ตอนที่ 2624

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,624 : เพลิงอมตะ ที่ฆ่าได้กระทั่งราชาอมตะ!

 

‘เพลิงอมตะเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับปรมจารย์หลอมโอสถอมตะกับปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์อมตะนัก…หากไม่ได้รับเพลิงอมตะมาครอบครองละก็ ต่อให้จะศึกษาเรียนรู้ศาสตร์เหล่านี้มากมายเพียงใด ก็ไม่ต่างอะไรจากทำสงครามบนโต๊ะจำลอง…ไม่มีวันหลอมโอสถทิพย์หรือหลอมสร้างอุปกรณ์อมตะได้เลย…’

 

‘นอกจากนั้นเพลิงอมตะเองยังเป็นสมบัติฟ้าดิน ไม่ต่างอะไรจากสมุนไพรและผลไม้อมตะ รวมถึงสมบัติที่เกิดขึ้นเองอื่นๆ เพลิงอมตะทั้ 2 ชนิดสามารถเกิดขึ้นได้ในสภาพแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในธารลาวา ในหุบเขาแห่งสายลม กระทั่งยังถือกำเนิดขึ้นได้ในทะเลลึก แม้แต่ลำธารที่แลดูธรรมดาๆ…’

 

ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งหลังได้รับทราบข้อมูลจากยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่พึ่งใช้ไปก่อนหน้า

 

‘แต่ในเมื่อเพลิงอมตะมันไม่ต่างอะไรกับสมบัติฟ้าดินอื่นๆ ไม่ใช่หมายความว่าผู้อื่นสามารถแย่งชิงมันไปได้งั้นเหรอ?’

 

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสำรวจข้อมูลที่พึ่งเพิ่มขึ้นในความทรงจำของเขาต่อทันที

 

‘เพลิงอมตะนั้น หากมันจดจำผู้ใดเป็นนายแล้ว เว้นเสียแต่ผู้ถือครองจะเต็มใจส่งมอบให้โดยสมัครใจ…หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครใช้กำลังแย่งชิงเพลิงอมตะไปได้’

 

‘อีกทั้งหากปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะหรือปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์อมตะตกตายไป เพลิงอมตะที่อยู่ในร่างก็จะสลายตามไปด้วย…กระทั่งหากตัวตนเหล่านี้รู้ว่าระสุดท้ายกำลังจะมาถึง ยังเลือกที่จะระเบิดเพลิงอมตะในร่างเป็นการลงมือครั้งสุดท้าย เพื่อลากให้ศัตรูตกตายไปพร้อมกันได้ด้วย!’

 

‘พลังจากการระเบิดของเพลิงอมตะนั้นจะสัมพันธ์กับระดับของเพลิงอมตะที่มี…หากเป็นเพลิงอมตะระดับสูงสุดของปรมาจารย์หลอมอมตะล่ะก็ ยามจุดชนวนระเบิดมันขึ้นมา กระทั่งตัวตนขอบเขตพลังราชาอมตะทั่วไป แต่อยู่ในรัศมีพันหมี่ ก็ไม่แน่ว่าจะหลีกหนีความตายได้พ้น…’

 

ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบอีกว่าเพลิงอมตะเองยังมีแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ

 

เพลิงอมตะระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง และระดับสูงสุด

 

แน่นอนว่าเพลิงอมตะแต่ละระดับก็มีหลากหลายประเภทและชนิด กระทั่งบางชนิดยังไม่มีใครเคยค้นพบ หรือล่วงรู้ว่ามันดำรงอยู่ก็มี…

 

‘หากเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถหรืออุปกรณ์อมตะระดับสูงสุด…ถึงแม้ระดับพลังฝึกปรืออาจจะไม่สูงอะไรมากมาย ทว่าต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะยังต้องให้เกียรติไม่กล้าล่วงเกินง่ายๆ! เพราะหากไปบีบคั้นอะไรแล้วปรมาจารย์เหล่านี้บังเกิดความคิด ‘ยอมเป็นหยกแหลกลาญไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์’ ขึ้นมา จนจุดชนวนเพลิงอมตะในร่าง ราชาอมตะก็ยากจะรอดพ้น…

