บทที่ 1450 ความแค้นที่อยู่ร่วมใต้ผืนฟ้าเดียวกันไม่ได้ + ตอนที่ 1451 ผู้ชายของฉันไม่สนใจเธอ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1450 ความแค้นที่อยู่ร่วมใต้ผืนฟ้าเดียวกันไม่ได้ + ตอนที่ 1451 ผู้ชายของฉันไม่สนใจเธอ Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1450 ความแค้นที่อยู่ร่วมใต้ผืนฟ้าเดียวกันไม่ได้

เพื่อนคนอื่น ๆต่างพากันเงียบกริบ!

แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจภาษาต่างประเทศที่คุยกันเสียงเจื้อยแจ้วแต่พอจะดูออกว่าดาวมหาวิทยาลัยกับอาจารย์ภาษาอังกฤษต้องมีความบาดหมางกัน อีกทั้งยังมีความแค้นที่แสนจะอ่อนไหวและพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ เด็กๆอย่างพวกเขาเงียบเข้าไว้จะดีกว่า

ไม่ว่าฝั่งไหนก็อย่าได้ไปมีเรื่องด้วยเด็ดขาด!

โฮ่วเซิ่งหนานเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเหมยเหมยไม่นานก็สงบจิตสงบใจลงได้ เธอรู้ตัวว่าเมื่อสักครู่ตนกลับพลาดท่าไปจึงนึกโชคดีที่ตรงนี้ไม่มีนักข่าว ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของเธอคง…

เธอปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วก่อนจะใช้ภาษาจีนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกี้ฉันคุยกับจ้าวเหมยออกรสไปหน่อยเลยตื่นเต้นไปสักนิด ทุกคนอย่าถือสานะ แต่ทักษะการพูดของจ้าวเหมยไม่เลวเลยจริง ๆ ฉันต้องชื่นชมจ้าวเหมย พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ นะ!”

“ขอบคุณสำหรับกำลังใจของอาจารย์ค่ะ!”

เหมยเหมยตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแต่ดวงตาเย็นชา

“เรามาเริ่มเรียนกันเถอะ…”

ไม่นานโฮ่วเซิ่งหนานก็ปรับตัวเข้าสู่สถานะอาจารย์ผู้สอน พอมีความสามารถอยู่บ้างทักษะการสอนไม่เลวเลย ถ้อยคำการสื่อสารที่ติดตลกบวกกับเป็นอาจารย์ผู้หญิงวัยสาวหน้าตาสวยทำให้เหล่านักศึกษาค่อย ๆลืมเลือนเรื่องไม่น่าจดจำที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อย่างช้า ๆ

รวมถึงเธอเคยเดินทางไปมาหลายที่เลยพอจะมีความรู้ที่กว้างขวางจึงคอยเล่าเรื่องในชีวิตประจำวันของชาวต่างประเทศให้ฟังเป็นระยะ ๆ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักศึกษาเหล่านี้ที่ส่วนมากเพิ่งจะเคยเดินทางไกลเป็นครั้งแรก บรรยากาศภายในห้องเรียนดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่น้อย

ฉีฉีเก๋อใช้ปากกาเขียนบนกระดาษ “อาจารย์ภาษาอังกฤษมีความแค้นส่วนตัวกับเธอเหรอ?”

“ใช่!”

เหมยเหมยกัดฟันเขียนตอบกลับ ความแค้นที่ไม่น่าให้อภัยอย่างเรื่องแย่งผู้ชาย ไม่ตายก็ไม่มีวันเลิกลาหรอก!

ฉีฉีเก๋อหมดซึ่งความประทับใจที่มีต่อโฮ่วเซิ่งหนานในทันทีเลยเขียนอีกว่า “เหมยเหมย ฉันเชียร์เธอนะ แม่นี่แค่ดูก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงสำส่อนคนหนึ่ง”

เดิมทีเหมยเหมยยังโมโหพอสมควรแต่กลับหลุดขำเพราะประโยคนี้ของฉีฉีเก๋อเลยพยักหน้าแรง ๆ ผู้หญิงสติไม่ดีคนนี้ก็คือนางสำส่อนดี ๆ นี่เองไม่ใช่หรือไง!

