นับตั้งแต่มาเยือนโลกแห่งเทพ เสี่ยวโพธิ์ก็เข้าสู่สภาวะจำศีลมานานและเพิ่งที่จะมีโอกาสออกมาเมื่อไม่นานมานี้
ในฐานะหนึ่งในราชาพฤกษา เสี่ยวโพธิ์มีพลังในการฟื้นคืนชีพให้กับพืชพรรณที่ตายไปแล้วและเรียกได้ว่ามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพฤกษามากที่สุด
ฉินอวี้โม่ไม่สามารถสื่อสารกับบุปผาหรือต้นไม้รอบตัวได้แม้แต่น้อย เพราะเหตุนั้น นางจึงต้องการใช้เสี่ยวโพธิ์เพื่อเป็นตัวกลางในการสื่อสารกับพวกมัน
“มีเรื่องอะไรหรือนายหญิง ?”
ร่างมนุษย์ของเสี่ยวโพธิ์คือเด็กชายอายุประมาณสิบสองถึงสิบสามปีซึ่งดูใสซื่อไร้เดียงสาและน่ารักน่าชังเป็นที่สุด เพียงปรากฏตัว ร่างของมันก็แผ่กลิ่นอายความมีชีวิตชีวาซึ่งดึงดูดความสนใจได้อย่างง่ายดาย
เมื่อพบหน้าฉินอวี้โม่ เสี่ยวโพธิ์ก็แสดงท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาทันที มันไม่ได้พบกับฉินอวี้โม่มานานและแอบคิดน้อยใจไปว่าผู้เป็นนายไม่เห็นค่าของตนอีกต่อไป
“เสี่ยวโพธิ์ ตอนนี้ข้ากำลังศึกษาเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน จ้าวนิกายว่านอู๋เริ่นสามารถเปลี่ยนบุปผา พืชพรรณหรือแม้กระทั่งก้อนหินรอบตัวให้กลายเป็นกระบี่แหลมคมได้ ทว่าข้ายังทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเหตุนั้น การที่ข้าเรียกเจ้าออกมาก็เพื่อที่จะหารือกับเจ้าในเรื่องนี้”
ฉินอวี้โม่เปิดเผยจุดประสงค์ที่เรียกเสี่ยวโพธิ์ออกมาอย่างตรงไปตรงมาและไม่คิดปิดบังสิ่งใดจากมัน
“โอ้ เช่นนั้นเองหรือ”
เสี่ยวโพธิ์ดูไม่แปลกใจแต่อย่างใด สำหรับการที่ฉินอวี้โม่กำลังศึกษาเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน แน่นอนว่ามันและอสูรมายาตัวอื่น ๆ ย่อมทราบดี
“นายหญิง รอประเดี๋ยว ข้าจะเรียกบุปผาแห่งความมืด บุปผาแห่งแสงและบุปผากินคนออกมา”
เสี่ยวโพธิ์ยิ้มให้กับฉินอวี้โม่ก่อนส่งกระแสจิตเรียกอสูรพฤกษาตัวอื่น ๆ ออกมา
“หึ ! ตอนนี้นายหญิงสนใจแต่ลูกพี่ซิวและพี่มารยาจนลืมอสูรตัวน้อย ๆ อย่างพวกเราไปแล้ว”
ร่างของเด็กสาวสองคนและเด็กชายหนึ่งคนเดินจับมือกันตรงเข้ามา ทั้งสามดูมีอายุเพียงเจ็ดถึงแปดปีเท่านั้น ทว่าพวกเขาก็ล้วนมีกลิ่นอายที่แตกต่างกันไปซึ่งชวนให้หลงใหลไปคนละแบบ
ประโยคเมื่อครู่ดังมาจากเด็กสาวที่ดูจ้ำม่ำเล็กน้อยซึ่งก็คือบุปผากินคน ร่างมนุษย์ของมันดูจะเป็นเด็กสาวที่มีนิสัยร่าเริงและมักสวมอาภรณ์สีสว่างสดใสเป็นประจำ เวลานี้มันก็สวมชุดยาวสีแดงสดซึ่งดูราวกับเป็นเปลวเพลิงลุกโชนและดึงดูดทุกสายตาได้อย่างง่ายดาย
ด้านข้างบุปผากินคนคือเด็กสาวร่างผอมในชุดสีดำสนิทซึ่งก็คือบุปผาแห่งความมืด อันที่จริง ร่างมนุษย์ของบุปผาแห่งความมืดก็ดูคล้ายคลึงกับบุปผาแห่งแสงมากถึงเจ็ดในสิบส่วน เพียงแต่ตนหนึ่งเป็นเด็กหญิงและอีกตนเป็นเด็กชายเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าในอดีตบุปผาแห่งความมืดจะได้รับอิทธิพลจากสมาชิกของฝ่ายมารมามากทีเดียว แม้กลายเป็นอสูรพันธสัญญาของฉินอวี้โม่แล้ว มันก็ยังดูเฉยชาและห่างเหินอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ทราบดีว่ามันเย็นชาเพียงภายนอกเท่านั้นและแท้จริงแล้วหัวใจข้างในของมันอบอุ่นไม่ต่างจากเด็กสาวธรรมดาทั่วไป
