ฉินอวี้โม่ เถาเซี่ยวเซี่ยวและพี่ชายฝาแฝดของนางพูดคุยกันในลานกว้างเป็นช่วงเวลานาน แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นบทสนทนาระหว่างฉินอวี้โม่และว่านหลิวอวิ๋นโดยมีว่านหลิวชางเอ่ยขึ้นเป็นครั้งคราวในขณะที่เถาเซี่ยวเซี่ยวเพียงนั่งฟังอย่างเงียบ ๆ เนื่องจากยังไม่เคยศึกษาเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนมาก่อน นางจึงไม่มีสิ่งใดแบ่งปันกับคนเหล่านี้
หลังจากที่ทั้งสามแบ่งปันข้อสงสัยของตนและแสดงความต้องการที่จะดวลฝีมือเพื่อศึกษาจากกันและกันในอนาคต ว่านหลิวอวิ๋นและว่านหลิวชางก็กล่าวอำลาและจากไป
เมื่อสองฝาแฝดกลับไป ฉินอวี้โม่ก็ก้าวเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวพร้อมกับเถาเซี่ยวเซี่ยว เด็กสาวช่างจ้อใช้เวลาท่องไปทั่วคฤหาสน์เฟิงหัวที่กว้างใหญ่ภายใต้การนำทางของเสี่ยวเฮยและอสูรอื่น ๆ ในขณะที่ฉินอวี้โม่ ซิวและมารยาจับกลุ่มรวมกันในพื้นที่เปิดโล่งแห่งหนึ่ง ในเวลานี้ หนึ่งมนุษย์และสองอสูรมายากำลังประมือกันเพื่อพยายามทำความเข้าใจเคล็ดวิชาที่ลึกลับนี้
“เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนนั่นลึกลับจริง ๆ ว่านอู๋เริ่นคู่ควรแก่ตำแหน่งจ้าวนิกายหมื่นกระบี่โดยแท้ พลังของเขาแกร่งกล้ากว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก”
ในขณะที่ประมือกับฉินอวี้โม่ ซิวก็ถอนหายใจยาวและแสดงความชื่นชมต่อว่านอู๋เริ่น ยิ่งไปกว่านั้น นับว่าเป็นเรื่องยากมากที่มันจะแสดงความชื่นชมต่อผู้ใด สิ่งนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าว่านอู๋เริ่นผู้นั้นเป็นบุรุษที่ควรค่าแก่ความเคารพอย่างแท้จริง
“ทุกสรรพสิ่งคืออาวุธ…ความเข้าใจของเขาในวิถีกระบี่ถือว่าแกร่งกล้ายิ่งนัก แม้ในคฤหาสน์เฟิงหัวที่นายหญิงสร้างขึ้นเอง นายหญิงก็ยังทำเช่นนั้นไม่ได้”
มารยากล่าวขึ้นเช่นกัน คฤหาสน์เฟิงหัวคือสิ่งที่ฉินอวี้โม่สร้างขึ้นเองและเป็นผู้ปกครองสูงสุดของที่นี่ อย่างไรก็ตาม สำหรับการเปลี่ยนทุกสรรพสิ่งให้กลายเป็นอาวุธแหลมคมและโจมตีศัตรู ฉินอวี้โม่ก็ยังไม่สามารถควบคุมพวกมันได้ถึงระดับนั้น
อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถควบคุมสิ่งที่ไร้ชีวิตเหล่านั้นได้
“ไม่เข้าใจเลยว่าท่านตาว่านเปลี่ยนก้อนหิน บุปผาและต้นไม้เหล่านั้นให้เป็นคมกระบี่ได้อย่างไร ข้าพยายามหลายคราทว่าพลังมายาของข้าก็ไม่มีผลอะไรต่อพวกมันเลย บุปผา ต้นไม้และก้อนหินล้วนเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ต่อให้พอจะควบคุมพวกมันได้อย่างผิวเผิน พวกมันก็ยังอยู่ในสภาพเดิมและไม่เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นกระบี่ยาว”
ฉินอวี้โม่ยังห่างไกลไปจากความเข้าใจในระดับนั้นมาก เมื่อต่อสู้กับซิว นางพยายามใช้พลังมายาเพื่อควบคุมสิ่งที่ไม่มีชีวิตเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม ต่อให้พอจะควบคุมได้ชั่วคราว สิ่งเหล่านั้นก็ไม่เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นกระบี่ยาวเช่นผลงานของว่านอู๋เริ่น ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนก้อนหิน บุปผา ต้นไม้และพืชพรรณให้กลายเป็นกระบี่ยาวแทบจะเป็นพลังที่ไม่ต่างไปจากการใช้เวทมนตร์…
“นายหญิง หรือท่านจะลองเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ? กระบี่ยาวที่ท่านเห็นอาจมิใช่ของจริงเสมอไป มันอาจเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของคู่ต่อสู้ซึ่งมองเห็นว่าพวกมันเป็นอาวุธที่ร้ายแรง อันที่จริงมันอาจยังอยู่ในสภาพเดิมก็เป็นได้”
