บทที่ 1292 งานเลี้ยงฉลองของตระกูลฉิน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,292 งานเลี้ยงฉลองของตระกูลฉิน

เมื่อสามารถลอกเลียนแบบพลังปราณเทวะของใครก็ได้ หลินเป่ยเฉินก็สามารถทำอะไรได้มากมายแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นการปลอมตัวที่แนบเนียนมากกว่าเดิม หรือการใช้พลังปราณเทวะเปิดที่เก็บของวิเศษ ห้องเก็บสมบัติ รวมไปถึงการสลายค่ายอาคม

เพราะในดินแดนทวยเทพ พลังปราณเทวะประจำตัวของแต่ละคน ทำหน้าที่ไม่ต่างไปจากกุญแจปลดล็อกประตู

และความสามารถจากพลังวารีเทวะก็ทำให้หลินเป่ยเฉินเหมือนมีกุญแจผีครอบจักรวาล

ตราบใดที่เขาปลอมแปลงพลังปราณเทวะเป็นบุคคลที่ต้องการ หลินเป่ยเฉินก็จะสามารถเข้าสู่ห้องลับ ห้องเก็บสมบัติหรืออีกหลาย ๆ สถานที่ที่คนอื่นไม่สามารถเข้าไปได้

เมื่อคิดได้ดังนี้ ราชาหมาป่าศิลาก็อดรู้สึกอิจฉาขึ้นมาไม่ได้

นี่คือทักษะสำคัญสำหรับหัวขโมยโดยแท้

ผ่านไปช่วงเวลาครึ่งก้านธูป หลินเป่ยเฉินก็คุ้นเคยกับการลอกเลียนแบบพลังปราณเทวะแล้ว

“ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือว่าพลังวารีเทวะสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง?”

หลินเป่ยเฉินยังคงไม่พอใจความสามารถของพลังวารีเทวะที่มีน้อยมากเกินไป

“ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้าต้องลองสัมผัสด้วยตนเอง” ราชาหมาป่าศิลาพึมพำ “จะต้องให้ข้าสอนทุกอย่างเชียวหรือ?”

“บอกว่าไม่รู้ก็จบแล้ว”

หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม

ได้ยินเสียงราชาหมาป่าศิลากัดฟันกรอดดังออกมาจากกระบองทมิฬ

หลินเป่ยเฉินก้มหน้ามองถุงมือทองคำของตนเอง

นี่คือหนึ่งในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงใช่หรือไม่?

หลินเป่ยเฉินพยายามถ่ายเทพลังวารีเทวะลงไปในถุงมือ

ทันใดนั้น เด็กหนุ่มรู้สึกว่ามวลพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายในขณะนี้กำลังพุ่งลงไปสู่ถุงมือทองคำข้างขวา เกิดเป็นมวลพลังมหาศาลที่ทำให้มือของเขาสั่นเทา ถุงมือทองคำคล้ายกับจะระเบิดออกมา

หลินเป่ยเฉินต่อยหมัดออกไปข้างหน้า

ตู้ม!

มังกรวารีสีน้ำเงินเข้มพุ่งออกมาจากกำปั้นของเขา

มันปะทะเข้ากับผนังหินของถ้ำใต้ดินที่เป็นรังสิงโตอสูร

ผนังหินบริเวณนั้นพังถล่มลงไปทันที

แล้วมังกรวารีตัวนั้นก็สะบัดหางหายไปในความมืดมิดของหุบผาอเวจี

“เชี่ย…”

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต ตกตะลึงในความแข็งแกร่งของถุงมือทองคำ “ถ้าเราได้กลับโลกใบเก่าอีกครั้ง ขอแค่มีถุงมือข้างนี้ เราก็สามารถทำงานเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างขุดดินเจาะถนนได้สบาย ๆ เลยนะเนี่ย นอกจากประหยัดเวลาแล้ว ยังไม่มีมลพิษ และไม่ต้องมีอุปกรณ์มากมายส่งเสียงหนวกหูอีกด้วย”

ถุงมือทองคำข้างนี้เพิ่มพลังหมัดของหลินเป่ยเฉินให้รุนแรงมากกว่าเดิมไม่ต่ำกว่าสิบเท่า

