ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1315 แสงดาวสมควรตาย!
“สาวญี่ปุ่นคนนั้น ฉันรู้สึกว่าเธอมีใจคิดไม่ซื่อ ให้คณาธิปส่งเธอกลับญี่ปุ่นไปเถอะ เห็นแล้วว้าวุ่นใจ” เธอพูดการตัดสินใจออกมาอย่างเด็ดขาด
ตระกูลหิรัญชาไม่ได้มีภาพจำที่ดีต่ออากิโกะ นากาจิมะคนนี้เลย
ก่อนหน้านี้ที่คณาธิปให้เธอเข้ามาที่หิรัญชากรุ๊ป เดิมทีก็ไม่ได้ยินยอม แต่เพราะคณาธิปเอ่ยปากขอ เธอถึงยอมให้อยู่
แต่หากตอนนี้ต้องเลือกระหว่างเชียนหยวนล๋ายเย่กับอากิโกะ นากาจิมะ แน่นอนว่าย่อมต้องเลือกเชียนหยวนล๋ายเย่อยู่แล้ว
แสงดาวตัดสินใจได้เช่นนี้ก็สามารถไปนอนได้อย่างสบายใจ
—
วันต่อมา
ตึกหิรัญชากรุ๊ป
คณาธิปเพิ่งไปทำงาน เฟอร์รารี่สีแดงก็มาจอดที่ชั้นล่าง
ผู้คนในอาคารต่างประหลาดใจเมื่อเห็น
รถคันนี้เป็นของคุณหนูไม่ใช่เหรอ? คิดไม่ถึงว่าวันนี้เธอจะว่างมาที่บริษัท?
ทุกคนมองไปทางรถคนนี้ด้วยความสงสัย
กลับพบว่าหลังจากรถหยุดที่ประตู ไม่นานประตูรถก็เปิดออก หญิงสาวสวยในสุดฮอตเดินออกมา นี่คือแสงดาวคุณหนูตระกูลหิรัญชา!
ทุกคนประหลาดใจทันที
คุณหนูแต่งงานมีลูกแล้ว แต่ก็ยังหุ่นดี
แต่เมื่อพวกเขาคิดว่ามีแค่ผู้หญิงคนนี้มา กลับพบว่าประตูด้านหลังก็ถูกเปิดออกเช่นกัน จากนั้น หญิงสาวในชุดกระโปรงเจ้าหญิงสีม่วง ผมหยักศกหนายาวถึงเอว และยังสวมหมวกเบเร่ต์สีขาวครีมก็ลงมาจากรถเช่นกัน
พระเจ้า!
นี่ใครอีกล่ะ? ดูหวาน น่ารัก สูงศักดิ์มาก
ทุกคนมองหญิงสาวด้วยความตกใจ
แสงดาวไม่สนใจ
หลังจากที่เธอปิดประตูรถ เธอก็จูงมือหญิงสาวตัวเล็กด้านข้างแล้วก้าวเท้าที่สวมรองเท้าส้นเข็มเข้ามา
“คุณหนู มาแล้วเหรอคะ”
“อืม”
“คุณหนู อรุณสวัสดิ์คะ ท่านนี้คือ?”
ในที่สุดก็มีคนที่ทนความอยากรู้ไม่ไหวถามขึ้น
ยังไงซะพวกเขาก็พบว่าช่วงนี้นิสัยของคุณหนูคนนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าพอได้ยินพวกเขาถามถึงหญิงสาวตัวน้อยน่ารักข้างๆ แสงดาวก็เหลือบมองเธอและแนะนำเธออย่างสง่างามว่า “เธอเหรอ ว่าที่ภรรยาในอนาคตของประธานพวกเธอไง”
“โห–”
ฮือฮากันทั้งตึก
ใบหน้าเล็กของเชียนหยวนล๋ายเย่แดงขึ้น จนถึงลิฟต์เธออายจนไม่กล้าเงยหน้า
“พี่สาวคะ พี่ทำแบบนี้…ไม่ค่อยดี…”
“ทำไมถึงไม่ค่อยดีล่ะ? หนูเย่ เธอไม่อยากแต่งงานกับน้องชายฉันแล้วเหรอ?”
