ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 88-1 คืนที่ยี่สิบเก้า

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​แสงกระจ่าง​ทอด​ลง​ ​สวี​โหย​่ว​หรง​ใช้​เคล็ด​วิชา​แสง​ศักดิ์สิทธิ์​รักษา​บาดแผล​ให้​เฉิน​ฉาง​เซิง

​ต่อมา​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ใช้​เข็มทอง​คลาย​ชีพจร​ของ​เซียว​จาง​ ​หลังจากนั้น​ก็​ป้อน​ยาลูกกลอน​เพื่อให้​โลหิต​ไหลเวียน​ดี

​เซียว​จาง​ไม่ได้​ขอบคุณ​เขา​ ​กลับ​ไม่พอใจ​ ​เขา​เอ่ย​ว่า​ ​“​ยาจู​ซา​เล่า​ ​เหตุใด​ไม่เอา​มา​ให้​ข้า​ลอง​ชิม​สัก​เม็ด​”

​ภายใต้​การโอ้อวด​อย่างจงใจ​ของ​เหล่า​อาจารย์​พระราชวัง​หลี​ใน​การนำ​ของ​อัน​หวา​และ​เหล่า​ศิษย์​ผู้​บ้าคลั่ง​เหล่านั้น​ ​ทั่วทั้ง​ดินแดน​ทราบ​ดี​ถึงที่​มา​และ​วิธีการ​ทำ​ของ​ยาจู​ซา

​ยาวิเศษ​ที่สูง​ส่ง​อย่างยิ่ง​ ​และ​ศักดิ์สิทธิ์​อย่างยิ่ง​นี้​ ​ทำ​มาจาก​โลหิต​ศักดิ์สิทธิ์​ของ​ใต้เท้า​สังฆราช​เอง

​เซียว​จาง​เอง​ก็​ทราบ​ ​เพียงแต่​ไม่สน​ใจ​เท่าใด​นัก​ ​ใน​ใจ​เขา​คิด​เพียง​ว่า ​ยา​เจ้า​แล้ว​จะ​เป็น​อย่างไรเล่า

​เฉิน​ฉาง​เซิง​อธิบาย​ ​“​ยาที​่​หลอม​เสร็จ​เมื่อ​หลาย​วันก่อน​ขวด​นั้น​ได้​ส่ง​ไป​ยัง​จวน​ซง​ซาน​แล้ว​ ​หาก​ท่าน​อยาก​ทาน​ ​ต้อง​รอ​อีก​สิบ​กว่า​วัน​”

​ตอนนี้​สงคราม​ยัง​ไม่​เริ่ม​ ​และ​เซียว​จาง​เอง​ก็​สำคัญ​กับ​เผ่า​มนุษย์​มาก​นัก​ ​เขา​กลับ​ไม่สน​ใจ

​แต่​สวี​โหย​่ว​หรง​สนใจ​ ​อาจ​เพราะ​สงสาร​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​และ​อาจ​เพราะ​โลหิต​ใน​กาย​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​นั้น​มี​โลหิต​ของ​นาง​ไหลเวียน​อยู่​ด้วย​ ​แทบจะ​แยก​ออกจาก​กัน​ไม่ได้​เลย

​หรือ​จะ​เอ่ย​ว่า​ ​ยาจู​ซานั​้​นมี​ครึ่งหนึ่ง​ที่​เป็น​ของ​เขา​ ​เดิมที​ก็​ควรจะเป็น​ของ​นาง​ครึ่งหนึ่ง​ ​ถือดี​อย่างไร​ที่​เจ้า​เพียง​คนเดียว​จะ​เป็น​คน​ตัดสินใจ

​นาง​มอง​ไป​ยัง​เซียว​จาง​ก่อน​เอ่ย​ ​“​ท่าน​แน่ใจ​รึ​ว่า​จะ​ทาน​”

​เมื่อ​นึกถึง​บทสนทนา​ของ​นาง​และ​บรรพต​เยียน​จือ​ก่อนหน้า​ ​เซียว​จาง​จู่ๆ​ ​ก็​รู้สึก​หนาวเย็น​ขึ้น​มา​ ​ก่อน​เอ่ย​ว่า​ ​“​ถือว่า​ข้า​ผายลม​ไป​ก็แล้วกัน​”

​เมื่อ​เห็นภาพ​นี้​ ​หวังผ​้​อก​็​อารมณ์ดี​นัก​ ​เขา​หัวเราะ​ออกเสียง​ออกมา​เลย​ทีเดียว