 

กระทั่งเอาแค่ปรมาจารย์หลอมระดับต่ำที่ในร่างมีแค่เพลิงอมตะระดับต่ำ หากถูกบีบคั้นมากเข้าและเลืกหนทางพินาศร่วมกับศัตรู…เกรงว่าตัวตนขอบเขตพลังต้าหลัวจินเซียนในรัศมีพันหมี่ หากไม่ตายก็ต้องพิการ!

 

อ่านถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับต้องหยุดหายใจ

 

เพราะตอนนี้เขาตระหนักได้แล้ว…

 

ว่าเขาดูเบาปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำ ที่หลอมโอสถทิพย์ระดับต่ำอย่าง โอสถเสริมวิญญาณมากเกินไป…

 

ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำนั้น ถึงแม้พลังฝึกปรือจะไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตต้าหลัวจินเซียน แต่หากคิดยอมเป็นหยกแหลกลาญไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ จุดชนวนเพลิงอมตะขึ้นขึ้นมาจริงๆ ทีนี้ต้าหลัวจินเซียนในรัศมีพันหมี่หากไม่ตายก็ต้องพิการแน่นอน!

 

‘เพลิงอมตะ…ไม่รู้ว่าข้าจะโชคดีได้พบพานมันบ้างหรือไม่…’

 

พอตระหนักได้ถึความสำคัญทั้งความอันตรายขอเพลิงอมตะ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายวูบวาบ เผยให้เห็นถึงความปรารถนาอันแรงกล้าประการหนึ่ง…

 

‘อืม…ส่วนยันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นนี้…ดูเหมือนจะบันทึกข้อมูลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่สนใจเดินในหนทางแห่งการหลอมพวกนี้เอาไว้…’

 

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็หยิบยันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นใหม่ขึ้นมา

 

ในยันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นนี้ มีแนะแนวบอกความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับผู้ที่คิดเดินในเส้นทางแห่งการหลอม รวมถึงยังมีข้อมูลเบื้องต้นที่คอยสอนการหลอมปรุงโอสถอย่างง่าย รวมถึงอุปกรณ์ทั้งหลายเอาไว้ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลพื้นฐานและทฤษฎีพวกนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนถึงกับต้องอึ้งไปตาปริบๆครู่หนึ่ง…

 

‘ทฤษฎีพวกนี้…ไม่ได้ดีเด่อะไรเลย เทียบกับความรู้พื้นฐานของศาสตร์แห่งการหลอมที่ข้ารู้ในระนาบโลกียะ ยังถือว่าหยาบกว่า…’

 

หลังอ่านข้อมูลเบื้องต้นไปสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง

 

ณ ระนาบเทวโลก ศาสตร์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุทั้งหลาย ไม่ว่าจะหลอมยาก็ดีหลอมสร้างศาสตราของใช้ก็ดี ไม่ได้สูงไปกว่าระนาบโลกียะแม้แต่น้อย

 

กล่าวได้ว่า เพียงประยุกต์ศาสตร์แห่งการหลอมที่เขาได้รับมาจากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดมาใช้ในระนาบเทวโลกดได้สำเร็จล่ะก็ อย่าว่าแต่โอสถทิพย์ระดับต่ำ ให้เป็นระดับกลาง หรือกระทั่งระดับสูงเขาก็เชื่อว่าสามารถหลอมปรุงมันขึ้นมาได้แน่…

 

‘กล่าวได้ว่า…ตราบใดที่ข้าได้รับเพลิงอมตะที่เหมาะสมมา และมีสมุนไพรทั้งวัตุดิบที่จำเป็นครบถ้วน รวมถึงมีสูตรโอสถและแบบแปลนทั้งเวลาทดลองข้าก็สามารถหลอมสร้างโอสถทิพย์ทั้งยอดสมบัติสวรรค์ระดับต่างๆยกเว้นระดับสูงสุดได้!’

