต่​คนที​่​กล้า​ทำ​อย่างนี้​น้อยมาก​ ​และ​คน​เหล่านั้น​ล้วน​ตาย​หมด​แล้ว

​ใน​ตอนนี้​เซียว​จาง​สลบ​ไม่ได้​สติ​ ​อยาก​เห็น​ใบหน้า​ที่แท้​จริง​ของ​เขา​ ​อาจจะ​พูด​ได้​เลย​ว่านี​่​เป็น​โอกาส​ที่​ดีที​่​สุด​เลย​ก็​ว่า​ได้

​นี่​เรียก​ได้​เลย​ว่า​เป็น​อะไร​ที่​ช่าง​ยั่วยวน​เหลือเกิน​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​เอง​ก็​เหมือนว่า​จะ​ไม่​อาจ​ต้านทาน​เรื่อง​น่า​ดึงดูด​นี้​ได้​ ​เขา​ยื่นมือ​ออก​ไป​เตรียม​จะ​ดึง​กระดาษสี​ขาว​นั้น​ออก

​เพียงแต่​ในเวลานี้​ศัตรู​ผู้​แข็งแกร่ง​เผ่า​มาร​อยู่​เบื้องหน้า​ ​แข็งแกร่ง​ดุจ​ภูผา​ ​สถานการณ์​สุ่ม​เสี่ยงอันตราย​ ​เหตุใด​เขา​ถึง​มี​อารมณ์​มาคิ​ดอย​่าง​นี้​เล่า