ไม่ได้ เธอจะต้องให้เซียวเซ่อช่วยสืบเบื้องลึกเบื้องหลังของผู้หญิงคนนี้ในต่างประเทศให้หน่อยแล้ว รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!

คาบภาษาอังกฤษหนึ่งคาบจบลงอย่างรวดเร็วจนทำเอานักศึกษามากมายยังไม่อยากเลิกเรียนสักเท่าไรเลย มุมมองที่มีต่อโฮ่วเซิ่งหนานเปลี่ยนไปจากเดิมมากถึงขั้นคิดว่าก่อนหน้านี้เป็นความผิดของจ้าวเหมย ไม่อย่างนั้นคนที่เป็นมิตรอย่างอาจารย์โฮ่วจะโมโหได้อย่างไร?

ซึ่งนี่เป็นเสน่ห์ส่วนตัวของผู้หญิงอย่างโฮ่วเซิ่งหนานล่ะ!

หากให้พูดถึงเรื่องที่เธอใช้ชีวิตในต่างประเทศได้ดีขนาดนี้แน่นอนไม่ได้พึ่งพาเพียงคุณลุงของเธอคนเดียว บอกได้เพียงว่าเธออาศัยชื่อเสียงของคุณลุงเข้าไปในวงการนั้น ส่วนเรื่องราวที่ดำเนินต่อจากนั้นล้วนแต่อาศัยความสามารถของเธอล้วน ๆ

ฉะนั้นโฮ่วเซิ่งหนานเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง และอุปนิสัยของเธออาจจะดูเป็นคนเอาแต่ใจไม่ชอบการผูกมัดในสายตาคนตะวันออก แต่คนต่างประเทศเขาต้องการคนแบบนี้!

ไม่อย่างนั้นโฮ่วเซิ่งหนานจะได้ชื่อว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของประเทศได้อย่างไรกันล่ะ อีกทั้งยังติดลำดับรายชื่อร้อยอันดับสาวงามทั่วโลกด้วยนะ

ต้องรู้ว่าร้อยละแปดถึงเก้าสิบของรายชื่อร้อยอันดับสาวงามทั่วโลกนี้เป็นสาวงามจากตะวันตก ชาวตะวันออกมีน้อยเสียจนน่าสงสาร ยิ่งไปกว่านั้นหญิงชาวจีนมีเพียงโฮ่วเซิ่งหนานคนเดียวที่ติดลำดับไปด้วย

เพราะผู้สร้างลำดับรายชื่อนี้เป็นประเทศตะวันตก สาวงามที่พวกเขาเลือกย่อมเลือกจากมุมมองความงามของชาวตะวันตก คนอย่างโฮ่วเซิ่งหนานเป็นรสนิยมของพวกเขาพอดีจึงเป็นเหตุผลที่เธอสามารถใช้ชีวิตในประเทศตะวันตกได้ราบรื่นถึงเพียงนี้

เหมยเหมยเก็บหนังสืออย่างดีแล้วเดินออกจากห้องเรียนพร้อมฉีฉีเก๋อ โฮ่วเซิ่งหนานเองก็เดินลงจากเวทีเช่นกันก่อนจะมาปะทะหน้ากับเหมยเหมย เพราะเธอสวมรองเท้าส้นสูงเลยสูงกว่าเหมยเหมยไปคืบกว่า พอมายืนประจันหน้ากันแล้วทำให้โฮ่วเซิ่งหนานที่ดูมีความน่าเกรงขามเป็นทุนเดิมอยู่แล้วดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าเดิม

“จ้าวเหมย ขอคุยด้วยหน่อย!” เธอใช้น้ำเสียงบอกเล่าที่แฝงด้วยความถือตัวอยู่สูงกว่าว่าห้ามปฏิเสธ เหมยเหมยขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ไม่อยากทนผู้หญิงหลงตัวเองคนนี้แล้วจริง ๆ

“โฮ่วเซิ่งหนาน ไปอยู่ต่างประเทศมาไม่กี่ปีแม้แต่มารยาทพื้นฐานในประเทศนี้ก็ลืมไปแล้วเหรอ?”

