บทที่ 2039 ยกเลิกแผนการเดินทาง

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“รับทราบ!” ชิงเยว่เอ่ยรับ แต่ในใจกลับรู้สึกกะทันหันอยู่บ้าง นี่ต้องการจะลงมือกับฮ่าวเต๋อฟางเหรอ?

ความแค้นระหว่างนางกับฮ่าวเต๋อฟางพัวพันกันมาหลายปีขนาดนี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องสะสางแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่รู้สึกสะใจจากการล้างแค้นเลยสักนิด มีแต่ความรู้สึกทอดถอนใจ…

ต้วนชุนเอ๋อร์สังเกตปฏิกิริยาของนาง “พี่ชิงไม่หวังให้ฮ่าวเต๋อฟางถูกกำจัดเหรอ?” ตอนที่พูดประโยคนี้ นางสังเกตปฏิกิริยาของเหมียวอี้เช่นกัน มีเจตนาจะเตือนเหมียวอี้  ว่าคนคนนี้เชื่อถือได้หรือไม่กันแน่ อย่าให้เกิดช่องโหว่อะไรในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ

ชิงเยว่ตอบว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว” พูดจบก็หันตัวเดินจากไป

เหมียวอี้ชำเลืองมองเงาหลังของนางพลางทำท่าครุ่นคิด ต้วนชุนเอ๋อร์ถามอีกว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ระดมพลหนึ่งล้าน น้อยไปหน่อยหรือเปล่า?”

เหมียวอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม “นี่ยังน้อยอีกเหรอ? มีเรื่องมากมายที่จุดร้ายแรงที่แท้จริงมักไม่ได้อยู่บนฉากหน้า  และไม่ได้อยู่ในจุดที่มองเห็นด้วย ถ้าสิ่งที่จอมพลผังแอบดำเนินการในที่ลับไม่เหมาะสม ต่อให้ข้าส่งกำลังพลทั้งหมดไปก็ไม่มีประโยชน์ ท่านว่าไหมล่ะ?”

ในจุดนี้ต้วนชุนเอ๋อร์ปฏิเสธไม่ได้ การต่อสู้ระหว่างอำนาจแต่ละฝ่าย กุญแจสำคัญของผลแพ้ชนะไม่ได้อยู่ที่ภายนอก อย่างไรเสียอำนาจใหญ่โตขนาดนี้ใช่ว่าใครจะกล้าฮุบได้ง่ายๆ เมื่อถึงเวลาที่ต้องสู้กันอย่างเปิดเผย ที่จริงแล้วนั่นคือการแข่งกันว่าก่อนหน้านี้ใครเตรียมตัวได้เต็มที่กว่ากัน การประจันหน้าเข่นฆ่าของทัพใหญ่มักเกิดขึ้นตอนตรวจสอบผลลัพธ์สุดท้าย

เหมียวอี้บอกอีกว่า “กำลังพลหนึ่งล้านก็ไม่น้อยแล้ว สิ่งที่จอมพลผังต้องการไม่ใช่กำลังพลไม่กี่ส่วนที่ข้าส่งไป มิหนำซ้ำถ้ากำลังพลของที่นี่ข้าเคลื่อนไหวก่อน ก็จะถูกเปิดโปงความลับง่ายๆ แล้วถ้าข้าระดมกำลังพลที่นี่มากเกินไป ก็ไม่เป็นผลดีเวลาร่วมมือรุกโจมตีพร้อมจอมพลผังเหมือนกัน ท่านคิดว่ายังไงล่ะ?”

“ข้าก็แค่ต้องรายงานสถานการณ์ของฝั่งนี้ขึ้นไปให้ท่านจอมพลรู้ตามความจริง ต้องให้ท่านจอมพลตัดสินใจว่ายินยอมหรือไม่” ต้วนชุนเอ๋อร์กล่าว

“เชิญตามสะดวก!” เหมียวอี้พยักหน้า

เรื่องจริงได้พิสูจน์แล้วว่าผังก้วนไม่ได้มีความเห็นแย้งอะไรกับสิ่งนี้ สิ่งที่เขาต้องการก็คือ เมื่อถึงเวลาที่เขาลงมือ ทุกคนต้องรู้ว่าเหมียวอี้ส่งกำลังทหารมาให้ความร่วมมือกับเขา เขาต้องการดึงเหมียวอี้มาร่วมชะตากรรมเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ป้องกันไม่ให้เหมียวอี้ลังเล ถอนกำลังเมื่อเรื่องจวนตัว กำลังพลหนึ่งล้านเพียงพอที่จะแสดงจุดยืนแล้ว

