ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 95 ม้าที่จากไปไกล กับเสียงเพลงโศกเศร้า

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ไป​แนวหน้า​แล้ว

​แน่นอน​ ​เขา​ไม่ได้​ไป​เป็น​ทัพหน้า​ ​เพราะ​เขา​ไม่มี​ความสามารถ​นี้​ ​และ​ไม่มีใคร​เห็นด้วย

​สงคราม​ใน​ครั้งนี้​ ​บทบาท​ที่​เขา​แสดง​ก็​คือ​ ​ยก​เสบียงอาหาร​ ​พูด​ให้​ถูกต้อง​กว่า​ก็​คือ​ ​เป็น​ผู้ช่วย​ของ​จิน​อวี​้ล​วี่

​การ​เดินทาง​ไป​เมือง​ไป๋​ตี้​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​แม้​ไม่​ประสบความสำเร็จ​ตาม​ความคิด​ของ​เผ่า​มนุษย์​ทั้งหมด​ ​แต่​อย่างน้อย​ก็ได้​ปลดปล่อย​จิน​อวี​้ล​วี่​ออกจาก​แปลงผัก​

​แม่ทัพ​เผ่า​ปีศาจ​ใน​ตำนาน​ท่าน​นี้​ ​จะ​ยังคง​ทำหน้าที่​บทบาท​สำคัญ​นั่น​ที่​เขา​เคย​ทำ​เมื่อ​หลาย​ร้อย​ปีก่อน​

​สัมภาระ​ ​เสบียงอาหาร​ ​อาวุธยุทโธปกรณ์​ทั้งหมด​ที่​ราชสำนัก​ต้อง​ลำเลียง​ไป​แนวหน้า​ ​มาจาก​การ​สนับสนุน​ของ​แต่ละ​เขตเมือง​ ​การ​บริจาค​ของ​แต่ละ​ตระกูล​พ่อค้า​วาณิช​ ​ทั้งหมด​อยู่​ใน​ความ​ควบคุม​ของ​เขา

​ตำแหน่ง​ผู้ช่วย​ของ​เขา​ก็​สำคัญ​มาก​เช่นกัน

​ตาม​หลัก​แล้ว​ ​คุณสมบัติ​ของ​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ไม่​เพียงพอ​ ​อย่างน้อย​ก็​ยาก​รับใช้​กลุ่มคน​ ​แต่​ไม่มีใคร​กล้า​คัดค้าน​การ​แต่งตั้ง​นี้

​ไม่ใช่​เพราะ​สถานะ​ความเป็นมา​ของ​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ ​ไม่ใช่​เพราะ​เขา​ยอม​ทิ้ง​เกียรติยศ​ของ​คุณชาย​ตระกูล​ดัง​มา​เสี่ยงอันตราย​ใน​แนวหน้า​ ​แต่​เป็น​เพราะ​บ้าน​สกุล​ถัง​บริจาค​เงิน​มา​จำนวน​หนึ่ง

​เหลียง​หวัง​ซุน​บริจาค​ทรัพย์สิน​ครึ่งหนึ่ง​ของ​บ้าน​ให้​เป็น​ค่าใช้จ่าย​ทางทหาร​

​บ้าน​สกุล​ถัง​ที่​เวิ​่น​สุ่ย​ก็​บริจาค​ทรัพย์สิน​ครึ่งหนึ่ง​ของ​บ้าน​เช่นกัน

​ทรัพย์สิน​ครึ่งหนึ่ง​ของ​บ้าน​เหมือนกัน​ ​เพียงแต่​ต้อง​เห็น​กับ​ตา​ตนเอง​เท่านั้น​ ​ผู้คน​จึง​จะเข้า​ใจ​ว่า​ ​บ้าน​สกุล​ถัง​ทำ​เรื่อง​ที่​น่ากลัว​มาก​เรื่อง​หนึ่ง

​เนื่องจาก​ทรัพย์สิน​ครึ่งหนึ่ง​ของ​บ้าน​ ​เป็น​จำนวน​ตัวเลข​ที่​น่ากลัว​เอา​มาก​ๆ

​เจ้าหน้าที่​กรมการ​คลัง​ผู้สันทัดกรณี​ ​พอ​เห็น​สมุดบัญชี​ที่​ใช้​รถม้า​สิบ​กว่า​คัน​บรรทุก​เข้ามา​ ​ก็​ตื่น​ตะลึง​จน​พูดไม่ออก