 

‘อย่างไรก็ตามด้วยความรู้และประสบการณ์การค้นคว้าชั่วชีวิตของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ข้าจะต่อยอดจนบรรลุเป็นปรมาจารย์หลอมอมตะระดับสูงสุดก็ไม่ใช่เรื่องยาก!’

 

ตระหนักได้ถึงจุดนี้ลมหายใจต้วนหลิงเทียนก็ถี่รัวขึ้นมา ตื่นเต้นนัก!

 

ความรู้สึกของเขาตอนนี้ เสมือนค้นพบทางลัดก็ไม่ปาน!

 

‘อย่างไรก็ตามแม้ความรู้ในการหลอมโอสถกับอุปกรณ์ของข้าจากระนาบโลกียะ จะมีความละเอียดมากพอจะเทียบได้กับความรู้ของเหล่าปรมาจารย์หลอมอมตะระดับสูง…แต่หากข้าไม่มีเพลิงอมตะที่มีระดับเหมาะสม จะมีความรู้ระดับสูงเหล่านี้ไปก็ไร้ความหมาย..’

 

พอนึกถึงจุดนี้ได้ ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนถูกน้ำเย็นถังหนึ่งราดรดลงหัว ดึงสติให้ตื่นขึ้นทันที

 

‘เพลิงอมตะ…หายากกว่าสมบัติฟ้าดินชนิดอื่นๆนัก เป็นอะไรที่พบเจอด้วยวาสนา แสวงหามิอาจพานพบ’

 

หลังตระหนักได้ถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็เลิกให้ความสนใจเกี่ยวกับข้อมูลของการหลอมโอสถและหลอมสร้างอุปกรณ์อื่นๆต่ออีก หลังระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง เขาก็หยิบยันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นอื่นขึ้นมาเรียนรู้ต่อ…

 

ต้วนหลิงเทียนรู้วิธีจำแนกเวทย์พลังแล้ว

 

สิ่งที่เขาต้องการทำความเข้าใจก็คือเวทย์พลังบางประเภทที่เขาไม่เคยเจอ

 

‘นอกจากเวทย์พลังสายจู่โจม สายป้องกัน ท่าร่าง แล้ว ก็มีเวทย์พลังสนับสนุน…หากแต่เวทย์พลังสายสนับสนุนในระนาบเทวโลกไม่ได้มีแต่การเสริมพลังให้กับผู้ใช้เท่านั้น ยังมีเวทย์พลังสนับสนุนที่สามารถช่วยเหลือและสร้างข้อได้เปรียบในการต่อสู้ได้อีกมากมาย…’

 

อย่างเช่นเวทย์พลังสนับสนุนบางประการ สามารถเปลี่ยนพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดให้กลายเป็นเชือกที่ยืดยาวออกไปมัดผู้อื่นได้ในเสี้ยววพริบตา…กระทั่งยังสร้างกับดักหยุดยั้ง มีแม้กระทั่งสร้างสภาพแวดล้อมเทียมไว้อำพราง

 

หลังอ่านจบ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเข้าใจเวทย์พลังสายสนับสนุนที่มีหลากหลายได้คร่าวๆ

 

อย่างไรก็ตามสำหรับเวทย์พลังจำพวกนี้ ไม่ใช่อะไรที่เขาต้องมีในตอนนี้

 

‘นอกจากนั้น…ยังมียันต์อมตะ’

 

ต้วนหลิงเทียนหยิบยัต์อมตะเก็บความทรงจำอีกแผ่นขึ้นมา และมันเป็นยันต์อมตะที่กักเก็บข้อมูลเรื่องยันต์อมตะในระนาบเทวโลกเอาไว้คร่าวๆ

 

