ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายส่งเสียงดังวุ่นวายจนทำให้คนของขุมกำลังระดับหนึ่งและระดับสองที่อยู่ทั่วบริเวณต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
คนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในภัตตาคารของขุมกำลังเอกพิภพก่อนหน้านี้และไม่ทราบว่าเหตุใดคนตระกูลฉินจึงปะทะคารมกับคนของนิกายหมื่นกระบี่และนิกายพันปีศาจ พวกเขาจึงเลือกที่จะซ่อนตัวไกลออกไปเพื่อรับชมความตื่นเต้น
“เฉินคุน นิกายพันปีศาจของพวกเจ้ามายุ่งเกี่ยวอะไรในเรื่องนี้ ?”
ฉินอิงก็รู้จักเฉินคุนมาก่อนเช่นกัน เมื่อได้ยินวาจาของอีกฝ่าย เขาจึงตวัดสายตามองไปอย่างมุ่งร้าย
สำหรับนิกายหมื่นกระบี่ เขาแอบหวาดหวั่นในใจเล็กน้อย ด้วยความไม่ยอมคนของนิกายหมื่นกระบี่ ต่อให้ผู้นำตระกูลฉินมาที่นี่ด้วยตัวเอง ตราบใดที่ต้นเรื่องมิใช่ความผิดของศิษย์นิกายหมื่นกระบี่ คนเหล่านี้ก็จะไม่มีทางไว้หน้าผู้ใดอย่างแน่นอน ฉินอิงก็ไม่คิดมาก่อนว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์เหล่านี้จะเป็นสมาชิกของนิกายหมื่นกระบี่ ตอนนี้เขาจึงรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย
“เหอะ ตอนนี้นิกายพันปีศาจของเราและนิกายหมื่นกระบี่เป็นพันธมิตรกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในกลุ่มของพวกนางก็มีศิษย์ของเราอยู่ด้วย เจ้าจะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับนิกายพันปีศาจได้อย่างไร ?”
เฉินคุนแค่นเสียงในลำคอเล็กน้อยและชี้ไปยังศิษย์ของนิกายพันปีศาจสองคน แน่นอนว่าตัวตนของฉินอวี้โม่ในฐานะจ้าวนิกายพันปีศาจยังไม่ถูกเปิดเผยออกไป ตราบใดที่ยังไม่ได้รับคำสั่งจากนาง เขาก็ไม่มีทางเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปโดยพลการ
“ฮ่า ๆ ๆ พันธมิตรงั้นรึ ? นิกายหมื่นกระบี่ที่เลื่องชื่อในด้านคุณธรรมและความถูกต้อง พวกเขาไปร่วมมือกับขุมกำลังที่ชั่วร้ายและฉาวโฉ่อย่างนิกายพันปีศาจของพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ?”
แทนที่จะโกรธเคืองเช่นเดิม จู่ ๆ ฉินอิงก็หัวเราะดังลั่นราวกับได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในชีวิต นิกายหมื่นกระบี่และนิกายพันปีศาจกลายเป็นพันธมิตรกัน นี่เป็นสิ่งที่เขามิอาจทำใจเชื่อได้เลย
นิกายหมื่นกระบี่เลื่องชื่อในด้านความถูกต้องและทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใสมาตลอด ทว่าตอนนี้เฉินคุนกลับป่าวประกาศว่านิกายหมื่นกระบี่กลายเป็นพันธมิตรกับนิกายพันปีศาจที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ การที่นิกายหมื่นกระบี่ตัดสินใจก่อตั้งพันธมิตรนี้ขึ้นมา มันไม่ต่างจากการขุดหลุมฝังตนเองแม้แต่น้อยและมีแต่จะทำให้ชื่อเสียงเลวร้ายลงเสียเปล่า ๆ
“นิกายพันปีศาจของข้าอาจจะเคยหลงเดินไปในเส้นทางที่ผิด ทว่ามันก็ยังดีกว่าตระกูลฉินที่ไม่เคยมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลง !”
เฉินคุนตอบกลับและกล่าวต่อ “ฉินอิง ตระกูลฉินของพวกเจ้าเป็นขุมกำลังเช่นไร พวกเจ้าย่อมทราบดี เพียงแต่พวกเจ้าไม่เคยยอมรับก็เท่านั้น ! ลองสอบถามผู้คนทั่วดินแดนดูว่ามีผู้ใดที่ยังเคารพชื่นชมพวกเจ้าอยู่บ้าง นิกายพันปีศาจของเราเคยทำแต่สิ่งที่ชั่วร้ายก็จริง ทว่าตอนนี้เรากลับตัวกลับใจและเลือกที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว พวกเราไม่ได้เป็นเหมือนกับตระกูลฉินของพวกเจ้าที่ยังกล้าเรียกตัวเองว่าขุมกำลังระดับหนึ่งได้อย่างหน้าไม่อาย ทว่ากลับกระทำในสิ่งที่ไร้เกียรติและข่มเหงรังแกผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ !”
