ตอนที่ 2372 ดินแดนที่ไม่รู้จัก

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตูม!

วิหารพระเจ้าสมบัติสืบทอดเลิศล้ำนั้นสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมทำให้เกิดแรงสั่นไหวไปถึงดวงดาว

มิติสงครามดึกดำบรรพ์นั้นต้องสั่นสะท้านไปอย่างไม่อาจหยุดยั้ง

อีกสองวิหารพระเจ้าอีกเองก็สั่นสะท้านอย่างไม่อาจต้านทานภายใต้พลังอันนี้!

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้และเต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นต่างสัมผัสถึงคลื่นพลังนี้ได้ในทันที

“เฉียนจี้ มันเรื่องอะไรกัน?” เต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นกล่าวถามขึ้นมา

เฉียนจี้นั้นแสดงสีหน้าเหยเกออกมาอย่างไม่อาจห้าม “ข้าเองก็ไม่ทราบได้ พลังสายนี้มันเหมือนเกิดขึ้นมาจากวิหารพระเจ้าสมบัติสืบทอดเลิศล้ำ หรือว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเย่หยวน?”

เมื่อเต๋าบรรพกาลสายฟ้าและยอดคนทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็เริ่มสงบใจลงได้

ตราบเท่าที่ไม่ใช่ทายาทของตนแล้ว พวกเขาทั้งหลายก็ย่อมจะไม่ตื่นตระหนกใดๆ มากมาย

ส่วนเรื่องความเป็นความตายของเย่หยวนมีหรือที่พวกเขาจะมาสนใจ?

ทางด้านเต๋าบรรพกาลสายฟ้านั้นยิ่งรู้สึกสมน้ำหน้าเสียด้วยซ้ำ!

เจ้าเด็กคนนั้นมันไม่คิดสนหน้าอินทร์หน้าพรหมคิดมาต่อรองกับตัวเขา ย่อมสมควรตาย!

เดิมทีแล้ววันนี้จะเป็นกำหนดการที่เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายได้ออกมาจากการบ่มเพาะ

แต่ไม่มีใครคิดฝันว่าในวินาทีสุดท้ายมันกลับจะเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้นมา

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ได้แต่มองลงไปด้วยใบหน้าซีดขาวก่อนจะขยับตัวหายไปทันที คนอื่นๆ เองได้เห็นก็จึงลงไปตาม

เมื่อพวกเขามาถึงยังวิหารพระเจ้าสมบัติสืบทอดเลิศล้ำนั้นเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาคนอื่นๆ ก็ได้ออกมาจากหอคอยกันสิ้น

ส่วนด้านวิหารพระเจ้าสมบัติสืบทอดเลิศล้ำนั้นมันได้แตกสลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี!

คลื่นพลังรุนแรงของมิติเวลานั้นมันกระจายไปทั่วฟ้าดินจนทำให้เกิดเป็นกระแสลมหมุนวน

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นหน้าซีดขาวกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นตะลึง “นี่มัน… พลิกมิติเวลาโกลาหล! ไม่ดีแล้ว! เย่หยวนอยู่ในอันตรายแล้ว!”

เด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นต่างมึนงงไปตามๆ กันอย่างไม่เข้าใจเรื่องราว

“ช่างเป็นคลื่นพลังที่รุนแรงอะไรเช่นนี้! ไม่นึกเลยว่าในวิหารพระเจ้าสมบัติสืบทอดเลิศล้ำมันกลับจะมีพลังของแนวคิดแห่งมิติเวลา!”

“เย่หยวนนั้นคงอยู่ในวิหารพระเจ้านี้ใช่ไหม? พลังรุนแรงเช่นนี้ อย่าบอกนะว่ามันตายลงไปแล้ว?”

“หึๆ ตายไปได้ก็ดี! นี่มันคงเป็นการลงโทษจากเต๋าสวรรค์แก่เจ้าเด็กชะตาไร้คาดเดาคนนี้!” ยูถันจื่อนั้นร้องกล่าวขึ้นมาเมื่อได้เห็น

“เช่นนั้น! เจ้าเด็กนี่มันสังหารข้าไม่ให้ข้าได้ติดสิบเอ็ดอันดับแรก สมน้ำหน้ามัน!” อีกเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นตาม

เขานั้นถูกเย่หยวนสังหารลงและไม่ได้รับสิบยอดสมบัติสืบทอดและได้รับไปเพียงแค่สมบัติสืบทอดทั่วไป

สมบัติสืบทอดนั้นมันสุดแสนธรรมดา สำหรับเขาแล้วมันย่อมจะไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมาย ทำให้แทบต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ

เพราะฉะนั้นความเกลียดชังต่อเย่หยวนมันจึงถึงขั้นหวังให้อีกฝ่ายตายๆ ลงไปเสีย

เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะกลายเป็นจริงง่ายๆ เช่นนี้!