​เซียว​จาง​เอ่ย​เสียงเย็น​ชา​ ​“​เสียง​ผายลม​ของ​เจ้า​ดัง​ยิ่งนัก​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เอ่ย​ถาม​ ​“​ท่าน​มา​ได้​อย่างไร​”

​นี่​คือ​คำถาม​ที่​สวี​โหย​่ว​หรง​และ​เซียว​จาง​อยาก​ทราบ​เช่นกัน

​ถึงแม้ว่า​จนถึง​ตอน​สุดท้าย​ผู้คุม​กฎ​มาร​จะ​ไม่​ปรากฏตัว​ ​แต่​กับดัก​ของ​คน​ชุด​ดำ​นี้​ไม่ได้​มีปัญหา

​เซียว​จาง​ตอบ​ข้อความ​ผ่าน​เผ่า​หมี​ ​เผ่า​มาร​เริ่ม​ไล่​ล่า​สังหาร​ ​นี่​คือ​เรื่อง​เมื่อ​สิบ​กว่า​วันก่อน

​เฉิน​ฉาง​เซิง​กว่า​จะ​ได้รับ​ข้อความ​ก็​เมื่อ​สอง​วันก่อน​นี่เอง

​เหล่า​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​อาณาเขต​เทพศักดิ์​สิทธิ์​อย่าง​เหมา​ชิว​อวี​่​หรือ​เซี่ยง​อ๋อง​นี้​ ​หาก​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​แรงกดดัน​อย่าง​กองทัพ​เผ่า​มาร​นี้​ ​แทบจะ​ไม่มีใคร​รู้เรื่อง​เลย

​คืนนี้​เซียว​จาง​บรรลุ​ระดับ​ขั้น​ ​เหมา​ชิว​อวี​่​ ​เซี่ยง​อ๋อง​ ​รวมถึง​คนอื่นๆ​ ​ต่าง​ก็​รับรู้​ได้​เช่นกัน

​แต่​ทั้งสอง​ระยะห่าง​กัน​นัก​ ​ต่อให้​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​อาณาเขต​เทพศักดิ์​สิทธิ์​เอง​ก็​มา​ไม่ทัน​แน่​ ​นอก​เสีย​จาก​ว่า​เปี​๋ย​ยั่ง​หง​จะ​ฟื้น​ชีวิต​กลับมา​อีกครั้ง

​สาเหตุ​ดั้งเดิม​ยังคง​เป็น​คำ​ว่า​ ​‘​เชื่อใจ​’​ ​สอง​คำ​นี้

​เซียว​จาง​ไม่​ชอบ​โลก​ใบ​นี้​ ​แน่นอน​ว่า​ต้อง​ไม่เชื่อใจ​โลก​ใบ​นี้​แน่

​ใน​สายตา​เขา​ ​บุคคล​อย่าง​เหมา​ชิว​อวี​่​และ​เซี่ยง​อ๋อง​เกรง​ว่า​จะ​อันตราย​ยิ่งกว่า​ยอด​ฝีมือ​แห่ง​เผ่า​มาร

​เหมือนกับ​ซู​หลี​ใน​ปีนั​้น

​หรือ​กระทั่ง​เฉิน​ฉาง​เซิง

​ทุกอย่าง​เกิดขึ้น​เร็ว​มาก​ ​เขา​แทบจะ​ไม่ทัน​ได้คิด​คำนวณ​เลย

​ต่อให้​รู้ดี​ว่า​เป็น​กับดัก​ของ​เผ่า​มาร​ ​เขา​ก็​ทำได้​เพียง​บุกเข้าไป

​เหตุใด​หวังผ​้อ​จึง​ปรากฏตัว​ได้

​เขา​ออกจาก​เมือง​ไป๋​ตี้​ ​สวี​โหย​่ว​หร​งอ​อก​จาก​เทือกเขา​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​ ​มายัง​ทุ่งหญ้า​แห่ง​นี้​ ​เนื่องจาก​พวกเขา​มี​วิธีการ​ส่งสาร​พิเศษ​ ​และ​มี​ความเร็ว​ที่​รวดเร็ว​อย่างมาก

​นี่​ยืนยัน​ได้​เพียง​ว่า​หวังผ​้​อรู​้​ข่าว​นี้​ล่วงหน้า

​ผู้ใด​บอก​เขา​กัน

​“​ใน​หลาย​คืน​ก่อน​ ​กิเลน​เมฆา​อัคคี​ไป​ยัง​สำนัก​ต้นถง​ ​นำ​จดหมาย​ไป​หนึ่ง​ฉบับ​”

