ตอนที่ 2610

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,610 : แล้วข้าจะรอ

 

ตึงงง!!

 

หลังจากร่างใหญ่แต่แต่ปราดเปรียวว่องไวของสตรีนางหนึ่งคว้าจับหยางกงผิงก่อนร่วงกระแทกพื้นไว้ได้ทัน เสียงสนั่นประหนึ่งจะสั่นสะเทือนโลกหล้าพลันดังขึ้น

 

แต่ตอนนี้ทั้งเหลาก็สะท้านสะเทือนไปแล้วจริงๆ!

 

และตอนนี้เองร่างที่คว้าจับหยางกงผิงเอาไว้ ก็เผยโฉมให้ผู้ชมแลเห็นกันชัดๆ

 

นางเป็นสตรีร่างอ้วนสูง

 

ความสูงของสตรีนางนี้ไม่น้อยไปกว่าหยางกงผิง หากแต่ขนาดร่างกายที่ขยายออกข้างของนางนั้น กล่าวไปก็มีมากกว่าครึ่งหนึ่งของความสูงเสียอีก!เพียงยืนอยู่เฉยๆก็ให้ความรู้สึกประหนึ่งชมมองภูเขาหนั่นเนื้อ!!

 

หยางกงผิงตอนนี้ถูกนางอุ้มไว้ด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิงราวกับตุ๊กตาตัวน้อยก็ไม่ปาน…

 

เพราะมองไปก็บอกได้ทันที ว่าขนาดตัวของหยางกงผิงยังไม่ถึง 1 ใน 3 ของสตรีนางนี้ด้วยซ้ำ…

 

“เป็นเจ้าของเหลาอาหารไหลเฟิ่ง!”

 

“จริงหรือ! นี่นับว่าเป็นครั้งแรกของข้าเลยที่ได้พบเห็นเจ้าของเหลาอาหารไหลเฟิ่ง…เหมียวไหลเฟิ่ง! นางมิใช่คนธรรมดาจริงๆ เห็นว่าเป็นน้องสาวแท้ๆของผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน เหมียวไหลหลง!!”

 

“ใช่ เห็นว่าป้ายเหลาอาหารไหลเฟิ่งแห่งนี้ยังเป็นผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินเขียนขึ้นด้วยตัวเอง…เห็นชัดว่ามันรักและเอ็นดูน้องสาวคนนี้ไม่น้อย”

 

“นาง…เป็นภรรยาของแม่ทัพหยางกงผิงแห่งกองทัพมังกรเงินงั้นหรือ?”

 

 

ในขณะเดียวกันกับที่สตรีร่างใหญ่ปรากฏขึ้น นอกเหลาก็เริ่มมีเสียงดังเซ็งแซ่พูดคุยกันไม่หยุด ทำให้คิ้วข้างหนึ่งของต้วนหลิงเทียนอดโค้งขึ้นไม่ได้

 

นี่ทหารทั้ง 10 ของเขาถึงกับกล้าเลือกมาดื่มกินในเหลาอาหารที่เปิดขึ้นโดยคนในครอบครัวของผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินเชียวหรือ?

 

กลัวไม่มีเรื่องหรือยังไง?

 

“ยังมีขาอีกข้าง”

 

อย่างไรก็ตามแม้จะรับทราบแล้วว่า สตรีร่างถึกทึนปานขุนเขาหนั่นเนื้อนั่น เป็นถึงน้องสาวผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเลิกราแต่อย่างใด พอกล่าวจบคำร่างเขาก็โจนทะยานออกไปปานพญาอินทรีย์!

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

 

 

ในขณะที่ร่างต้วนหลิงเทียนโจนทะยานออกไปปานพญาอินทรีย์ ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็ปรากฏกระบี่เล่มเขื่องที่ควบสร้างขึ้นจากรังสีกระบี่ เสียงกระบี่หอนเสียดหูแว่วดังขึ้นในฉับพลัน!