คนอื่นๆ เองก็ยิ้มกว้างกันออกมาอย่างสุขใจ

“หุบปาก! ใครพูดอะไรออกมาอีกจักรพรรดิผู้นี้จะทำให้เจ้าเสียใจที่ได้เกิดขึ้นมาบนโลกหล้า!” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ที่กำลังกังวลใจนั้นหันมาร้องด่าด้วยสีหน้าสุดแสนเย็นเยือก

เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นต่างเงียบปากลงในทันทีที่ได้ยิน เพราะพวกเขามั่นใจเลยว่าหากยังพูดจาไร้สาระต่อไปนั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้คงทำให้พวกเขาไม่อาจพูดได้อีกเป็นแน่

ส่วนอีกด้านนั้นมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งกำลังค่อยๆ ก้าวออกมาจากพายุมิติเวลานั้น แน่นอนว่าย่อมเป็นซ่างเหิงแล้ว

เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้รวมไปถึงเต๋าบรรพกาลสายฟ้าได้เห็นซ่างเหิง พวกเขาต่างก้มหัวลงคารวะอีกฝ่ายทันที

“ผู้อาวุโส! เย่หยวนเขา…”

เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายต้องอ้าปากค้างอย่างหวาดกลัว!

นี่มันใครกัน? ทำไมคนทั้งสองนี้จึงแสดงท่าทีเคารพปานนี้?

เพราะว่าหนึ่งในคนที่ก้มหัวนี้เป็นถึงตัวเต๋าบรรพกาล!

ซ่างเหิงนั้นรับการคารวะก่อนจะตอบกลับมาพร้อมถอนหายใจ “เด็กคนนั้นมันถูกกลืนลงไปในกระแสห้วงมิติเวลา!”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นหน้าถอดสี “ผู้อาวุโส มัน… มันเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่?”

ตั้งแต่ได้เห็นเย่หยวนครั้งแรก จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ก็ตั้งเขาให้เป็นความหวังของเผ่ามนุษย์มาตลอด

แต่เวลานี้ความหวังมันกลับจางหายไปในกระแสห้วงมิติเวลา ไม่อาจจะกลับมาได้อีก!

ไม่ว่าจะอย่างไรเสียซ่างเหิงนั้นก็ได้ส่งตัวเทียนชิงหายเข้าไปในกระแสห้วงมิติเวลาเช่นกัน

แม้แต่ตัวตนในระดับนั้นยังไม่อาจจะหนีออกมาได้ มีหรือที่เย่หยวนจะกลับมาได้?

ซ่างเหิงนั้นได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา “ข้าก็ไม่ทราบได้! ดูเหมือนว่าเขานั้นจะกำลังบรรลุอะไรสักอย่างได้ในช่วงสุดท้าย แต่ในเวลานั้นมันกลับเกิดคลื่นพลังบ้าคลั่งขึ้นมาในกระแสวนมิติเวลากลืนตัวเขาลงไปในกระแสห้วงมิติเวลาอย่างที่พวกเจ้าได้เห็นนี้!”

จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นรู้สึกแทบหมดแรงลง พลิกมิติเวลาโกลาหลนั้นมันเป็นวิชาของตัวซ่างเหิงเอง แต่แม้เขานี้ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น?

เวลานี้เมื่อเย่หยวนถูกกลืนหายไปแล้ว มันจะไม่เป็นการตัดความหวังของเผ่ามนุษย์ไปสิ้นหรือ?

“เช่นนั้น… เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรกันดี?” อีกเสียงหนึ่งของยอดคนที่คิดได้ไม่ต่างจากเฉียนจี้ร้องถามขึ้นมาด้วยใบหน้าสิ้นหวัง

ซ่างเหิงนั้นยิ้มตอบกลับมาด้วยใบหน้าหนักใจ “ช่างมันก่อนเถอะ แม้แต่บรรพกาลผู้นี้ตอนที่สมบูรณ์พร้อมก็ยังไม่อาจจะดึงคนกลับมาจากกระแสมิติเวลาได้ เวลานี้… เราคงได้แต่รอให้มันมีปาฏิหาริย์! อ่า จริงด้วย ปกป้องร่างกายของเขาไว้ให้ดี หวังว่ามันจะยังไม่ถึงเวลาตาย!”

