บทที่ 1291 พลังวารีเทวะ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,291 พลังวารีเทวะ

เป็นเช่นนี้ไม่ถูกต้อง

ต่อให้ใช้ร่างกายหนักขนาดไหน แต่หลินเป่ยเฉินก็ไม่เคยรู้สึกปวดหลังเช่นนี้มาก่อน

เขาคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ

โดยเฉพาะมวลพลังห้าธาตุที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย พวกมันโคจรอย่างปั่นป่วนโดยเฉพาะที่ช่วงเอวของเขา

หลินเป่ยเฉินอดใช้มือนวดเอวตนเองไม่ได้

และหูของเขาก็เริ่มได้ยินเสียง

เป็นเสียงน้ำสาดกระจาย

และเป็นเสียงน้ำสาดกระจายที่ดังขึ้นมาจากช่วงเอวของเขาอีกเช่นกัน

หลินเป่ยเฉินหลับตาลงและคล้ายกับเห็นคลื่นพลังสีน้ำเงินกำลังหมุนเวียนอยู่รอบช่วงเอว

ทันใดนั้น พลังศักดิ์สิทธิ์ที่อัดแน่นอยู่ในเส้นลมปราณทั้งยี่สิบสายก็พุ่งทะลวงไปสู่ช่วงเอว

“เชี่ย เป็นแบบนี้ตัวเราได้ระเบิดตายแน่ ๆ…”

หลินเป่ยเฉินลอบสบถออกมา

จังหวะนั้น เอวของเขาก็เกิดการกระตุกเล็กน้อย

แล้วมวลพลังที่โคจรอยู่รอบช่วงเอวก็กระจายไปสู่แขนขา เพียงไม่นาน บาดแผล รอยแผลเป็น และมวลพลังที่แปลกประหลาดในร่างกายก็หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว…

“นี่มัน… เดจาวูหรือไงวะ”

หลินเป่ยเฉินเริ่มเข้าใจในอะไรบางอย่างขึ้นมาบ้างแล้ว

ฉับพลันนั้น เด็กหนุ่มเกิดความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณกลางหน้าผาก

ความปวดเมื่อยเนื้อตัวหายไปจากร่างกาย

ความเจ็บปวดที่ช่วงเอวไม่มีอีกต่อไป

พลังศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอย่างราบรื่น

หลินเป่ยเฉินรีบนำกระจกบานเล็กออกมาส่องดูใบหน้าของตนเอง

“เชี่ยไรเนี่ย…”

บัดนี้ กลางหน้าผากของเขาที่เดิมทีมีสัญลักษณ์รูปเปลวไฟเด่นหรา กลับปรากฏสัญลักษณ์สีน้ำเงินผสมอยู่ในสัญลักษณ์รูปเปลวไฟสีแดงนั้นอย่างสวยงามและแปลกประหลาด

มันมีลักษณะเหมือนสัญลักษณ์รูปเปลวไฟทุกประการ เพียงแต่มีสีน้ำเงินเท่านั้น

หากสัญลักษณ์นี้ไปปรากฏอยู่บนหน้าผากของผู้อื่น มันก็คงน่าเกลียดแทบตายแล้ว แต่เมื่อมาปรากฏอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาของหลินเป่ยเฉิน มันกลับยิ่งช่วยเพิ่มความสง่างามให้แก่เด็กหนุ่มมากขึ้น

“เฮ้อ ทำไมเราถึงหล่อแบบนี้นะ”

หลินเป่ยเฉินลดกระจกลง “แล้วพวกผู้ชายคนอื่น ๆ จะอยู่กันยังไง?”

หากเขายังพัฒนาเช่นนี้ต่อไปอีกเรื่อย ๆ ในไม่ช้าก็เร็ว หลินเป่ยเฉินคิดว่าตนเองคงเป็นปีศาจน้อยที่หล่อเหลามากที่สุดในใต้หล้าแล้ว

และทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็เข้าใจแล้วว่าเหตุไฉนตนเองถึงปวดหลัง

นั่นเป็นเพราะว่า…

เขาบรรลุขอบเขตพลังวารีเทวะ

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดจากวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณนั้นประกอบไปด้วยพลังปราณธาตุไฟ พลังปราณธาตุน้ำ พลังปราณธาตุดิน พลังปราณธาตุไม้ และพลังปราณธาตุทองคำ

ห้าธาตุ ห้าขอบเขตพลัง

พลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดนี้ล้วนแต่เป็นตัวแทนธาตุที่สำคัญของโลกมนุษย์และดินแดนทวยเทพ

มันคืออำนาจ

และความแข็งแกร่ง

ยกตัวอย่างเช่น เปลวไฟจากพลังอัคคีเทวะสามารถเผาผลาญได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

แม้แต่เทพเจ้าก็ยังถูกเผาตายได้

เมื่อต่อสู้กับศัตรู เขาก็สามารถใช้พลังอัคคีเทวะเผาไหม้คู่ต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน

แล้วขอบเขตพลังวารีเทวะจะเป็นอย่างไรบ้าง?