ยันต์อมตะกับยันต์เต๋าใช้หลักการเดียวกัน ยังมีแนวทางเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน แค่ยันต์อมตะจะใช้แผ่นหยกแทนกระดาษซึ่งมันจะให้ผลดีกว่า…

 

‘ยันต์อมตะเองก็แบ่งออกได้หลายประเภท จู่โจม ป้องกัน เสริมท่าร่าง และยันต์สนับสนุน ในบรรดายันต์อมตะทั้งหลาย ยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่ข้าใช้ถือว่าอยู่ในประเภทยันต์อมตะสนับสนุน…’

 

‘ยังมียันต์อมตะเงาลอย ที่คล้ายคลึงกับยันต์เต๋ากระจกเงาสะท้อนลักษณืในระนาบโลกียะ ที่สามารถบันทึกฉากเรื่องราวที่เห็นและฉากมัออกมาได้…’

 

‘หากทว่ายันต์อมตะเงาลอย จะเหนือกว่ายันต์เต๋ากระจกเงาสะท้อนลักษณ์ในระนาบโลกียะไม่น้อย เพราะไม่ใช่แค่ภาพเท่านั้น มันยังบันทึกได้กระทั่งเสียง!’

 

ยันต์เต๋ากระจกเงาสะท้อนลักษณ์เพียงบันทึกและฉายได้แค่ภาพเหตุการณ์เคลื่อนไหวเท่านั้น มันไม่มีเสียง

 

‘นอกจากยันต์อมตะเงาลอยแบบทั่วไป ยังมียันต์อมตะเงาลอยแม่ลูก ที่ไม่ต่างอะไรกับยันต์เต๋ากระจกเงาแม่ลูกในระนาบโลกียะเลย…อย่างไรก็ตามยันต์อมตะเงาลอยแม่ลูกในระนาบเทวโลก ช่างมีราคาแพงสุดที่ยันต์อมตะเงาลอยทั่วไปจะเทียบได้จริงๆ…’

 

‘ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตอนที่ หยางกงผิง แม่ทัพของกองทัพมังกรเงินนั่นเห็นข้าที่เหลา มันกลับจำไม่ได้ว่าข้าเป็นใคร…ตอนแรกหลงคิดไปว่าพอไป่ฟูฉางของมันตายไปวันนั้น มันจะได้เห็นฉากที่ข้าฆ่าคนของมันแล้วเสียอีก’

 

‘ดูเหมือนว่า…ระดับไป่ฟูฉางของกองทัพมังกรเงิน จะไม่มียันต์อมตะเงาลอยแม่ลูกไว้ใช้งาน…’

 

‘กระทั่ง…ตัวตนระดับแม่ทัพเองก็ไม่น่าจะได้ใช้ยันต์อมตะเงาลอยแม่ลูกเช่นกัน เพราะตัวข้าเองหลังได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพ แต่ไม่เห็นเฉินเฉวียนป้าจะใช้ยันต์อมตะเงาลอยอะไรกับข้าเลย…’

 

‘แบบนี้ก็ไม่น่าแปลกใจ ที่ไฉนเฉินเฉวียนป้าจึงไม่ทราบ ว่าแม่ทัพของกองทัพมังกรดำนามหวงจี่ปิ่งนั่นตกตายเพราะอะไร…ที่แท้หวงจี่ปิ่งเองก็ไม่มียันต์อมตะเงาลอยชุดลูก’

 

ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดถึงจุดนี้ เขาก็ได้ยินเสียงกล่าพลางทอดถอนใจหนึ่งดังขึ้นเข้าหู

 

“น้องหลิงเทียน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าออกจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้ว กระทั่งยังออกไปเดินเล่นนอกจวนพึ่งกลับมาอีกด้วย?”

