บทที่ 1452 จะแสดงรายการในงานเลี้ยงตอนกลางคืนไหม? + ตอนที่ 1453 ฉันปรานีแล้ว

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1452 จะแสดงรายการในงานเลี้ยงตอนกลางคืนไหม? + ตอนที่ 1453 ฉันปรานีแล้ว Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1452 จะแสดงรายการในงานเลี้ยงตอนกลางคืนไหม?

ช่วงเช้ามีเรียนเพียงสองคาบซึ่งยังห่างจากเวลาพักทานอาหารกลางวันอีกหนึ่งชั่วโมงเหมยเหมยจึงตัดสินใจจะกลับไปพักผ่อนที่หอพักก่อน ถังม่านลี่กลับถูกเจียงจื้อหรู่เรียกตัวไป ฉีฉีเก๋อกลับลากเหมยเหมยไปสมัครชมรมมวยปล้ำอย่างตื่นเต้น

“เธอคิดจะเข้าชมรมมวยปล้ำจริงเหรอ?” เหมยเหมยถาม

“แน่นอน ฉันเล่นมวยปล้ำเก่งมากเลยนะ ที่บ้านฉันผู้ชายที่แข็งแรงกว่าฉันไม่มีใครล้มฉันได้เลย” ฉีฉีเก๋อดูได้ใจเสียเหลือเกิน

เหมยเหมยยิ้มไม่พูดอะไรอีก ดูออกว่าฉีฉีเก๋อชื่นชอบการเล่นมวยปล้ำจริง ๆ การได้ทำในสิ่งที่ตนชอบต่อให้ในสายตาคนอื่นจะดูไม่เหมาะสมเท่าไรแต่แล้วจะทำไมล่ะ!

คนเรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อสร้างความสุขให้ตัวเองไม่ใช่หรือ?

ห้องชมรมมวยปล้ำไม่ใหญ่มากออกจะดูโทรมไปสักหน่อย มีการต้อนรับอย่างอบอุ่นต่อการเข้าร่วมชมรมของฉีฉีเก๋อ รองประธานชมรมยังเป็นคนที่คุ้นเคยเสียด้วยซึ่งก็คือฉางชิงซงที่พาเหมยเหมยไปรายงานตัวในวันเปิดเทอมวันแรกนั่นเอง เมื่อเขาเห็นเหมยเหมยก็ดีใจเป็นอย่างมากก่อนจะรับปากว่าจะช่วยดูแลฉีฉีเก๋อให้เป็นอย่างดี

“จ้าวเหมยจะลองสมัครชมรมมวยปล้ำของเราบ้างมั้ย?”

ประธานชมรมเป็นหนุ่มตัวโตผู้ใสซื่อที่ดูจะซื่อจริง ๆ แตกต่างจากฉางชิงซงที่ภายนอกดูเป็นคนซื่อแต่เป็นคนหัวแหลมโดยสิ้นเชิง

ฉางชิงซงยกเท้าถีบก้นไปทีหนึ่งให้เจ้าคนตัวโตไปอยู่ด้านหลังแทนแล้วยิ้มเอ่ย “เธอคิดเสียว่าเขากำลังละเมออยู่ก็พอ”

ให้ดาวมหาวิทยาลัยร่างอ้อนแอ้นมาเล่นมวยปล้ำ?

นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการลงมือทำร้ายผู้หญิงเสียอีก!

เหมยเหมยเองก็หัวเราะไปด้วยและไม่ได้เก็บมาคิดมาก เธอไม่มีทางเรียนมวยปล้ำอยู่แล้ว ลำพังหุ่นร่างเล็กอย่างเธอแค่มือเดียวของฉีฉีเก๋อก็สามารถหิ้วตัวเธอขึ้นได้แล้ว

ฉีฉีเก๋อกรอกใบสมัครเสร็จทั้งคู่เลยเตรียมขอตัวลากลับ แต่ฉางชิงซงกลับเรียกพวกเธอไว้ถามยิ้มตาหยี “งานเลี้ยงต้อนรับกับงานไหว้พระจันทร์จัดพร้อมกัน จ้าวเหมยจะแสดงสักรายการไหม?”

ฉางชิงซงเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้รับผิดชอบงานกิจกรรมของฝ่ายสโมสรนักศึกษาทางมหาวิทยาลัย ซึ่งจะปล่อยให้นักศึกษาเป็นคนดำเนินการเองทุกอย่างมาโดยตลอด อย่างประเภทงานเลี้ยงตอนกลางคืนแบบนี้ปกติแล้วอาจารย์จะไม่เข้าร่วมจึงให้นักศึกษารับผิดชอบกันเอง ซึ่งฉางชิงซงก็เป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบ

เขากำลังเครียดเรื่องรายการของงานเลี้ยงอยู่แล้วจ้าวเหมยก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับถูกฟ้าประทานมาให้พอดี!

อาศัยหน้าตาของดาวมหาวิทยาลัยต่อให้ทำอะไรไม่เป็น แค่ไปยืนอยู่บนเวทีก็เป็นทัศนียภาพที่แสนงดงามเหมือนกันนี่นา!

หากไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ดาวมหาวิทยาลัยท่องกลอน ‘อำลาเคมบริดจ์’ แล้วค่อยหาเครื่องดนตรีสักอย่างมาบรรเลง

รับรองว่าต้องแสงประกายเฉิดฉายจนทิ่มแทงคนพวกนั่นแน่!

เหมยเหมยเตรียมปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดเพราะเธอไม่สนใจเรื่องการแสดงจริง ๆ ฉางชิงซงสังเกตเห็นสีหน้าก่อนจึงชิงพูดก่อนเธอจะอ้าปาก “จ้าวเหมยเธอลองไปคิดทบทวนให้ดีก่อน ไม่จำเป็นต้องรีบให้คำตอบพี่หรอก ลองไปคิดดูดี ๆก่อนเถอะนะ!”

“ก็ได้ สามวันหลังจากนี้ฉันจะให้คำตอบรุ่นพี่นะคะ”

เหมยเหมยเก็บคำปฏิเสธกลับไป ฉางชิงซงนับว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง หากปฏิเสธตั้งแต่ตอนนี้คงเป็นการหักหน้ากันเกินไปไว้ค่อยปฏิเสธในอีกสามวันหลังจากนี้แล้วกัน!

“เหมยเหมย เธอเตรียมจะแสดงอะไรเหรอ?” หลังเดินออกจากห้องชมรมฉีฉีเก๋อถามด้วยความตื่นเต้น

“ฉันไม่คิดจะแสดงอะไร สามวันหลังจากนี้รบกวนเธอช่วยบอกปฏิเสธฉางชิงซงแทนฉันที” เหมยเหมยตอบกลับ

“ทำไมล่ะ?”

ฉีฉีเก๋อไม่เข้าใจเลย เธอเห็นว่าที่บ้านของจ้าวเหมยมีเครื่องดนตรีไม่น้อยซึ่งบ่งบอกได้ว่าเธอต้องชำนาญเครื่องดนตรีเหล่านี้แน่ ทั้งที่มีความสามารถด้านการเล่นดนตรีแล้วทำไมถึงไม่แสดงออกมาล่ะ?

เหมยเหมยไม่อธิบายเพียงแค่ยิ้มรับ

ฉีฉีเก๋อถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างนึกเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ!