​หวังผ​้อ​เอ่ย​ว่า​ ​“​จดหมาย​ฉบับ​นั้น​มาจากลั​่ว​หยาง​”

​ในลั​่ว​หยาง​มี​อาราม​ฉาง​ชุน

​เฉิน​ฉาง​เซิง​มอง​ไป​ยัง​หวังผ​้อ

​หวังผ​้​อพ​ยัก​หน้า

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ตกตะลึง​ ​ใน​ใจคิด​ว่า​เหตุใด​อาจารย์​จึง​ได้​ทราบ​กลลวง​ของ​เผ่า​มาร​ล่วงหน้า​ได้

​“​คน​ชุด​ดำ​มีสิ​่ง​ผิดปกติ​”​ ​สวี​โหย​่ว​หรง​เอ่ย​ขึ้น

​คำ​สนทนา​สุดท้าย​ระหว่าง​นาง​และ​บรรพต​เยียน​จือ​ ​ก็​คือ​ต้องการ​ยืนยัน​ใน​สิ่ง​นี้

​“​ตอนนี้​เมื่อม​อง​แล้ว​ ​ทาง​อาจารย์​ของ​เจ้า​นั่นเอง​ที่​มีปัญหา​ ​หาก​อยาก​จะ​พิสูจน์​ชัด​ ​ท่าน​ต้อง​ไปลั​่ว​หยาง​สัก​ครา​”

​ลม​รัตติกาล​ค่อยๆ​ ​สงบ​ลง​ ​ฝุ่น​ควัน​จางหาย​ ​ขอบฟ้า​เหมือน​จะ​ปรากฏ​สีขาว​เสี้ยว​หนึ่ง​ออกมา

​แสงอรุณ​รุ่ง​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​วัน​ใหม่​ใกล้​มา​เยือน

​หวังผ​้อ​เอ่ย​กับ​เซียว​จาง​ว่า​ ​“​ไป​กับ​ข้า​ไหม​”

​กระดาษ​ขาว​ปลิวพึ่บพั​่บ ​นั่น​เพราะ​เซียว​จาง​กำลัง​หายใจ​ ​เพราะ​อารมณ์​โกรธ​นั่นเอง

​“​ตอนนี้​ข้า​ไม่​ด้อย​ไป​กว่า​เจ้า​ ​ต้อง​ให้​เจ้า​มาสน​ใจ​หรือ​”

​หลาย​สิบ​ปี​มานี​้​ ​ฟัง​คำพูด​อย่างนี้​มามาก​มาย​นัก​ ​หวังผ​้อ​หัวเราะ​ ​ไม่สน​ใจ​เขา

​เซียว​จาง​ยังคง​เย่อหยิ่ง​และ​ขี้​หงุดหงิด​อย่างนั้น​ ​นิสัย​ย่ำแย่​นัก

​เฉิน​ฉาง​เซิง​สงสัย​นัก​ว่านิ​สัย​อย่าง​เขา​นี้​คิด​อย่างไร​มา​ขอความช่วยเหลือ​จาก​ตน

​เซียว​จาง​ให้เหตุผล​ไว้​ง่ายดาย​นัก​ ​แต่กลับ​ดูเหมือน​มีพลัง​ ​กระทั่ง​ทำให้​คน​หวั่นไหว​ได้​เลย

​“​ข้า​บำเพ็ญพรต​มาก​ว่า​สิบ​ปี​ ​บอก​ได้​อย่าง​ไม่อาย​เลย​ว่า​ฝึก​หนัก​มาก​ ​มุ่งมั่น​อย่าง​ถึงที่สุด​ ​ไม่​หวั่น​แม้​จะ​ธาตุ​ไฟ​เข้า​แทรก​ ​จึง​ได้มา​ถึงขั้น​นี้​ได้​ ​เมื่อ​เห็น​ความเป็นไปได้​ใน​การข้าม​ขั้น​นั้น​ ​หาก​ตาย​ตอนนี้​จะ​น่าเสียดาย​ถึง​เพียงนั้น​เลย​หรือ​ ​ต่อให้​ตาย​ไป​ ​ก็​ให้​ข้า​ได้​ไป​ยล​ทิวทัศน์​ด้าน​นั้น​ก่อน​สักหน่อย​เถิด​”