สำหรับบุปผาแห่งแสง เวลานี้มันกลายเป็นเด็กชายที่ดูแข็งแรงและมีหน้าตาน่ารัก อีกทั้งผิวพรรณของมันก็ขาวนวลและดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
เวลานี้ เด็กชายตัวน้อยเบิกตากว้างและกล่าวเสริมอย่างเห็นด้วยกับวาจาของบุปผากินคน
“นายหญิงใจร้ายที่สุด หากมิใช่เพราะต้องการฝึกฝนเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืน ท่านก็คงจะลืมพวกเราไปแล้วแน่ ๆ”
ฉินอวี้โม่ก้าวออกไปข้างหน้าและจิ้มแก้มอสูรพฤกษาในร่างมนุษย์ทั้งสามด้วยความเอ็นดู
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า ? ข้าเพียงแต่มีเรื่องต้องจัดการมากมายเท่านั้นและพวกเจ้าเองก็มักจะเก็บตัวจำศีลอยู่บ่อยครั้ง พวกเราจึงไม่มีโอกาสได้พบกัน ข้าจะลืมพวกเจ้าไปได้อย่างไร ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวแก้ตัวออกไป นางและอสูรมายาไม่มีโอกาสพูดคุยอย่างเป็นกันเองมาเป็นเวลานานมากแล้ว
คราก่อนที่เดินทางไปทำภารกิจในหมู่บ้านกล้วยไม้เมฆา ฉินอวี้โม่ก็พอจะมีเวลาว่างอยู่ช่วงหนึ่ง ทว่าในตอนนั้น บุปผากินคนและอสูรอื่น ๆ กำลังอยู่ในช่วงจำศีลพอดิบพอดี เพราะเหตุนั้น ตอนนี้จึงถือเป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับอสูรเหล่านี้นับตั้งแต่เดินทางมายังโลกแห่งเทพ
ฉินอวี้โม่เคยเห็นร่างมนุษย์ของบุปผากินคนมาก่อน ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับร่างมนุษย์ที่เติบโตขึ้นมาของบุปผาแห่งแสงและบุปผาแห่งความมืด คิดไม่ถึงเลยว่าร่างมนุษย์ของอสูรพฤกษาทั้งสองจะดูคล้ายกันราวกับฝาแฝด ซึ่งดูไม่ต่างจากเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่
“นั่นก็จริง ทว่าต่อไปพวกเราไม่ต้องจำศีลเป็นเวลานานอีกแล้ว นายหญิงจะต้องสนใจพวกเราให้มาก ๆ อย่าสนใจแค่ลูกพี่ซิวและพี่มารยาอีก ตอนนี้พวกเราสามารถฝึกฝนและช่วยเหลือนายหญิงได้ทุกเมื่อ ไว้วางใจพวกเราได้เลย !”
บุปผาแห่งแสงโบกกำปั้นไปมาและกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง หลังจากการจำศีลเป็นเวลานาน พลังในปัจจุบันของพวกมันก็ไม่ด้อยไปกว่าซิวหรือมารยามากนัก นอกจากนี้ เดิมทีพวกมันก็มีสถานะเป็นราชาพฤกษา แม้มีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งที่อยู่ในระดับทั่วไป ทว่าความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันก็แกร่งกล้าจนอสูรพฤกษาทั่วไปมิอาจเทียบชั้นได้
บุปผาแห่งความมืดไม่ได้กล่าวสิ่งใดและเพียงมองฉินอวี้โม่อย่างเงียบ ๆ อย่างไรก็ตาม ความต้องการของมันก็ชัดเจนเช่นกันนั่นคือต้องการให้ผู้เป็นนายสนใจพวกตนมากขึ้นในอนาคตและไม่ลืมเลือนหรือมองข้ามพวกมันอีกต่อไป
“เอาล่ะ เอาล่ะ ตอนนี้มาพูดคุยเรื่องสำคัญกันก่อนเถอะ นายหญิงกำลังเรียนรู้เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนทว่าไม่สามารถเปลี่ยนบุปผาหรือพืชพรรณพฤกษาใด ๆ ให้กลายเป็นกระบี่และใช้พวกมันเป็นอาวุธโจมตีคู่ต่อสู้ได้ พวกเราต้องระดมความคิดกันว่าจะช่วยนายหญิงกันอย่างไร”
เสี่ยวโพธิ์ต้องการให้สถานการณ์สงบลง มันจึงกล่าวแทรกขึ้นพร้อมกับโบกมือให้กับอสูรพฤกษาอื่น ๆ เพื่อให้พวกมันเงียบลงก่อนที่จะอธิบายถึงจุดประสงค์ในวันนี้
“เปลี่ยนบุปผาและต้นไม้ให้กลายเป็นคมกระบี่รึ ? หมายถึงแบบนี้หรือ ?”