วันแต่งงานของหวังลั่วกับผังอวี้เหนียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จวนจอมพลสายเถาะกำลังเตรียมตัวทั่วทุกด้านเพื่องานมงคล บรรยากาศคึกคักน่าเฉลิมฉลอง

สิ่งที่ไม่กลมกลืนกันกันก็คือ จาหรูเยี่ยนทะเลาะกับผังก้วนหลายครั้งเพราะเรื่องนี้ นางร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ทำเอารู้กันทั่วทั้งจวนจอมพล เพิ่มบรรยากาศมืดครึ้มให้งานมงคลนี้

ส่วนผังอวี้เหนียงก็เหมือนจะยอมรับชะตากรรมแล้ว ตอนที่ผังก้วนบอกว่าจะยกนางให้แต่งงานกับหวังลั่ว ผังอวี้เหนียงก็ได้แต่มองบิดาตัวเองอย่างเหม่อลอยอยู่นานมาก นางไม่ได้ขัดขืน ตอบรับอย่างใจเย็น ดูเหมือนราบรื่นมาก แต่ผังก้วนถูกสายตาแบบนั้นของลูกสาวแทงจนเจ็บแล้วจริงๆ กลายเป็นเงามืดในใจที่ลบไม่ออกแล้ว

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผังอวี้เหนียงก็เก็บตัวอยู่ในห้องนอนตัวเอง แทบไม่ได้โผล่หน้าออกมาอีกเลย

ครอบครัวกังวลว่านางจะเป็นอะไรไป จึงให้สาวใช้คอยตามติดไม่ห่าง แล้วกำชับผังเสี้ยวเสี้ยวให้ไปอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวบ่อยๆ พูดโน้มน้าวนางให้มากๆ

วันนี้ผังอวี้เหนียงดูแลดอกไม้อยู่ในสวนของตัวเองอย่างเงียบๆ ผังเสี้ยวเสี้ยวคอยหาเรื่องคุยอยู่ข้างๆ

สาวใช้คนหนึ่งที่อยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามา รายงานต่อคุณหนูทั้งสองคนว่า “แย่แล้วค่ะ ฮูหยินกับนายท่านทะเลาะกันอีกแล้ว”

ผังอวี้เหนียงไม่สะทกสะท้าน เหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ส่วนผังเสี้ยวเสี้ยวก็รีบเดินออกไปอย่างกระวนกระวาย

จนกระทั่งผังเสี้ยวเสี้ยวมาถึง ก็เห็นผังก้วนทำเสียงฮึดฮัดและสะบัดชายเสื้อเดินออกมาแล้ว นางมองบิดาที่มีใบหน้าเกรี้ยวโกรธเดินผ่านไป แล้วมองมารดาที่ร้องไห้ปาดน้ำตาอีก นางทำได้เพียงเดินเข้าไปประคองมารดาที่ร้องให้กลับเข้ามาในห้อง

ผังเสี้ยวเสี้ยวกันคนอื่นออกไป แล้วเดินมาข้างหลังมารดาที่นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่ถูกรื้อพัง นางช่วยจัดแต่งทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้ แล้วถอนหายใจเบาๆ “ท่านแม่ ท่านพ่อทำอย่างนี้เกินไปหน่อยหรือเปล่า…” แล้วจู่ๆ ก็เงียบไปอีก มองมารดาที่อยู่ในกระจก

จาหรูเยี่ยนปาดน้ำตา สีหน้าดูใจเย็นมากอย่างเห็นได้ชัด ความเศร้าโศกก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว จาหรูเยี่ยนสบตากับนางผ่านกระจก พร้อมบอกว่า “เสี้ยวเสี้ยว แม่กับพ่อเจ้าทะเลาะกันมาหลายปี จะทะเลาะกันยังไงก็ไม่เป็นไร เรื่องแต่งงานของเจ้ากับพี่สาวเจ้า เจ้าเองก็อย่าโทษท่านพ่อเจ้าเลย มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เจ้าต้องเข้าใจ ขอเพียงพ่อเจ้าสบายดี พวกเราถึงจะได้สบายดีไปด้วย ต่อให้ชีวิตลำบากแค่ไหน แต่ถ้าครอบครัวเดิมยังมีคนช่วยอยู่ เจ้าก็ไม่เสียเปรียบเท่าไรหรอก มีทางให้พวกเจ้าถอยกลับอยู่แล้ว แม่เองก็ไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้าถูกทรมานโดยไม่สนใจ ในทางกลับกัน ถ้าพ่อเจ้าเป็นอะไรไป ทุกคนในบ้านจะมีชีวิตต่อไปได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเกียรติยศความร่ำรวยที่อยู่ตรงหน้า เรื่องไหนสำคัญมากสำคัญน้อย พวกเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะชั่งน้ำหนักนะ! พ่อเจ้าคือเสาหลักของครอบครัว พิจารณาถึงอนาคตของคนในครอบครัว คำนึงถึงหนทางที่ยาวไกลของครอบครัว เรื่องบางเรื่องเจ้าจะโทษท่านพ่อไม่ได้ เจ้าต้องเห็นใจ เข้าใจไหม?”