​ทั่วทั้ง​ต้า​ลู่​ล้วน​รู้​ว่า​ ​สกุล​ถัง​คือ​สถานที่​ที่​มีเงิน​มาก​ที่สุด​ใน​โลก​ ​มี​ภูมิหลัง​ที่​ลึกล้ำ​ ​มี​การ​เก็บ​สะสม​ที่​หลากหลาย​ ​แต่​ครั้งนี้​ ​ผู้คน​ถึง​ได้​รู้​ว่า​ ​ที่แท้​สกุล​ถัง​ ​มีเงิน​ถึงขั้น​นี้​นี่เอง

​ที่​พูดว่า​ ​ร่ำรวย​แล้ว​เป็น​ศัตรู​กับ​แคว้น​ได้​ ​ไม่ใช่​เรื่อง​โกหก

​ท่าน​ปู่​ถัง​ไม่ธรรมดา​จริงๆ

​ร่ำรวย​แล้ว​เป็น​ศัตรู​กับ​แคว้น​ได้​ ​มัก​กลายเป็น​ศัตรู​ของ​คน​ทั้ง​แคว้น

​นี่​เป็น​กฎเกณฑ์​ที่​ยาก​หลีก​พ้น​ ​และ​เป็น​ที่มา​ของ​โศกนาฏกรรม​มากมาย

​หลังจาก​รายละเอียด​เรื่อง​นี้​ถูก​แพร่งพราย​ออกมา​ ​หลาย​คน​ล้วน​กำลัง​คิด​ว่า​ ​สกุล​ถัง​ไม่​อยาก​แตะต้อง​ข้อห้าม​ของ​ราชสำนัก​หรือเปล่า​ ​จึง​ใช้​วิธี​นี้​ลด​การ​เป็น​ปรปักษ์​กับ​ราชสำนัก

​…​ทรัพย์สิน​ครึ่งหนึ่ง​ของ​บ้าน​นั้น​มาก​จริงๆ​ ​เจ็บปวด​เหมือน​ตัด​แขน​ ​แต่​ขอ​เพียง​สกุล​ถัง​สามารถ​ดำรงอยู่​ ​ก็​ยังคง​ถือว่า​คุ้มค่า

​สมมติฐาน​เช่นนี้​ดู​ไป​แล้ว​มีเหตุผล​มาก​ ​แต่​เฉิน​ฉาง​เซิง​รู้​ว่า​ไม่​เป็นความ​จริง

​การ​ตีเมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​พิชิต​เผ่า​มาร​ ​เป็นความ​ปรารถนา​ทั้ง​ชีวิต​ของ​ท่าน​ปู่​ถัง​ ​เป็นเรื่อง​เดียว​ที่​เขา​อยาก​ทำ​ใน​หลาย​ร้อย​ปี​

​ใน​ด้าน​นี้​ ​เขา​กับ​ซาง​สิง​โจว​เป็น​พันธมิตร​กัน​โดยธรรมชาติ​ ​เป็นเพื่อน​ร่วม​รบ​ที่​มี​ความแน่วแน่​ ​อะไร​ก็​เปลี่ยนแปลง​ความตั้งใจ​ของ​เขา​ไม่ได้​ ​กระทั่ง​พูด​ได้​ว่า​ ​เขา​มีชีวิต​อยู่​ ​เพื่อที่จะ​เห็น​วันนี้

​ขอ​เพียง​เผ่า​มนุษย์​สามารถ​รบ​ชนะ​เผ่า​มาร​ได้​อย่างเด็ดขาด​ ​เขา​ไหน​เลย​จะ​สนใจ​ความมั่งคั่ง​ของ​บ้าน

​ถ้า​ไม่ใช่​คิดถึง​ลูกหลาน​คนรุ่นหลัง​ ​คิดถึง​ความอยู่รอด​ของ​ครอบครัว​ ​กระทั่ง​บ้าน​สกุล​ถัง​ทั้ง​หลัง​ที่​เวิ​่น​สุ่ย​ ​เขา​ก็​ทุ่ม​ให้​กับ​สงคราม​ใน​ครั้งนี้​ได้​

​การ​เกิด​เป็น​หลาน​ของ​ผู้อาวุโส​เช่นนี้​ ​จะ​มีความรู้สึก​อย่างไร

​เฉิน​ฉาง​เซิง​มองดู​ฝุ่น​ควัน​สาย​นั้น​บน​พื้นที่​รกร้าง​นอกเมือง​ ​พลาง​ยก​มุม​ปาก​ ​ยิ้ม​ออกมา