เย่หยวนที่ถูกดูดเข้าไปในกระแสห้วงมิติเวลานั้นมันคือร่างแยกของเขาพร้อมๆ กันจิตสำนึกที่หายไป

หากเขาไม่อาจกลับมาได้จริง ร่างของเขามันก็คงได้กลายเป็นศพไร้เจ้าของไป

ตรงหน้านั้นมันคือภูเขาเขียวชอุ่มพรั่งไปด้วยพลังงานธรรมชาติ

เย่หยวนนั้นเดินมองดูรอบๆ อย่างไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด

ก่อนหน้านี้เขานั้นได้ถูกกลืนเข้ากระแสมิติเวลา สิ่งที่เขาได้เห็นคือภาพทิวทัศน์ตรงหน้ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลไม่มีหยุด

จนสุดท้ายเขาก็ได้มาหยุดลงยังที่แห่งนี้

เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะกล่าวขึ้นมา “พลิกมิติเวลาโกลาหล ข้านั้น… ถูกส่งมายังแถบแม่น้ำคงคา? แต่มันที่ไหนกันแน่? มันดูอุดมสมบูรณ์เหลือเกิน แต่ข้าจะกลับไปอย่างไรกัน? เวลานี้ทั้งผู้อาวุโสเฉียนจี้ทั้งผู้อาวุโสซ่างเหิงก็คงตระหนกกันมากแล้ว”

เกิดคำถามมากมายขึ้นมาในใจของเย่หยวน

ตอนที่เขาถูกดูดลงมาในพลิกมิติเวลาโกลาหลนี้เขาได้ยินเสียงของซ่างเหิงร้องบอกว่ามันคือพลังของพลิกมิติเวลาโกลาหล

แล้วเจ้าพลิกมิติเวลาโกลาหลนั้นมันก็คือวิชาสุดยอดของซ่างเหิงนั้นมิใช่หรือ?

การที่เขาบ่มเพาะแนวคิดแห่งมิติเวลานั้นมันกลับไปส่งแรงสะท้อนต่อกระแสวนมิติเวลาจนทำให้เกิดคลื่นพลังรุนแรงกลับมาเป็นพลิกมิติเวลาโกลาหลได้อีกครั้ง!

มันหมายความว่าตัวเขานี้ได้ขับไล่ตัวเองออกมาจากโลกหล้า!

เย่หยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ “ข้าเกรงว่าคนที่ขับไล่ตัวเองออกมาเช่นนี้มันคงมีแค่ข้าแล้ว?”

เขานั้นคิดจะสร้างแนวคิดแห่งมิติเวลาของตนเองขึ้นมาแต่ไม่นึกฝันว่ามันจะกลับสร้างพลังรุนแรงจนตัวเขาถูกตัวเองเนรเทศเช่นนี้

เรื่องราวเช่นนี้มันโง่เง่าไม่ว่าจะดูจากมุมไหน

“ช่างเถอะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอลองดูเสียหน่อยแล้วกัน! ขอดูก่อนเถอะว่าที่นี่มันที่ไหนกันแน่” เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างไม่มีทางเลือกอื่น

เย่หยวนนั้นเดินไปทั่วและได้พบว่าบนเขานี้มันมีพลังปิดกั้นมากมายตั้งอยู่ แต่สำหรับเขาผู้มีพลังต้นกำเนิดค่ายกลระดับสองนั้นมันย่อมจะไม่เป็นปัญหาใด

ที่แห่งนี้มันเหมือนเป็นช่องเขาแต่กลับไม่มีรอยเท้าของผู้คน

เย่หยวนนั้นได้พบว่าพลังงานวิญญาณในที่แห่งนี้มันเหนือล้ำกว่าโลกของเขาเสียอีก

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้เดินตามรอยพลังงานวิญญาณมุ่งหน้าไปยังจุดที่พลังงานหนาแน่นที่สุด

ที่แห่งนั้นมันคงเป็นที่ที่ประตูผ่านช่องเขาตั้งอยู่

ด้วยความเร็วของเย่หยวนนั้นไม่นานเขาก็ขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุดของยอดเขา

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังรุนแรงหลายสาย

เมื่อเขาก้าวออกมาผ่านประตูช่องเขาเขาก็ได้พบภาพอันน่าตกตะลึงตรงหน้า

ตรงหน้าประตูช่องเขานั้นมันมีคนนับหมื่นกำลังก้มกราบลงด้วยร่างกายสั่นเทา

เบื้องหน้าของพวกเขานั้นมันมีเงาร่างของผู้คนที่ยืนล้ำอย่างเหนือหัว

ข้างๆ เงาร่างทั้งหลายนั้นมันมีศพนอนเกลื่อนพื้น!

ปัง!

คลื่นพลังงานรุนแรงพุ่งผ่านทำลายร่างของเด็กหนุ่มคนนี้ลงอย่างไม่เหลือซาก

เมื่อเย่หยวนได้เห็นภาพตรงหน้านี้ดวงตาของเขาก็ต้องหรี่แคบ!

“เผ่าเทวา!”

……………….