 

ไม่ทันที่ผู้คนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างต้วนหลิงเทียนที่โจนทะยานออกไปราวพญาอินทรีย์ก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา ก่อนที่จะกลับมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าทหารทั้ง10 ใต้บัญชาอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ…

 

ที่สำคัญคือเขาไม่ได้กลับมาคนเดียว

 

ในมือยังหอบหิ้วร่างคนผู้หนึ่งเอาไว้!

 

พิกลนักที่ร่างคนผ็นี้กลับเป็นหยางกงผิง แม่ทัพของกองทัพมังกรเงินที่เมื่อครู่ยังอยู่ในอ้อมแขนของสตรีร่างใหญ่!

 

“กงผิง!!”

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนชิงตัวหยางกงผิงไปแล้ว สตรีร่างมหึมา เหมียวไหลเฟิ่ง น้องสาวของผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินก็ร้องตะโกนออกมาอย่างดุร้าย สีหน้ายังแปรเปลี่ยนไปราวนางยักษ์แววตาฉายเจตนาฆ่าฟันออกชัด!

 

ฟุ่บ!

 

พริบตาต่อมาร่างเหมียวไหลเฟิ่งก็ไหววูบ นางโจนทะยานไปทางต้วนหลิงเทียนทันที!

 

ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!

 

 

ร่างเหมียวไหลเฟิ่งนั้นมหึมาประหนึ่งขุนเขาย่อมๆ ยามบุกตะลุยเข้ามา สภาวะแทบไม่ต่างใดกับรถถังในชีวิตที่แล้วของต้วนหลิงเทียนเลย! อีกทั้งด้วยความว่องไวปราดเปรียว ยามร่างอ้วนพุ่งฝ่าอากาศยังทำให้อากาศแตกระเบิดออกส่งเสียงดังปงๆ!!

 

แถมร่างมหึมาของเหมียวไหลเฟิ่งที่สมควรเชื่องช้า มิคาดความเร็วกลับไม่ต่างใดจากสายลมหอบหนึ่ง!!

 

“ที่แท้ก็เป็นจินเซียน…”

 

ด้วยความเร็วในการพุ่งร่างเข้ามาของเหมียวไหลเฟิ่ง ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะมองออกว่านางเองก็เป็นชนชั้นจินเซียนคนหนึ่ง หากแต่ความเร็วของนางยังถือว่าด้อยกว่าหยางกงผิงอยู่เล็กน้อย

 

วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!

 

 

เมื่อเหมียวไหลเฟิ่งโจนทะยานเข้ามาเจียนถึงตัวต้วนหลิงเทียน มืออ้วนกลมของนางก็สะบัดขึ้นคว้าจับมีดเล่มหนึ่งที่ผุดจากความว่าง! เป็นมีดที่มีรูปลักษณ์ไม่ต่างอะไรจากมีดอีโต้ เมื่อจ่ายพลังเข้าไปมันก็ส่องสว่างจ้า ฟันสับมาทางต้วนหลิงเทียนประหนึ่งผีเน่าวิ่งโร่หาโลงผุ!

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากตัวมีดอีโต้ในมือเหมียวไหลเฟิ่ง จึงไม่ยากที่เขาจะบอกได้…ว่ามีดอีโต้นี้ที่แท้ไม่ใช่มีดทำครัวธรรมดา แต่เป็นถึงยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นหนึ่ง!!

 

“หึ”

 

เผชิญหน้ากับเหมียวไหลเฟิ่งที่ฟันอีโต้สับมาอย่างดุร้าย สองตาต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น จากนั้นก็ยกมือข้างที่หิ้วหยางกงผิงขึ้นมา หมายใช้ร่างเลือดเนื้อของหยางกงผิงต้านทานรับอีโต้ของเหมียวไหลเฟิ่ง!

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังมองออกอีกว่า

 

พลังฝีมือของเหมียวไหลเฟิ่งไม่ดีเท่าหยางกงผิง

 

“ต่ำช้า!!”

 

เหมียวไหลเฟิ่งที่สับอีโต้มา ได้แต่คำรามออกด้วยความขุ่นเคือง สุดท้ายนางก็ทำได้แค่กัดฟัน ก่อนกระทืบขามหึมาย่ำพื้นอย่างแรงเพื่อกระโจนถอยออกไปราวสิบก้าว สุดท้ายค่อยอ้าปากกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง เพราะฝืนรั้งพลังเอาไว้จนพลังตีกลับ!!

 

ฉับ!!

 

หลังจากบีบคั้นให้เหมียวไหลเฟิ่งจำต้องล่าถอยกลับไป ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้สนใจอะไรนาง รังสีกระบี่รอบกายทอแสงสว่างวาบหนึ่งค่อยก่อร่างเป็นกระบี่พลังมีสภาพพุ่งไปสะบั้นขาซ้ายของหยางกงผิงจนขาดลง!

 

ขาซ้ายที่ถูกตัดก็ขาดตกพื้นส่งเสียงดัง ตุบ!

 

“อ๊าคคคค—”

 

หยางกงผิงได้แต่ร่ำร้องออกมาเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง!

 

จากนั้นเขาก็โยนร่างหยางกงผิงไปทางเหมียวไหลเฟิ่งส่งๆปานทิ้งขยะ ค่อยลดตาลงไปมองขาซ้ายที่ขาดเสมอโคนขาหนีบของหยางกงผิง แววตาเผยประกายเย็นเยียบออกมาอีกรอบ

 

“หากเจ้ากล้าทำลายขาของสามีข้า…ข้าเหมียวไหลเฟิ่งไม่เพียงแต่จะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต! แต่ข้ายังจะฆ่าล้างโคตรของเจ้าด้วย!!”

 

ในเวลานี้ เหมียวไหลเฟิ่งที่พึ่งรับร่างหยางกงผิงเอาไว้ ก็ทันได้สังเกตเห็นสายตาเย็นชาของต้วนหลิงเทียนเข้าพอดี ใบหน้าอ้วนๆของนางจึงเผยเจตนาฆ่าฟันอำมหิต กล่าวข่มขู่ออกไปเสียงเย็นทันที!

 

เรียกว่าเสียงเย็นที่กล่าวขู่ออกมาของนาง พาลให้ผู้คนรู้สึกเสมือนติดอยู่ในถ้ำน้ำแข็งก็ไม่ปาน

 

และเหมียวไหลเฟิ่งตอนนี้ ก็คล้ายคุ้มคลั่งจนสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

 

มิฉะนั้นนางคงไม่กล่าวหรอกว่าจะไปฆ่าล้างโคตรต้วนหลิงเทียนออกมาแบบนี้…

 

เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็คือผู้ที่พึงขึ้นสวรรค์มาเมื่อครึ่งเดือนก่อน…ยังจะมีครอบครัวอะไรให้นางไปฆ่าล้างโคตร?

 

ถึงแม้ว่าเหมียวไหลเฟิ่งจะพึ่งปรากฏตัวออกมา แต่นางก็ซ่อนตัวชมดูเรื่องราวอยู่แต่แรก พอเห็นสามีถูกทำร้ายนางจึงเร่งรุดออกมาทันที

 

“แล้วข้าจะรอ”

 

ได้ยินคำขู่ของเหมียวไหลเฟิ่ง สองตาต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งทวีความเย็นชา จากนั้นเขาก็ยกเท้าขึ้นเล็กน้อยปรากฏพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขุมหนึ่งผนึกควบ เพียงย่ำลงเบาๆอย่างไม่รีบไม่ร้อนก็ป่นทำลายขาซ้ายที่ขาดของหยางกงผิงจนระเบิดเป็นหมอกโลหิต!

 

“ไม่!!!”

 

ลูกตาหยางกงผิงหดเล็กลง หลังตะโกนร่ำร้องออกมาเสียงหลงร่างมันก็สั่นสะท้าน สุดท้ายก็สิ้นสติไปทั้งอย่างนั้น…

 

แน่นอนว่าตัวตนขอบเขตจินเซียน สุขภาพร่างกายย่อมแข็งแรงดี ไม่มีอาการเจ็บป่วย…

 

ที่หยางกงผิงเป็นลมล้มพับไป นั่นเพราะมันไม่อาจรับความจริงเบื้องหน้าและทนเห็นฉากดังกล่าวได้ ภาพจึงตัดไปอย่างไม่รู้ตัว

 

“กลับกันเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนหลังจากทำลายแขนขาของหยางกงผิงตามที่พูดแล้ว ก็เลิกสนใจเหมียวไหลเฟิ่งที่กำลังมองจ้องเขาดั่งอสรพิษ เพียงหันไปเอ่ยทักทหารทั้ง 10 ของกองทัพมังกรดำด้านหลังเขาเบาๆ ค่อยเหินร่างนำออกไป

 

เหล่าผู้ชมที่มามุงดูด้านนอกเหลาอาหาร ก็เฝ้ามองต้วนหลิงเทียนพาคนทั้ง 10 เหินร่างจากไปเงียบๆ เหม่อมองจนทุกเหินร่างขึ้นฟ้าจากไปอย่างอื้ออึง

 

จนเมื่อต้วนหลิงเทียนกับพวกจากไปลับตาแล้ว ทั้งหมดค่อยได้สติกลับคืนอีกครั้ง

 

“มารดามันเถอะ! แม่ทัพของกองทัพมังกรดำ…หาญกล้าถึงเพียงนี้!?”

 

“ต่อหน้าน้องสาวของผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน มันยังกล้าตัดแขนตัดขาสามีของนาง…เรื่องเช่นนี้กระทั่งต่อให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำมาเอง ก็ยังไม่กล้ากระทำมิใช่หรือ?”

 

“มันไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกันแน่?”

 

“โอย…ไม่ไหว ข้าคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก!”

 

“เจ้าไม่ต้องคิดให้ปวดหัวหรอก…หลังจากวันนี้ไปข้าเชื่อว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่โตแน่ มีหรือผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินจะยอมเลิกราง่ายๆ!”

 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว! เจ้าของเหลาอาหารไหลเฟิ่งอย่างไรก็คือเหมียวไหลเฟิ่งน้องสาวแท้ๆของเหมียวไหลหลง…แถมยังเป็นญาติคนสุดท้ายที่เหลืออยู่บนโลกของเหมียวไหลหลง! เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะรามือจากคนที่ทำให้น้องสาวมันต้องปวดใจ!!”

 

 

เหล่าผู้ชมนอกเหลาอาหารไหลเฟิ่ง ต่างเชื่อกันว่าเมืองเฉวี่ยโยวกำลังจะบังเกิดลมคุ้มฝนคลั่งโหมกระหน่ำ!

 

ความเงียบสงบตอนนี้ ก็แค่ความเงียบสงบก่อนพายุจะเข้าเท่านั้น

 

ปง!!

 

ในขณะที่ผู้คนด้านนอกเหลากำลังสนทนากันอย่างออกรส พลันบังเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านในเหลา

 

จากนั้นทุกคนก็รู้สึกเสมือนมีอะไรวูบผ่านเบื้องหน้า

 

ฟุ่บ!!

 

เป็นร่างมหึมาหนึ่งที่อุ้มอีกร่างไว้ในอ้อมแขน โจนทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วสูง ก่อนจะพุ่งดิ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว พริบตาก็ลับหายไปในหมู่เมฆ…

 

ราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

เสียงแหวกอากาศดังขึ้นติดกัน 3 รอบ เป็นไป่ฟูฉางทั้ง 3 ของกองทัพมังกรเงินรวมถึงไฉหมิง ก็เหินร่างออกจากเหลาอาหาร ติดตามไปด้วย…

 

และตอนนี้สีหน้าของไป่ฟูฉางแห่งทัพมังกรเงินทั้ง 3ก็แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก…

 

จะให้ดูดีได้อย่างไร?