ซิวกล่าวข้อสันนิษฐานออกไปทว่าไม่มั่นใจนัก เมื่อว่านอู๋เริ่นปลดปล่อยการโจมตีใส่ฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้ มันมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัวล้วนเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ยาวที่พุ่งตรงเข้ามาทิ่มแทงร่างของฉินอวี้โม่ แม้แต่พื้นดินที่นางเหยียบย่ำอยู่ก็กลายเป็นคมกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังแกร่งกล้าเช่นกัน
นั่นเป็นความรู้สึกที่มิอาจจินตนาการได้เลย
“บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งนิกายหมื่นกระบี่จะต้องเป็นยอดฝีมือที่บรรลุถึงขอบเขตที่พวกเราไม่สามารถจินตนาการได้ ไม่คาดคิดว่าจะคิดค้นเคล็ดวิชากระบี่ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้”
ฉินอวี้โม่ถอนหายใจยาวและพยายามควบคุมก้อนหินบนพื้นดิน รวมถึงบุปผาและต้นไม้รอบตัวต่อไป
น่าเสียดายที่ไม่ว่าพยายามเพียงใด มันก็ไม่เป็นผล
จากนั้นซิวก็ต่อสู้กับฉินอวี้โม่เป็นพักใหญ่ก่อนถอยออกไปและปล่อยให้มารยาเข้ามาต่อสู้กับฉินอวี้โม่แทน
เวลานี้ ซิวและมารยาเป็นสองอสูรมายาที่ทรงพลังที่สุดของฉินอวี้โม่ ด้วยสถานะเทพอสูรของซิว แน่นอนว่าไม่มีทางที่ผู้ใดจะกังขาในพลังของมัน สำหรับมารยาที่ได้รับมรดกสืบทอดจากราชินีเหมันต์ก่อนหน้านี้และกลายเป็นดั่งราชินีเหมันต์คนปัจจุบัน พรสวรรค์ของมันในตอนนี้ก็แทบจะไม่ด้อยไปกว่าซิว ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วในการวางข่ายอาคมของมารยาก็เร็วกว่าฉินอวี้โม่เล็กน้อยและมักเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในการต่อสู้ทุกครา อีกทั้งความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของมารยาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ในฐานะผลึกน้ำแข็งที่บ่มเพาะพลังจนสามารถจำแลงร่างมนุษย์ พลังในการป้องกันของมันก็ทรงอำนาจจนน่าสะพรึงกลัวและแม้แต่ซิวก็ไม่สามารถฝ่าทะลวงผ่านการป้องกันของมันได้
การโจมตีของซิวมักจะอาศัยพลังมายาอันแกร่งกล้าและมหาศาล พลังเหล่านั้นเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ฉินอวี้โม่รู้สึกถึงภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ได้ ในขณะเดียวกัน การโจมตีของมารยามุ่งเน้นไปในด้านความคล่องแคล่วและมักมีวิธีการที่คาดไม่ถึงอยู่บ่อยครั้งซึ่งทำให้การป้องกันเป็นไปได้ยากมาก
มิใช่เรื่องง่ายเลยที่ฉินอวี้โม่จะเอาชนะมารยาในการต่อสู้
สองอสูรมายาและหนึ่งมนุษย์ใช้กระบวนท่ากระบี่ในการประจันหน้ากันเพื่อช่วยให้ฉินอวี้โม่เข้าใจเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนได้มากยิ่งขึ้น
น่าเสียดายที่การฝึกฝนเหล่านั้นยังไม่เป็นผล นางสามารถควบคุมกระบี่ด้วยพลังปราณได้อย่างง่ายดายและสามารถเปลี่ยนสภาวะพลังรอบบริเวณให้กลายเป็นคมกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนได้ อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถเปลี่ยนก้อนหิน บุปผาหรือสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ให้กลายเป็นกระบี่ได้เลย
แม้ว่าก้อนหินและพืชพรรณเหล่านั้นจะพุ่งเข้าโจมตีมารยาอย่างรวดเร็ว ทว่าพวกมันยังอยู่ในสภาพเดิมโดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด และสิ่งที่มารยามองเห็นก็เป็นสภาพเดิมเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าพวกมันจะอัดแน่นไปด้วยจิตของกระบี่ ทว่าพวกมันก็ไม่สามารถแสดงบทบาทได้เหมือนกับกระบี่ยาวที่แท้จริงได้ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดยิ่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนท่านี้ของฉินอวี้โม่ก็ยังไม่ทรงพลังนัก ก้อนหิน บุปผา ต้นไม้และกระบี่ยาวที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังมายาล้วนมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพราะเหตุนั้น พวกมันจึงไม่สามารถโจมตีผสานกันได้อย่างลงตัว