หลินเป่ยเฉินกระทั่งเกิดภาพหลอนเห็นตนเองสามารถจัดการจบชีวิตราชาหมาป่าศิลาได้ด้วยหมัดเดียว

“หากวันนั้นข้ามีถุงมือข้างนี้ไปด้วย ท่านอาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้”

หลินเป่ยเฉินพูดกับกระบองทมิฬ

วิญญาณราชาหมาป่าศิลากระชากเสียงตอบกลับมา “ระวังปากของเจ้าให้ดี วันนั้นหากข้าตายไป บัดนี้เจ้าก็เป็นได้เพียงหุ่นเชิดของใต้เท้ากั้วเท่านั้น”

“จริงด้วยแฮะ…”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “อ้อ ข้ามีเรื่องอยากถามมาตลอด ท่านเข้าไปติดอยู่ในหุบเขามรณะได้อย่างไร? อย่าบอกนะว่าถูกจับตัวเข้าไปคุมขังเอาไว้?”

“หุบปากโสโครกของเจ้าไปซะ”

ราชาหมาป่าศิลากล่าวตัดบท

หลินเป่ยเฉินหัวเราะด้วยความสะใจ

เขาสังเกตถุงมือทองคำของตนเองต่อไป

และได้ค้นพบข้อมูลเพิ่มเติมอีกหนึ่งอย่าง

ถุงมือวิเศษข้างนี้จำเป็นต้องเว้นช่วงการใช้งาน

บางทีอาจเป็นเพราะมันต้องรองรับมวลพลังมากเกินไป หลังจากใช้งานหนึ่งครั้ง หลินเป่ยเฉินก็ต้องเว้นช่วงประมาณชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย จึงจะสามารถใช้งานถุงมือข้างนี้ต่อได้อีกครั้ง

และที่น่าตกตะลึงก็คือ เมื่อโคจรพลังอัคคีเทวะลงสู่ถุงมือทองคำ พลังหมัดก็จะมีความรุนแรงมากกว่าตอนที่ใช้พลังวารีเทวะหลายเท่า

แต่นี่ก็คือเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว

การโจมตีของพลังปราณธาตุไฟย่อมมีความแข็งแกร่งมากกว่าพลังปราณธาตุน้ำ

และทุกครั้งของการใช้งานถุงมือทองคำ พลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวหลินเป่ยเฉินก็จะถูกดูดออกไปประมาณหนึ่งส่วนสี่

แต่ความจริงนั้น เขาไม่จำเป็นต้องใช้งานถึงสี่ส่วนหรอก

แค่ส่วนเดียวก็เกินพอแล้ว

ถุงมือทองคำข้างนี้ยิ่งมีประโยชน์ต่อการล่าสัตว์อสูรในหุบผาอเวจีมากขึ้น

หลินเป่ยเฉินทดลองใช้วิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทรระหว่างสวมถุงมือทองคำ

พบว่ากระบี่ของตนเองมีพลังโจมตีรุนแรงมากขึ้น

ตอนที่เขาฆ่าวิหคอสูรซึ่งเป็นจ้าวแห่งหุบผาอเวจีแดนหก คมกระบี่สามารถฟันทะลวงร่างกายของมันได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากหั่นผักผ่าแตงโม

บรรดาสัตว์อสูรในหุบผาอเวจีแดนหกล้วนตกตะลึง

โชคดีที่หุบผาอเวจีเป็นสถานที่อันกว้างใหญ่ไพศาล มิเช่นนั้น สัตว์อสูรทุกชนิดคงถูกหลินเป่ยเฉินฆ่าตายเพียงผู้เดียวแล้ว

กลุ่มนักล่าอสูรจำนวนมากเป็นสักขีพยานในการล่าสัตว์อสูรอย่างบ้าคลั่งของเด็กหนุ่มผู้สวมใส่หน้ากากสีขาว ในมือของเขาถือกระบี่ยาวไล่ล่าฆ่าฟันสัตว์อสูรทุกระดับชั้น และความอำมหิตของเขานั้น ก็ทำให้บรรยากาศปกคลุมไปด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาของเหล่าสัตว์อสูร…

มีผู้แข็งแกร่งถึงระดับนี้เข้ามาล่าสัตว์อสูรด้วยหรือ?

