บทที่ 1241 เหลวไหล

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1241 เหลวไหล!

ไซโกแห่งนี้ มีประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างยาวนานจริงๆ

ซึ่งผ่านการก่อตั้งราชวงศ์มาหลายยุคหลายสมัย อีกทั้งในสมัยโบราณ ที่นี่ยังเป็นที่ราบภาคกลางที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก

และในระหว่างทางที่เส้นหมี่นั่งรถคันนี้เดินทางมา เธอเห็นสิ่งปลูกสร้างที่มีกลิ่นอายโบราณอยู่ข้างนอกหน้าต่าง รอจนพวกเธอมาถึงที่พิพิธภัณฑ์แห่งนั้นแล้ว ก็ยังคงอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างแบบดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

ซึ่งทำให้คนยิ่งรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

“ถึงเรียบร้อยแล้ว พวกเราลงไปเลยมั้ย?”

ตลอดการเดินทาง สุกฤตไม่กล้าพูดอะไรเลย

แน่นอนว่า ก็ไม่กล้าเหลือบมามองทางด้านหลังด้วย

เส้นหมี่ขยะแขยงเป็นที่สุด ไม่ได้สนใจเขา เธอผลักประตูรถออกไปโดยตรง

“แกร๊กแกร๊ก–”

กลับไม่คาดคิดว่า เมื่อเธอลงมาจากรถ กลับเห็นมาตรงประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ยังมีพวกนักข่าวที่ถือกล้องถ่ายรูปอยู่เป็นจำนวนมาก ในเวลานี้กำลังถ่ายรูปทุกคนที่เข้าไปอย่างบ้าพลัง

เส้นหมี่จึงรีบถอยกรูกลับมาทันที

“นี่มันงานเลี้ยงอะไรกันแน่? ทำไมถึงมีนักข่าวเยอะแยะมากมายขนาดนี้? ตาแก่ทศราชคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่?”

“……”

ผ่านไปสักพัก สุกฤตที่ยังคงนั่งตัวแข็งอยู่ด้านหน้า ถึงจะค่อยๆ หันหลังมาอย่างระแวดระวัง

“นี่คืองานเลี้ยงฉลองต้อนรับให้แก่โบราณวัตถุที่พลัดถิ่นอยู่ในต่างแดนชุดแรกของในประเทศ สำนักหอศิลปกรรมให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ตั้งใจเชิญพวกนักข่าวสำนักชื่อดังมาเพื่อรายงานข่าวดีเรื่องนี้ ฉะนั้น ถ้าหากฐานะของพี่ถูกเปิดเผยในโอกาสนี้ ก็จะสร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งประเทศ”

“จากนั้นล่ะ?”

“จากนั้น พี่คงจะยังไม่รู้สินะ ไวท์ พาเลซทางนั้นเพราะจากเรื่องของครั้งก่อน บารมีความน่าเชื่อถือของเตชินทร์ได้หายไปจนหมดสิ้น พวกเขาต้องการรีบที่จะหาผู้นำคนใหม่มาควบคุมสถานการณ์โดยรวมให้เกิดความมั่นคง และการปรากฏตัวของพี่ก็คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย”

สุกฤตบอกทุกอย่างที่ตัวเองรู้ออกมา

กลับไม่คิดว่า เมื่อเขาพูดจบ ผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มด่าทอ: “เหลวไหล! หรือว่าเขาคิดจะให้ฉันไปเป็นอย่างนั้นเหรอ?”

สุกฤตส่ายหน้า: “ไม่ใช่ คือเขาคิดจะให้พี่เป็นผู้หญิงของคนคนนั้น”

“อะไรนะ?”

เส้นหมี่ถูกทำให้ตกใจไปอย่างสิ้นเชิง: “ผู้หญิงของคนคนนั้น?!”

สุกฤตพยักหน้า: “ถูก เพราะว่าเป้าหมายสุดท้ายของเขา ยังคงเป็นอำนาจบรามีของตัวเอง ดังนั้น หลังจากที่พี่กลายเป็นเจ้าหญิงแห่งไวท์ พาเลซแล้วจริงๆ เจ้าชายของพี่ก็จะปรากฏตัว”

“ใคร?”

“แสนรัก!”

ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่า คนคนนี้กลับพูดถึงชื่อที่แสนคุ้นเคยแบบนี้ออกมาในตอนท้าย

แสนรัก?

หูเธอมีปัญหาหรือเปล่า? หรือว่าตัวเขาเองกำลังพูดเหลวไหลอยู่?

พวกเขาคิดจะแย่งชิงอำนาจ หลังจากที่วางแผนการมาต่างๆ นานากลับจะผลักดันแสนรักสามีของเธอขึ้นดำรงตำแหน่ง? นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน? ตอนนี้พวกเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน!