จ้าวเหมยโต้กลับไปประโยคหนึ่งด้วยเสียงเย็นชา ไม่อยากฟังคำพูดบ้าบอพวกนั้น แล้วมีสิทธิ์อะไรมาสั่งเธอกัน?

…………………………

ตอนที่ 1451 ผู้ชายของฉันไม่สนใจเธอ

เหมยเหมยทำมือเป็นสัญญาณบอกให้ฉีฉีเก๋อที่สะดุ้งตัวโยนออกไปก่อนเพื่อไม่ให้เข้ามาพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างเธอกับโฮ่วเซิ่งหนาน หากคนสติไม่ดีอย่างโฮ่วเซิ่งหนานเกิดไปลงที่ฉีฉีเก๋อขึ้นมา มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผลเสียต่อฉีฉีเก๋อแน่นอน

ขณะนี้โฮ่วเซิ่งหนานปรับอารมณ์ดีแล้ว ซึ่งต่อให้ยังโกรธอยู่แต่กลับไม่เผยออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย ยังคงแสดงสีหน้าที่ราวกับอยู่สูงกว่าเหมือนเดิม

“จ้าวเหมยเธอเก่งแค่ปากไม่มีประโยชน์หรอกนะ แบบนั้นมีแต่จะแสดงให้เห็นเธอเป็นคนตื้นเขินไม่มีความรู้” โฮ่วเซิ่งหนานพูดเสียงเรียบที่ยังใช้ภาษาอังกฤษเช่นเดิมเพราะเริ่มมีเหล่านักศึกษาที่เข้ามุงอยู่รอบตัวไม่น้อย

เหมยเหมยแค่นหัวเราะ ยังไม่ทันเอ่ยปากโฮ่วเซิ่งหนานก็เอ่ยอีกว่า “เธอคิดจะทะเลาะกับฉันต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้จริง ๆเหรอ?”

“โฮ่วเซิ่งหนานเธอจะใช้ภาษาอังกฤษทำไม? หรือเธอเองก็รู้สึกว่าเรื่องที่เธอแย่งคู่หมั้นฉันเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้า? จะว่าไปเธอไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะแย่งด้วยซ้ำเพราะคู่หมั้นของฉันหลบผู้หญิงอย่างเธอแทบแย่ เขาฝากฉันมาบอกเธอว่ารบกวนหลังจากนี้ช่วยรักษาระยะห่างกับเขาด้วย เพราะการตามรังควานของเธอทำให้คู่หมั้นฉันลำบากใจจะตายอยู่แล้ว”

เหมยเหมยไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษพูดแต่ใช้ภาษาจีนกลางที่ถูกต้องเสียยิ่งกว่าถูกต้องอีก

ทีนี้ทำเอาทุกคนนิ่งชะงักไปทันที!

ผู้หญิงสองคนแย่งผู้ชายคนเดียวกันในชีวิตจริง!

อีกทั้งยังเป็นอาจารย์คนสวยแย่งผู้ชายของดาวมหาวิทยาลัยอีกด้วย!

ให้ตายเถอะ ดุเดือดมากเลยใช่ไหมล่ะ!

เพื่อนทุกคนเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมา และทั้งสองเท้าเหมือนโดนตะปูตอกอยู่กับที่ไม่ว่าอย่างไรก็ก้าวขาไม่ออก

โฮ่วเซิ่งหนานอับอายปนโกรธอย่างถึงที่สุด เธอย่อมรู้ดีถึงท่าทีห่างเหินที่เหยียนหมิงซุ่นมีต่อตน แต่เพราะเหตุนี้ถึงกระตุ้นความต้องการที่จะกำราบผู้ชายคนนี้ของเธอ เดิมทีเธอเพียงแค่อยากสนุกชั่วคราวเท่านั้นเอง!

