และหลังจากนั้นนัยน์ตาดำของหลินสวินเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบทีละน้อย

ในจิตใจพรั่งพรูไอสังหารที่ควบคุมไม่อยู่ ใกล้จะอดกลั้นไว้ไม่ได้แล้ว

ตูม!

พร้อมๆ กับที่เขาโคจรพลังมรรคดับดารากลืนกิน หุบเหวใหญ่พลันปรากฏ กลืนกินทั่วสิบทิศ เงาร่างมายามุนินทร์ที่อยู่รายรอบทั้งยี่สิบสี่องค์สั่นไหวจนแตกสลาย!

กลางละอองแสงที่ลอยละล่องพลันเกิดเสียงประหลาดใจดึงขึ้น

ก็เห็นภิกษุหน้าตาหล่อเหลา ศีรษะเกลี้ยงเกลาสวมชุดดำผู้หนึ่งยืนอยู่กลางห้วงฟ้าห่างออกไป

กลางหน้าผากของเขาประทับสัญลักษณ์อักษรธรรมสีดำรูปร่างคล้ายดอกบัว แสงธรรมสีดำแปรเปลี่ยนเป็นเงาแสงวงหนึ่งลอยอยู่หลังศีรษะ ให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ไร้ราคีแก่ผู้คน

กู่ฝอจื่อ!

พบกันอีกครา หลินสวินเกิดไอสังหารในใจอย่างไม่อาจควบคุม สีหน้าราบเรียบผิดปกติเอ่ยว่า “ลาหัวโล้น พวกเราพบกันอีกแล้ว”

“นี่ย่อมเป็นชะตาลิขิต ประสกเป็นคนนอกรีต ส่วนอาตมาเป็นผู้กำจัด สามารถพานพบอีกคราหาใช่เรื่องแปลกไม่”

กู่ฝอจื่อยกสองมือขึ้นพนมด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เหอะๆ นอกรีต? ไฉนข้ากลับเห็นว่าเจ้าต่างหากเป็นพวกนอกรีต เป็นผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์แท้ๆ แต่การกระทำกลับชวนขยะแขยงเหลือทน ไม่ขายหน้าบ้างหรือ”

หลินสวินยิ้มเยาะ

เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าหมอนี่จะต่ำช้าไร้ยางอายได้เช่นนี้ แอบลอบโจมตีสองครั้ง แต่พอออกมาจากปากเขากลับพูดพล่อยๆ ว่าเป็นชะตาลิขิต!

“หากสามารถกำจัดประสกได้ ต่อให้ต้องตกสู่ขุมนรกอาตมาก็ขอน้อมรับแต่โดยดี”

สีหน้าท่าทีของกู่ฝอจื่อดูเมินเฉยและไม่สะทกสะท้าน

“เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าไปลงนรกเอง!”

ระหว่างตะโกน เรือนกายของหลินสวินเปล่งประกายแสง บุกโจมตีอย่างรวดเร็ว

ครั้งก่อนหากไม่ใช่เพราะถูกลาหัวโล้นนี่ลอบโจมตี ตนมีหรือจะติดอยู่ใต้แม่น้ำนรกถึงสี่ปีจนแทบหลุดออกมาไม่ได้

คราวนี้หากไม่ใช่ลาหัวโล้นนี่เข้ามาขวาง บุตรนรกจะหลบหนีไปได้อย่างไร

หลินสวินคร้านจะพูดพร่ำทำเพลง ไอสังหารในใจดุจหินหลอมเหลวระเบิดออกมา ควบคุมไว้ไม่อยู่โดยสิ้นเชิง!

วู้ม!

บาตรดำลอยพุ่งสู่ท้องฟ้า ในมือของกู่ฝอจื่อมีวัชระเล่มหนึ่งเพิ่มเข้ามา เงาร่างพริบไหวโจมตีเข้ามาทันใด

พริบตานั้นราวกับมุนินทร์มาเยือนโลก ห้าวหาญองอาจไม่อาจมีผู้ใดต้านทาน

ครืนโครม!