​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ขี่ม้า​ขาว​ตัว​หนึ่ง​ ​สวม​ชุด​ขาว​ ​เสียบ​กระบี่​เวิ​่น​สุ่ย​ไว้​ที่​เอว​ ​สง่างาม​และ​เป็นธรรมชาติ​มาก

​เขา​ไม่ได้​พูด​อะไร​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​และ​ไม่ได้​บอก​ให้​ถนอม​ตัว​ ​เพราะ​สงคราม​ใน​ครั้งนี้​ต้อง​ชนะ

​ก็​อย่างที่​คน​บรรพต​เยียน​จือ​ว่า​ ​แนวโน้ม​ใหญ่​สำเร็จ​แล้ว

​เผ่า​มาร​ ​แนวโน้ม​ใหญ่​เสีย​ไป​แล้ว

​ก็​เหมือน​ที่​ท่าน​ปู่​ถัง​กับ​เหลียง​หวัง​ซุน​ทำ​อย่างนั้น​ ​เผ่า​มนุษย์​ยอม​ใช้​ทุกอย่าง​เข้า​แลก​ ​ทิ้ง​ความแค้น​ความเกลียดชัง​ ​เพื่อให้​ได้รับ​ชัยชนะ​ใน​การ​รบ​ครั้งนี้

​โลก​มนุษย์​กำลัง​รอ​วันนี้​มาโดยตลอด

​เพื่อ​สงคราม​ใน​ครั้งนี้​ ​เผ่า​มนุษย์​เตรียมตัว​มาช​้า​นาน

​ในแง่​ของ​วัสดุ​และ​การ​ปรับเปลี่ยน​ทางการทหาร​ ​มีมา​สิบ​ปี​แล้ว

​ในแง่​ของ​การวางแผน​เชิงกล​ยุทธ์​ ​มีมา​นับ​ร้อย​ปี​แล้ว

​ในแง่​ของ​จิตใจ​และ​อุดมการณ์​ ​มีมา​นับ​พันปี​แล้ว

​ปราชญ์​นับไม่ถ้วน​ ​ผู้​พลีชีพ​นับไม่ถ้วน​ ​ไม่ว่า​จักรพรรดิ​องค์​ใด​ ​สังฆราช​สมัย​ใด​…​เรื่อง​ที่​พวกเขา​ทำ​ทั้งหมด​ ​ล้วน​เพื่อ​วันนี้

​คลื่นใต้น้ำ​ถาโถม​มา​แต่แรก​นับ​ครั้ง​ไม่​ถ้วน​ ​ตาม​การเปลี่ยนแปลง​ของ​สถานการณ์​ ​ในที่สุด​ก็​กลายเป็น​กระแสน้ำ​ฤดูใบไม้ผลิ

​เผ่า​มาร​เคย​เป็นใหญ่​ใน​ต้า​ลู่​ ​อยู่​ทางเหนือ​แทบ​เอาชีวิต​ไม่รอด​ ​ใช้ชีวิต​ผ่าน​ไป​วัน​ๆ​ ​ไม่เคย​ตระหนักถึง​จุด​นี้​ ​ต่อให้​คนใหญ่คนโต​ที่​มีสติ​และ​ใจเย็น​ของ​เผ่า​มาร​บางคน​ตระหนักถึง​เรื่อง​นี้​ ​เช่น​ราชา​มาร​อายุ​น้อย​ท่าน​นั้น​ ​เช่น​คน​บรรพต​เยียน​จือ​ ​แต่​เวลา​ที่​เหลือ​ไว้​ให้​พวกเขา​น้อย​เกินไป​ ​และ​ภายใน​ของ​เผ่า​มาร​ก็​ยุ่ง​วุ่นวาย​เกินไป

​ทุกครั้งที่​นึกถึง​สถานการณ์​ใน​ปัจจุบัน​ของ​เผ่า​มาร​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​รู้สึก​โชคดี​เป็น​ล้นพ้น​ ​แต่​ก็​มัก​มีบ​้าง​ที่​ไม่เข้าใจ​ ​จากนั้น​ก็​นึกถึง​ประโยค​ที่​ซาง​สิง​โจว​พูด​ในลั​่ว​หยาง​

