บทที่ 2038 เจตจำนงร่วม

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เป็นค่ำคืนส่งตัวเข้าหออีกแล้ว

เมื่อตื่นขึ้นมา เหมียวอี้ก็พลิกตัว นอนตะแคงมองเป่าเหลียนที่ขดตัวหันหลังให้ตน มวยผมของนางคลายออกจนหลวม

เขาจินตนาการได้ถึงเรือนร่างอรชนอ้อนแอ้นที่เปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่ม ตอนเข้าหอเมื่อคืนนี้เขาได้เชยชมมาหมดแล้ว เป่าเหลียนที่มีท่าทางเขินอายและใจเต้นแรงในครั้งแรก เขาจำภาพเหล่านั้นได้ชัดเจน

เจ้าสำนักอวี้หลิงเป็นคนกำหนดวันแต่งงาน เป่าเหลียนแต่งงานเข้าบ้านมาเมื่อคืน ท่านขุนนางเหมียวรับอนุภรรยาอีกห้องหนึ่งแล้ว

ดูจากแพขนตาที่ขยับเล็กน้อยของเป่าเหลียน เขาก็รู้แล้วว่านางแกล้งหลับ เขาแอบถอนหายใจ ผู้หญิงคนนี้จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้ด้วยเหรอ

ในปีแรกๆ เขาก็รู้มาบ้างว่าผู้หญิงคนนี้สนใจเขา เขาก็เป็นคนซื่อบื้อเรื่องความรักมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เล่นด้วยไม่ไหว ดังนั้นจึงจงใจหลบเลี่ยง ไม่อยากทำร้ายนาง

ไม่ใช่ว่าเหมียวอี้แสร้งดัดจริต แต่เพราะเขาไม่ได้รักกับเป่าเหลียนเลยจริงๆ ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย หน้าตาของเป่าเหลียนก็ไม่ได้นับว่างามเลิศล้ำอะไร เอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ไม่ใช่แบบที่เขาชอบ

ตอนนี้เขาแต่งงานรับอนุภรรยาห้องแล้วห้องเล่า เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไรดี ขนาดตัวยังรู้สึกเลี่ยน พอลองคิดดูให้ละเอียด นอกจากฮูหยินเอกอย่างอวิ๋นจือชิวที่เขาแต่งงานด้วยเพราะความรู้สึกที่แท้จริงแล้ว อนุภรรยาคนอื่นมีใครบ้างที่เดินร่วมทางกันเพราะความรัก? ที่จริงอนุภรรยาส่วนใหญ่ของเขามาแต่งงานด้วยเพราะเรื่องผลประโยชน์ แม้แต่ฉินเวยเวยเอง ตอนแรกก็แต่งงานด้วยเพื่อจะผูกมัดหยางชิ่ง

กับหวงฝู่จวินโหรวก็มีความรู้สึกอยู่บ้างนิดหน่อย แม้ตอนแรกจะไม่ได้รู้สึกอะไร อารมณ์ชั่ววูบทำให้ไปกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยกัน แต่ตอนหลังทั้งสองเดี๋ยวเลิกกันเดี๋ยวคืนดีกัน ทำให้เขาเริ่มเกิดความรู้สึกแล้ว แต่เขาดันไม่สามารถแต่งงานรับหวงฝู่จวินโหรวเข้าบ้านได้

ตอนนี้เขาพบว่าตัวเองค่อนข้างด้านชากับการแต่งงานรับอนุภรรยา เวลาจำเป็นค่อยแต่งงานรับเข้ามาก็พอ เวลามีความใคร่ก็ค่อยกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยกัน เวลาไม่อยากได้ก็สามารถทิ้งไว้โดยไม่สนใจ อย่างไรเสียต่อให้มีอนุภรรยามากกว่านี้เขาก็เลี้ยงไหว ส่วนจะชอบหรือไม่ชอบนั้นก็เหมือนจะไม่สำคัญแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่ต่างอะไรกับผู้มีอำนาจเหล่านั้น ถ้าจะบอกว่ามีจุดไหนที่แตกต่าง นั่นก็คือตอนนี้เขายังไม่แต่งงานรับใครเข้ามาเพียงเพราะใจเต้นเห็นว่าสวย