พอกลับไปถึงหอพักกลับเห็นถังม่านลี่ฟุบร้องไห้อยู่บนเตียง อีกทั้งสายตาคนอื่นที่แฝงไปด้วยการตำหนิและกล่าวโทษทิ่มแทงเหมยเหมยราวกับเธอได้ทำเรื่องเลวร้ายไม่น่าให้อภัยเสียอย่างนั้น

………………………

ตอนที่ 1453 ฉันปรานีแล้ว

ถังม่านลี่ร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างมาก ไม่สิ ควรบอกว่าน่าสงสารมากกว่า

เธอน่าจะเดินร้องไห้กลับมาตลอดทางทำให้บริเวณหน้าประตูห้องพักจนคนห้องอื่นต่างมามุงอยู่ไม่น้อย แต่ละคนคอยยื่นคอสอดส่องพลางกระซิบกระซาบไปด้วย

“…ฮือ…ต่อให้ฉันพูดผิดจริง ๆก็เตือนฉันก็ได้นี่นา ถอนทุนการศึกษาสองปีไปแล้วยังไม่พออีกเหรอ? ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเฝ้าสังเกตพฤติกรรมจากทางมหาวิทยาลัย…ทุนการศึกษาทั้งสี่ปีก็หมดลงแล้ว…ฮือ…”

ถังม่านลี่ร้องไห้ไปพลางพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น แต่สุดท้ายก็เล่าสาเหตุที่เธอร้องไห้ได้สักที ทุกคนต่างหายใจสะอึกไปทีหนึ่ง

มิน่าเมื่อกี้เจียงจื้อหรู่ถึงเรียกตัวถังม่านลี่ไป สงสัยจะคุยเรื่องนี้สินะ!

เฝ้าสังเกตพฤติกรรมจากทางมหาวิทยาลัย?

แล้วยังถอนสิทธิ์ทุนการศึกษาทั้งสี่ปี?

บทลงโทษนี้นับว่าหนักหนาสาหัสจริง ๆ!

ทุกคนล้วนมองไปทางเหมยเหมยอย่างพร้อมเพรียงและนึกหวั่นใจอย่างน่าแปลก เพียงแค่พูดผิดไปไม่กี่ประโยคก็ต้องโดนลงโทษแบบนี้เลยหรือ หากทำผิดอีกเกรงว่าคงอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ต่อไปไม่ได้แล้วสินะ?

หรือว่าจ้าวเหมยก็คือคนที่อยู่ในชนชั้นอำนาจในตำนานเหล่านั้น?

ไม่อย่างนั้นทางมหาวิทยาลัยจะลงโทษถังม่านลี่รุนแรงขนาดนี้ได้อย่างไร?

เหมยเหมยเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันแต่ไม่นานเธอก็เข้าใจทันที ต้องเป็นฝีมือของเหยียนหมิงซุ่นที่กดดันทางมหาวิทยาลัยแหง ๆ พลันรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ

เธอไม่รู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นจะคุมเข้มเกินไปแต่อย่างใด เธอชอบถูกคนคุมแบบนี้ คอยคุมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยสิดี!

“จ้าวเหมย…ทำไมเธอถึงใจร้ายขนาดนี้? ฉันกล่าวขอโทษไปแล้ว อีกอย่างทางมหาลัยก็ลงโทษฉันไปแล้ว เธอยังไม่พอใจเหรอ? ต้องไล่ต้อนให้ฉันตายเธอถึงพอใจใช่ไหม?” ถังม่านลี่มองเหมยเหมยอย่างแค้นเคืองด้วยสองตาบวมเป่ง

นักศึกษาที่ถูกเฝ้าสังเกตพฤติกรรมจากทางมหาวิทยาลัย หากทำความผิดเพียงนิดเดียวก็จะถูกไล่ออก ทุนการศึกษาสี่ปีก็หมดสิทธิ์ไปแล้ว สี่ปีนี้เธอจะผ่านมันไปได้อย่างไร?

จ้าวเหมยกำลังไล่ต้อนเธอให้จนตรอกอยู่นะ!

เหมยเหมยทำหน้านิ่งตอบกลับเสียงเย็นชา “ขณะที่เธอพูดใส่ร้ายคนอื่น เธอก็ควรนึกถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังนี่นา เธอมาร้องไห้เอาตอนนี้มีประโยชน์อะไร?”

