บทที่ 2047 สงครามไร้ไมตรี

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

รวบรวมสมาธิเล็กน้อย โค่วหลิงซวีก้มหน้าปัดแผนที่ดาวขึ้นมาตรวจดูเส้นทางการเดินทัพของทัพใหญ่ตามรายงานอีกครั้ง แล้วพึมพำว่า “ตลอดทางมานี้เขาไม่หยุดและไม่พัวพันใดๆ ดูไม่เหมือนมต้องการมุ่งหน้าไปน่านฟ้าขาลกุ่ยเพื่อกู้สถานการณ์ให้ฮ่าวเต๋อฟาง เขาทะลุไปมาระหว่างสายเถาะ สายมะโรง สายมะเส็ง แบบนี้หมายความว่าอะไร? ทำไมข้าไม่เข้าใจกลยุทธ์ของเจ้าเด็กนี่?”

ถังเฮ่อเหนียนพยักหน้า “มองไม่เข้าใจจริงๆ เพียงแต่คนคนนี้เชี่ยวชาญการรบ ศึกใหญ่แต่ละครั้งที่เคยผ่านมาล้วนพิสูจน์แล้วว่าเขามีจุดที่เหนือกว่าคนอื่น ไม่ทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์แน่นอน รอให้ได้ข่าวครอบคลุมกว่านี้ ก็คงจะเข้าใจเองขอรับ”

โค่วเจิงที่อยู่ข้างๆ ก็พยายามใช้ความคิดเต็มที่เช่นกัน สำหรับคนหนุ่มที่เก่งกาจอย่างเหมียวอี้ ลึกๆ แล้วเขาค่อยข้างดูถูก ไม่คิดว่าจะเก่งกาจกว่าตัวเองไปสักเท่าไร แม้แต่บิดายังไม่เข้าใจเจตนา เขาเองก็อยากจะแสดงความสามารถให้บิดาเห็นเช่นกัน แต่จนใจที่คิดจนสมองจะแตกแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเหมียวอี้ใช้ยุทธวิธีอะไรกันแน่

สำหรับเหมียวอี้แล้ว เขาเข้าใจจุดประสงค์กลยุทธ์ของตัวเองดีมาก ย่อมรู้ว่าตัวเองกำลังไปทางลัด แต่คนนอกไม่รู้เจตนาของเขาเลย จากจุดเริ่มต้นจนถึงปลายทางแม้จะเป็นการบุกทะลวงโดยตรง แต่ที่เรียกว่าบุกทะลวงโดยตรงไม่ใช่การเดินทางเป็นเส้นตรง อาณาเขตสามสายที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันกลายเป็นอาณาเขตทัพใต้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรเส้นทางการเดินทัพของเหมียวอี้ก็อ้อมไปอ้อมมาอยู่ในอาณาเขตสามสายนี้ มองไม่เข้าใจเลย

ตอนนี้กลุ่มอำนาจฝ่ายต่างๆ ล้วนได้รับข้อมูลการเคลื่อนไหวของทัพใหญ่แดนรัตติกาลแล้ว ส่วนศึกเดือดระหว่างฮ่าวเต๋อฟางกับผังก้วนที่น่านฟ้าขาลกุ่ย กำลังพลที่ติดตามมาคุ้มครองแขกงานแต่งงานก็กำลังดูอยู่ รายงานสถานการณ์ได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องเฝ้าติดตามตลอดเวลา ตอนนี้ทุกคนถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของทัพใหญ่แดนรัตติกาลแล้ว

แม้แต่ประมุขชิงที่อยู่ในพระตำหนักอุทยานก็กางแผนที่ดาวออกมา โพ่จวินกับพวกอู๋ฉวี่ก็เข้ามาล้อมพลางครุ่นคิดด้วยเช่นกัน

“เจ้าหมอนี่จะมาไม้ไหนกันแน่?” ประมุขชิงถามคำถามนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

หลายคนที่กำลังล้อมแผนที่ดาวไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่กลับไม่มีใครกล้าบอกว่าเหมียวอี้กำลังหลับหูหลับตาทำศึกหรือกระบิดกระบวน อย่างไรเสียผลงานการรบในอดีตของเหมียวอี้ก็เห็นๆ กันอยู่ ผลงานเจิดจ้าสะดุดตามาก

ตลาดผี ตึกศาลาสัตยพรต เฉาหม่านที่กำลังจ้องแผนที่ดาวเงยหน้ามองเว่ยซูกับชีเจวี๋ย ถามว่า “พวกเจ้ามองกลยุทธ์ของหนิวโหย่วเต๋อ?”