​อาจ​เป็น​เพราะ​คน​ผู้​นี้​ยังคง​ตระหนัก​ว่า​ ​ที่สุด​แล้ว​ตนเอง​ก็​เป็น​มนุษย์​คน​หนึ่ง

​ขณะ​มองดู​ฝุ่นตลบ​เป็น​สาย​ๆ​ ​ใน​พื้นที่​รกร้าง​ ​รู้สึก​ถึง​การสั่น​สะเทือน​เล็กน้อย​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​ไม่​สามารถ​คิดถึง​ปัญหา​นั้น​ได้​อีก

​ที่​สั่นสะเทือน​ ​เป็น​เพราะ​ม้า​ควบ​ออก​ไป​ไกล​ ​หรือ​เป็น​เพราะ​หัวใจ​ตนเอง​เต้น

​เขา​รู้สึก​ว่า​หัวใจ​ตนเอง​เต้น​เร็ว​ขึ้น​โดย​ไม่มี​สาเหตุ

​เป็น​เพราะ​สงคราม​อัน​ยิ่งใหญ่​กำลังจะ​เปิดฉาก​ใช่​หรือไม่

​เผ่า​มาร​ต้อง​แพ้​ ​เผ่า​มนุษย์​ต้อง​ชนะ​ ​แนวโน้ม​ใหญ่​ได้​ถูก​กำหนด​ไว้​แล้ว

​แต่​พวกเรา​ยังคง​ต้อง​มุมานะ​เพื่อ​สิ่ง​นี้​ ​มุมานะ​จริงๆ​ ​ถึง​จะ​สามารถ​ชนะ​ได้​จริงๆ​

​พอนึก​ถึง​วัน​เวลา​ใน​ภายภาคหน้า​ ​หนุ่มสาว​ที่​ตอนนี้​กำลัง​เดิน​ออกจาก​เมือง​สวิน​หยาง​ ​จะ​สาด​เลือดร้อน​มาก​น้อย​แค่ไหน​ ​จะ​สละ​ชีพ​มาก​น้อย​แค่ไหน​…

​ผู้​ที่​สงบนิ่ง​อย่าง​เขา​ก็​ยัง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​ร้อน​ผะ​ผ่าว​ที่​แก้ม

​…..

​หุบเขา​ใน​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​ล้วนแล้วแต่​มี​โลหิต

​หลังจาก​พลทหาร​เผ่า​มาร​เสียชีวิต​ ​ก็​มีส​ภาพ​น่าเกลียด​มากขึ้น​ ​ศพ​ใน​พงหญ้า​ส่งกลิ่น​เหม็น​ ​ใน​ทุ่งหญ้า​ยัง​ไม่​นับว่า​ร้อน​จัด​ ​แต่​วาง​ไว้​เป็นเวลา​นาน​ ​ก็​ยังคง​เน่าเปื่อย​อยู่ดี

​แรกเริ่มเดิมที​ ​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ใช้​ปรมาจารย์​ค่าย​กล​ทำความสะอาด​สนามรบ​ ​หลัง​การ​รบ​จบสิ้น​ ​ทุ่งหญ้า​ทุกแห่ง​หน​จะ​มองเห็น​แสงสว่าง​ของ​ปรมาจารย์​ค่าย​กล​และ​เปลวไฟ​ที่​ตามมา​ด้านหลัง​ ​ต่อมา​พลทหาร​เผ่า​มาร​ตาย​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ ​สงคราม​ตึงเครียด​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​เพื่อ​การ​ประหยัด​พลัง​ของ​ปรมาจารย์​ค่าย​กล​ ​จึง​ไม่มี​คำขอ​ใน​ด้าน​นี้​อีก

​กระโจม​ชั่วคราว​ตั้งอยู่​บน​ที่สูง​ ​แต่​หุบเขา​ทั้ง​ลูก​เดิมที​เป็น​พงหญ้า​ที่​มีต​้น​หญ้า​สั้น​บ้าง​ยาว​บ้าง​สลับ​กัน​ไป​อย่างต่อเนื่อง​ ​จึง​พูด​ไม่ได้​ว่า​ ​ป้องกัน​ง่าย​ ​ยาก​โจมตี

​พลบค่ำ​ถูก​แต่ง​แต้ม​ด้วย​ท้องทุ่ง​อัน​ห่างไกล​และ​พาหนะ​ใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​ ​ควันไฟ​จาก​การปรุงอาหาร​หาย​ไป​ ​กองไฟ​ค่อยๆ​ ​สว่าง​ขึ้น​ ​คลับคล้าย​มีเสียง​เพลง​เศร้า​ๆ​ ​ดัง​มา​ ​กลับ​ทำให้เกิด​เสียง​ด่าทอ​ตามมา​มากมาย