นึกถึงภาพในปีที่ยังเป็นหนุ่มน้อยโดนปฏิเสธการสู่ขอ แล้วนึกถึงตอนนี้ที่มีภรรยาเป็นโขยง เขาก็รู้สึกเหมือนเป็นความฝันฉากหนึ่ง

เขายื่นมือเข้ามาในผ้าห่ม ไถลมือไปตรงหน้าอกเป่าเหลียน พอกำตรงจุดที่อิ่มอวบ ร่างของเป่าเหลียนก็สั่นเล็กน้อย

“ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นแล้ว” เหมียวอี้พูดหยอกด้วยรอยยิ้ม

เป่าเหลียนทำเสียงงุ้งงิ้ง พลิกตัวมากำหมัดทุบเขาด้วยความเขินอาย ก้มหน้าซุกใต้หน้าอกเขา

เหมียวอี้มีสีหน้าหลากอารมณ์ปนกัน เขายื่นมือไปจัดผมที่ยุ่งเหยิงให้นาง ถอนหายใจเบาๆ แล้วถามว่า “เป่าเหลียน ทำไมเจ้าต้องลำบากขนาดนี้?”

เป่าเหลียนเหมือนจะเข้าใจความหมายในคำพูดของเขา นางเงียบไปพักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ยื่นแขนขาวหมดจดออกจาผ้าห่มมากอดเขาไว้ “หากเป็นสุขยินดีเสพ หากเป็นทุกข์ยินดีรับ ข้าเต็มใจ!”

คำกล่าวนี้เผยนิสัยดื้อรั้นของนางออกมาหมด ไม่พิจารณาถึงผลที่ตามมาเลย

นางเองก็ไม่ได้อยู่ที่นี่หลายวัน ได้เสพสุขชีวิตคู่แต่งงานใหม่แค่เวลาสั้นๆ เหมียวอี้อยู่เป็นเพื่อนนางไม่กี่วัน ใช้วิธีการเดียวกับตอนอยู่กับผังเสี้ยวเสี้ยว หลังจากได้ข่าวว่าผังก้วนส่งคนมาแล้ว เหมียวอี้ก็ส่งเป่าเหลียนกลับสำนักลมปราณ

เรื่องสนับสนุนให้เป่าเหลียนเป็นเจ้าสำนักลมปราณนั้นวางไว้ก่อนชั่วคราว ตอนนี้เหมียวอี้ยังไม่มีสมาธิมาสนใจเรื่องนี้ ทำได้เพียงบอกเจ้าสำนักอวี้หลิงว่าอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม เขายังไม่อยากให้เกิดเหตุไม่คาดคิดมารบกวนในเวลานี้

ต้วนชุนเอ๋อร์ แม่ทัพหญิงคนหนึ่งที่ผังก้วนส่งมาเข้าร่วมแผนการลับครั้งนี้ นางนำคนมาด้วยไม่กี่ร้อยคน

เรื่องแบบนี้ยิ่งปิดเป็นความลับได้ก็ยิ่งดี ถ้าพาคนมามาก คนมากตามากข่าวก็หลุดได้ง่าย ต้องเลือกคนที่เชื่อถือได้แน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีก็ไม่ได้มาเพื่อเข่นฆ่าากัน พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวของทัพใหญ่แดนรัตติกาลและรายงานผังก้วนให้ทันเวลา

คนไม่กี่ร้อยที่ต้วนชุนเอ๋อร์พามาด้วยพักอยู่ด้วยกัน มีเพียงต้วนชุนเอ๋อร์คนเดียวที่เข้ามาคารวะเหมียวอี้ในจวนผู้สำเร็จราชการ

เมื่อพบกันในเรือนด้านใน เห็นผังก้วนส่งผู้หญิงมาจับตาดูทัพ เหมียวอี้ก็ตะลึงค้างเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะทันที

ต้วนชุนเอ๋อร์ยังนึกว่าบนใบหน้าตัวเองมีอะไรติด จึงยื่นมือลูบหน้านิดหน่อย แล้วถามว่า “ผู้ตรวจการใหญ่หัวเราะทำไม หรือบนใบหน้าข้ามีสิ่งสกปรกอะไร?”