บุปผากินคนเท้าคางพลางไตร่ตรองครู่หนึ่ง จู่ ๆ ร่างของมันก็เปลี่ยนไปและกลายเป็นกระบี่เล่มยาวส่องประกายสีแดงสดที่ลอยกลางอากาศตรงหน้าฉินอวี้โม่
“ข้าก็ทำได้เช่นกัน”
บุปผาแห่งแสงไม่ยอมน้อยหน้าและเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่เล่มยาวที่ส่องประกายแสงสีทองซึ่งดูมีสง่าราศีมาก
บุปผาแห่งความมืดก็กลอกตาไปมาเล็กน้อยขณะมองสหายทั้งสองด้วยสายตาที่ราวกับกำลังมองคนโง่เง่าเบาปัญญา
“กลับคืนร่างมนุษย์ก่อนเถอะ”
ฉินอวี้โม่โบกมือและกล่าวเพื่อให้อสูรพฤกษาทั้งสองกลับคืนร่างมนุษย์เช่นเดิม
“ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าเปลี่ยนกลายเป็นอาวุธของข้า ทว่าบุปผาและต้นไม้ในโลกภายนอกมีพลังชีวิตเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้นและการที่ข้าจะเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นอาวุธแหลมคมยังห่างไกลไปอีกมาก ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากบุปผาและพืชพรรณ ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ก็สามารถเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ของข้าได้ทั้งสิ้น มีเพียงการบรรลุสิ่งนี้เท่านั้นที่ข้าจะสามารถทำความเข้าใจเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนได้”
ฉินอวี้โม่อธิบายกับอสูรพฤกษาทั้งสองที่ทรงพลังขึ้นจากเดิมมาก เดิมทีพวกมันเป็นเพียงอสูรพฤกษาเท่านั้น ทว่าตอนนี้การที่เปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ยาวได้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง
ต้องกล่าวเลยว่าหนึ่งในทักษะยุทธ์ของฉินอวี้โม่คืออสูรเสริมร่างซึ่งเป็นการเปลี่ยนอสูรมายาของนางให้กลายเป็นเกราะที่สวมทั่วร่างกาย ในอดีต นอกเหนือจากซิว เสี่ยวเฮยและอสูรมายาเพียงไม่กี่ตัว อสูรอื่น ๆ ไม่สามารถใช้อสูรเสริมร่างได้
ทว่าในภายภาคหน้า อย่างน้อยที่สุด อสูรพฤกษาทั้งสามตรงหน้าก็จะสามารถเปลี่ยนกลายเป็นเกราะและต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนางได้อย่างแน่นอน
“ข้าจะลองไปถามดู”
ความสามารถในการบงการของบุปผากินคนมักจะอยู่ในระดับสูงมาเสมอ มันกล่าวกับฉินอวี้โม่เพียงสั้น ๆ และตรงเข้าไปสื่อสารกับบุปผาและพืชพรรณรอบบริเวณอย่างรวดเร็ว
บุปผาแห่งแสงและบุปผาแห่งความมืดก็ไม่รีบร้อนขณะเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ เพื่อดูว่าสหายจะได้คำตอบที่เป็นประโยชน์มาหรือไม่
หลังจากรอเวลาครู่ใหญ่ บุปผากินคนก็กลับมาอีกครั้ง
“นายหญิง พวกมันบอกว่าพลังของท่านทำให้พวกมันหวาดหวั่น พวกมันจึงต้องการอยู่ห่างจากท่านให้มากที่สุดและไม่ต้องการที่จะเข้าใกล้ท่าน”
เมื่อครู่มันเอ่ยถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่ายังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าเหตุใดพืชพรรณเหล่านั้นจึงไม่เปลี่ยนกลายเป็นอาวุธแหลมคมของฉินอวี้โม่
“นายหญิง หรือท่านจะไปยังที่ที่ว่านอู๋เริ่นควบคุมทุกสรรพสิ่งรอบตัวก่อนหน้านี้และถามจากพืชพรรณเหล่านั้นที่เคยเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ เราอาจจะได้คำตอบที่เป็นประโยชน์ก็เป็นได้”
หลังจากนิ่งเงียบครู่หนึ่ง เสี่ยวโพธิ์ก็กล่าวเสนอขึ้นมา
ฉินอวี้โม่ยังไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้มาก่อน ทว่าหลังจากได้ยินความคิดของเสี่ยวโพธิ์ นางก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วและก้าวออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวทันที