ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้อง หน้าประตูเขาจำศีลหัวโล้นหลินสวินเดินออกมาตัวคนเดียว
ผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่เพิ่งมาถึงในช่วงสามวันนี้ต่างลุกฮือทันที เป็นเทพมารหลินดังคาด นี่เขาคิดจะรับศึกคนเดียวรึ
‘เทพมารหลิน…’
เย่หมัวเฮอพึมพำในใจ ดวงตาดุจสายฟ้าแลบจับจ้องร่างหลินสวิน
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับหลินสวินเช่นกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหลินสวินกับตาตนเอง
เขาพินิจพิเคราะห์เล็กน้อยก่อนลอบพยักหน้า บนตัวอีกฝ่ายมีลักษณะพลังอย่างหนึ่งที่ต้องผ่านการฆ่าฟันมานานจึงจะเคี่ยวกรำออกมาได้ ทำให้เขาราวกับเห็น ‘ผู้ร่วมวิถี’
‘ไม่เจอกันหลายปีทีเดียว…’
ลั่วเจียเหม่อลอย
นางเคยข้องเกี่ยวกับหลินสวินหลายครั้ง ความสัมพันธ์ก็ไม่เลว
ตอนมาที่นี่ครานี้ในใจยังแอบตัดสินใจว่าหากหลินสวินเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น นางจะล่วงเกินบุตรนรกโดยไม่สนใจอะไรเลย
ราชันเผิงปีกทองน้อยกลับยิ้มเยาะออกมาคล้ายผิดหวังอยู่บ้าง ส่ายศีรษะกล่าว “ข้าก็คิดว่าเป็นคนร้ายกาจเหนือมนุษย์คนหนึ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าจะไม่มีแม้แต่คมประกาย”
ในการรับรู้ของเขาอันที่จริงกลิ่นอายหลินสวินไม่ธรรมดายิ่ง แต่เทียบกับจินตนาการของเขาแล้วกลับด้อยกว่าอยู่บ้าง จึงเกิดข้อเปรียบเทียบอย่างอดไม่ได้
นอกจากนี้ในที่นั้นยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
ล้วนกำลังคาดเดาว่า หลินสวินปรากฏตัวคราวนี้ด้วยแน่ใจว่าจะชนะหรือจำยอมกันแน่
“เจ้ามารนหาที่ตายคนเดียวรึ”
กลางอากาศ นัยน์ตาของบุตรนรกราวอสนี น้ำเสียงเจือความเยียบเย็น
ร่างเขาสูงโปร่ง อบอวลด้วยแสงมรรคเร้นลับเยียบเย็นหลากสายไปทั้งตัว ยืนอยู่ตรงนั้นราวเทพนรกอุบัติบนโลก ลักษณะพลังน่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ
“ถูกต้อง ข้าคนเดียว จะมาส่งพวกเจ้าไปตาย”
หลินสวินพยักหน้าสีหน้าราบเรียบ เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างามไร้มลทิน ไม่มีท่าทางแห่งความหยิ่งผยอง
นี่เกี่ยวข้องกับมรรคาของเขา ยามเก็บงำกายใจจะมั่นคงดั่งหินผา เงียบสงบดุจทะเลสาบราบเรียบ มีความสันโดษละโลกีย์
แต่ทันทีที่ระเบิดออกจะทลายอากาศราวกระบี่เซียน สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“เหอะๆ ปีนั้นเจ้าร่วมมือกับนกขี้ขโมยนั่นชิงยอดสมบัติของข้าโดยไม่ทันตั้งตัว นี่ทำให้ข้าเคียดแค้นมาถึงทุกวันนี้ วันนี้ควรสะสางให้จบสิ้นได้แล้ว!”
บุตรนรกหัวเราะเบาๆ ในดวงตาเผยความคั่งแค้นและไอสังหารเสียดกระดูก “รอสังหารเจ้าแล้ว เขาจำศีลหัวโล้นนี่ก็จะกลายเป็นแดนไร้ประโยชน์ ถูกปกคลุมไปด้วยเลือด!”
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถหรือไม่”
“ใต้เท้า ขอท่านแสดงฝีมือแห่งอสนีบาตหมื่นสาย สังหารเจ้าเดรัจฉานนี่โดยเร็ว!”
“เทพมารหลินที่เป็นอดีตไปแล้วจะมีสิทธิ์มาสู้กับท่านได้อย่างไร ใต้เท้า สู้ให้ข้าลงมือสังหารเจ้าหมอนี่ดีกว่า!”
“ใต้เท้า ฆ่ามันเลยขอรับ!”
ผู้แข็งแกร่งแดนนรกตะโกนลั่น กระเหี้ยนกระหือรือ มีความเชื่อมั่นในตัวบุตรนรกอย่างหาใดเปรียบ จากมุมมองพวกเขา บุตรนรกคือคนที่ราวกับบุตรแห่งสวรรค์ การสังหารหลินสวินเป็นแค่เรื่องของเวลา
บนเขาจำศีลหัวโล้น พวกจี้ซิงเหยาจับจ้องอย่างตึงเครียด สีหน้าจริงจัง หน้าตาเปี่ยมความกังวล
หลินสวินจะไหวหรือไม่
ฟุ่บ!
ยามบุตรนรกลืมตาแสงสีเขียวเข้มสองสายแผ่ออกมา กลายเป็นกระบี่เทพสีเขียวคู่หนึ่งทันที ไขว้พาดกลางอากาศส่งเสียงกังวาน พุ่งสังหารไปทางหลินสวิน
ทุกคนต่างตกใจ ขณะนี้ศึกใหญ่กำลังจะปะทุขึ้นแล้ว!
แค่เหลือบตามองก็เผยลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นเช่นนี้ออกมา กระบี่เทพไขว้ตัดสลับกัน แฝงพลังสังหารน่าหวาดกลัว น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง
“เนตรมรรคแสงทมิฬ!” มีคนตกตะลึง
นี่คือยอดพรสวรรค์ติดตัวแต่กำเนิดอย่างหนึ่ง ใครที่ได้ครอบครองล้วนเป็นอัจฉริยะที่เกิดมาสืบทอดโชควาสนาทั้งสิ้น
คนมากมายต่างรู้ดีว่า ครั้งนี้เทพมารหลินเจอคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวยิ่งคนหนึ่งแล้ว!
โฮก!
กลางอากาศราวกับมีเสียงสะท้อนของเจินหลง สั่นสะเทือนจนในใจทุกคนระส่ำ เลือดลมตีกลับ
ก็เห็นใต้ฝ่าเท้าหลินสวินชือน้ำแข็งตัวหนึ่งแปลงเป็นเจินหลง ทะยานสู่ฟากฟ้าอย่างน่าเกรงขาม แผ่แสงมรรคทรงอานุภาพโหมกระหน่ำ กำจัดกระบี่เทพคู่นั้น
แล้วพุ่งตรงไปยังบุตรนรก!
ปึง!
ด้านหน้าบุตรนรกปรากฏแสงมรรคเยียบเย็นเร้นลับหลากสายรวมตัวเป็นหินสมบัติหนึ่ง ด้านบนสลักอักษรโบราณเรียบง่ายขนาดใหญ่ว่า ‘ไตรภพ’ ชั่วพริบตาก็พิฆาตเจินหลงที่โจมตีเข้ามาจนระเบิดเป็นละอองแสง
“ใต้เท้าไม่จำเป็นต้องออมมือ ฆ่ามันเลยขอรับ!”
ผู้แข็งแกร่งแดนนรกตะโกนขึ้นมาราวกับตนเป็นคนสู้ ด้วยกายใจพวกเขาจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ สีหน้าจึงฮึกเหิมอย่างยิ่ง
ความรู้สึกของทุกคนที่อยู่ใกล้ถูกกระตุ้นตามไปด้วย กลั้นหายใจจดจ่อ จับจ้องอย่างตื่นเต้น
“หายไปสี่ปี เจ้าสามารถก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสามได้ ดูท่าแล้วคงได้วาสนามาไม่น้อย เพียงแต่ในสายตาข้าก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่!”
บุตรนรกโคจรพลังปราณ เงาร่างโฉบขึ้นไปบนอากาศ อานุภาพดั่งเทพนรกออกโจมตี เจือกลิ่นอายเยียบเย็นล้นฟ้า อานุภาพอัศจรรย์ครองพิภพพุ่งดิ่งไปทางหลินสวิน!
เวลานี้ฟ้าดินคืนสู่ความสงบ ทุกคนต่างปิดปาก เสียงอึกทึกในที่นั้นพลันหายไป ล้วนจดจ่ออยู่กับการต่อสู้
บุตรนรกออกโจมตี เผยอานุภาพอัศจรรย์หาใดเปรียบ ท่าทางเช่นนั้นทำให้สรรพสิ่งทั่วหล้าหม่นแสง เพียงพอจะสั่นสะเทือนใต้หล้า!
อีกด้านหนึ่งหลินสวินก็บุกโจมตีเช่นกัน
เดิมกลิ่นอายของเขาว่างเปล่าไร้มลทิน แต่ทันทีที่เคลื่อนไหวก็เหมือนเจินหลงจำศีลที่ออกจากหุบเหวลึกโดยพลัน ทั่วร่างส่งเสียงกัมปนาท ก่อให้เกิดอานุภาพแห่งฟ้าดิน แสงมรรคไร้จำกัด
ตู้ม!
ทั้งสองปะทะกันราวสุริยันจันทราประจัญบาน คล้ายการต่อสู้ของเทพมาร ห้วงอากาศในรัศมีพันจั้งแตกระเบิดทรุดตัวลงสนั่นในชั่วพริบตา
ทั้งที่นั้นเต็มไปด้วยแสงมรรคเจิดจ้า ทุกหนแห่งคือไอสังหารโหมกระหน่ำ พลังทำลายรุนแรงกวาดล้างฟ้าดิน
ผู้แข็งแกร่งมากมายร้องเสียงหลงรีบถอยหลบ ดวงตาพลันแสบแปลบ การปะทะครั้งนี้ช่างสะเทือนใต้หล้า อยู่เหนือความคาดหมาย
แสงมรรคเยียบเย็นนั่นของบุตรนรกราวแดนชำระบาป ฆ่าฟันกลางฟ้าดิน
ส่วนพลังของหลินสวินก็เหมือนเจินหลงออกจากเหวลึก
ทั้งคู่คนหนึ่งราวเทพนรก อีกคนดั่งเทพมาร ต่างฝ่ายต่างห้ำหั่นกลางอากาศเผยลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นต่างๆ นานา เสียงธรรมสั่นสะเทือนไม่หยุด
ปึง!
หลังเสียงกึกก้องสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น ทั้งสองก็แยกออกจากกัน ต่างฝ่ายต่างยืนอยู่คนละฟาก กลิ่นอายเจิดจ้าและแข็งแกร่งดุดันยิ่งกว่าเดิม
ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะรึ
การประลองครั้งแรกทำให้ทุกคนตาลายไปพักหนึ่ง ในใจไหวสะท้าน
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
พร้อมๆ กับเสียงเสียดหู ด้านหลังบุตรนรกปรากฏทวนสำริดเก้าเล่ม ล้วนเก่าแก่เรียบง่าย อาบสีโลหิตแดงสด กลิ่นอายที่แผ่ออกมาเปี่ยมไอมรณะสลัวราง
มองจากไกลๆ ยังทำให้ผู้คนขนพองสยองเกล้า
ทวนศึกชุดนี้ต้องมีที่มาสะเทือนใต้หล้าอย่างไม่ต้องสงสัย!
ขณะเดียวกันทั่วร่างหลินสวินก็ปรากฏอักษรเคราะห์ที่ราวหล่อจากทองเทพเก้าตัวเรียงกัน พุ่งขึ้นไปรับเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ตูม!
เพียงพริบตา ในห้วงอากาศทวนศึกท่องทั่ว พลังมังกรปั่นป่วนโถมกระหน่ำ แสงมรรคระเบิดออก สามารถมองเห็นว่ามีอสูรนรกถือทวนฟาดฟัน มีสัตว์ปีศาจดึกดำบรรพ์ที่น่ากลัวอย่างชือน้ำแข็ง ปี้อั้น ป้าเซี่ยปรากฏอยู่รางๆ
มีเสียงเร้นลับราวอสนีบาต เสียงมังกรคำรามสะท้อนก้อง ยังมีลักษณ์ประหลาดอย่างภูเขาศพทะเลเลือด ฝนโลหิตเทกระหน่ำปรากฏอยู่ด้วย
ระหว่างทั้งคู่มีพลังนานัปการกระแทกกระทบ พลังแห่งกฎเกณฑ์ส่งเสียงกัมปนาทราวกระแสน้ำซัดโถม
“แข็งแกร่งยิ่ง!”
“นี่ต่างหากจึงจะเป็นการประชันที่แท้จริงของยอดมกุฎ”
คนมากมายหน้าเปลี่ยนสี จิตวิญญาณต่างกำลังสะท้านไหว แค่มองจากไกลๆ ก็ทำให้พวกเขาขนพองสยองเกล้าราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
หากเข้าไปในนั้นเกรงว่าคงถูกฆ่าในพริบตา!
ส่วนยอดบุคคลอย่างราชันเผิงปีกทองน้อย เย่หมัวเฮอ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง ตั้งใจดูอย่างจดจ่อเช่นกัน
การต่อสู้เช่นนี้ต่อให้อยู่ในแดนเก้าบนก็เรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์และหายาก ยากพบเห็นยิ่งนัก!
บนอากาศ คนหนึ่งอาบไล้ด้วยแสงแห่งขุมทมิฬดุจเทพนรกที่มาจากแดนชำระบาป อีกคนก็หยิ่งผยองดั่งเทพมาร ป่าเถื่อนไม่เกรงกลัวสิ่งใด กลิ่นอายสังหารร้ายกาจ
ทั้งสองห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แค่ชั่วพริบตาก็ประมือกันไปมากกว่าร้อยครั้ง ความยิ่งใหญ่ของสถานการณ์รบดึงดูดสายตาทั่วลาน!
ไม่อาจไม่ยอมรับ บุตรนรกแข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนใจสั่น ไม่อาจเทียบกับเมื่อสี่ปีก่อนได้
แต่พลังต่อสู้ที่หลินสวินเผยออกมาก็ทำให้คนนับไม่ถ้วนหันมามองและไหวหวั่นเช่นกัน
หายไปสี่ปี แต่กลับสามารถใช้ปราณระดับอมตะเคราะห์ด่านสามมาประชันกับบุตรนรก นี่เห็นได้ว่าน่าเหลือเชื่อนัก
ผิวหลินสวินทุกกระเบียดนิ้วมีแสงมรรคพวยพุ่ง งดงามแปลกตาอย่างยิ่ง จนถึงตอนท้ายทั้งตัวราวเตาหลอมผลาญพิภพ เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ พลังทำลายล้างน่าตกตะลึง
ทั้งสองสู้กันตั้งแต่บนฟ้าถึงพื้นดิน เข่นฆ่าโรมรันอย่างดุเดือด เลือดสดๆ ร่วงรินเป็นระยะ
นี่คือคู่ต่อสู้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดที่หลินสวินเจอมาตั้งแต่ก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านสาม เขาเองก็ไม่กล้าชะล่าใจเช่นกัน
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังบาดเจ็บจากการต่อสู้!
โดยเฉพาะทวนศึกเก้าเล่มในมือบุตรนรกนั้นเรียกได้ว่าเป็นยอดอาวุธศาสตราจิต เฉียบคมหาใดเปรียบ ทุกครั้งที่ฟาดฟันที่แห่งนั้นจะระเบิดกลายเป็นจุณ
เปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งอื่นไปรับมือคงได้ถูกสังหารตรงนั้นแน่!
ผู้คนตกตะลึงตาค้างใจเคว้งขึ้นมา ด้วยมองออกว่าหลินสวินบาดเจ็บจากการต่อสู้จนหลั่งเลือด นี่ทำให้คนตื่นตระหนก
เทพมารหลินในอดีตไร้พ่ายทุกสมรภูมิ โจมตีไม่เคยพลาด
ด้วยเหตุนี้แค่คิดก็รู้แล้วว่าศักยภาพของบุตรนรกน่าพรั่นพรึงเพียงใด สมเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ออกมาจากเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก แข็งแกร่งเกินไปแล้ว
แน่นอนว่ามีคนสังเกตเห็น บุตรนรกก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร ร่างกายเขาสะท้านไหวเล็กน้อย สีหน้าดูซีดเผือด!
วู้ม…
หลินสวินยื่นนิ้วออกมาทันใด เสมือนรวมอานุภาพยิ่งใหญ่ของฤดูกาลหมื่นสมัยไว้ด้วยกัน ใครตามข้าอยู่ ใครขวางข้าตาย!
วสันต์สารทชั่วพริบตา!
คนไม่น้อยใจกระตุกวูบ
แต่ยอดบุคคลอย่างราชันเผิงปีกทองน้อยกลับดวงตาเป็นประกายฉายแววอัศจรรย์
พรวด!
ภายใต้ดรรชนีนี้ เปลี่ยนเป็นคู่ต่อสู้คนอื่นคงถูกกำราบไปแล้ว
แต่สุดท้ายบุตรนรกแค่เพียงได้รับบาดเจ็บ ถูกพลังดรรชนีจู่โจมจนร่างซวนเซถอยร่น อดกระอักเลือดออกมาไม่ได้
แต่พร้อมกันนี้กลางหน้าอกหลินสวินก็ปรากฏรอยเลือดสายหนึ่ง ผิวปริเนื้อแตกลึกจนเห็นกระดูก นี่คือบาดแผลที่ถูกทวนศึกวาดผ่าน
ทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บ ทั้งมองไม่ออกว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบ
แต่ทุกคนต่างมองเห็นได้ชัดเจน พูดเปรียบเทียบกันแล้วหลินสวินสำแดงพลังได้น่าทึ่งนัก
ด้วยพลังปราณเขาเดิมทีก็ด้อยกว่าบุตรนรกขั้นหนึ่ง แต่กลับทัดเทียมกันในการต่อสู้ นี่น่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว
ฮูม…
บนตัวบุตรนรกแสงมรรคเจิดจ้าพวยพุ่ง ทำให้อาการบาดเจ็บทั่วร่างเขาฟื้นคืนสู่สภาพเดิมในพริบตา
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงอ้าปากค้าง วิธีฟื้นฟูอาการบาดเจ็บเช่นนี้เรียกได้ว่าพลิกฟ้าจริงๆ แล้วนี่จะสังหารได้อย่างไร ใครจะเป็นคู่ต่อสู้เขาได้อีก
แต่ทันใดนั้นทุกคนก็ค้นพบอย่างประหลาดใจว่า บนตัวหลินสวินมีแสงมรรคเร้นลับหมุนวนอยู่ชั้นหนึ่ง อาการบาดเจ็บของเขาผสานกันด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า!
“นี่…”
ทุกคนต่างสั่นสะท้านพูดไม่ออก ทั้งสองสู้กันจนเลือดตกยางออกกว่าร้อยกระบวน ได้รับบาดเจ็บเต็มไปหมด แต่ตอนนี้กลับฟื้นคืนสภาพใหม่อีกครั้ง
น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
“ฮึ! การหยั่งเชิงสิ้นสุดแล้ว ต่อจากนี้ข้าจะบอกเจ้าเองว่าอะไรที่เรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า!”
บุตรนรกสีหน้าเยียบเย็น ริมฝีปากเอ่ยคำเร้นลับซับซ้อนราวเสียงลมที่มาจากส่วนลึกของขุมนรก
และลักษณะพลังของเขาก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ…
…………….