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมฟังออกทันทีว่านี่เป็นเสียงของหลิ่วเฟิงกู่

 

ยิ่งไปกว่านั้นเสียงเรียกหายังฟังสนิทสนมมากขึ้นไม่น้อย เพราะหลิ่วเฟิงกู้ไม่ได้เรียกหาเขาว่าแม่ทัพต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป หากแต่เรียกเขาว่าน้องหลิงเทียนแทน ซึ่งทำให้ระยะห่างที่มองไม่เห็นระหว่างทั้งสองเสมือนสั้นลงทันตา

 

และฟังจากเสียง เขาก็รู้ว่าหลิ่วเฟิงกู่สมควรอยู่ในลานหน้าบ้านเรียบร้อย

 

“เจ้าเมือง…”

 

ต้วนหลิงเทียนพักเรื่องอ่านข้อมูลที่พึ่งได้รับจากยันต์อมตะแผ่นล่าสุดเอาไวว้ชั่ววครา ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู แล้วก้าวออกจากห้องโถงไป

 

“ปิดด่านบ่มเพาะครานี้…ได้ผลเลิศล้ำอันใด?”

 

หลิ่วเฟิงกู่กล่าวถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาแฝงความคาดหวัง

 

ต้วนหลิงงเทียนย่อมสังเกตเห็นความคาดหวังอันในสายตาของหลิ่วเฟิงกู่ชัดเจน จึงยิ้มกล่าวตอบออกไปว่า “ต้องขอบคุณห้องบ่มเพาะส่วนตัวของเจ้าเมืองแล้วจริงๆ…ในเวลาแค่ไม่กี่เดือนกลับทำให้ข้าทะลวงถึงเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงได้สำเร็จ”

 

เซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง!

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่บอจบคำ หลิ่วเฟิงกู่ก็ถึงกับผงะไปด้วยความตกใจ ยังอึ้งค้างไปไม่รู้ตัวอยู่นาน!

 

วันนี้มันแค่ได้รับรายงานจากคนในจวนว่าต้วนหลิงเทียนออกจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้วเท่านั้น แต่ไม่รู้เรื่องการทะลวงด่านของต้วนหลิงเทียนเลย มันยังหลงคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรบ่มเพาะจนห่างไม่กี่ก้าวจะทะลวงผ่านเท่านั้น…

 

เพราะสุดท้ายแล้วก่อนหน้านี้มันก็คิดมาตลอดว่าอาศัยระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งปี คงไม่มากพอให้ต้วนหลิงเทียนบ่มเพาะพลังจนถึงขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วง

 

ทว่าตอนนี้เพียงแค่ 5 เดือนต้วนหลิงเทียนก็ออกจากการปิดด่านเสียอย่างนั้น

 

มันจึงเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่ทะลวงด่านแน่นอน

 

อย่างไรก็ตามมันไมน่คิดไม่ฝันเลย ว่ามันแค่ลองกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย มิคาดต้วนหลิงเทียนกลับทะลวงไปถึงเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ม่วงแล้วจริงๆ

 

‘ดูเหมือนว่าการเดิมพันครั้งนี้ จะทำให้ข้าได้รับสมบัติล้ำค่ามาแล้วจริงๆ…’

 

ไม่นานหลิ่วเฟิงกู่ก็หวนกลับมามีสติอีกครั้ง หลังทอดถอนในใจเล็กน้อยแววตาของมันก็ฉายแววตื่นเต้นอย่างมากก

 

เพราะยิ่งความสามารถของต้วนหลิงเทียนสูงล้ำเหนือจินตนาการมันเท่าไหร่ พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนย่อมก้าวหน้าเร็วขึ้นเท่านั้น และนั่นหมายความว่า…วันแห่งการแก้แค้นของมันก็กระชั้นเข้ามาเร็วขึ้น!!

 

“เจ้าเมือง…”

 

พอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เขาเองก็กำลังสงสัยเรื่องยันต์อมตะเงาลอยอยู่ ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที “ระหว่างท่านกับผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำและกองทัพมังกรเงิน ได้มีการติดตั้งยันต์อมตะเงาลอยแม่ลูกเอาไว้หรือไม่?”