แสงดาวถามกลับทันที
ใบหน้ากลมๆน่ารักก็ก้มหน้าต่ำลงไปอีก
“ไม่…ไม่ใช่ค่ะ…” เธอขี้อาย เธอไม่มีทางที่จะต่อกรกับพี่สาวที่มีนิสัยใจกว้างเช่นนี้ได้
ไม่กี่นาทีต่อมา ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงห้องทำงานประธาน
แน่นอนว่าคณาธิปเห็นทั้งสองคนมาอย่างกะทันหันก็ทนไม่ไหว เขาที่นั่งตรงโต๊ะทำงานตัวนั้น ในมือทิ้งปากกาที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ
“พี่ว่ายังไงนะ? ให้เธอมาเป็นเลขาผม”
“ใช่ หนูเย่ตกลงแล้ว ฉันจะบอกนายให้ว่าอย่ามองว่าเธออายุน้อย เธอก็ได้เรียนรู้อะไรตั้งมากมายจากตระกูลคิววาย การจัดการการเงิน นิติศาสตร์ สถาปัตยกรรม…”
“อ้อจริงสิ เธอยังสามารถเล่นไวโอลินได้ ทำอาหารเก่งอีกด้วย อย่าดูถูกเธอนะ คุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างพวกเธอล้วนได้รับการศึกษาอย่างดีที่สุด และยังสอนถึงที่บ้านด้วย”
แสงดาวบรรยายข้อดีทั้งหมดของสาวน้อยที่พามาด้วยราวกับรู้เรื่องทุกอย่าง
จริงๆแล้วเชียนหยวนล๋ายเย่ก็โดดเด่นมากจริงๆ
แม้ว่าเธอจะเพิ่งบรรลุนิติภาวะ แต่เธอก็จบปริญญาโทด้านการจัดการทางการเงินแล้ว
อีกทั้งทางด้านนิติศาสตร์และสถาปัตย์ของเธอก็สอบยังผ่านการประเมินมีวิชาชีพเฉพาะแล้ว นี่เป็นระดับการศึกษาที่สูงมากในญี่ปุ่นแล้ว ส่วนการทำอาหารและไวโอลิน นั่นเป็นวิชาบังคับสำหรับหญิงสาวสูงศักดิ์
ยังไงซะหลังจากที่ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นแต่งงานแล้วก็จะดูแลบ้านเป็นหลัก
คณาธิปได้ฟังก็อึ้งไปหลายวินาที
หญิงสาวคนนี้ก็เก่งเรื่องการเงิน?
ในที่สุดเขาก็มองเธอ เพียงครู่เดียวพอเธอสบตาเขาที่มองมาด้วยความเขินอาย ตรงหน้าเขา ในสมองก็ปรากฏภาพเงาที่ตราตรึงในใจมานาน
ราวกับว่าตัวเธอได้ปรากฏขึ้น
คล้ายกันมากจริงๆ
“อากิยามะ–”
ขณะที่ทั้งสามคนยังอยู่ในห้องทำงาน จู่ๆประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก จากนั้นผู้หญิงคนหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามา
อากิโกะ นากาจิมะ?
แสงดาวเห็น ใบหน้าที่สวยงามก็เคร่งขรึมขึ้นทันที
“เธอมาทำอะไร? ไม่เห็นหรือว่าพวกเรากำลังคุยกันอยู่? กฎแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ!”
“ฉัน…”
ตอนนี้มีหน้าของอากิโกะ นากาจิมะซีดเผือด สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เพราะเมื่อกี้เธอได้ข่าวจากชั้นล่างว่าตำแหน่งของเธอจะถูกแทนที่ และคนคนนี้คือเชียนหยวนล๋ายเย่ที่คุณหนูคนนี้พามา
“ว่าไง?”
สุดท้ายคณาธิปก็ไว้หน้าเธอ มองไปทางเธอ
อากิโกะ นากาจิมะเห็นดังนั้นก็ทนไม่ไหว ดวงตาของเธอแดงก่ำ “อากิยามะ ฉัน…ฉันเพิ่งได้ยินจากชั้นล่างมาว่า เชียนหยวน ฮอนจะมาเป็นเลขาของคุณ แล้วฉัน…”
“เธอก็ต้องกลับญี่ปุ่นสิ อากิโกะ นากาจิมะ เธออยู่ในหิรัญชากรุ๊ปมานานแล้ว ครอบครัวเธอก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันคิดว่าเธอกลับญี่ปุ่นจะพัฒนาได้ดีกว่า”
คณาธิปไม่ได้พูดอะไร
แสงดาวได้ชิงพูดก่อน โดยเสนอให้ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นคนนี้กลับไป
หลังจากพูดจบ เลือดทั้งหมดของอากิโกะ นากาจิมะก็หายไป
ดวงตาที่มองไปยังคุณหนูตระกูลหิรัญชาคนนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างมาก แม้กระทั่งสุดท้ายก็มีร่องรอยของเจตนาที่จะฆ่า