เหมียวอี้โบกมือ แล้วยื่นมือเชิญให้ดื่มน้ำชา พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เปล่า แค่นึกขึ้นได้ถึงเรื่องบางเรื่องเท่านั้นเอง”

“อ้อ! ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร พูดให้ฟังหน่อยได้หรือเปล่า?” ต้วนชุนเอ๋อร์จ้องเขาพร้อมเอ่ยถาม เมื่อครู่นี้สังเกตเห็นแล้วว่าอีกฝ่ายหัวเราะเพราะนาง

เหมียวอี้เงียบไป ก่อนจะถามว่า “ไม่ทราบว่าแม่ทัพต้วนเคยแต่งงานหรือเปล่า?”

“อย่าบอกนะว่าผู้ตรวจการใหญ่มีคนที่เหมาะสมจะแนะนำให้ข้ารู้จัก?” ต้วนชุนเอ๋อร์งงงวย

“พูดแบบนี้ แสดงว่าแม่ทัพต้วนยังไม่ได้แต่งงานสินะ?”  เหมียวอี้ถาม

ต้วนชุนเอ๋อร์ชะงักเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาถามเรื่องนี้ทำไม นางตอบอย่างจริงใจว่า “เป็นสตรีแก่คนหนึ่งแล้ว ทำไมจะไม่เคยแต่งงานล่ะ เมื่อก่อนเคยแต่งงาน แต่ตอนหลังอีกฝ่ายรู้สึกว่าข้าไม่เหมาะกับเขา เลยหย่ากับข้าแล้ว ตอนหลังข้าเห็นเขาแต่งงานใหม่กับคนอื่น ในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์ ก็เลยฆ่าเขากับเมียใหม่ไปพร้อมกันเสียเลย!”

เหมียวอี้ปาดเหงื่อเล็กน้อย ไอแห้งๆ แล้วบอกว่า “ก็เพราะแบบนี้ถึงรู้สึกแปลกใจ ข้าค้นพบเรื่องบางอย่าง แม่ทัพหญิงที่ฐานะสูงส่งส่วนใหญ่เหมือนจะเป็นโสดกันหมด แม่ทัพหญิงใต้บังคับบัญชาข้าส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ แม่ทัพต้วนพิสูจน์การคาดเดาของข้าแล้ว”

“มีอะไรน่าแปลกใจ สังคมนี้กดผู้หญิงยกย่องผู้ชาย เวลาผู้หญิงจะทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ ทำไมถึงยากลำบากขนาดนั้น ถ้ามีสามีกับลูกก็ถูกดึงเข้ามาลำบากด้วย ไม่เหมือนผู้ชายอย่างพวกท่าน ขนาดทิ้งเมียเพื่อสร้างผลงานก็ดูเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ถ้าผู้หญิงทำแบบนี้บ้าง ผู้ชายส่วนใหญ่ก็รับไม่ไหวหรอก เขาจะทิ้งข้าก็เป็นเรื่องปกติมาก” ต้วนชุนเอ๋อร์กล่าว

“อืม แม่ทัพต้วนมีความเห็นที่เหนือชั้นจริงๆ ด้วย ได้รับการชี้แนะแล้ว” เหมียวอี้พยักหน้ายิ้มเบาๆ

“ผู้ตรวจการใหญ่ดูถูกผู้หญิงหรือเปล่า รู้สึกว่าท่านจอมพลส่งข้ามาเป็นเรื่องน่าขบขัน?” ต้วนชุนเอ๋อร์ถาม