“เจ้าค้นพบความเปลี่ยนแปลงในร่างกายบ้างหรือไม่?”

ราชาหมาป่าศิลากล่าวออกมาอีกครั้ง

หลินเป่ยเฉินพยักหน้า แล้วตอบว่า “ท่านทราบเรื่องนี้ด้วยหรือ?”

“วิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณ เป็นการใช้งานพลังจากห้าธาตุพื้นฐาน หากข้าจำไม่ผิด เจ้าคงเพิ่งปลดผนึกขอบเขตพลังวารีเทวะ ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังปราณธาตุน้ำได้สำเร็จสินะ?”

ราชาหมาป่าศิลาถามหยั่งเชิง

“พลังปราณธาตุน้ำ? ไม่ทราบว่ามันสามารถทำอะไรได้บ้าง?”

หลินเป่ยเฉินสอบถาม

แต่ราชาหมาป่าศิลากลับไม่ตอบ

หลินเป่ยเฉินพูดออกมาอีกครั้ง “ช่วยฟื้นฟูร่างกายได้หรือไม่?”

ราชาหมาป่าศิลายังคงเงียบ

“สิ่งที่ร่างกายต้องการที่สุดก็คือน้ำ แสดงว่าพลังวารีเทวะสามารถทำได้ทุกอย่างนอกจากใช้ต่อสู้ แต่มันอาจช่วยฟื้นฟูร่างกายที่ตกอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสได้กระมัง?”

หลินเป่ยเฉินเริ่มนึกทบทวนความรู้ที่ตนเองพอจะมี

ราชาหมาป่าศิลายังคงไม่ตอบคำใดออกมา

ผ่านไปเนิ่นนาน วิญญาณของมันที่อยู่ในกระบองทมิฬก็ถอนหายใจ “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพราะเหตุใดเจ้าถึงบรรลุขอบเขตพลังวารีเทวะได้รวดเร็วเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะว่าเจ้ามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งจริง ๆ”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้าเข้าใจดีทีเดียว… แต่นอกเหนือจากความสามารถเหล่านั้น พลังวารีเทวะมีความสามารถใดอีกหรือไม่?”

“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก”

ราชาหมาป่าศิลาตอบเพียงเท่านี้ ก็รีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันที “เจ้าจำเส้นทางการไหลเวียนของพลังศักดิ์สิทธิ์จากใต้เท้ากั้วได้หรือไม่? บัดนี้ เจ้าลองโคจรพลังปราณธาตุน้ำไปตามช่องทางเหล่านั้นดูบ้าง”

หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ

เขาพยายามควบคุมพลังวารีเทวะให้ไหลเวียนไปตามเส้นทางที่พลังศักดิ์สิทธิ์ของใต้เท้ากั้วเคยโคจรก่อนหน้านี้

เด็กหนุ่มเริ่มต้นโคจรพลังอย่างระมัดระวัง

“ไม่เพียงแต่ใช้เส้นทางเดียวกันเท่านั้น แต่พยายามควบคุมจังหวะการไหลเวียนให้เหมือนกันด้วย”

ราชาหมาป่าศิลาย้ำเตือน “เจ้าต้องระมัดระวังให้ดี”

พลัน หลินเป่ยเฉินเข้าใจขึ้นมาทันที “หากทำเช่นนี้ ใต้เท้ากั้วก็จะไม่รู้ว่าข้าหลอมรวมพลังได้แล้วใช่หรือไม่?”

เด็กหนุ่มหลับตาลง พยายามนึกทบทวนเส้นทางและจังหวะการไหลเวียนของพลังจากใต้เท้ากั้วก่อนหน้านี้ให้ชัดเจนมากขึ้น

ทันใดนั้น มวลพลังในร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลง

ผ่านไปเพียงยี่สิบลมหายใจ พลังที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเขาก็ไม่ต่างจากพลังของใต้เท้ากั้ว

แม้แต่จังหวะการไหลเวียนก็เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เพียงแต่ว่าพลังของหลินเป่ยเฉินมีความหนาแน่นน้อยกว่ากันเท่านั้น

“ความสามารถของพลังวารีเทวะคือการลอกเลียนแบบปราณประจำตัวของคนอื่น ๆ ได้อย่างนั้นหรือ?”