วาจาตอบโต้ของเฉินคุนถือว่าไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย ฉินอิงทำได้เพียงยืนนิ่งและฟังวาจาเหล่านั้นโดยที่ไม่สามารถสรรหาคำใดมาตอบโต้ได้เลย ชื่อเสียงของตระกูลฉินในปัจจุบันนี้ย่ำแย่อย่างแท้จริงและแตกต่างจากในอดีตที่ทุกคนในดินแดนต่างก็แสดงความเคารพโดยที่ไม่มีความคิดอื่นใดแอบแฝง
“หุบปากไปเสีย !”
ฉินอิงตะโกนกร้าวด้วยความโกรธแค้นอย่างที่สุด ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะจี้จุดอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้และไม่ไว้หน้าตระกูลฉินแม้แต่น้อย
“ทำไมกัน ? ตระกูลฉินของพวกเจ้ากล้ากระทำทุกอย่างแต่ไม่กล้ายอมรับอย่างนั้นรึ ? สิ่งที่เกิดขึ้นข้างหน้าภัตตาคารเอกพิภพก่อนหน้านี้ คิดว่าพวกข้าไม่รับรู้สินะ ? ตระกูลฉินของเจ้าหาเรื่องระรานศิษย์ของเราก่อนและศิษย์ของเราเพียงตอบโต้กลับก็เท่านั้น เมื่อถูกคนของขุมกำลังเอกพิภพจับโยนออกนอกอาณาเขต พวกเจ้าก็เลยอับอายขายหน้าและตามมาตอแยศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่ถึงที่นี่ หากตระกูลฉินของเจ้าทรงพลังนัก เหตุใดจึงไม่ไปสะสางปัญหากับขุมกำลังเอกพิภพเสียเลยล่ะ ? คิดหรือว่าขุมกำลังระดับสองเช่นพวกเราจะยอมถูกรังแกได้ง่าย ๆ !”
ว่านเฉินซีกล่าวแทรกขึ้นมาและไม่ไว้หน้าผู้อาวุโสหกฉินอิงและตระกูลฉินแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกัน นางก็แสดงจุดยืนที่ต้องการปกป้องฉินอวี้โม่และสหายอย่างชัดเจน
ฉินอวี้โม่และสหายก็ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ เพื่อปล่อยให้บรรดาผู้อาวุโสคลี่คลายปัญหากันเองโดยที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว นอกเหนือจากว่านหรูชูที่ค่อนข้างพูดน้อย ว่านเฉินซีและเฉินคุนต่างก็ไม่สบอารมณ์นัก การที่ตระกูลฉินกล้ามาหาเรื่องกลุ่มของฉินอวี้โม่และไม่เห็นพวกตนอยู่ในสายตาเช่นนี้ถือเป็นการดูหมิ่นอย่างแท้จริง
“อ๊าก ! อ๊าก ! ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด !”
หลังจากที่ถูกเฉินคุนและว่านเฉินซีด่ากราดอย่างต่อเนื่อง ฉินอิงก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไป เขาตะโกนกร้าวและตรงเข้าไปโจมตีว่านเฉินซีอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ว่านหรูชูเข้ามาขวางหน้าว่านเฉินซีไว้และขัดขวางการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างทันท่วงที
เพราะถึงอย่างไร ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าฉินอิงเท่าใดนัก
“จับตัวคนพวกนี้และลากกลับไปที่จวนตระกูลฉิน ข้าจะทำให้พวกนางต้องชดใช้กับวาจาและการกระทำดูหมิ่นในวันนี้ !”
หลังจากที่ฉินอิงสั่งการกับสมาชิกตระกูลฉิน คนเหล่านั้นก็ลงมือโจมตีฉินอวี้โม่และทุกคนทันที
“พี่อวี้โม่ ปล่อยให้ข้าจัดการนังไร้ยางอายนี่เอง !”
ก่อนที่ฉินอวี้โม่จะเคลื่อนไหว เถาเซี่ยวเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งออกไปและโจมตีฉินอวี๋อย่างรวดเร็ว
หากมิใช่เพราะฉินอวี๋ ปัญหาบานปลายเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ข้างหน้าภัตตาคารของขุมกำลังเอกพิภพก่อนหน้านี้ ฉินอวี๋ก็เรียกพวกนางว่าเป็นพวกบ้านนอก ไม่ว่าอย่างไร เถาเซี่ยวเซี่ยวก็จะต้องสั่งสอนให้สตรีผู้นี้ได้รับรู้ว่าคนบ้านนอกอย่างพวกนางมีฝีมือที่ร้ายกาจเพียงใด !