​เหลียง​หง​จวง​นั่ง​พิง​ล้อ​เกวียน​ ​หรี่​ตาม​อง​พระอาทิตย์​อัสดง​ตกลง​ตรงหน้า​ ​ปาก​คาบ​ต้น​หญ้า​ที่​สั่น​น้อย​ๆ

​แน่นอน​ ​เขา​ไม่ได้​สวม​ชุด​เต้นรำ​สีแดง​ ​และ​ไม่ได้​พอก​หน้าหนา​ ​เพียง​มี​ใบหน้า​ที่​งดงาม​อยู่​เป็น​ทุนเดิม​ ​โดยเฉพาะ​สี​คิ้ว​ที่​เข้ม​ดุจ​หมึก​ ​รูปทรง​ดุจ​ตะขอ​ ​ใน​เสน่ห์​ยัง​มี​จิตวิญญาณ​อัน​กล้าหาญ​ ​และ​มี​ความหวาน​ซึ้ง​ตามธรรม​ชาติ​ ​ตอน​ลง​สู่​สนามรบ​ ​ไม่รู้​ดึงดูดสายตา​มาก​น้อย​เท่าใด​ ​จนถึง​ตอนนี้​ก็​ยัง​ไม่มีใคร​กล้า​วิพากษ์วิจารณ์​อะไร

​ใน​กองทหาร​ ​ระดับ​ขั้น​ของ​เขา​สูง​ที่สุด​ ​สังหาร​พลทหาร​มาร​ได้มาก​ที่สุด​ ​ได้รับบาดเจ็บ​ก็​มาก​ที่สุด

​กระดูกซี่โครง​ของ​เขา​มี​แผล​ที่​ลึก​มาก​ที่หนึ่ง​ ​ลึก​จน​เห็น​กระดูก​ขาว​ ​เมื่อม​อง​ผ่าน​ช่อง​ของ​ผ้าพันแผล​ ​แล้วยัง​ได้กลิ่น​เหม็น​เน่า​อีก​

​คน​ผู้​หนึ่ง​มานั​่ง​เบียด​ข้างๆ​ ​เขา​ ​มองดู​ซากศพ​พลทหาร​เผ่า​มาร​บน​พงหญ้า​เหล่านั้น​ ​พลาง​เผย​ให้​เห็นท่า​ที​ยิ้มเยาะ​บน​ใบหน้า

​“​หลาย​วัน​ก็​แล้ว​ ​ยัง​ไม่เห็น​พวก​เผ่า​มาร​ระดับสูง​เลย​ ​หรือ​ล้วน​ถูก​ผู้อาวุโส​มาร​ฆ่า​ตาย​จน​เกลี้ยง​”

​ผู้พูด​คือ​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​ ​ช่วงเวลา​ก่อนหน้านี้​เขา​ยัง​เป็น​คน​เฝ้า​เมือง​สวิน​หยาง​อยู่​หลาย​สิบ​ปี​ ​และ​ตอนนี้​กลับกลาย​เป็น​แม่ทัพ​คน​หนึ่ง​ของ​แนวหน้า​แล้ว

​คืน​นั้น​ ​ขณะ​อยู่​ด้านล่าง​เวที​ละคร​ ​ตอน​ได้ยิน​คำพูด​ที่​เหลียง​หง​จวง​พูด​กับ​สังฆราช​ ​เขา​ก็​คลับคล้าย​ว่า​จะ​เดา​จุดจบ​ของ​ตนเอง​ได้

​แต่​เขา​นึกไม่ถึง​ว่า​ ​ตน​อยู่​แนวหน้า​ ​จะ​ได้​อยู่​กอง​เดียว​กับ​เหลียง​หง​จวง​ ​และ​ไม่รู้​ว่านี​่​คือ​เจตนา​ของ​สังฆราช​ ​หรือ​การ​จัดสรร​ของ​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์