เส้นหมี่ทั้งตกใจทั้งโมโห ไม่ใช่เรื่องแบบนี้เลยสักนิด

แต่เมื่อเธออยากจะถามให้ชัดเจน คนที่ตรงประตูพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ไม่ไกลนัก กลับค้นพบรถคันนี้ของพวกเขา ดังนั้น ก็มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามา

“คุณผู้ชายคุณผู้หญิง ขอถามว่าพวกคุณคือมาร่วมงานเลี้ยงใช่ไหมครับ?”

“……ใช่ค่ะ”

เส้นหมี่จำเป็นต้องพยักหน้า

พนักงานคนนี้เห็นเช่นนั้น ทันใดนั้นก็มีท่าทีกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น

“งั้นรบกวนทั้งสองท่านลงรถครับ พวกเรากำลังเข้าไปในงานกันอยู่ ประมาณสักหกโมงครึ่ง งานเลี้ยงก็จะเริ่มขึ้นแล้วครับ”

เขาเชิญเส้นหมี่ลงจากรถอย่างนอบน้อม

ไม่มีทางเลือก เส้นหมี่ได้เพียงแต่ยกกระโปรงแล้วลงมา

และเมื่อเธอลงมา ด้วยการปรากฏตัวของสีแดงที่เด่นสะดุดตาบนร่างกาย ทันใดนั้น พวกนักข่าวที่อยู่ตรงประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ต่างก็ล้อมกรูกันเข้ามา

“พระเจ้า นั่นแขกจากที่ไหนกัน? ดูสวยงามและสูงศักดิ์มากราวกับราชินีผู้สูงส่ง”

“ใช่ๆ ฐานะคงจะเป็นระดับสูงมาก”

“รีบถ่ายรูปรีบ…….”

ไม่ถึงสองวินาที เส้นหมี่ยังไม่ทันเดินไป เลนส์กล้องเหล่านั้นต่างก็พากันถ่ายเธอขึ้นมา

คราวนี้จึงทำให้แขกตรงประตูทางเข้าทางนั้นที่กำลังเข้าสู่ในงานกันอยู่ต่างไม่พอใจมาก

ช่วยไม่ได้ รูปลักษณ์หน้าตาของเส้นหมี่คือสวยงามมากจริงๆ อีกทั้ง เดิมทีเธอก็คือคนที่มีฐานะสูงส่งคนหนึ่ง บุตรสาวแห่งตระกูลวชิรนันท์ และยังเป็นคุณนายท่านประธานแอมไพร์กรุ๊ปอีกด้วย

ฐานะตัวตนแบบนี้จะไม่ใช่ระดับสูงได้อย่างไร?

เส้นหมี่ย่ำรองเท้าส้นสูงเดินไปอย่างมารยาทงดงาม

สุกฤตเดินตามอยู่ข้างหลัง เดิมทีถ้าตามแผนการคือเขาต้องให้ผู้หญิงคนนี้ควงแขนเดินเข้าไป แบบนี้ พวกเขาถึงจะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของตัวเอง

แต่เวลานี้ เขามองดูเบื้องหลังของผู้หญิงคนนี้

จู่ ๆ กลับรู้สึกละอายแก่ใจขึ้นมา!

เขาไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า และยิ่งไม่กล้าจับมือของเธอ เธอเปรียบดั่งไข่มุกที่พร่างพราวที่สุดเม็ดนั้น เขาคือสุกฤต เขาไม่คู่ควรเลยสักนิด!

ดังนั้นสุดท้ายจนกระทั่งทั้งสองคนเข้าไปในพิพิธภัณฑ์แล้ว

ภายในกล้องถ่ายรูปของพวกนักข่าวเหล่านั้น เขาเป็นเพียงแค่ผู้ติดตามตัวเล็กๆ ก็แค่นั้น

“คุณผู้หญิง คุณมีการ์ดเชิญไหมคะ? พวกเราทางนี้จะต้องลงทะเบียนไว้หน่อยค่ะ”

“……”

“มีมีมี”

สุกฤตรีบเดินเข้าไปแล้วนำการ์ดเชิญนั้นที่ทศราชให้เขาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ออกมา

พนักงานได้รับแล้วพูดว่า: “ที่แท้ก็คือคุณสุกฤต กับคุณเส้นหมี่นี่เอง เชิญเลยค่ะ เชิญค่ะ”

เส้นหมี่: “…….”

เมื่อเข้ามาแล้ว มองเห็นโต๊ะที่ได้จัดเตรียมไว้ในห้องโถงเรียบร้อยแล้ว ยังมีโบราณวัตถุที่ตั้งโชว์อยู่โดยรอบ เส้นหมี่มองหาจุดที่คนน้อยๆ ในที่สุด เธอก็จ้องดูอยู่ที่คนที่ตามมาด้านหลัง

“ที่นายพูดเมื่อสักครู่หมายความว่าอะไรกันแน่? ทำไมสุดท้ายยังพูดถึงแสนรัก?”