ในเสียงปะทะดุเดือดกึกก้อง เงาร่างหลินสวินโซเซ ถอยหลังออกไปหลายก้าวดังตึกๆๆ สีหน้าซีดขาวลง

กู่ฝอจื่อยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ประสก การต่อสู้ระหว่างเจ้าและบุตรนรกก่อนหน้านี้ก็ได้รับบาดเจ็บมากแล้ว สูญเสียพลังไปมาก ครานี้เกรงว่าเจ้าจะไร้หนทางให้ถอยแล้ว”

ขณะเอ่ยวาจาวัชระในมือเขาพาดขวาง ม้วนหอบแสงธรรมพันหมื่นสาย เสียงธรรมดังกึกก้อง พลานุภาพสะเทือนฟ้าสะท้านดิน สยบกำราบสรรพสิ่ง

บาตรสีดำใบนั้นส่องแสงสลัว ทุกคราที่ลู่ลงก็จะมีอักษรธรรมไหลรินออกมาไม่รู้จบ หลอมเปลี่ยนห้วงอากาศ

ภิกษุรูปนี้แม้ดูเคร่งขรึม แต่อันที่จริงยามลงมือกลับอำมหิตไร้ใดเปรียบ ทุกกระบวนท่าล้วนถึงชีวิต น่ากลัวอย่างที่สุด!

สวบ!

เงาร่างของหลินสวินพริบไหว โฉบพุ่งไปทางเขาจำศีลหัวโล้น

“ประสก เจ้าเป็นถึงบุคคลระดับเทพมาร ไม่ต่อสู้แต่กลับหลบหนีเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของเจ้า”

ริมฝีปากกู่ฝอจื่อประดับยิ้ม ใต้ฝ่าเท้าเขาปรากฎแท่นบัวยี่สิบสี่ชั้น แสงธรรมสีดำแผ่คลุมหนาทึบ

แท่นบัวลอยออกไป นำพากู่ฝอจื่อล่าสังหารหลินสวิน เร็วยิ่งยวดเหนือสิ่งอื่นใด

ตูม!

บาตรสีดำโจมตีออกไป อักษรธรรมสีดำแถบหนึ่งไหลวน แปลงเป็นเงามายาพระเวทองค์หนึ่งยกมือโจมตี ซัดจนเงาร่างหลินสวินโซเซ ปากกระอักเลือด

เป็นไปตามที่กู่ฝอจื่อกล่าวไว้ ในการต่อสู้กับบุตรนรกห่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บจริงๆ เสียพลังไปมาก

ทว่า หาใช่ไร้พลังสู้ศึกครั้งหนึ่ง!

ยามนี้นัยน์ตาเขาราบเรียบผิดปกติไม่มัวพูดมากอีก พุ่งไปเบื้องหน้าต่อ

“น่าเสียดาย เทพมารหลินที่ผ่าเผยกลับเป็นคนนอกรีตที่สุดในใต้หล้า อาตมาไร้สามารถ ยอมร่วงหล่นสู่ทางมารเพื่อกำจัดภัยร้าย มอบความสว่างสดใสแก่ใต้หล้าผืนนี้”

กู่ฝอจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าเคร่งขรึม ท่าทางมาดมั่นแน่วนิ่ง

แน่นอนว่าเขาสงบนิ่งจริงๆ แม้หลินสวินสามารถป้องกันการลอบโจมตีของเขาก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด

หากว่าเทพมารหลินฆ่าได้ง่ายขนาดนั้น เกรงว่าคงจะไม่รอดตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนแล้ว

ทว่ากู่ฝอจื่อกลับยังมั่นใจว่าตนสามารถจัดการหลินสวินได้!

เหตุเพราะเขามองว่าหลินสวินในตอนนี้คือช่วงที่อ่อนล้าที่สุด นี่เป็นโอกาสทองที่นานปีมีหน ขอเพียงคว้าไว้ได้ก็สามารถโปรดสัตว์ได้สำเร็จ!

ตูม!

ไม่นานหลินสวินก็ถูกวัชระวาดโดนร่างครึ่งหนึ่ง กระดูกแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

กู่ฝอจื่อเปล่งเสียงธรรมกังวาน “คนนอกรีต หากเจ้ายอมจำนนแต่โดยดี อาตมาจะทำพิธีโปรดสัตว์ให้อย่างยิ่งใหญ่ ทำให้แม้เจ้าจากไป ก็ยังสามารถเบิกบานอยู่ในปรโลกได้อย่างภาคภูมิ

“ลาหัวโล้น พล่ามไร้สาระให้น้อยๆ หน่อย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะทำอะไร ก็แค่อยากชิงคัมภีร์มหาครรภ์จุติกับไม้โพธิ์เท่านั้น ไม่ผิด พวกมันอยู่ที่ข้า มีปัญญาก็มาเอาไป!”