​เหลียง​หง​จวง​ไม่สน​ใจ​เขา

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​จึง​ยิ้ม​เย็นชา​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​ราชสำนัก​ต้องการ​ให้​ข้ามา​ตาย​ ​เป็นการ​ตอบแทน​ทรัพย์สิน​ครึ่งหนึ่ง​ของ​จวน​เหลียง​อ๋อง​ ​แล้ว​เจ้า​ล่ะ​ ​พี่ชาย​ท่าน​นั้น​ของ​เจ้า​เหตุใด​ถึง​ไม่​มา​ ​กลับ​ให้​เจ้า​มาตาย​”

​ใช่​แล้ว​ ​การ​มายัง​พื้นที่​รกร้าง​เช่นนี้​ ​ไม่ว่า​จะ​พูดตาม​ความหมาย​ใด​ ​ก็​คือ​การ​มาตาย​ ​แม้​ใน​ตอนนี้​เผ่า​มนุษย์​จะ​ครอง​ความได้เปรียบ​อย่างแท้จริง​ก็ตาม​ ​ใน​การสู้​รบ​มากมาย​ที่เกิด​ขึ้น​ ​จำนวน​พลทหาร​เผ่า​มาร​ที่​เสียชีวิต​เป็น​สองเท่า​ของ​พลทหาร​เผ่า​มนุษย์​ ​ทว่า​…​ที่สุด​แล้วก็​ยัง​มี​คนตาย​ ​โดยเฉพาะ​ตอนนี้​มี​คน​มากมาย​สังเกตเห็น​สถานการณ์​ที่​ค่อนข้าง​แปลกประหลาด​นี้

​การ​พูด​เย้ยหยัน​ของ​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​ ​ส่วนใหญ่​มาจาก​ความรู้สึก​ไม่ปลอดภัย​ส่วนตัว

​หลังจาก​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​เข้ามา​ใน​ทุ่งหญ้า​ ​พบ​เจอ​กับ​กองทัพ​เผ่า​มาร​มากมาย​ ​เกิด​การสู้​รบ​ที่​ดุเดือด​หลาย​สมรภูมิ

​แต่​ผู้คน​พลัน​ค้นพบ​ปรากฏการณ์​ที่​แปลกประหลาด​มาก​อย่างหนึ่ง​

​ไม่​นับ​เจ้าหน้าที่​ทางการทหาร​ไม่​กี่​คน​ ​ใน​การสู้​รบ​เหล่านี้​ ​ไม่เห็น​เงา​ร่าง​ของ​ชน​เผ่า​มาร​ระดับสูง​ใดๆ​ ​เลย

​กระทั่ง​พล​หมาป่า​ที่​แข็งแกร่ง​สุด​ของ​เผ่า​มาร​ ​ก็​ไม่เห็น​ร่องรอย​แม้แต่น้อย​ ​ราวกับ​หายสาบสูญ​ไป​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​ส่วน​ที่​ดุจ​กระแสน้ำ​หลาก​พุ่ง​เข้ามา​หาก​อง​ทัพ​เผ่า​มนุษย์​นั่น​ ​ล้วน​เป็น​พลทหาร​เผ่า​มาร​ทั้งสิ้น

​พลทหาร​เผ่า​มาร​ระดับ​ล่าง​เหล่านี้​ ​พัฒนาการ​ทาง​สติปัญญา​ช้า​ ​หรือ​โง่เขลา​เบาปัญญา​ก็​ว่า​ได้​ ​แม้​มีพลัง​มากกว่า​คนธรรมดา​ ​แต่​เมื่อ​อยู่​ต่อหน้า​พล​ธนู​ของ​เผ่า​มนุษย์​และ​ปรมาจารย์​ค่าย​กล​ ​ก็​กลายเป็น​เป้า​สังหาร​ไป​ ​ตาม​หลัก​แล้ว​ ​น่าจะ​รับมือ​ได้​ไม่ยาก

​ปัญหา​อยู่​ที่​ ​พลทหาร​เผ่า​มาร​ที่​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​พบ​เจอ​ใน​ตอนนี้​ไม่​เหมือนก่อน​หน้า​นี้

​พลทหาร​เผ่า​มาร​ใน​ตอนนี้​กลายเป็น​ใจกล้า​มากขึ้น​ ​อารมณ์​ดุร้าย​ ​วิธี​ก็​ยิ่ง​โหดร้าย​ ​กระทั่ง​มีความรู้สึก​ไม่​กลัว​ความตาย​ชนิด​หนึ่ง