​“​และ​หาก​ข้าม​ธรณีประตู​ด่าน​นั้น​มา​ไม่ได้​ ​รบรา​จน​ตัว​ตาย​บน​ทุ่ง​หิมะ​ก็​ยัง​ถือได้ว่า​เศร้าสลด​และ​เร้าใจ​ ​ก็​ไม่เป็นไร​ ​แต่​ตอนนี้​เผ่า​มนุษย์​จะ​ชนะ​อยู่​แล้ว​ ​ข้า​เอง​ก็​เป็นไปได้​ที่จะ​เข้าสู่​อาณาเขต​เทพศักดิ์​สิทธิ์​แล้ว​ ​อย่างนั้น​ข้า​ก็​จะ​มี​ร่าง​ที่​เป็นประโยชน์​ ​อย่างนั้น​ข้า​จะ​สิ้นชีวิต​ไป​ตามอำเภอใจ​ได้​อย่างไร​ ​ข้า​ต้อง​ใช้ชีวิต​อย่างระมัดระวัง​ต่างหาก​”

​หาก​ข้าม​ผ่าน​ด่าน​นี้​ได้​ ​เขา​ที่​เคย​รัก​แรง​เกลียด​แรง​ ​กังขา​โลก​ใบ​นี้​ ​เย่อหยิ่ง​และ​ทำตาม​อำเภอใจ​ ​ล้วน​ต้อง​พัก​ไว้​ทั้งสิ้น

​เนื่องจาก​เขา​ต้อง​มีชีวิต​ต่อไป​ ​มีชีวิต​เพื่อ​เผ่า​มนุษย์​ ​หรือ​จะ​กล่าว​อีก​อย่าง​ก็​คือ​ ​เขา​ไม่ได้​เป็นตัว​เอง​อีกต่อไป​ ​อย่างน้อย​ก็​ไม่​เพียงแค่​ตัว​เขา​เอง

​หวังผ​้​อรู​้​สึก​เห็นใจ​อยู่​บ้าง​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​รู้สึก​ปลง​อยู่​บ้าง​ ​สวี​โหย​่ว​หรง​รู้สึก​หนักอึ้ง​อยู่​บ้าง​ ​ใน​ใจคิด​ว่าความ​งดงาม​หลัง​การข้าม​ผ่าน​ด่าน​นั้น​ ​สำหรับ​ผู้​บำเพ็ญพรต​แล้ว​ ​มีผลกระทบ​มาก​อย่างนั้น​เลย​หรือ

​ลม​อรุณรุ่ง​หนาวเย็น​เล็กน้อย​ ​บรรยากาศ​อบอุ่น​เล็กน้อย​ ​แต่​เซียว​จาง​เอง​กลับ​ไม่​ชอบ​นัก

​เขา​ชอบ​ที่จะ​ถูก​คน​ให้​ความเคารพ​ ​ถูก​คน​เกรงกลัว​ ​ไม่​ชอบ​ถูก​คน​ชื่นชม​ ​ชื่นชอบ

​เขา​คุ้นเคย​กับ​ชีวิต​ที่​เยือกเย็น​ ​เพื่อ​หลีกเลี่ยง​ไม่​ให้​บทสนทนา​เข้าสู่​ถ้อย​วาจา​อัน​อบอุ่นใจ​ ​เขา​จึง​เปลี่ยน​เรื่อง​ด้วย​ท่าที​แข็งทื่อ

​“​วิชา​ประสาน​กระบี่​ของ​พวก​เจ้า​ร้ายกาจ​ยิ่งนัก​”

​เซียว​จาง​มอง​ไป​ยัง​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​พลาง​เอ่ย

​ถึงแม้ว่า​จะ​เปลี่ยน​หัวข้อ​สนทนา​อย่างกะทันหัน​ ​แต่​สีหน้า​ของ​เขา​จริงจัง​มาก​ ​เนื่องจาก​เขา​กำลัง​พูด​เรื่องจริง

​วิชา​ประสาน​กระบี่​ที่ว่า​ ​หมายถึง​วิชา​สอง​กระบี่​ประสาน​พลัง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​แต่​ไม่ได้​จำกัด​เพียงเท่านี้​ ​ยัง​รวมไปถึง​การ​ร่วมมือ​กันต​่​อสู​้​ระหว่าง​พวกเขา​ทั้งสอง​กับ​บรรพต​เยียน​จือ​ด้วย