หลินสวินตะโกน

“ช่างขลาดเขลาสิ้นดี!”

กู่ฝอจื่อตะคอกว่า “พุทธองค์ว่าไว้ เมตตาย่อมไม่เกิดแก่ผู้ปฏิเสธ วันนี้อาตมาจะจัดการเจ้าให้จิตซ่านวิญญาณสลาย!”

เขาจำศีลหัวโล้นค่อยๆ ปรากฏในครรลองสายตาทีละน้อย

ความโกลาหลที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หยุดนิ่งลงนานแล้ว ภายใต้การโจมตีของลั่วเจีย เยวี่ยเจี้ยนหมิง พร้อมด้วยจี้ซิงเหยา โม่เทียนเหอและเหล่าผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ตั้งแต่เริ่มสู้ผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจแดนนรกก็แตกพ่ายซ่านเซ็น ตกตื่นหนีตาย

ไม่ใช่เหตุเพราะศักยภาพของพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ แต่เป็นเพราะรับรู้ได้ว่ากระแสพลิกกลับแล้ว

บุตรนรกจะมีชีวิตรอดหรือไม่ยังไม่อาจทราบได้ แล้วใครจะยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเขาเล่า

ดังนั้นกองทัพแดนนรกซึ่งเดิมทีก็เป็นพวกหัวมังกุท้ายมังกรย่อมแตกพ่ายโดยตรง ภายใต้สายตาตื่นตะลึงของทุกคนที่จับจ้อง

ก็เหมือนละครตลกที่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี!

เพียงแต่ยามเห็นหลินสวินถูกกู่ฝอจื่อไล่สังหารอยู่นั้น บรรยากาศสงบเงียบในลานพลันอึกทึกขึ้นอีกครั้ง

สีหน้าของคนไม่น้อยต่างเปลี่ยนไป ส่งเสียงร้องตกตะลึง

“กู่ฝอจื่อ!”

“เขาถึงกับปรากฏตัวอีกหน หมายจะสังหารเทพมารหลิน!”

ความโกลาหลแผ่ไปทั่ว ผู้คนล้วนตาเบิกโพลง

ทุกคนต่างรู้ว่าบนแม่น้ำนรกเมื่อสี่ปีที่แล้ว ด้วยเพราะกู่ฝอจื่อจัดวางแผนการอย่างดี ถึงได้ทำให้หลินสวินต้องประสบเคราะห์ ถูกจองจำไว้ใต้แม่น้ำนรก

และในช่วงเวลานั้นชื่อเสียงของกู่ฝอจื่อเป็นที่เลื่องลือ ถูกมองว่าเป็นคนชั้นยอดที่ผงาดขึ้นมาจากการเหยียบย่ำศพของเทพมารหลิน ดึงดูดความสนใจจากทั่วแดนเก้าบน

แต่กลับกัน ตลอดสี่ปีนี้กู่ฝอจื่อประหนึ่งระเหยหายไปจากโลก ไม่ว่าผู้ใดต่างไม่รู้ร่องรอยของเขา และไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด

ทว่าเมื่อข่าวการรอดชีวิตของหลินสวินแพร่ออกไป มีผู้คนไม่น้อยคาดเดาว่าไม่ช้าก็เร็วหลินสวินต้องตามล่ากู่ฝอจื่อเพื่อล้างแค้นแน่

แต่ใครเล่าจะคาดคิด ในวันนี้ยามศึกแห่งยุคระหว่างบุตรนรกและหลินสวินกำลังจะปิดฉากลง กู่ฝอจื่อกลับปรากฏตัวอีกครา!

อีกทั้งหลินสวินยังตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน!