​ถ้า​บอกว่า​เมื่อก่อน​ ​พลทหาร​เผ่า​มาร​เหล่านี้​มีระดับ​สติปัญญา​ต่ำ​ ​พวกเขา​ใน​ตอนนี้​ก็​คล้าย​สูญเสีย​จิตใต้สำนึก​ไป​ ​กลายเป็น​เครื่องจักร​สังหาร​ที่​ไม่รู้​อีโหน่อีเหน่

​พลทหาร​เผ่า​มาร​จำนวนนับ​ไม่​ถ้วน​ดุร้าย​และ​ไม่​กลัว​ตาย​ ​ประเด​ประดัง​เข้ามา​ทั้ง​ด้านหน้า​และ​ด้านหลัง​ ​ทำให้​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​เกิด​แรงกดดัน​อย่างยิ่ง​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็นการ​สู้รบ​ ​หรือ​จิตใจ

​กองทหาร​ที่​มี​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​เป็น​ผู้นำ​ ​มี​จำนวน​ลดลง​อย่าง​น่าใจหาย​ ​ไม่รู้​ว่า​จะ​ต้านทาน​ไว้​ได้​นาน​แค่ไหน

​สถานการณ์​เดียวกัน​นี้​ ​น่าจะ​เกิดขึ้น​ใน​ทุ่งหญ้า​อื่นๆ​ ​ด้วย​เช่นกัน

​เหลียง​หง​จวง​จึง​ว่า​ ​“​น่าจะเป็น​ตัว​ยาบา​งอย​่าง​ที่​ทำให้​เจ้า​พวก​น่าเกลียด​เหล่านี้​สูญเสีย​เหตุผล​ไป​ ​ถึง​ได้​กรู​กัน​มาตาย​”

​หลาย​คน​ก็​คาดเดา​เช่นนี้​ ​เพียงแต่​ไม่เข้าใจ​ว่า​เหตุใด​สงคราม​เพิ่ง​เริ่ม​ ​วิธีการ​รับมือ​ของ​เผ่า​มาร​ก็​รุนแรง​ขนาด​นี้​แล้ว

​ต้อง​รู้​ว่ายา​เหล่านั้น​มีผล​ข้างเคียง​ที่​รุนแรง​ ​กระทั่ง​เสี้ยว​เวลา​แรก​ที่​ดื่ม​ยาลง​ไป​ ​พลทหาร​เผ่า​มาร​ก็​เท่ากับ​ตาย​แล้ว

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​มองดู​ทิวทัศน์​พลบค่ำ​ที่​สีเข้ม​ลง​เรื่อยๆ​ ​ความกังวล​ใน​ดวงตา​ก็​เข้มข้น​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​เช่นกัน​ ​จน​พึมพำ​ออกมา​ ​“​เผ่า​มารคิด​ทำ​อะไร​กัน​แน่​”

​จาก​ความหมาย​หลายอย่าง​ ​เขา​ถูก​ราชสำนัก​ส่ง​มาตาย​จริง​ ​เพราะ​ต้องการ​บรรเทา​ความไม่พอใจ​ใน​อดีต​ของ​จวน​เหลียง​อ๋อง

​แต่​อย่างไร​เขา​ก็​ทำหน้าที่​เฝ้า​เมือง​สวิน​หยาง​มานั​บสิบ​ปี​ ​ตอนนี้​ก็ได้​เป็น​แม่ทัพ​ของ​แนวหน้า

​เหลียง​หง​จวง​ว่า​ ​“​เผ่า​มารคิด​ทำให้​เรา​ตกใจ​จน​ถอย​หนี​”

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​อึ้ง​ ​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​เขา​แล้ว​ ​จึง​เผย​รอยยิ้ม​ขมขื่น​บน​ใบหน้า​ออกมา

​พวกเขา​เป็นกอง​หน้าที่​อยู่​หน้า​สุด​ ​ถ้า​กลศึก​ของ​เผ่า​มาร​เป็น​เช่นนี้​จริง​ ​พวกเขา​ก็​ต้อง​แบกรับ​กระแส​การ​โจมตี​อย่างต่อเนื่อง

​จวบจน​กระโจม​กองบัญชาการ​กลาง​จะ​ออกคำสั่ง​ให้​ถอย​ ​หรือ​อีก​ฝ่าย​ตาย​เรียบ​เสียก่อน

​“​เจ้า​ว่า​พวกเรา​ล้วน​ถูก​ส่ง​ให้​มาตาย​ ​แล้ว​จะ​กลัว​ไป​ทำไม​กัน​”