“เปล่าๆ ไม่มีเรื่องอย่างนี้แน่นอน!” เหมียวอี้รีบโบกมือปฏิเสธ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องใหญ่กำลังจะมาถึงแล้ว ฝั่งผู้ตรวจการใหญ่ควรจะเริ่มเตรียมการแล้วหรือเปล่า?” ต้วนชุนเอ๋อร์ถาม

“กำลังรอให้แม่ทัพใหญ่มาอยู่ไงล่ะ” เหมียวอี้กล่าว แล้วเอียงหน้าบอกหยางเจาชิงว่า “ดำเนินการตามแผน กันแม่ทัพหลักจากแต่ละสายออกไปก่อน!

“รับทราบ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับแล้วไปจัดการ

จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลมีวังใต้ดินแห่งหนึ่ง ปกติไม่ค่อยได้ใช้งาน แม่ทัพประมาณห้าสิบคนได้ข่าวและมาที่นี่

ในตำหนักหลักของวังใต้ดินกว้างโล่ง คนกลุ่มหนึ่งหันมองรอบๆ แต่ไม่เจอเหมียวอี้ กลับเห็นทหารยามที่ตามมาข้างหลังเข้าประจำตรงจุดเชื่อมต่อละด้านของวังใต้ดิน ประตูใหญ่ทางออกก็ถูกทหารยามปิดไว้แล้วเช่นกัน คนกลุ่มนี้รู้สึกเหมือนโดนขังไว้ที่นี่

ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้คนกลุ่มนี้รู้สึกไม่สงบ จิตใต้สำนึกคิดเชื่อมโยงไปยังเรื่องที่พวกเหวินเจ๋อถูกควบคุม

หยางเจาชิงดันบอกอีกว่า “ทุกคน ได้รับคำสั่งมาจากผู้ตรวจการใหญ่ รบกวนทุกคนมอบของที่ใช้ติดต่อกับภายนอกออกมาให้หมด”

รองผู้สำเร็จราชการเหิงอู๋เต้ากำลังมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง พอได้ยินแบบนี้ก็หันขวับจ้องหยางเจาชิง แล้วถามเสียงต่ำว่า “พ่อบ้านหยาง หมายความว่ายังไง?”

“ทุกคนอย่าเข้าใจผิด เพราะจำเป็นต้องรักษาความลับในกิจวัตรประจำวันล้วนๆ” หยางเจาชิงตอบพร้อมรอยยิ้ม

“ข้าต้องการพบผู้ตรวจการใหญ่!” เหิงอู๋เต้ากล่าว

“มีธุระอะไรต้องการจะพบข้า?” นอกวังใต้ดินมีเสียงของเหมียวอี้ดังมา

สายตาของทุกคนมองไปตามเสียง เห็นเพียงเหมียวอี้นำต้วนชุนเอ๋อร์เข้ามา เหยียนซิวกลับหยางชิ่งที่ปลอมตัวแล้วก็ตามมาข้างหลังด้วย

หยางเจาชิงก้าวขึ้นมารายงานสิ่งที่อาจทำให้ทุกคนเกิดความเข้าใจผิด เหมียวอี้ยิ้มพลางโบกมือสื่อว่ารู้แล้ว จากนั้นเดินตรงผ่ากลางกลุ่มคนไปเผชิญหน้าอยู่ด้านบน

หลังจากเห็นปฏิกิริยาของทุกคนแล้ว เหมียวอี้ก็ชี้ต้วนชุนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกาย แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่ามีใครรู้จักท่านนี้หรือเปล่า?”