เป็นเช่นนี้ไม่ถูกต้อง

การที่มีเทพเจ้าระดับสูงเข้ามาอยู่ในหุบผาอเวจี ย่อมถือเป็นอันตรายสำหรับสัตว์อสูรทุกชนิด

บ่อยครั้งที่เทพเจ้าระดับสูงเข้ามาที่นี่

แต่เมื่อเข้ามาแล้ว ไม่เคยมีผู้ใดลงมือด้วยความโหดร้ายเช่นนี้มาก่อน

เมืองเยี่ยเฉิง

แดนตะวันตกเฉียงเหนือ เขตพื้นที่ระดับ 1

ภูเขาลูกนั้นประดับตกแต่งโคมไฟสวยงามหลากสีสันเป็นจำนวนมาก

ที่นี่คือที่ตั้งของคฤหาสน์ตระกูลฉิน

บัดนี้ เทพเจ้าระดับสูงต่างก็นำของขวัญมาร่วมงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานที่คฤหาสน์ตระกูลฉิน

แขกเหรื่อมากันอย่างคับคั่ง

เมื่อหลินเป่ยเฉินมาปรากฏตัวที่หน้าประตูรั้วทางเข้าคฤหาสน์ บรรดาผู้คนที่นำของขวัญมามอบให้แก่เจ้าบ่าวในวันนี้กำลังหยุดยืนเข้าแถวเพื่อรอรับการถ่ายภาพ

หลังจากนั้นจึงเป็นการส่งมอบของขวัญให้แก่ฉินโซว…

แต่ทันใดนั้นเอง

“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก กล้ามาก่อปัญหาถึงที่นี่ พวกเจ้าอยากตายนักหรือไร”

ได้ยินเสียงคำรามด้วยความดุร้ายดังขึ้นมาจากด้านข้างประตู

หลินเป่ยเฉินหันไปมอง

และเขาก็ได้เห็นชายหญิงชราคู่หนึ่งถูกคนรับใช้ของตระกูลฉินทุบตีจนใบหน้าบวมปูด

“ใจร้าย ช่างใจร้ายกันเหลือเกิน…”

ชายชราพยายามประคองภรรยาของตนเองลุกขึ้น ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความโกรธแค้น ชายชรายกมือชี้หน้าด่าทอกลุ่มข้ารับใช้ “หลุมศพของบุตรสาวข้ายังไม่ทันแห้ง พวกเจ้าก็… พวกเจ้าทำเช่นนี้กันได้อย่างไร? ยังคงมีจิตสำนึกกันอยู่หรือไม่?”

“เฮอะ”

คนรับใช้ผู้หนึ่งที่มีลักษณะเหมือนพ่อบ้านหนุ่มยืนเท้าเอวและหัวเราะเยาะ “วันนี้คือวันที่ใต้เท้าของพวกเรามีความสุขที่สุด พวกเจ้าสองคนคิดอะไรอยู่ถึงมาก่อกวนที่นี่? หากไม่ได้เห็นแก่บุตรสาวของพวกเจ้า พวกเจ้าคงถูกฆ่าตายไปนานแล้ว… ไสหัวไปซะ ที่อยู่ของพวกเจ้าคือพื้นที่เขต 2 กล้าดีอย่างไรถึงมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉิน ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”

“ส่งกระดูกของบุตรสาวข้าคืนมาก่อนสิ…”

หญิงชรากล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ นางพยายามจะก้าวเดินออกมาข้างหน้า

“รนหาที่ตายนัก”

หัวหน้าคนรับใช้หัวเราะเยาะ ก่อนจะสะบัดมือหมายตบหน้าหญิงชราอย่างแรง

กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้น

ปรากฏว่าข้อมือของพ่อบ้านหนุ่มมีมือของใครบางคนคว้าจับเอาไว้แนบแน่น

“โอ๊ย เจ็บนะ เจ็บ ๆๆๆ …ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”

พ่อบ้านหนุ่มหันมาจ้องมองเด็กหนุ่มผู้สวมใส่หน้ากากที่ปรากฏตัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพลางส่งเสียงตะโกนว่า “เจ้ายิ่งใหญ่มาจากไหน กล้าดีอย่างไรมาทำเช่นนี้กับข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?”