“ภิกษุนี่อำมหิตโดยแท้ ครั้งก่อนที่ลงมือก็เหนือความคาดหมาย จู่โจมเทพมารหลินอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว มาคราวนี้เขาเลือกจังหวะที่ประจวบเหมาะที่สุด เป็นช่วงที่เทพมารหลินเหนื่อยล้าบาดเจ็บสาหัส จะเอาอะไรไปต่อกรกับเขาได้”

“นกปากซ่อมสู้กับหอยกาบ ชาวประมงได้ประโยชน์ ผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์นี่ช่างหน้าเนื้อใจเสือเสียจริง”

“คราวนี้เกรงว่าเทพมารหลินคงจบสิ้นแล้ว…”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นไม่จบสิ้น

ใครๆ ล้วนแต่ดูออกว่าหลินสวินกำลังหนีตาย เห็นได้ชัดว่าแรงกำลังไม่เพียงพอ ไร้หนทางประมือกับกู่ฝอจื่อ!

สีหน้าของพวกเยวี่ยเจี้ยนหมิง เซียวชิงเหอ ลั่วเจีย จี้ซิงเหยา โม่เทียนเหอต่างแปรเปลี่ยน ถูกภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ตกใจ

ก่อนหน้านี้หลินสวินกำลังไล่ล่าบุตรนรกอยู่แท้ๆ

มาบัดนี้เขากลับถูกกู่ฝอจื่อไล่ล่าจนแทบจะยืนหยัดไม่อยู่แล้ว!

นี่ทำให้ใจพวกเขาเป็นกังวลอย่างมาก

เพียงแต่ขณะที่พวกเขาเตรียมจะเข้าไปช่วยเหลือ หลินสวินพลันชะงักเท้ากลางอากาศ เอ่ยเสียงต่ำลึก “ทุกท่าน นี่เป็นความแค้นระหว่างข้ากับอารามกษิติครรภ์ ไม่ว่าใครก็ขอให้อย่าสอดมือ!”

ผู้แข็งแกร่งเฉกเช่นราชันเผิงปีกทองน้อยที่ไม่คิดออกมือช่วยเหลืออยู่แล้ว เมื่อได้ยิน ในใจกลับรู้สึกนับถือหลินสวินขึ้นมาเล็กน้อย

ต่อให้กำลังเผชิญกับคราวเคราะห์ก็ไม่ยอมร้องขอความช่วยเหลือ นี่เรียกได้ว่าทระนงตนยิ่ง

แต่พวกเยวี่ยเจี้ยนหมิงกลับลังเลอย่างมาก ด้วยล้วนมองเห็นว่าร่างหลินสวินโชกเลือด สีหน้าซีดเซียวเสียจนน่ากลัว เห็นชัดว่าบาดเจ็บสาหัส

ทว่าเขากลับห้ามผู้อื่นไม่ให้ช่วยเหลือ นี่มันเพราะอะไร

เพราะกังวลว่าพวกเขาจะถูกม้วนเข้าไปในบ่วงแค้นกับอารามกษิติครรภ์หรือ

“เจ้านอกรีต ก่อนตายเจ้ายังนับว่าทำความดีเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ลงนรกร่วมกับเจ้า”

กู่ฝอจื่อกล่าวเสียงเรียบ สงบนิ่งแต่โอหังเป็นอย่างยิ่ง ไม่กลัวว่าคนอื่นๆ จะช่วยหลินสวินแม้แต่น้อย

ชั่วครู่หนึ่งสายตาของผู้คนในลานล้วนจับจ้องไปยังหลินสวินและกู่ฝอจื่อ

คนมากมายลอบถอนหายใจในใจ เพิ่งจะสลายการคุกคามของบุตรนรกและขุมอำนาจแดนนรกได้ไม่ทันไร ใครจะคาดว่าหลินสวินคนนี้จะดวงซวยเกินไป มาถูกกู่ฝอจื่อหมายหัวอีก

ทุกคนล้วนไม่โง่ ย่อมรู้อยู่เต็มอกว่ากู่ฝอจื่อคงวางแผนมาอย่างแยบยลนานแล้ว รอเพียงเวลาที่หลินสวินเพลี่ยงพล้ำก็จะชิงลมหายใจเขาไป!

“ลาหัวโล้น ก่อนการต่อสู้ครั้งสุดท้าย บอกข้าได้หรือไม่ว่านกทมิฬนั่นอยู่ที่ไหน”

หลินสวินในเวลานี้กลับดูนิ่งสงบมาก

“ความตายรออยู่เบื้องหน้า ไยต้องถามถึงความเป็นตายของผู้อื่น”

กู่ฝอจื่อยังคงกล่าวอย่างราบเรียบ “เจ้านอกรีต รับความตายเสียเถิด!”