เว่ยซูเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน “นายท่านเคยกล่าวไว้ไม่ผิด สงสัยฝั่งพวกเราคงจะขาดแคลนคนที่สายตาเฉียบแหลมในการบัญชาการทัพทำศึก”

น่านฟ้าขาลกุ่ย จุดที่รบกันอย่างดุเดือด พลังรบของทัพอารักขาฝ่ายฮ่าวเต๋อฟางไม่ธรรมดาจริงๆ ภายใต้สถานการณ์ที่ฝ่ายศัตรูมีจำนวนคนมากกว่า เกิดความวุ่นวายภายในและโดนโจมตีจนลนลานทำอะไรไม่ถูก ทั้งยังรบจนเสียหายไปแล้วเกินครึ่ง ก็ยังสามารถกำจัดกำลังพลของฝ่ายตรงข้ามทิ้งไปแล้วสองเท่า ยังคงคุมสถานการณ์ไหว

ตอนนี้ความวุ่นวายภายในสงบแล้ว ศูนย์กลางมั่นคงแล้ว สามารถสู้กับภายนอกได้อย่างมีสติ การป้องกันมีเสถียรภาพ เหลือแค่รอกองหนุน

เดิมทีทัพอารักขาของฮ่าวเต๋อฟางก็เก่งกาจที่สุดในทัพใต้อยู่แล้ว และนี่ก็เป็นกำลังพลที่สามารถติดตามอยู่ข้างกายฮ่าวเต๋อฟางได้ ยิ่งเป็นคนเก่งเหนือคนเก่ง มีพลังรบมากขนาดนี้ก็ไม่แปลก

ผังจื่อฉางที่กำลังดูการรบหันกลับมากุมหมัดคารวะผังก้วน “ท่านพ่อ ความเสียหายของฝั่งเราสูงถึงยี่สิบล้านแล้ว นี่เป็นทัพเกรียงไกรของท่านพ่อหมดเลยนะ เสียหายเยอะเกินไปแล้ว สู้ต่อไปแบบนี้ไม่ได้ขอรับ กองหนุนฝ่ายศัตรูใกล้จะมาถึงแล้ว ควรจะรีบระดมทัพใหญ่มาอีกกลุ่ม สร้างกองทัพที่เหนือกว่าโดยสมบูรณ์ แล้วทะลวงเข้าไปตรงกลางเหมือนคมดาบ รีบกำจัดฮ่าวเต๋อฟางทิ้ง!”

ผังก้วนเหมือนไม่สะทกสะท้าน กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ควรจะทำอย่างไร ในใจข้ารู้ชัดกว่าเจ้า”

“…” ผังจื่อฉางอึกอักเหมือนอยากจะพูดอีก แต่สุดท้ายก็มองไปทางเฉินหวยจิ่วที่อยู่ข้างหลัง กำลังสื่อว่าให้ช่วยโน้มน้าวบิดาสักหน่อย

เฉินหวยจิ่วส่ายหน้าให้เขาเบาๆ บอกใบ้ว่าไม่ต้องถามมากแล้ว

กับบางเรื่องเมื่อเห็นผังก้วนไม่พูด เฉินหวยจิ่วก็ย่อมไม่สะดวกจะพูดเช่นกัน เขาเข้าใจความคิดของผังก้วน นี่คือกลยุทธ์ที่เอาชีวิตคนไปเติม กลยุทธ์คว้าชัยในรวดเดียวของหนิวโหย่วเต๋อได้ใจนายท่านมาก ขอเพียงฉวยโอกาสกำจัดทัพอารักขาของฮ่าวเต๋อฟางทิ้งได้ในรวดเดียว ก็จะลดความยุ่งยากที่ตามมาทีหลังได้แล้ว ตอนนี้ถ้ากำจัดแค่ฮ่าวเต๋อฟาง แล้วถ้าทัพเกรียงไกรหลายสิบล้านที่จงรักภักดีต่อฮ่าวเต๋อฟางไม่มาช่วยอีก แต่หนีไปแทน นั่นก็จะเกิดปัญหายุ่งยากแล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาจะไปผนึกกำลังกับกงเชียนชิวและอวี่เหวินชวนแทน แต่ถ้าทำลายทัพเกรียงไกรของฮ่าวเต๋อฟางให้สิ้นซาก กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนใครจะยอมใครกันแน่?

ดังนั้นนายท่านต้องเล่นละครให้สมจริง ให้ความร่วมมือกับฝั่งหนิวโหย่วเต๋อ พยายามช่วงชิงเวลาให้หนิวโหย่วเต๋อ

นี่คือการเอาชีวิตคนไปเติมเป็นกองๆ อีกทั้งคนที่เสียสละชีวิตให้กลยุทธ์นี้ก็เป็นลูกน้องที่เก่งกาจของนายท่าน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตั้งกี่ครอบครัว จะให้นายท่านป่าวประกาศได้อย่างไร?

ดูจากข่าวที่ฝั่งนี้ได้รับ ก็จะเห็นว่าฝั่งหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้โกหก ถ้าได้รับบัญชาสวรรค์ให้มาช่วยฮ่าวเต๋อฟางจริงๆ ก็ควรจะใช้ทางลัดมาที่นี่โดยตรง แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังใช้กลยุทธ์นี้ ทัพใหญ่เร่งไปยังจุดหมายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า กอปรกับกงเชียนชิวและอวี่เหวินชวนก็มีท่าทีว่าจะดูอยู่เฉยๆ ทำให้สถานการณ์ฝั่งนี้ไม่เร่งด่วนอีก ทำให้นายท่านยิ่งมีความมั่นใจที่จะใช้กลยุทธ์นี้ต่อไป

พอนึกถึงตรงนี้ เฉินหวยจิ่วก็ถ่ายทอดเสียงบอกผังก้วนว่า “อีกประเดี๋ยว ถ้าท่านเขยปะทะกับทัพเกรียงไกรหลายสิบล้านของฮ่าวเต๋อฟาง เกรงว่าจะต้องทำศึกเดือด”

ผังก้วนพยักหน้าเบาๆ “เขาน่าจะรู้ชัด ว่ามีแค่ข้าเท่านั้นที่จะให้อาณาเขตสายเถาะแก่เขาได้ ข้าต้องการให้กำลังพลของเขาคุมพื้นที่ฝั่งหนึ่งให้ข้าให้มั่นคง ส่วนคำพูดประมุขชิงนั้นเหลวไหล ไว้ใจไม่ได้เลย ถ้ากู้สถานการณ์ให้ฮ่าวเต๋อฟางแล้ว ต่อไปฮ่าวเต๋อฟางจะมอบอาณาเขตสายเถาะให้เขาก็แปลกแล้ว ถ้าเขาอยากจะนั่งตำแหน่งที่สายเถาะ ถ้าไม่สู้สุดชีวิตตอนนี้แล้วจะรอตอนไหน? ไม่ต้องกังวลเกินไปหรอก ลูกเขยข้าคนนี้เป็นขุนพลเก่งกาจที่หายากจริงๆ ในเมื่อเขากล้าเสี่ยงอันตรายนี้ ก็แสดงว่ามีความมั่นใจอยู่บ้าง อีกทั้งมีทัพใหญ่โจมตีสกัดของข้าให้ความร่วมมือ ต้องโจมตีทัพหนุนของฮ่าวเต๋อฟางแตกพ่ายได้อย่างราบรื่นแน่นอน!”

เฉินหวยจิ่วพยักหน้าอย่างเห็นด้วยมากๆ

เมื่อเห็นสองนายบ่าวมีท่าทีแบบนี้ ผังจื่อฉางก็ทำได้เพียงเงียบไป รู้สึกได้รางๆ ว่าการที่บิดาทำแบบนี้จะต้องมีแผนอื่นแน่นอน

ส่วนฮ่าวเต๋อฟางที่ถูกล้อมอยู่ในทัพกลางก็ยังมีสีหน้าเยือกเย็นสุขุม ตอนนี้เขาก็คือหัวใจของกำลังพลที่กำลังถูกล้อม ถ้าเขาลนลานหวาดกลัว คนเบื้องล่างก็มีแต่จะเสียความมั่นใจ ดังนั้นเขาต้องมั่นคงเข้าไว้

ซูอวิ้นที่อยู่ข้างๆ เก็บระฆังดารา แล้วถ่ายทอดเสียงบอกว่า “นายท่าน กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนบอกว่ามีตระกูลเซี่ยโห้วก่อกวน แล้วก็มีกำลังพลสายตระกูลผังโจมตีก่อกวนยับยั้งไว้ด้วย ทัพใหญ่ถึงได้เดินทางมาช้าขนาดนี้”

ฮ่าวเต๋อฟางแสยะยิ้ม “ต่อให้ตระกูลเซี่ยโห้วจะก่อกวนขนาดไหน ต่อให้กบฏผังจะโจมตีก่อกวนขนาดไหน แต่จะยับยั้งกำลังพลทั้งหมดได้เหรอ? ข้าว่าพวกเขาคงอยากจะให้ข้าตายเร็วๆ ใจจะขาดแล้ว หรือไม่ก็หวังให้ข้ากับกบฏผังสู้กันจนเละทั้งสองฝ่าย แบบนั้นพวกเขาจะได้กลายเป็นเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อคนที่สองได้สะดวกไง”

ซูอวิ้นแอบถอนหายใจ พอตระกูลเซี่ยโห้วเข้ามาแทรกแซง ก็เห็นได้ชัดว่าต้องจะการโค่นล้มท่านอ๋อง ท่าทีอันแน่วแน่ของตระกูลเซี่ยโห้วส่งผลกระทบไม่ธรรมดา ขณะเดียวกันก็กดกลุ่มอำนาจฝ่ายต่างๆ ไว้ด้วย กลัวว่าจะทำให้กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนมีใจคิดเป็นอื่น กลัวว่าจะกำลังดูอยู่จริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะประมุขชิงแสดงท่าทีว่าสนับสนุนท่านอ๋อง มีกองทัพองครักษ์คอยจับจ้องอย่างดุร้าย ทั้งยังส่งทัพใหญ่แดนรัตติกาลลงสนาม เกรงว่าผลที่ตามมาคงเลวร้ายจนไม่กล้าคิดถึง

เพียงแต่กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนประเมินการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์แบบนี้ก็พอจะเข้าใจได้ มีใครบ้างที่จะไม่เห็นแก่ตัวเลย ต่อให้ยากจนแค่ไหน แต่ตราบใดที่ยังรักษากำลังไว้ได้ สุดท้ายแล้วไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกพวกเขา ต่อให้ท่านอ๋องจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้ แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องพวกเขาง่ายๆ

ตอนนี้ก็เหลือแค่ดูว่ากองหนุนจะมากู้สถานการณ์ทันหรือไม่ ขอเพียงมาแก้ไขสถานการณ์ให้ท่านอ๋องได้ทันเวลา กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนจะต้องฮึกเหิมแน่นอน จะต้องมาช่วยสนับสนุนอย่างสุดกำลัง

น่านฟ้าชวดอู้ กำลังพลหนึ่งพันจัดกระบวนเหาะบุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขาซ่อนทัพเกรียงไกรเอาไว้หกสิบกว่าล้าน เป็นกำลังพลทัพอารักขาของฮ่าวเต๋อฟางนั่นเอง เร่งเดินทางโดยไม่กล้าหยุดพักแม้แต่น้อย

ตอนผ่านนอกประตูน่านฟ้าขาลกุ่ย ทัพใหญ่ที่มีจำนวนคนหนาแน่นนับไม่ถ้วนก็แสดงตัวออกมาแล้ว

“แม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยมาช้า” แม่ทัพคนหนึ่งนำกำลังพลเร่งมาถึง แล้วกุมหมัดขออภัยต่อลู่หลง แม่ทัพใหญ่คนสนิทของผังก้วน

“เดินทางมาไกล มาถึงก็ดีแล้ว” ลู่หลงกล่าวเสียงดัง “หลังจากกำลังพลของเจ้ามาแล้ว ปิดล้อมประตูดวงดาวให้สนิท อย่าให้ทัพฝ่ายศัตรูบุกเข้ามา เจอแล้วยิงทันที ถ้าหลุดรอดผ่านมาคนเดียว ถือหัวมาพบข้า!”

“ขอรับ!” แม่ทัพคนนั้นเอ่ยรับคำสั่ง แล้วรีบเรียกกำลังพลของตัวเองอ้อมทัพใหญ่ ไปขวางอยู่หน้าประตูดวงดาวอย่างแน่นหนา

จากนั้นกำลังพลกลุ่มสุดท้ายก็มาครบ กำลังพลทัพใหญ่เกือบสองร้อยล้านแสดงตัวแล้วมาปิดล้อมหน้าประตูดวงดาวไว้แน่นหนา

เมื่อกองหนุนสายตระกูลฮ่าวมาถึง แล้วเห็นสถานการณ์แบบนี้ กำลังพลหกสิบล้านกว่าก็เปิดเผยตัวออกมาทั้งหมด แต่ละคนเปื้อนเลือดทั้งตัว ทัพเกรียงไกรแปดสิบล้านสังหารฝ่ามาตลอดทาง โจมตีอย่างเดียวโดยไม่ป้องกัน รบตายไปแล้วสิบล้านกว่าคน

ทัพใหญ่จัดกระบวนทัพบุกโจมตีอย่างรวดเร็ว ผู้ที่นำทัพมาก็คืออินสวี่ ผู้ตรวจการขวาทัพอารักขาของฮ่าวเต๋อฟาง ตอนนี้แม้แต่คนในครอบครัวของฮ่าวเต๋อฟางก็มีสิทธิ์แค่ฟังคำสั่งเท่านั้น ระหว่างทางมีลูกหลานของฮ่าวเต๋อฟางสงสัยในคำบัญชาการของอินสวี่ จึงถูกอินสวี่ประหารไปแล้ว

ทัพใหญ่บุกโจมตีอยู่รอมร่อ อินสวี่ชักกระบี่ออกมาทันที พร้อมคำราวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ถ้าบุกผ่านประตูดวงดาวแห่งนี้ไปก็จะกู้สถานการณ์ให้ท่านอ๋องได้แล้ว ฆ่า!”