​เหลียง​หง​จวง​ว่า​ ​“​อีก​อย่าง​ต่อให้​ตาย​ตอนนี้​ ​เรา​ก็​กำไร​แล้ว​”

​ตั้งแต่​เปิดศึก​จนถึง​ตอนนี้​ ​เขา​ได้​สังหาร​พลทหาร​เผ่า​มาร​ไป​สามสิบ​กว่านาย​ ​ส่วน​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​กับ​ทหาร​ในสังกัด​ก็​สังหาร​ศัตรู​ได้​เป็น​จำนวนมาก​กว่า​กอง​ตนเอง​สาม​เท่า​

​กำไร​แล้ว​จริงๆ

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​จึง​ไม่ได้​พูด​อะไร​อีก

​เหลียง​หง​จวง​ถุย​ต้น​หญ้า​ที่​อม​ไว้​ใน​ปาก​ทิ้ง​ ​แล้ว​เริ่ม​ร้องเพลง​เศร้า​ๆ​ ​เพลง​หนึ่ง

​เสียง​ก่น​ด่า​รอบด้าน​ดัง​ขึ้น​อีกครั้ง​ ​แต่​ครั้งนี้​เขา​ไม่ได้​หยุด​ร้อง

​เสียงร้อง​ของ​เหลียง​หง​จวง​แปลก​อยู่​บ้าง​ ​ลึกล้ำ​และ​ห่างไกล​มาก​ ​ราวกับ​แม่น้ำ​ที่​ไหล​เอื่อยๆ​ ​ใน​ทุ่งหญ้า

​“​ฟัง​ละคร​ที่​เจ้า​ร้อง​ใน​เมือง​สวิน​หยาง​มา​หลาย​ปี​ ​มัก​รู้สึก​ว่าวิ​ธี​การร้องของ​เจ้า​แปลก​อยู่​บ้าง​ ​แต่กลับ​ไม่เคย​ได้​ถาม​เจ้า​เลย​”

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​ถาม​ต่อ​ ​“​ตกลง​เจ้า​ได้รับ​การ​ถ่ายทอด​จาก​สำนัก​ไหน​ ​หลู​หลิง​สกุล​จิน​ ​หรือจ​วี​๋​สุ่ย​จาง​”

​เหลียง​หง​จวง​ตอบ​ ​“​ว่า​กัน​ว่า​เป็น​วิธีการ​ร้อง​ละคร​เพลง​ของ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​”

​เฟิ​่​งกุ​่ยจ​วิน​ตกใจ​มาก​ ​ชี้​ไป​ยัง​ซากศพ​พลทหาร​เผ่า​มาร​ใน​พงหญ้า​เหล่านั้น​ ​พลาง​ว่า​ ​“​ของเล่น​พวก​นี้​ฟังออก​ไหม​”

​เหลียง​หง​จวง​ส่าย​ศีรษะ​ ​“​ไม่รู้​สิ​”

​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​พลัน​มีสัญ​ญาณ​เตือนภัย​และ​คำสั่ง​เร่งด่วน​ที่​อินทรี​แดง​ส่ง​มา

​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​หลาย​กอง​ที่อยู่​ใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​ ​ล้วน​ถูก​ศัตรู​จู่โจม

​และ​ทิศทาง​จู่โจม​หลัก​ของ​ศัตรู​อยู่​ใน​ทุ่งหญ้า​นี้

​ต้น​หญ้า​สั่นสะเทือน​เล็กน้อย

​พลบค่ำ​ดำมืด​ ​เปลี่ยนเป็น​ค่ำคืน

​ใน​ความมืด​ ​ไม่รู้​ว่า​มีพล​ทหาร​เผ่า​มาร​มาก​น้อย​แค่ไหน​บุก​เข้ามา

​เฟิ​่​งกุยจ​วิน​รู้​ว่าการ​สู้รบ​ใน​ครั้งนี้​ ​ต้อง​ยืดเยื้อ​ไป​ทั้งคืน​แน่​ ​สีหน้า​จึง​เปลี่ยนเป็น​ซีด​ขาว​ขึ้น​โดยไม่รู้ตัว​ ​“​พวกเรา​ยัง​จะ​เห็น​แสง​เช้า​ของ​วันพรุ่งนี้​ได้​หรือเปล่า​”

​เหลียง​หง​จวง​ยืน​ขึ้น​ ​เหลือบมอง​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​วันนี้​ดวงดาว​สวย​มาก​”