​การ​ร่วมมือ​อัน​ไร้​ที่​ติ​ ​เป็นอิสระ​หมุนเวียน​ ​ราวกับ​ดวงดาว​ที่​สาดส่อง​มหา​นที​นั้น​ ​ล้วน​ต้อง​มี​เจตนา​อัน​แน่วแน่​ของ​คน​สอง​คนที​่​ตรงกัน

​ทั่วทั้ง​ดินแดน​ล้วน​ทราบ​ดี​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ล้วน​เป็น​คู่​บำเพ็ญพรต​กัน​ ​แต่​ผู้ใด​ก็​ล้วน​ทราบ​ดี​ ​จิตใจ​ประสาน​รวม​เป็นเรื่อง​ที่​ยาก​ที่สุด​ใน​ดินแดน​นี้

​ต่อให้​เป็นมา​รดา​และ​บุตร​ ​เพื่อ​ร่วม​ชะตากรรม​ที่​เป็น​ตาย​ร่วมกัน​มา​ ​สามีภรรยา​ที่​ร่วมชีวิต​กัน​มา​ ​ก็​ยาก​จะ​ทำได้​ ​เหตุใด​พวกเขา​ทำได้

​แม้แต่​คน​อย่าง​เซียว​จาง​ยัง​เอ่ย​ชม​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ค่อนข้าง​ดีใจ​ ​ทั้ง​ยัง​รู้สึก​กลัดกลุ้ม

​อันดับ​แรก​คือ​คำถาม​นี้​ตอบ​ยาก​ ​ลำดับ​ต่อมา​ก็​คือ​คืนนี้​โหย​่ว​หร​งอา​รมณ์​ไม่​ค่อย​ดีนัก​ ​เขา​กังวล​ว่า​หาก​ตอบ​ไม่ดี​จะ​ทำให้​นาง​ไม่​ปลื้ม​ได้

​สายตา​ของ​เซียว​จาง​มอง​กลับ​ไปมา​ระหว่าง​เขา​และ​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​ก่อน​เอ่ย​ ​“​ระหว่าง​พวก​เจ้า​ทั้ง​มอง​มีปัญหา​อะไร​หรือไม่​”

​…​…

​…​…

​“​ระหว่าง​พวก​เจ้า​ทั้ง​มอง​มีปัญหา​อะไร​หรือไม่​”

​แสงดาว​ทอด​ตกลง​ระหว่าง​ลานบ้าน​ ​สาดส่อง​พื้น​สีเขียว​เสีย​จน​กลายเป็น​สีเงิน​ ​ทำให้​อาภรณ์​สีเหลือง​ห่าน​กลายเป็น​สีเหลือง​งาช้าง

​เมื่อ​เห็น​เจ๋อ​ซิ​๋​วอ​ยู่​นอก​รั้ว​ ​ชี​เจียน​รู้สึก​ไม่สบายใจ​นัก​ ​มือ​ทั้งสอง​ข้าง​กุม​แขน​เสื้อ​แน่น

​หาก​เป็น​เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​ ​เวลานี้​เขา​คง​กำลัง​จดจ้อง​ไป​ยัง​อิฐ​สีเงิน​เหล่านั้น​เนื่องจาก​เขา​เอง​ก็​ชื่นชอบ​เงิน​มาก

​ไม่อย่างนั้น​ ​เขา​ก็​คง​จดจ้อง​มายัง​ตนเอง​ ​เขา​ชอบ​อาภรณ์​ชุด​นี้​ที่สุด​ ​ชอบ​มอง​ตนเอง​ที่สุด

​นับตั้งแต่​เมื่อไร​ก็​ไม่รู้​ ​ทั้งหมด​ล้วน​เปลี่ยนไป​แล้ว​หรือ

​มอง​ไป​ยัง​แผ่น​หลัง​ของ​เจ๋อ​ซิ่ว​ ​สีหน้า​ของ​ชี​เจียน​ดู​เหงาหงอย​อยู่​บ้าง

​เจ๋อ​ซิ่ว​ไม่ได้​มีท​่า​ที​จะ​หันหลัง​กลับ​ ​และ​ก็​ไม่ได้​ตอบคำถาม​ตรงๆ

​“​อย่า​คิด​ไป​เรื่อย​ ​รีบ​นอน​เสีย​ ​อีก​เดี๋ยว​ข้า​กลับมา​”

​…​…

​…​…