“ต้วนชุนเอ๋อร์ อยู่ใต้บังคับบัญชาของผังก้วน” มีคนตอบแล้ว

ต้วนชุนเอ๋อร์กุมหมัดคารวะคนกลุ่มนี้ “มีสหายเก่าอยู่หลายคน”

เหมียวอี้พยักหน้า “รู้จักกันแล้วก็ดี แม่ทัพต้วน ท่านอธิบายจุดประสงค์ที่มาที่นี่ให้ฟังสักหน่อยเถอะ”

“ได้!” ต้วนชุนเอ๋อร์ขานรับ แล้วกล่าวต่อคนกลุ่มนี้ด้วยสีหน้าจริงจัง “คาดว่าช่วงนี้ทุกคนคงได้ยินเรื่องที่ลูกสาวของจอมพลผังถูกล่วงเกินมาแล้ว แม้ตอนสุดท้ายทั้งสองฝ่ายจะอธิบายว่าเป็นความเข้าใจผิด แต่ทุกคนก็ล้วนมีตา รู้อยู่แก่ใจว่าความจริงคืออะไร ไม่ต้องอธิบายซ้ำที่นี่แล้ว สำหรับจอมพลผัง เรื่องนี้เป็นความอัปยศใหญ่หลวง ฮ่าวเต๋อฟางรังแกกันเกินไปแล้ว จอมพลผังข่มกลั้นความโกรธนี้ไม่ไหว ตัดสินใจจะกำจัดฮ่าวเต๋อฟางทิ้ง แล้วแทนที่เขา! จอมพลผังเป็นพันธมิตรกับผู้ตรวจการใหญ่หนิวแล้ว ให้สัญญาไว้แล้วว่าหลังจากเรื่องนี้สำเร็จ จะแบ่งอาณาเขตสายเถาะให้ผู้ตรวจการใหญ่ ผู้ตรวจการใหญ่ตอบรับด้วยความยินดี เข้ามาที่นี่ก็เพราะเป็นตัวแทนของจอมพลผัง รับผิดชอบติดต่อกับฝั่งนี้!”

เมื่อนางกล่าวเช่นนี้ กลุ่มแม่ทัพก็ฮือฮา ข่าวนี้สะเทือนขวัญเกินไปหน่อย แต่ละคนพากันมองไปที่เหมียวอี้ ส่วนเหมียวอี้ก็พยักหน้ายืนยันเรื่องนี้

เหิงอู๋เต้ากุมหมัดคารวะ “ผู้ตรวจการใหญ่ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อาศัยแค่กำลังของพวกเรากับผังก้วน เกรงว่ายากจะต่อต้านกับฮ่าวเต๋อฟางได้ ยิ่งไปกว่านั้นฮ่าวเต๋อฟางกับพวกโค่วหลิงซวีก็พึ่งพากัน พวกนั้นคงไม่นิ่งดูดายหากเห็นฮ่าวเต๋อฟางเป็นอะไรไป”

เหมียวอี้จึงบอกว่า “มีหรือที่ข้าจะไม่รู้ ถ้าไม่มีความมั่นใจข้าก็ไม่เสี่ยงอันตรายง่ายๆ หรอก จอมพลผังเองก็ไม่ใช่คนบุ่มบ่าม ย่อมเห็นโอกาสชนะแล้วถึงได้ตอบตกลง ส่วนอย่างอื่นทุกคนก็ไม่ต้องคิดมาก ที่เชิญทุกคนมาที่นี่ ก็เพื่อต้องการให้ทุกคนทำแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือคาดคะเนสถานการณ์การรบ ร่างแผนการรุกโจมตี ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกด้าน ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา ทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็ต้องยกทัพออกไปทั้งหมด หากเรื่องนี้สำเร็จแล้ว ทุกคนจะได้เสพสุขกับเกียรติยศความร่ำรวยด้วยกัน ไม่ทราบว่าทุกคนคิดเห็นว่ายังไง?”