ไม่เพียงแต่มารยาจะไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามเท่านั้น ทว่ามันก็สัมผัสได้ถึงช่องโหว่มากมายซึ่งถือเป็นการโจมตีที่แก้ทางได้ง่ายมาก
“นายหญิง การโจมตีของท่านเมื่อครู่อ่อนแอยิ่งกว่าการโจมตีทั่ว ๆ ไปของท่านเสียอีก”
มารยากล่าวย้ำเตือนฉินอวี้โม่และคิดว่ายังคงมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับการโจมตีด้วยวิธีนี้
ฉินอวี้โม่ทราบสิ่งนี้ได้เช่นกัน เมื่อต่อสู้กับว่านอู๋เริ่นก่อนหน้านี้ แรงกดดันที่เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนนำพามาสู่นางถือว่าไร้ที่เทียบเทียม กระบี่ยาวที่เกิดจากทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนโจมตีประสานกันเป็นหนึ่งเดียวและไม่มีจุดบกพร่องใด ๆ เพราะเหตุนั้น คู่ต่อสู้จึงไม่มีหนทางที่จะทำลายการโจมตีของเขาได้เลย
และนั่นเป็นเพียงพลังหนึ่งในสิบส่วนของว่านอู๋เริ่นเท่านั้น หากเขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาโดยที่ไม่ยั้งมือ แม้แต่ยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ของดินแดนก็ต้องรู้สึกว่าตนเองถูกกักขังและไร้หนทางหลีกหนี
ทว่าการโจมตีที่ฉินอวี้โม่แสดงออกมากับอสูรมายาทั้งสองไร้ซึ่งการผสานเป็นหนึ่งเดียวอย่างสิ้นเชิง นับประสาอะไรกับการที่จะกลายเป็นภัยคุกคามต่อผู้อื่น
ตราบใดที่สามารถควบคุมทุกสรรพสิ่งให้โจมตีตามทิศทางที่ต้องการ นางจะสามารถแสดงพลังได้มากกว่าปัจจุบันถึงสองเท่าตัว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจคุณสมบัติของก้อนหิน บุปผา ต้นไม้และสิ่งอื่น ๆ รวมถึงสภาวะพลังรอบตัว
หากสิ่งเหล่านั้นไม่ต่อต้านกันและผสานเป็นหนึ่งเดียว ฉินอวี้โม่ก็อาจทำความเข้าใจเคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนในระดับเบื้องต้นได้สำเร็จ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินอวี้โม่ก็หยุดการต่อสู้กับมารยาและนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น
นางหลับตาลงและพยายามสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว สิ่งที่ไร้ชีวิตทั้งหมดยังคงแน่นิ่งไม่เปลี่ยนแปลง แม้พยายามควบคุมอย่างจริงจัง ฉินอวี้โม่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นกระบี่ได้เช่นเดิม
ในทางตรงกันข้าม พืชพรรณเหล่านั้นมีสติปัญญาอยู่ในระดับหนึ่งและมีการต่อต้านพลังมายาของฉินอวี้โม่ เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ต้องการกลายเป็นอาวุธในการโจมตีของฉินอวี้โม่ นับประสาอะไรกับการเปลี่ยนรูปร่างให้กลายเป็นกระบี่ยาว
“นายหญิง อย่าเพิ่งกังวลมากเกินไปเลย เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่หวนคืนเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาที่ลึกลับพิศวงมากที่สุด หากบรรลุความเข้าใจได้ง่าย ๆ มันก็คงมิใช่สมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นกระบี่ที่สืบทอดกันมาช้านาน”
มารยากล่าวปลอบประโลมฉินอวี้โม่เพื่อให้นางทำความเข้าใจไปทีละขั้นและไม่กังวลมากจนเกินไป
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่เข้าใจประเด็นนี้เป็นอย่างดีและพยักศีรษะเบา ๆ ทว่าทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของนาง นางจึงเรียกเสี่ยวโพธิ์ออกมาพบ
หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างของเด็กชายอายุประมาณสิบสองถึงสิบสามปีก็ปรากฏกายตรงหน้าฉินอวี้โม่