“ฆ่า!” เสียงตะโกนฆ่าดังสะเทือนดาราจักร ทัพใหญ่แผดเสียงก้องบุกออกมา

ในกระบวนทัพมีทหารหญิงกลุ่มหนึ่ง ล้วนเป็นอนุภรรยาของฮ่าวเต๋อฟาง แต่ละคนเลือดอาบท่วมตัวเช่นกัน ตัวสวมเกราะรบแต่กลับสะบักสะบอมมาก หมดสภาพสตรีผู้งามล้ำเลิศแล้ว แผดเสียงแหลมตะโกนฆ่าอยู่ภายใต้การคุ้มกันของผู้นำตระกูล บุกไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตราวกับเป็นบ้าไปแล้ว

ไม่บุกก็ไม่ได้ ถ้าขี้ขลาดกลัวการรบ ในเวลานี้ก็ไม่สนว่าจะเป็นใคร ถ้าผู้ตรวจการทัพขวาอินสวี่ออกคำสั่งสังหารแล้ว ในกำลังพลตรวจตราก็จะมีคนพุ่งออกมาประหารเจ้าทันที

อินสวี่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของฮ่าวเต๋อฟางดีมาก ซูอวิ้นส่งข่าวมาบอกเขาแล้ว ว่าทัพอารักขาของเจ้าคือความหวังสุดท้ายของท่านอ๋อง!

ด้วยเหตุนี้ ก่อนหน้านี้อนุภรรยาของฮ่าวเต๋อฟางจึงโดนประหารไปสิบกว่าคนเพราะขี้ขลาดกลัวการรบ ระหว่างทางที่มาก็รบตายไปเกินห้าสิบคนแล้ว ตอนยังมีชีวิตอยู่แต่ละคนล้วนหญิงสาวที่งามล้ำเลิศ ทว่าเมื่อลงสนามรบแล้ว ใครจะสนว่าเจ้าเป็นหญิงสาวที่งามล้ำเลิศหรือเปล่า มีแบ่งแค่คนเป็นกับคนตายเท่านั้น

“ตอนนี้คือเวลาสร้างผลงาน ฆ่า!” ลู่หลง ผู้บัญชาการสูงสุดกำลังพลสายตระกูลผังโบกกระบี่ชี้ทัพฝ่ายศัตรู

เสียงดังบึ้มๆๆ ลำแสงนับไม่ถ้วนยิงออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ขณะฝ่ายตรงข้ามยิงกลับ ทัพใหญ่ยกโล่ขึ้นมานับพันราวกับเกล็ดมังกร บุกโจมตีอย่างบ้าคลั่งโดยไม่คิดชีวิต

ทัพใหญ่สองฝ่ายตะลุมบอนกันอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำ เกิดระเบิดตูมตามในดาราจักร เลือดสดสาดกระจายทั่วทุกทิศ เสียงกรีดร้องดังไม่ขาดสาย

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ทัพใหญ่แดนรัตติกาลห้าสิบล้านก็กำลังปะทะกับกำลังพลร้อยล้านของสายตระกูลผังที่เข้ามาสกัดอย่างดุเดือด

บุกไปข้างหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ มีความมั่นใจว่ารบชนะทุกศึก มีขวัญกำลังใจทหารที่เปี่ยมล้น ทัพใหญ่แดนรัตติกาลระเบิดพลังรบอันน่าทึ่ง พุ่งไปข้างหน้าพลางโห่ร้อง มองข้ามทัพใหญ่ที่สกัดขวางอยู่ตรงหน้าราวกับไม่มีตัวตน เหมียวอี้ที่สวมเกราะรบโบกทวนชี้ไปทางไหน เหิงอู๋เต้าก็นำทัพใหญ่พุ่งไปทางนั้นนั้นอย่างบ้าคลั่ง ปะทะแล้วตีฝ่าทัพใหญ่ที่มาสกัดขวางผ่านไปโดยตรง

……………