ตูม!

เมื่อสิ้นเสียง ในแขนเสื้อเขาสมบัติธรรมโฉบพุ่งออกมาหลายชิ้น มีบรรทัดทัณฑ์ ปลาไม้ ธูปกำยาน โคมเขียว คทาสมประสงค์ เบาะรองนั่ง…

เปล่งแสงเจิดจ้ากลางห้วงอากาศ ก่อนจะกลายเป็นค่ายกลใหญ่อย่างรวดเร็ว

ทุกคนพากันขนลุกทันใด

ในครรลองสายตาของพวกเขา ค่ายกลใหญ่นั่นเชื่อมฟ้าดิน แสงธรรมสาดส่อง สะท้อนเงามายาโพธิสัตว์และอรหันต์นับไม่ถ้วน ล้วนมีอานุภาพมหาศาล สะท้านสะเทือนฟ้าดิน

เสียงธรรมเป็นระลอกก้องกังวาน ประหนึ่งมุนินทร์ท่องธรรมโปรดสรรพสัตว์

กลางฟ้าดินยังปรากฏลักษณ์ประหลาดที่บุปผาสวรรค์โปรยปราย ปทุมทองผุดจากพื้นดิน มังกรฟ้าขดวน หงส์เซียนสยายปีก ผู้คนกราบไหว้บูชาเป็นต้น

แค่บรรยากาศเช่นนี้ก็สะท้านไปทั่วทั้งลานแล้ว ทำเอาเหล่าคนชั้นยอดพวกนั้นหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด สัมผัสได้ถึงการคุกคามรุนแรง

ปังๆๆ!

บัดนี้พวกเยวี่ยเจี้ยนหมิง จี้ซิงเหยาล้วนไม่มัวลังเลใจว่าจะลงมืออีกต่อไป ต่อให้หลินสวินห้ามไม่ให้พวกเขาทำเช่นนี้ แต่พวกเขามีหรือจะทนดูหลินสวินประสบเคราะห์ได้

ทว่าที่ทำให้ใจของพวกเขาหนาวสะท้านก็คือ ไม่ว่าพวกเขาจะจู่โจมเช่นไร ค่ายกลใหญ่ที่แสงธรรมสาดส่องนั่นกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

ทั้งยังปล่อยพลังออกมาซัดใส่จนร่างพวกเขายากรับไหว แทบกระอักเลือด!

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ในลานเห็นเช่นนั้นต่างสูดหายใจหนาวเยือกอย่างอดไม่อยู่ นี่… เป็นค่ายกลสังหารอย่างสมบูรณ์!

ไม่แปลกที่กู่ฝอจื่อจะมั่นใจและไร้ความกลัวเช่นนี้ เมื่อถูกขังในค่ายกลนี้ ใครยังจะช่วยหลินสวินได้อีกเล่า

“กระบวนผนึกมหาข้ามทุกข์กษิติครรภ์!”

ราชันเผิงปีกทองน้อยพึมพำออกมา รู้ที่มาของกระบวนค่ายกลนี้ สีหน้าไหวหวั่นอยู่เนืองๆ นัยน์ตาทองวับวาว

กระบวนค่ายกลนี้สร้างขึ้นจากสมบัติธรรมโบราณสิบแปดชิ้น สมบัติธรรมแต่ละชิ้นประทับอักษรธรรมแน่นขนัด เมื่อกางค่ายกลมีอานุภาพยับยั้งเด็ดขาด ดับทำลายความชั่วร้ายทั้งปวง!

ตั้งแต่ครั้งบรรพกาล ค่ายกลนี้ก็มีชื่อเสียงเกริกก้อง ทำให้ผู้แข็งแกร่งในใต้หล้าได้ยินชื่อแล้วหน้าล้วนเปลี่ยนสี

บัดนี้ในสายตาทุกคน หลินสวินซึ่งแต่เดิมบาดเจ็บทั่วร่างมาถูกขังในค่ายกลนี้ ก็ตกสู่สถานการณ์ที่ต้องตายแน่แล้ว!

……………