“ฉันแค่พูดผิดไปแต่เธอไม่ได้เสียหายอะไรนี่นา ทำไมเธอต้องไล่บี้กันขนาดนี้ด้วย?” ถังม่านลี่ร้องไห้ปล่อยโฮ ตอนนี้เธอเสียใจจริง ๆ หากรู้แต่แรกว่าจะเกิดผลพวงที่รุนแรงขนาดนี้ วันนั้นต่อให้เธอโกรธแค่ไหนก็ไม่มีทางพูดคำพวกนั้นไปเด็ดขาด

เหมยเหมยแค่นหัวเราะแล้วตอบกลับทีละคำ “ถังม่านลี่ เธอต้องทำความเข้าใจหน่อยนะ นี่ฉันปรานีเธอแล้ว ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอคงต้องหอบผ้าไสหัวออกไปแล้ว!”

แม้ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่ความตั้งใจแรกของเธอแต่เหยียนหมิงซุ่นออกหน้าเพื่อเธอ แต่ถ้าเธอจะรับไว้แล้วอย่างไรล่ะ?

ถังม่านลี่ตัวสั่นระริก รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

สวีจื่อเซวียนมุ่นคิ้ว เธอไม่ชอบท่าทางอยู่เหนือกว่าของจ้าวเหมยแบบนี้เอาเสียเลย มีสิทธิ์อะไรไปกำหนดชะตาชีวิตคนอื่นแบบนี้?

“เป็นความผิดของถังม่านลี่ที่พูดผิดไปก็จริง แต่จ้าวเหมยเธอต้องให้โอกาสเขาแก้ตัวหน่อยหรือเปล่า?” สวีจื่อเซวียนอดพูดขึ้นไม่ได้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เหมยเหมยหมดซึ่งความอดทนแล้ว เมื่อสักครู่เพิ่งทะเลาะกับโฮ่วเซิ่งหนานมาก็ทำเธอไม่สบอารมณ์มากพอแล้วและเธอเองก็คร้านจะพูดมากไปกว่านี้ สีหน้าเย็นชาลง “ทำไมฉันต้องให้โอกาสถังม่านลี่? ฉันไม่ใช่พ่อแม่ของเธอสักหน่อยที่จะให้อภัยกับความโง่เขลาและใสซื่อของเธออย่างไม่มีข้อแม้ สำหรับคนที่จงใจทำลายชื่อเสียงฉัน บทลงโทษนี้นับว่าเบาแล้ว ถ้ายังไม่พอใจงั้นก็กลับไปทำสวนที่บ้านเถอะ อย่ามาสร้างความอับอายขายขี้หน้าที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้!”

ถังม่านลี่สีหน้านิ่งงันไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ไม่รู้ทำไมตอนนี้เธอกลับนึกรู้สึกโชคดีแล้ว

โชคดีที่เธอยังได้ร่ำเรียนในมหาวิทยาลัยนี้ต่อ ไม่ต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีกลับบ้านเกิด!

ไม่อย่างนั้นเธอจะเอาหน้าไหนกลับไปเล่า?

สวีจื่อเซวียนหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยแต่ส่วนมากคือความคุกรุ่นในใจ โกรธจ้าวเหมยที่มีอำนาจในการตัดสินชะตากรรมชีวิตคนอื่นได้ง่ายขนาดนี้ และยิ่งโกรธจ้าวเหมยที่ทำท่าไม่สบอารมณ์ใส่เธอ!

เพียงแค่โชคดีกว่าตอนเธอเกิดหน่อยเท่านั้นแหละ!

สวีจื่อเซวียนแอบโมโหคนเดียวและตัดสินใจว่าจะต้องเฉิดฉายในงานเลี้ยงต้อนรับให้คนทั้งมหาวิทยาลัยทึ่งให้ได้!

…………………………..