 

แม่ทัพของพวกมัน ถูกผู้อื่นทำร้ายจนพิกลพิการเสียแขนเสียขาต่อหน้าต่อตา!

 

และตั้งแต่ต้นจนจบพวกมันทำอะไรไม่ได้เลย กระทั่งยังไม่กล้าลงมือทำอะไรด้วยซ้ำ!

 

เพราะสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็คือตัวตนที่พวกมันไม่มีปัญญาจะต้านทาน!

 

“ทิศนั้น…เหมียวไหลเฟิ่ง…พาสามีของนางไปหาพี่ที่ค่ายกองทัพมังกรเงินหรือ?”

 

เหล่าผู้ที่ชมเรื่องราวนอกเหลา สามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้ไม่ยาก

 

“กองทัพมังกรดำกับกองทัพมังกรเงินคราวนี้…ต้องหักกันแน่ๆ! แต่ก่อนอย่างดีก็มีแค่เรื่องทะเลาะวิวาทเล็กๆน้อยๆ ไม่เคยเกิดเรื่องราวใหญ่โตร้ายแรงถึงขนาดนี้มาก่อน!”

 

“ใช่ คราวนี้นับว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้วจริงๆ!”

 

“แต่…ข้าไม่คิดเลยว่าแม่ทัพคนใหม่ของกองทัพมังกรดำจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ มันทำเหมือนหยางกงผิงแม่ทัพของกองทัพมังกรเงินเป็นเพียงเด็กน้อย ทำลายแขนขาผู้อื่นยังลำบากเพียงยกมือ…”

 

“มิว่ามันจะร้ายกาจเพียงใด หรือยังจะร้ายกาจไปกว่าผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน?”

 

“เป็นธรรมดาที่มันจะร้ายกาจไม่เท่าผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน! หากมันร้ายกาจกว่าผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน มันจะไปเป็นแม่ทัพของกองทัพมังกรดำทำอะไร?”

 

“คราวนี้ต้องรอดู…ว่าเฉินเฉวียนป้าจะปกป้องมันได้หรือไม่!”

 

“ข้าว่ายาก…คงไม่เป็นอะไรหากมันก่อเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่คราวนี้มันถึงขั้นทำลายแขนขาของน้องเขยเหมียวไหลหลง ผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน!”

 

 

ผู้คนด้านนอกเหลายังคงสนทนากันอยู่พักใหญ่ค่อยแยกย้ายกันไป

 

และหลังจากที่ผู้คนนอกเหลาได้แยกย้ายกับไปแล้ว แต่ละคนก็นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเหลาอาหารไหลเฟิ่งไปบอกเล่ากันปากต่อปาก สุดท้ายเรื่องนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองเฉวี่ยโยวราวพายุใต้ฝุ่น…

 

สุดท้ายหากไม่ใช่ผู้ใดที่กำลังปิดด่านบ่มเพาะ หรือใช้ชีวิตสันโดษตัดขาดจากโลกภายนอก หากอยู่ในเมืองเฉวี่ยโยวล้วนต้องได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเหลาอาการไหลเฟิ่ง

 

“ต้วนหลิงเทียน แม่ทัพคนใหม่ของกองทัพมังกรดำช่างดุร้ายเอาเรื่องนัก ต่อหน้าเจ้าของเหลาอาหารไหลเฟิ่งอย่างเหมียวไหลเฟิ่งน้องสาวผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน ยังกล้าตัดแขนตัดขาสามีของนาง!”

 

“ยิ่งไปกว่านั้นยังทำลายทิ้งให้มิอาจต่อกลับ!”

 

“เมืองเฉวี่ยโยวเรา…ข้าว่าคราวนี้ถึงกาลที่ฟ้าจักเปลี่ยนสีแล้ว”

 

“เรื่องนี้…ร้ายแรงเกินไป! ไม่ทราบว่าผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำจะสะสางอย่างไร”

 

“ข้าเกรงว่า แม่ทัพของกองทัพมังกรดำต้วนหลิงเทียนนั่นไม่พ้นต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”