“จ้าวเหมย ความรักเป็นอิสระ เธอพูดแบบนี้มีแต่จะแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนใจคับแคบมาก”

โฮ่วเซิ่งหนานทำหน้าจริงจังซึ่งเธอคิดเช่นนั้นจริง ๆ เพราะนั่นคือกฎกติกาของเกมที่เธอเล่นอยู่ในวงการนั้น

เหมยเหมยเหมือนได้ยินเรื่องตลกขบขันเลยหลุดขำไปทีหนึ่งแล้วกล่าว “โฮ่วเซิ่งหนาน ต่อให้เป็นประเทศตะวันตกก็เป็นสังคมผัวเดียวเมียเดียว ความรักที่เป็นมือที่สามทำลายครอบครัวคนอื่นไม่ว่าจะด้านกฎหมายหรือศีลธรรมล้วนต้องเป็นฝ่ายที่ถูกลงโทษ เธออย่าเอาความรักบ้าบออะไรนั่นมาปกปิดความเอาแต่ใจและความไร้ความรับผิดชอบของเธอเลย”

โฮ่วเซิ่งหนานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยพลันโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว “จ้าวเหมยเธอยังไม่ได้แต่งงานกับเหยียนหมิงซุ่นเธอมีสิทธิ์อะไรใช้คำพูดของคนเป็นเมียหลวง? ที่ฉันพูดหมายถึงความรักก่อนแต่งงาน ถ้าแต่งงานแล้วยังไงก็ต้องซื่อสัตย์ต่อชีวิตคู่อยู่แล้ว”

เหมยเหมยนึกขุ่นใจ ยัยผู้หญิงสติไม่ดีคนนี้ปฏิกิริยารวดเร็วดีนี่นา

“ฉันกับเหยียนหมิงซุ่นเป็นคู่สามีภรรยาที่หมั้นแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน ในใจของเราทั้งคู่ต่างซื่อสัตย์ต่อกัน ฉะนั้นโฮ่วเซิ่งหนานเธออย่าเสียแรงไปเลย กลับไปหาเหล่าคนรักของเธอที่ต่างประเทศเถอะ!”

ความจริงเหมยเหมยไม่รู้ว่าโฮ่วเซิ่งหนานใช้ชีวิตในต่างประเทศอย่างไร ทั้งหมดนี้เธอแค่เดาจากลักษณะการแต่งตัวและวาจาคำพูดของผู้หญิงคนนี้แต่กลับเดาไม่พลาดเลย โฮ่วเซิ่งหนานมีคนรักที่มากจนนับไม่หวาดไม่ไหวจริงด้วยสิ!

พูดจบเธอหันหลังเดินจากไป อีกประเดี๋ยวยังมีคาบเรียนต่อ ซึ่งไม่เป็นการดีนักหากเข้าเรียนสาย

เมื่อสักครู่โฮ่วเซิ่งหนานกับเหมยเหมยคนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษส่วนอีกคนพูดภาษาจีนกลาง ทุกคนพอจะฟังรู้เรื่องบ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด

แต่หนึ่งสิ่งที่พวกเขามั่นใจได้คือดาวมหาวิทยาลัยมีเจ้าของแล้ว

อีกทั้งยังรักกันมากเสียด้วย!

เหล่าชายหนุ่มไม่ได้เศร้าเสียใจกับเรื่องนี้มากนักเพราะพวกเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนไม่มีสิทธิ์เด็ดดอกฟ้าที่สูงส่งนี้ได้ เมื่อเทียบกันแล้วพวกเขาอยากรู้มากกว่าว่าคู่หมั้นแสนลึกลับของดาวมหาวิทยาลัยที่ว่านั่นเป็นใครมาจากไหน!

ที่ทำให้ผู้หญิงยอดเยี่ยมทั้งสองคนนี้เล่นละครแย่งสามีกันต่อหน้าผู้คนได้!

……………………….