ไม่ได้ยินแบบนี้ ในดวงตาผังเสี้ยวเสี้ยวก็ฉายแววตกใจกลัว นึกไม่ถึงว่ามารดาจะพูดถึงหลักการเหตุผลแบบนี้ออกมาได้?

จู่ๆ นางก็รู้สึกตัวสั่นทั้งที่ไม่ได้หนาว รู้สึกได้รางๆ ว่าเรื่องที่บิดามารดาทะเลาะกันแอบซ่อนแผนการร้ายที่ใหญ่โตเอาไว้

ทว่าในตอนนี้ ฮ่าวเจ๋อมาแล้ว ลูกชายคนโตของฮ่าวเต๋อฟางที่อยู่ในตำแหน่งเทพประจำดาวมาแล้ว เป็นตัวแทนฮ่าวเต๋อฟางมาส่งสินสอดให้

ผังอวี้เหนียงก็ถูกเชิญออกมาแล้วเช่นกัน ต่อหน้าคนอื่นนางกับฮ่าวเจ๋อเรียกกันว่าพี่ชายกับน้องสาว

ฮ่าวเจ๋อมาเพื่อยืนยันต่อหน้าฝูงชนว่าผังอวี้เหนียงเป็นน้องสาวก็เรื่องหนึ่ง มาส่งสินสอดให้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งยังนำข่าวดีมาให้ตระกูลผังด้วย บอกว่าวันแต่งงานอ๋องสวรรค์ฮ่าวจะมาร่วมแสดงความยินดีด้วยตัวเอง

ฮ่าวเจ๋ออยู่ที่นี่เพียงครึ่งวัน หลังจากเขาออกไปแล้ว ผังก้วนกับเฉินหวยจิ่วก็เข้ามาในห้องหนังสืออีก

“ชิงเยว่นำทัพใหญ่แดนรัตติกาลหนึ่งล้านมาถึงอย่างลับๆ แล้วขอรับ” เฉินหวยจิ่วที่เดินตามอยู่ข้างหลังรายงาน

“หาที่อยู่ให้พวกเขาให้เรียบร้อย ตอนนี้อย่าให้พวกเขาแสดงตัวเด็ดขาด” ผังก้วนนั่งลงแล้วกำชับ ก่อนจะถามอีกว่า “ฝั่งพวกเราเตรียมตัวเป็นยังไงแล้ว?”

“นายท่านวางใจได้ เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยก่อนวันงานแน่นอน” เฉินหวยจิ่วรับประกัน แล้วกล่าวอย่างลังเลอีกว่า “ฝั่งพวกเราไม่สะดวกจะระดมกำลังพลเยอะเกินไป กำลังพลลับที่ฮ่าวเต๋อฟางพามาด้วยต้องไม่น้อยแน่นอน ถ้าจะลงมือจริงๆ บ่าวก็กังวลนิดหน่อย คำสัญญาของตระกูลเซี่ยโห้วเชื่อถือได้หรือขอรับ?”

ผังก้วนเอานิ้วเคาะผิวโต๊ะ “คงจะไม่มีปัญหาอะไร ตระกูลเซี่ยโห้วรับปากแล้ว พวกเขาจะลงมือเป็นสัญญาณก่อน พวกเราเคลื่อนไหวทีหลัง ส่วนหนิวโหย่วเต๋อก็จะเดินทัพเมื่อเห็นฝั่งพวกเราเคลื่อนไหว ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วไม่มีปฏิกิริยาอะไร พวกเราก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ ไม่มีอะไรเสียหาย!”