เรื่องนี้กะทันหันเกินไป ทุกคนย่อยข้อมูลลำบากนิดหน่อย แต่เริ่มกระสับกระส่ายแล้ว ตื่นเต้นนิดหน่อย หากได้อาณาเขตดาวอันกว้างใหญ่ของสายเถาะ ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็คงจะได้เกียรติยศความร่ำรวยที่สูญเสียไปในปีนั้นกลับมา ทุกคนรอวันนี้มานานแล้ว

ความรู้สึกของทุกคนตอนนี้คือสิ่งที่เหมียวอี้คาดเดาได้ตั้งแต่แรก พวกเขาต้องการทวงสิ่งที่ตัวเองสูญเสียไปกลับมา เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่คนพวกนี้เฝ้ารอมานาน ถึงอย่างไรก็ถูกขังอยู่ที่นี่หลายปี ผ่านช่วงเวลาที่หวาดกลัวและกระวนกระวายมาแล้ว ถ้ามองจากบางมุมก็ถือเป็นวิกฤตกาลของเหมียวอี้เช่นกัน จะต้องระบายความอัดอั้นตันใจออกมาแน่ ดังนั้นขอเพียงให้โอกาสพวกเขา คาดว่าคงไม่มีใครปฏิเสธ เจตจำนงร่วม ขวัญกำลังใจทหารมีประโยชน์ เขาไม่มีความลำบากในการโน้มน้าวเลย ดังนั้นเขาเองก็ขี้คร้านที่จะอธิบายอะไร

บรรดาแม่ทัพสบตากันพักหนึ่ง ตัดสินแล้วว่าเหมียวอี้ไม่ทำซี้ซั้วกับเรื่องแบบนี้แน่นอน ไม่นานพวกเขาก็ยืนจัดแถวอย่างพร้อมเพรียง กุมหมัดคารวะพร้อมกัน “ยินดีรับใช้ผู้ตรวจการใหญ่ด้วยชีวิต!”

เหมียวอี้พยักหน้าเบาๆ “ตั้งแต่นี้ไป ข้าจะให้คนส่งข่าวจากภายนอกมาถึงทุกคนให้ทันเวลา ทุกคนจะได้รู้สถานการณ์และวางแผนได้สะดวก เรื่องอาหารการกินจะมีคนนำมาส่งให้ ทุกคนไม่ต้องกังวล ส่วนของใช้บนตัวทุกคน ให้ส่งทั้งหมดออกมาให้ดูแลรักษาด้วยกันเดี๋ยวนี้ ก่อนศึกใหญ่ไม่ว่าใครก็ห้ามติดต่อกับภายนอก ใครขัดคำสั่ง ประหาร! ทหาร ค้นตัว ยึดของไว้!” น้ำเสียงธรรมดาราบเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องที่ไม่มีความสำคัญมากพอ

มีทหารอารักขากลุ่มหนึ่งเข้ามาทันที ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน ในมือทุกคนถือกาดใบหนึ่ง

หลังจากทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก ก็ปลดสิ่งของบนร่างกายวางไว้บนถาดอย่างเงียบๆ แล้วรับการตรวจค้นทีละคน

แผนที่ดาวสิบกว่าแผนวางแผ่บนพื้น วางเอาไว้ใช้ร่วมกันในวังใต้ดิน ตอนนี้ทุกคนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกแล้ว

จากนั้นพวกเหมียวอี้ก็ออกจากวังใต้ดิน ต้วนชุนเอ๋อร์ที่เดินตามอยู่ข้างๆ กล่าวชมว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ คำสั่งทหารหนักแน่นดุจขุนเขา ประสิทธิภาพการทำงานสูงจริงๆ ด้วย”

เหมียวอี้เพียงยิ้มให้ ไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับ เขาเดินเข้าไปหาชิงเยว่ที่รออยู่ด้านนอก หลังจากเล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ ก็สั่งว่า “หลายวันก่อนข้าหาข้ออ้างระดมกำลังพลหนึ่งล้านเข้าไปลาดตระเวนในน้ำพุวังเวง เตรียมการไว้เพื่องานนี้ ตอนนี้เจ้าไปรับช่วงต่อได้ นำทัพใหญ่ไปรวมกับจอมพลผังอย่างลับๆ ต้องรักษาความลับไว้ อย่าให้มีข่าวหลุด!”

…………………