ทุกคนให้ความสนใจกับเรื่องของการชนรถ Phaetonนี้เป็นอย่างมาก เจิ้งเสียงก็อธิบายอย่างสมจริงสมจัง ก็นำเรื่องทั้งหมดที่เจี่ยงหมิงชนรถเมื่อตะกี้นี้มาเล่าอีกครั้ง

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ ต่างก็ตกใจจนพูดไม่ออกเลยทันที

ทุกคนต่างก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่า หนังหน้าของเจี่ยงหมิงจะหนามากขนาดนี้ ทั้งๆที่เขาเป็นคนชนรถของคนอื่นแท้ๆ ยังจะกล้านำกุญแจรถของคนอื่นมา โอ้อวดว่าตัวเองมีรถPhaeton

เรื่องนี้ ลบล้างความคิดและความประทับใจที่ทุกคนมีต่อเจี่ยงหมิงแล้ว

แต่ว่า จ้าวโจ๋วเยว่ที่ลุกขึ้นไล่ตามเจี่ยงหมิงไป พลาดเรื่องราวที่น่าชมนี้ไปพอดี

เขาเดินไล่ตามเจี่ยงหมิงออกจากโรงแรมไปตลอดทาง มองเห็นเจี่ยงหมิงไปที่ลานจอดรถแล้ว ก็รีบเดินตามเข้าไป

เจี่ยงหมิงกลับว่าไม่รู้เลยว่าจ้าวโจ๋วเยว่ไล่ตามมาตลอดทาง เขาเปิดประตูรถPhaetonของหม่าจงเหลียงคันนั้นอย่างโมโห เข้าไปนั่งแล้ว

ในเวลานี้ เงาร่างคนๆนึงก็ปรากฏที่หน้าต่างรถทันที

เจี่ยงหมิงตกใจหมดเลย แต่ก็มองอย่างจริงจัง กลับว่าเป็นจ้าวโจ๋วเยว่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ

เขาลดกระจกรถลง มองไปยังจ้าวโจ๋วเยว่ด้วยสายตาที่เย็นชา พูดถามว่า : “นายมีธุระอะไร?”

จ้าวโจ๋วเยว่พูดพร้อมยิ้มว่า : “พี่หมิง ตอนที่เพิ่งมาเมื่อตะกี้ คุณขับรถเบนซ์มา ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนเป็นVolkswagen?นี่คือรถPhaetonสินะ ภายในตกแต่งได้หรูหราจริงๆ !”

เจี่ยงหมิงพูดว่า : “ไม่ใช่ว่าบอกพวกนายแล้วเหรอ?ตอนมาระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายแล้ว เบนซ์คันนั้นไม่สามารถขับมาได้ ดังนั้นฉันก็เลยให้คนขับรถขับรถPhaetonมาให้”

จ้าวโจ๋วเยว่ยกนิ้วหัวแม่โป้งให้ด้วยความชื่นชม พูดด้วยสีหน้าที่ประจบสอพลอว่า : “พี่หมิง คุณนี่สุดยอดมากๆเลยจริงๆ เหมือนเทียบกับคุณแล้ว พวกเพื่อนๆที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหล่านี้ของเราอายจนจะแทรกแผ่นดินหนีไม่ทันเลยจริงๆ!”

พูดแล้ว เขาก็พูดชมเชยอีกว่า : “พี่หมิงคุณเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน สามารถปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ ไม่เหมือนเย่เฉินคนโง่นี้ เพื่ออยากจะเอาชนะ จู่ๆก็ทิ้งเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าฟรีๆ1ล้าน!สมองมีปัญหาจริงๆ!”

ในเวลานี้ เจี่งหมิงก็รู้สึกมหัศจรรย์เล็กน้อยทันที

เขายังคิดว่าหลังจากที่ตัวเองเดิมพันกับเย่เฉินพ่ายแพ้ ต่อหน้าพวกเพื่อนๆเหล่านี้แน่นอนว่าก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว

แต่เขาคิดไม่ถึงว่า จ้าวโจ๋วเยว่คนนี้ ยังเดินตามตัวเองมาประจบสอพลออีก

ดูเหมือนว่าเพื่อนคนนี้คิดอยากจะหาเงินกับตัวเอง

สุดท้ายเจี่ยงหมิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่าตัวเองยังคงรักษาโอกาสของการอยู่รอดครั้งสุดท้ายไว้ได้ โอกาสของการอยู่รอดนี้อยู่ที่ตัวของจ้าวโจ๋วเยว่!

ดังนั้นเจี่ยงหมิงเอ่ยปากว่า : “นายยังอยากจะให้ฉันช่วยนายลงกองทุนใช่ไหม?”

จ้าวโจ๋วเยว่รีบพยักหน้าอย่างกับโขลกกระเทียมพร้อมพูดว่า : “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วพี่หมิง ผมจะสามารถไปขอเมียได้หรือไม่นั้น ต้องพึ่งคุณแล้ว”

เจี่ยงหมิงพยักหน้า พูดอย่างราบเรียบว่า : “ขึ้นรถสิ”

จ้าวโจ๋วเยว่พูดถามอย่างตกใจ : “ไปไหนเหรอ?”

เจี่ยงหมิงพูดว่า : “นายไม่ใช่ว่าไม่ได้พาบัตรประชาชนมาไม่ใช่เหรอ?ฉันจะขับรถพานายไปที่หอพักของนาย จะต้องทำแอพเงินกู้นั่นก่อน พรุ่งนี้เช้าฉันจะทำการซื้อกองทุนให้นาย”

เมื่อจ้าวโจ๋วเยว่ได้ยินคำพูดนี้ ตื่นเต้นอย่างมาก โพล่งพูดออกไปว่า : “พี่หมิง คุณนี่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!”

พูดจบ ก็รีบอ้อมไปทางฝั่งที่นั่งข้างคนขับ เปิดประตูรถและเข้ามานั่งแล้ว

เจี่ยงหมิงสตาร์ทเครื่องยนต์ ภายใต้การบอกเส้นทางของจ้าวโจ๋วเยว่ ขับรถมาถึงหอพักบริษัทของจ้าวโจ๋วเยว่แล้ว

บริษัทที่จ้าวโจ๋วเยว่ทำงานคือโรงพิมพ์ในเขตชานเมือง งานของเขาเหน็ดเหนื่อยมาก หนึ่งอาทิตย์ทำงาน6วัน เงินเดือนเดือนหนึ่งก็3000กว่าๆ

เงินเดือนน้อยขนาดนี้ ยังสามารถเก็บออมได้หลายแสน เห็นได้ชัดว่าจ้าวโจ๋วเยว่มีชีวิตที่ต้องดิ้นรนมากแค่ไหน

หลังจากที่เจี่ยงหมิงขับรถมาถึงหอพักของจ้าวโจ๋วเยว่ จ้าวโจ๋วเยว่เชิญให้เขานั่งเก้าอี้ที่มีตัวเดียวไปพลาง พร้อมทั้งรีบหยิบบัตรประชาชนของตัวเองออกมาพลาง จากนั้นเปิดแอพเงินกู้นั่นเพื่อทำการอัปโหลดข้อมูล ยื่นสมัครสินเชื่อ

——-