“เช่นนั้นก็ดีขอรับ!” เฉินหวยจิ่วพยักหน้า โล่งอกแล้ว

วันแต่งงานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าวก็เตรียมการให้ฮ่าวเต๋อฟางออกเดินทางเช่นกัน คนที่อยู่ในตำแหน่งระดับฮ่าวเต๋อฟาง การประกาศออกเดินทางย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ความปลอดภัยต้องมาก่อน ต้องเตรียมวางแผนทุกด้านล่วงหน้าแน่นอน

ในตึกศาลา ฮ่าวเต๋อฟางยืนพิงระเบียง มองละอองฝนโปรยปรายด้านนอก เมฆดำปกคลุมบนฟ้าเหนือจวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ฟ้าแลบฟ้าร้อง ฟ้าผ่าผ่านไปเป็นระยะ

ซูอวิ้นกำลังรายงานแผนการเดินทางอยู่ข้างๆ

ฟังไปได้ครึ่งเดียว ใครจะคิดว่าฮ่าวเต๋อฟางกลับกล่าวเสียงเรียบว่า “แจ้งไปทางฝั่งผังก้วน บอกว่าอ๋องผู้นี้มีธุระสำคัญ ยกเลิกแผนการเดินทางร่วมงาน ให้ฮ่าวเจ๋อไปแทน!”

ซูอวิ้นงงไปชั่วขณะ นางมองสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านของฮ่าวเต๋อฟางท่ามกลางแสงฟ้าแลบ ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป จึงถามอย่างลังเลว่า “ท่านอ๋อง ในเมื่อท่านรับผังอวี้เหนียงเป็นลูกสาวบุญธรรมแล้ว หวังลั่วก็เหมือนจะเป็นกึ่งๆ ลูกชายของท่าน ฐานะของผังก้วนก็เห็นๆ กันอยู่ ถ้าท่านไม่แสดงตัวในวันแต่งงานของพวกเขา อาจจะไม่เหมาะสมหรือเปล่าคะ?”

“ไปจัดการตามที่ข้าบอก” ฮ่าวเต๋อฟางกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

เมื่อแจ้งข่าวยกเลิกการเดินทางของฮ่าวเต๋อฟางให้ตระกูลผังรู้แล้ว ผังก้วนก็งงเป็นไก่ตาแตก

ด้านนอกแสงแดดสดใส แต่ผังก้วนกับเฉินหวยจิ่ว สองนายบ่าวที่หลบอยู่ในห้องหนังสือกลับมีสีหน้าบึ้งตึง ไม่รู้เหมือนกันว่าฮ่าวเต๋อฟางสังเกตเห็นอะไรหรือเปล่า

เมื่อฮ่าวเต๋อฟางไม่มา พวกเขาก็ไม่มีทางบีบบังคับให้ฮ่าวเต๋อฟางมาได้ ถ้าทำอย่างนี้จริงๆ ฮ่าวเต๋อฟางจะต้องสงสัยแน่นอน

ที่สำคัญก็คือ แผนการที่อุตส่าห์ทุ่มเทความคิดล้มเหลวแล้ว ราวกับชกหมัดไปบนใยฝ้าย ตอนหลังไม่จำเป็นต้องแอบเตรียมการต่อไปแล้ว

“โจรเฒ่า!” ผังก้วนกำหมัดทุบโต๊ะด้วยสีหน้าคับแค้น เกรงว่าเขาคงจะต้องมอบลูกสาวให้หวังลั่วไปเปล่าๆ แล้ว แสดงบทบาทอะไรไม่ได้เลย แต่จะไม่แต่งก็ไม่ได้ เท่ากับต้องยกประโยชน์ให้หวังลั่วต่อไป เขาไม่รู้จะไประบายความคับแค้นใจที่ไหน

เฉินหวยจิ่วก็มีอารมณ์หดหูถึงขีดสุด ถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกว่า “ไม่ต้องร้อนใจขอรับ ยังมีอีกวิธีการหนึ่ง”

ไม่รู้ว่าข่าวมาจากไหน ทางฝั่งจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล มีข่าวแพร่ข้างนอกอยู่ก่อนแล้ว เหมียวอี้ถึงได้ติดต่อไปยืนยันความจริงกับผังก้วน

เมื่อได้รับการยืนยันจากผังก้วนแล้ว ฝั่งเหมียวอี้ก็งงเป็นไก่ตาแตกเช่นกัน จู่ๆ ฮ่าวเต๋อฟางก็ไม่ทำตัวตามปกติ คนที่เตรียมไว้ทั้งที่แจ้งและที่ลับล้วนสูญเปล่า แล้วกลุ่มคนที่อยู่ในวังใต้ดินจะยังค่อยปรับเปลี่ยนแผนตามสถานการณ์ทำแป๊ะอะไรอีก!

เหมียวอี้เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง จู่ๆ ก็หยุดเดินแล้วขมวดคิ้ว “มีใครปล่อยข่าวให้ฮ่าวเต๋อฟางสังเกตเห็นอะไรหรือเปล่า?”

