เดิมทีอยากจะได้เงินสักหนึ่งแสน คิดไม่ถึงว่ากลับต้องชดไปหนึ่งแสนแล้ว อาหารมื้อนี้เป็นการชดใช้เงินเกินขอบเขตจริงๆ!
ในใจที่อยากตายของเจี่ยงหมิงในตอนนี้ก็มีแล้ว เดิมทีตัวเองก็ใช้ชีวิตได้ดีนะ ซื้อรถเบนซ์คันใหม่ แสร้งทำเป็นคนใหญ่คนโต คิดไม่ถึงวันนี้หลังจากที่เจอเย่เฉิน ทันใดนั้นก็พังทลายหมดเลย
ดังนั้น เขาแทบอยากจะเอามีดแทงเย่เฉินให้ตาย เพื่อระบายความเกลียดชังในใจ
ในเวลานี้เย่เฉินจงใจที่จะกระตุ้นเขาอีกครั้ง ก็เลยรินแชมเปญหนึ่งแก้ว มอบให้กับเขา ยิ้มพร้อมพูดว่า : “มา เพื่อนเจี่ยงหมิง ฉันขอชนแก้วกับนายหน่อย”
เจี่ยงหมิงพูดอย่างโมโหมากว่า : “ฉันไม่อยากดื่มกับนาย!”
เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า : “อย่าโกรธแบบนี้สิ ถึงอย่างไรเหล้านี้ก็เป็นตัวเองที่จ่ายเงินซื้อมา ไม่ดื่มจะเป็นการสิ้นเปลืองมากนะ”
เมื่อเจี่ยงหมิงได้ยินประโยคนี้ ก็โมโหจนสั่นไปทั้งตัวแล้ว
ที่เย่เฉินพูดก็ถูกนะ เหล้านี้ตัวเองเป็นคนจ่ายเงินซื้อมาจริงๆ มื้อนี้ตัวเองจ่ายเงินไปกว่าหนึ่งแสนหยวนนะ!
ตัวเองใช้ชีวิตมานานขนาดนี้ เคยจ่ายเงินเยอะขนาดนี้เพื่อทานข้าวมื้อนึงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เป็นการกินข้าวหนึ่งมื้อที่ล้มละลายไปเลย!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เจี่ยงหมิงกลั้นน้ำตา รับแก้วเหล้ามา ดื่มหมดรวดเดียวด้วยความเบื่อหน่ายและโมโห!
ล้วนแต่เป็นของที่ตัวเองซื้อมาทั้งนั้น ไม่ว่ายังไงตัวเองก็ต้องดื่มให้เยอะหน่อย ไม่อย่างนั้นจะเป็นการให้คนอื่นมาเอาเปรียบตัวเองหรือเปล่า
แต่ว่า ตอนนี้ยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นอีกอย่างที่วางอยู่ตรงหน้าของเขา จะหาเงินได้อย่างไร
ถ้าหากจ้าวโจ๋วเยว่เชื่อฟังตัวเองล่ะก็ กลางคืนกลับไปถอนเงินจากแอพกู้เงิน คาดว่าน่าจะรวบรวมได้กว่าสี่ห้าแสน บวกกับเงินเก็บของตัวเองกว่าหนึ่งแสนกว่านั่น รวบแล้วก็หกแสนน่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
ส่วนที่ว่าเขาจะหลอกแม่ยายในอนาคตของเขาได้หรือไม่นั้น ในใจของตัวเองก็ไม่รู้เลยจริงๆ
ดูเหมือนว่าตัวเองจะทำได้เพียงอธิษฐานกับฟ้า อธิบายฐานถึงจ้าวโจ๋วเยว่คนนี้ ให้โดนตัวเองหลอกได้สำเร็จ
หลังจากที่เย่เฉินให้เจี่ยงหมิงยอมจำนน ก็ขี้เกียจจะไปสนใจคนๆนี้ต่อแล้ว คาดว่ามื้อนี้ราคา 100,000 หยวน น่าจะทำให้เขาปวดใจไปอีกนาน ต่อไปคงไม่กล้าที่จะเสแสร้งกับใครตามอำเภอใจแล้ว
คิดถึงฉากที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนหน้านี้ เขาก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามป้าหลี่ว่า : “ป้าหลี่ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อพูดถึงคำถามนี้ขึ้นมา ใบหน้าของป้าหลี่ก็เต็มไปด้วยความเศร้า ถอนหายใจแล้วพูดว่า : “สถานการณ์ก็ไม่ค่อยดีนะ หลักๆเลยคือตอนนี้เด็กๆเยอะขึ้นเรื่อยๆ แรงกดดันเรื่องเงินทุนของเราก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น”
พูดแล้ว เธอก็พูดอุทานว่าโธ่เอ๋ยออกมาพร้อมพูดว่า : “ช่วงก่อนหน้านี้ ทางตำรวจจินหลิงของเราได้คลี่คลายคดีของการค้าขายเด็กไม่น้อยเลย ช่วยเหลือชีวิตของเด็กที่ถูกขายได้มากเลย ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะว่าหาตัวแม่ที่แท้จริงของเด็กๆไม่เจอ ก็ส่งเข้ามายังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเรา เพียงครู่เดียวก็เพิ่มแรงกดดันไม่น้อยเลย แต่ว่าก็ไม่มีทางเลือก ช่วยเหลือเด็กที่ถูกนำไปขายเหล่านั้นก็เป็นความรับผิดชอบและหน้าที่ที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพียงค่านมผงของเด็กเหล่านี้มีราคาแพง ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนนี้เจ้าหน้าที่รวบรวมเงินกันได้สามสี่พันหยวนเพื่อประคองไว้ก่อน และกำลังยื่นขอเงินช่วยเหลือ……”
เมื่อเย่เฉินคิดถึงว่าบ่ายนี้ก็จะได้เจอพวกเด็กๆที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสาร
เด็กๆเหล่านี้ เพราะว่าถูกคนลักพาตัวไปค้ามนุษย์ สถานการณ์ที่ประสบพบเจอก็ยิ่งจะน่าสงสารกว่าเด็กธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะบริจาคเงินก้อนหนึ่งให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพื่อรับมือกับปัญหาของเด็กกลุ่มนี้
ดังนั้น เขาจึงเอ่ยปากพูดกับป้าหลี่ว่า : “ป้าหลี่ ควรที่จะคิดถึงพวกเด็กๆเหล่านี้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าให้มากกว่านี้หน่อย อย่างนี้แล้วกัน ผมเองขอบริจาคให้1ล้านหยวนก่อนนะ!”
เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทุกคนต่างก็ตกใจจนอ้าปากค้าง!
1ล้านเหรอ?สิ่งนี้สำหรับพวกเด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว เป็นตัวเลขที่มีจำนวนมาก
นี่คือ เย่เฉินก็มองไปที่เจี่ยงหมิงที่ตกใจจนอ้าปากค้าง พูดว่า : “เจี่ยงหมิง ตอนนี้นายมีชีวิตที่ดีขนาดนี้ เดี๋ยวก็ขับรถเบนซ์เดี๋ยวก็ขับPhaeton อย่าลืมว่าตอนแรกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลี้ยงดูนายมาจนเติบใหญ่ ตอนนี้นายจะไม่บริจาคเงินให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหน่อยเหรอ?”
——