หลินเป่ยเฉินอดถามออกมาไม่ได้

น้ำคือสิ่งที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงได้ตามภาชนะที่บรรจุ

น้ำสามารถทำประโยชน์ได้ทุกอย่าง

น้ำสามารถอยู่ได้ในทุก ๆ ที่

“การลอกเลียนแบบคือหนึ่งในประโยชน์สูงสุดของพลังปราณธาตุน้ำ”

ราชาหมาป่าศิลายืนยัน

“จริงหรือ?”

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าท่านไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่เลยล่ะ?”

ราชาหมาป่าศิลาตอบว่า “ก็ข้าไม่เคยฝึกวิชานี้ แล้วจะไปเข้าใจได้อย่างไร”

อ้าว

นี่มันพวกโค้ชคีย์บอร์ดนี่หว่า

“งั้นหมายความว่าท่านใช้ข้าเป็นหนูทดลองอย่างนั้นหรือ?”

หลินเป่ยเฉินนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นหลัง

“หากเจ้าจะคิดเช่นนั้น ข้าก็ช่วยไม่ได้”

ราชาหมาป่าศิลาประชดประชันกลับมา

“หากเป็นอย่างที่ท่าน ‘พูด’ นอกจากความสามารถเหล่านี้แล้ว พลังวารีเทวะยังทำอย่างอื่นได้อีกหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินถามด้วยความอยากรู้

“เจ้าคงต้องลองสัมผัสดูด้วยตนเองแล้ว”

ราชาหมาป่าศิลายังคงแดกดันกลับมา

หลินเป่ยเฉินไม่พูดอะไรอีก

เขาดูออกเลยว่าวิญญาณของราชาหมาป่าศิลาก็ไม่มีความมั่นใจเช่นกัน

เด็กหนุ่มหลับตาลงและโคจรพลังวารีเทวะขึ้นมาอีกครั้ง

ผ่านไปสิบลมหายใจ

พลังปราณเทวะในร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็เกิดความเปลี่ยนแปลง

“เจ้า…”

ราชาหมาป่าศิลาร้องลั่น “นี่เจ้ากำลังลอกเลียนแบบพลังปราณของข้างั้นรึ?”

“เหมือนใช่ไหมล่ะ?”

หลินเป่ยเฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย

บัดนี้ พลังปราณเทวะในตัวหลินเป่ยเฉินได้แปรเปลี่ยนไปกลายเป็นพลังปราณอสูรของราชาหมาป่าศิลาเรียบร้อยแล้ว

หากนำชุดเกราะและหน้ากากหมาป่ามาให้หลินเป่ยเฉินสวมใส่ เขาก็สามารถเป็นผู้นำฝูงหมาป่าอสูรได้โดยทันที

ไม่ใช่เพียงแค่นี้เท่านั้น

หลินเป่ยเฉินยังสามารถลอกเลียนพลังปราณเทวะประจำตัวของคนอื่น ๆ ได้ตลอดเวลา

ไม่ว่าจะเป็นพลังปราณเทวะของนักเวทชราอู่จิว พลังปราณเทวะของเฉียนหลง ลู่ปิงเหวิน ซือเกินตั๋งและกวนรั่วเฟย…

แม้แต่หอกแห่งตะวันพานตั่วชิงจากเผ่าเทพตะวันก็ไม่มีปัญหา

เขาสามารถเลียนแบบปราณประจำตัวของทุกคนได้อย่างง่ายดาย

แม้วิญญาณของราชาหมาป่าศิลาจะพอทราบถึงความสามารถในการลอกเลียนแบบของพลังวารีเทวะอยู่บ้าง แต่มันก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้อยู่ดี

สำหรับเทพเจ้า การลอกเลียนพลังปราณเทวะคือเรื่องที่อันตรายมาก

เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ

พลังปราณเทวะในตัวของแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน

ยากกว่าการปลอมแปลงรูปโฉมหลายร้อยหลายพันเท่า

แต่บัดนี้ หลินเป่ยเฉินกลับสามารถลอกเลียนแบบพลังปราณเทวะประจำตัวผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย

แม้แต่พลังปราณเทวะประจำตัวใต้เท้ากั้ว เขาก็เลียนแบบได้ไม่มีปัญหา

ช่างน่ากลัวยิ่งนัก

นี่หมายความว่าหากหลินเป่ยเฉินต้องการ เขาก็สามารถใส่ร้ายป้ายสีทุกคนได้ทุกเมื่อ

แม้แต่ใต้เท้ากั้วก็ไม่มีข้อยกเว้น