หยางชิ่งส่ายหน้าอย่างลังเล “คงจะไม่ถึงขั้นนั้น เรื่องแบบนี้ผังก้วนจะกล้าปล่อยให้ข่าวหลุดได้ยังไง ต้องเตรียมตัวไว้รอบด้านแน่นอน นอกจากนี้ ถ้าฮ่าวเต๋อฟางรู้ว่าผังก้วนจะก่อกบฏ ภายใต้สถานการณ์ที่อีกฝ่ายมีกำลังมากกว่า มีหรือที่จะปล่อยเขาไว้ มีความเป็นไปได้สูงว่าต้องใช้แผนซ้อนแผน ที่เข้ายกเลิกการเข้าร่วมงานแต่งงาน ถ้ามองจากบางมุมก็อธิบายได้ว่าฮ่าวเต๋อฟางยังไม่รู้ความจริง! แต่การที่ฮ่าวเต๋อฟางทำแบบนี้ แสดงว่าต้องคำนึงถึงความปลอดภัยแน่นอน”

เหมียวอี้เบะปากด่า “ตาผีเฒ่านี่รับมือยากจริงๆ ครั้งนี้ผังก้วนใช้ลูกสาวลงทุนแต่กลับไม่ได้ตักตวงผลประโยชน์ ขนาดโอกาสแบบนี้ยังพลาดได้ ถ้าผังก้วนอยากจะหาโอกาสเหมาะอีกก็เกรงว่าคงยากแล้ว สงสัยฝั่งพวกเราต้องคิดหาวิธีบ้างแล้ว”

หยางชิ่งขมวดคิ้วเงียบๆ ไม่พูดอไร

ส่วนเหมียวอี้ก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเฉาหม่าน อย่างไรเสียฝั่งนี้กับเฉาหม่าน ผังก้วนก็ปฏิบัติการร่วมกัน เมื่อแผนการเปลี่ยนแปลงก็ต้องปรึกษากันสักหน่อย

ใครจะคาดคิด หลังจากติดต่อกับเฉาหม่านได้สักพัก เหมียวอี้ก็ทำสีหน้างุนงง แววตาวูบไหวไม่หยุดนิ่ง

หยางชิ่งสังเกตเห็น จึงถามว่า “นายท่าน เป็นอะไรไปขอรับ?”

เหมียวอี้ทำสีหน้าแปลกๆ “เฉาหม่านบอกว่า ทัพของฮ่าวเต๋อฟางไม่ได้หยุดเตรียมตัวออกเดินทาง ภายนอกเหมือนยกเลิก แต่ที่จริงแล้วยังแอบดำเนินการอย่างลับๆ”

หยางชิ่งงุนงง ก่อนจะหรี่ตาช้าๆ “หรือพูดได้อีกอย่างว่า ฮ่าวเต๋อฟางยังคงเตรียมตัวเข้าร่วมงานแต่งงาน ที่บอกว่ายกเลิกการเดินทาง ก็แค่กำลังสร้างสถานการณ์ให้ฝ่ายตรงข้ามสับสนเท่านั้น!”

เหมียวอี้ส่ายหน้าด้วยความตกตะลึง “คงจะเป็นอย่างนี้ มารดาเจ้าเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้ร่วมมือกับตระกูลเซี่ยโห้ว ได้ประโยชน์จากช่องทางข่าวสารที่ฉับไวของเฉาหม่าน ก็เกือบจะโดนเขาหลอกแล้ว จิ้งจอกเฒ่านี่เจ้าเล่ห์ใช้ได้เลย!”

หยางชิ่งกลับตาเป็นประกาย “นายท่าน เฉาหม่านได้บอกข่าวนี้กับผังก้วนหรือเปล่า?”

เหมียวอี้ชะงักไป รีบเขย่าระฆังดาราคุยกับเฉาหม่านอีก ก่อนจะตอบว่า “ผังก้วนคงจะสะเทือนใจเพราะฮ่าวเต๋อฟางไม่เบา เหมือนกับที่ข้าติดต่อไปยืนยันเรื่องนี้กับผังก้วน ผังก้วนไม่ได้เป็นฝ่ายบอกข้าก่อน ไม่ได้เป็นฝ่ายบอกเฉาหม่านก่อนด้วย และท่าทีของเฉาหม่านก็ไม่ได้กระตือรือร้นขนาดนั้น ผังก้วนไม่ได้ติดต่อถามเฉาหม่าน เฉาหม่านก็ไม่เป็นฝ่ายบอกก่อนเหมือนกัน กำลังรอให้ผังก้วนติดต่อมาหาเขา”

………………