ฉินอวี้โม่ก็ไม่คิดขัดขวางนาง ด้วยความแข็งแกร่งของเถาเซี่ยวเซี่ยวในตอนนี้ นางคงจะจัดการกับฉินอวี๋ได้ไม่ยาก
แม้ฉินอวี๋จะได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน ความแข็งแกร่งของนางก็อยู่เพียงระดับทั่วไปและบรรลุเพียงขอบเขตเทพเซียนสามดาราเท่านั้นซึ่งเหนือกว่าเถาเซี่ยวเซี่ยวเพียงไม่มากนัก
ความสามารถในการต่อสู้ของเถาเซี่ยวเซี่ยวก็พัฒนาขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมาและนางก็มิใช่เด็กสาวไร้ประสบการณ์เมื่อก่อนอีกต่อไป ในการประจันหน้ากับฉินอวี๋ นางจึงมีโอกาสชนะมากพอสมควร
ครานี้คนตระกูลฉินมาที่นี่มากกว่าสิบคนโดยสามคนในนั้นเป็นผู้อาวุโสของตระกูล ในขณะที่คนอื่น ๆ มีความแข็งแกร่งไม่แตกต่างไปจากฝ่ายของฉินอวี้โม่เท่าใดนัก
นอกเหนือจากฉินอิงที่ต่อสู้กับว่านหรูชูแล้ว ผู้อาวุโสของตระกูลฉินอีกสองคนก็ถูกตรึงไว้โดยเฉินคุนและว่านเฉินซี ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันโจมตีฉินอวี้โม่และสหายตามลำดับ
เวลานี้ ฝ่ายตระกูลฉินมีจำนวนคนมากกว่าฝ่ายของฉินอวี้โม่สองคน ทั้งฉินอวี้โม่และว่านหลิวชางจึงต้องประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ถึงสองคน ในขณะที่ว่านหลิวอฺวิ๋นและคนอื่น ๆ รับมือกับคู่ต่อสู้เพียงคนเดียว ในเวลานี้ เรียกได้ว่าทุกคนแสดงฝีมือกันออกมาอย่างเต็มที่และไม่คิดที่จะยั้งมือแม้แต่น้อย
ไม่นานนัก ทางเข้าของเขตที่พักที่ตระกูลเฟิงเตรียมไว้ให้กับแขกผู้มาร่วมงานก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คน
“เหตุใดจู่ ๆ ตระกูลฉิน นิกายหมื่นกระบี่ และนิกายพันปีศาจจึงต่อสู้กันได้เล่า ?”
ผู้ที่เข้ามารับชมความตื่นเต้นก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่ากลับไม่มีผู้ใดที่คิดจะลงมือทำสิ่งใด แม้มีชื่อเสียงที่แย่ลงเรื่อย ๆ ตระกูลฉินก็ยังทรงอำนาจมากและเป็นขุมกำลังที่ใครหลายคนไม่กล้าท้าทายหรือล่วงเกิน อย่างไรก็ตาม แม้นิกายหมื่นกระบี่และนิกายพันปีศาจจะอ่อนแอกว่า พวกเขาก็ไม่มีทางพลาดท่าไปง่าย ๆ เช่นกัน
ด้วยชื่อเสียงที่เลวร้ายของตระกูลฉิน แม้พวกเขาจะเป็นขุมกำลังอันดับต้น ๆ ของดินแดน มันก็มีขุมกำลังระดับหนึ่งเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ต้องการเป็นพันธมิตรกับพวกเขา ในทางกลับกัน หลักคุณธรรมและความถูกต้องของนิกายหมื่นกระบี่ก็เป็นสิ่งที่เลื่องชื่อไปทั่วทุกขุมกำลัง เพราะเหตุนั้น หลายคนจึงเริ่มลังเลว่าควรจะช่วยพวกเขาจัดการกับตระกูลฉินด้วยกันหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่ดูไร้กังวลของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ขุมกำลังเหล่านั้นจึงไม่รีบร้อนลงมือ หากถึงเวลาที่นิกายหมื่นกระบี่รับมือไม่ได้ การยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในตอนนั้นก็ยังไม่สายเกินไป…
การต่อสู้ดำเนินไปประมาณสองก้านธูปโดยที่ตัดสินผลแพ้ชนะไม่ได้ ถึงอย่างไร ความแข็งแกร่งในการต่อสู้โดยรวมของว่านหรูชูและฉินอิงก็ไม่ได้แตกต่างกันนักจึงยากที่จะกำหนดผู้ชนะได้ในเวลาสั้น ๆ
ว่านเฉินซีและเฉินคุนที่ประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ก็ตกอยู่ในสภาวะชะงักงันเช่นกันและยังไม่สามารถระบุผู้ชนะได้
อย่างไรก็ตาม เถาเซี่ยวเซี่ยวสามารถบีบไล่ต้อนฉินอวี๋ได้อย่างง่ายดายและทิ้งบาดแผลจำนวนมากไว้บนร่างกายของอีกฝ่าย ว่านหลิวอวิ๋นเองก็ยับยั้งคู่ต่อสู้ของเขาได้เช่นกัน แม้แต่ศิษย์จากนิกายพันปีศาจสองคนก็ขึ้นเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว
สำหรับการต่อสู้สองต่อหนึ่งอีกสองคู่ แม้ดูเหมือนว่าฝ่ายตระกูลฉินจะมีความได้เปรียบเหนือฉินอวี้โม่และว่านหลิวอวิ๋น พวกเขาก็ยังเอาชนะทั้งสองไม่ได้
ในเวลานี้ ไม่ไกลออกไป สมาชิกจำนวนหนึ่งของตระกูลเฟิงก็กำลังเดินทอดน่องเข้ามา…