ตอนที่ 2629

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,629 : เข่นฆ่าละเลงเลือด!

 

“สองจินเซียนตะวันม่วง…”

 

ตั้งแต่ที่เจิ้งชิวกล่าวออกมาว่า โจรร้ายในชุดขาวดำเบื้องหน้าล้วนแล้วแต่บรรลุด่านพลังฝึกปรือจินเซียนตะวันม่วงทั้งคู่ สีหน้าฉินอวี่ก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง…

 

กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็แลดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด

 

อย่างไรก็ตามพอเขาเหลือบไปเห็นว่าเจิ้งชิวยังแลดูสบายๆ เขาจึงตระหนักได้ว่า

 

ถึงพวกมันทั้งคู่จะเป็นจินเซียนตะวันม่วง แต่เจิ้งชิวก็ไม่ได้แลดูหวาดกลัวแม้แต่น้อย ยังพูดจาออกมาราวกับสามารถเข่นฆ่าทั้งสองได้ด้วยตัวคนเดียว!

 

ไม่ทันไรต้วนหลิงเทียนก็แลดูสงบลงอีกครั้ง

 

และไม่ได้เป็นเพราะท่าทางมั่นใจของเจิ้งชิวทั้งหมด ยังเป็นเพราะมั่นใจในพลังของตัวเองเช่นกัน

 

จินเซียนตะวันม่วง เว้นเสียแต่วรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังจู่โจมและสนับสนุนของพวกมันจะเป็นระดับลี้ลับขึ้นไปทั้งหมด…

 

หาไม่แล้วด้วยพลังของเขาในตอนนี้คิดรับมือพวกมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ยังไม่ต้องใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนด้วยซ้ำ…

 

ถึงแม้เวทย์พลังที่เขาเชี่ยวชาญกับยอดใจกระบี่ที่เทียบได้กับวรยุทธ์อมตะจะมีระดับปฐพีผสมกับระดับสวรรค์ ทว่าหากเขาใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนล่ะก็ คิดจะฆ่าพวกมันก็ง่ายดายนัก!

 

แต่เป็นธรรมดาว่าหากไม่จำเป็นจริงๆ เขาเองก็ไม่อยากใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนออกมาง่ายๆ

 

กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเป็นดั่งไพ่ตายของเขา หากไม่สิ้นไร้ทางเลือกแล้วจริงๆ เขาไม่คิดใช้มันออกมาเด็ดขาด!

 

“งั้นหรือ?”

 

ได้ยินคำขู่ของชายชราในชุดขาวดำเบื้องหน้า เจิ้งชิวคลี่ยิ้มบางๆ หากแต่ในแววตายิ่งมายิ่งฉายแววเยียบเย็นหนักข้อ และทันใดนั้นเองคนพลันตะโกนออกมาเสียงเหี้ยม!

 

“เช่นนั้นก็ลองดู!”

 

ฟังวาจาตะโกนท้าทายดังกล่าว เห็นชัดว่าไม่ได้สนคำขู่ของชายชราในชุดดำแม้แต่น้อย!

 

“มิทราบใต้เท้าเป็นยอดคนท่านใดในจวนผู้ว่า?”

 

เมื่อเห็นท่าทางแข็งกร้าวไม่โอนอ่อนแม้แต่น้อยของเจิ้งชิว ชายชราชุดขาวหนึ่งในสองผู้กล้าขาวดำก็หน้าเปลี่ยนสีทันที มองถามเจิ้งชิวอีกครั้ง ส่วนลึกในแววตายังฉายความหวั่นหวาดให้เห็น

 

หลังจากที่รู้ตัวตนของพวกมันแล้ว แต่ยังแลดูไร้ความกลัวเกรงเช่นนี้ มีความเป็นไปได้  2 ประการเท่านั้น

 

ประการแรกอีกฝ่ายกำลังเสแสร้งแสดงลึกลับ วางมาดเหนือชั้นเข้าข่ม

 

ความเป็นไปได้ประการที่สองคืออีกฝ่ายไม่กลัวพวกมันทั้งคู่จริงๆ กระทั่งยังมั่นใจว่าอาศัยหนึ่งต้านสอง กระทั่งเข่นฆ่าพวกมันได้แน่!

 

จากที่เห็น…เกรงว่าความเป็นไปได้ประการแรกนั้นน้อยนิดนัก

 

“หลังไปปรโลกแล้ว จดจำไว้ให้ดี…คนที่ฆ่าพวกเจ้าคือ เจิ้งชิว แห่งจวนผู้ว่า!”

 

เจิ้งชิวพอกล่าวจบคำ พลังเซียนต้นกำเนิดอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลพลันปะทุระเบิดออกมาทั่วร่างอย่างเกรี้ยวกราด ทันใดนั้นบรรยากาศรอบกายก็ป่วนปั่นไปราวมหาพายุบังเกิด คนคล้ายกลับกลายเป็นสายลมหอบหนึ่ง พัดกรรโชเข้าหาสองผู้กล้าขาวดำอย่างดุดัน!

 

“เจิ้งชิว?!”

 

“อันดับสองใต้ต้าหลัวจินเซียนแห่งมณฑลจิ่วโยว!!”

 

แทบจะทันทีที่เสียงประกาศตัวของเจิ้งงชิวดังจบคำ สีหน้าของสองชราขาวดำก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง พวกมันอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาเสียงหลง แววตาฉายชัดถึงความตื่นตระหนก!

 

เจิ้งชิว!

 

อาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่า!

 

ทั้วทั้งมณฑลจิ่วโยว หากไม่นับตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียนแล้ว พลังฝีมือเป็นรองก็แค่เพียงคนๆเดียวเท่านั้น!

 

“อันดับสองใต้ต้าหลัวจินเซียนแห่งมณฑลจิ่วโยว?”

 

ได้ยินคำอุทานเสียงหลงของสองชราขาวดำ ต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่ถึงกับต้องหันมามองหน้ากัน และต่างเห็นแววตาประหลาดใจของอีกฝ่าย

 

เพราะพวกเขาไม่มีใครคาดคิด

 

ว่าคนที่จะพาพวกเขาไปยังเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว จะเป็นตัวตนที่มีความเป็นมายิ่งใหญ่แบบนี้

 

ทันใดนั้นความกังวลบนใบหน้าฉินอวี่ก็มลายหายไปทันที

 

ด้วยมีตัวตนร้ายกาจขนาดนี้อยู่ มันยังจะต้องกลัวอะไรอีก?

 

“ใต้เท้าเจิ้งชิวเพียงท่านหลงเหลือทางรอดให้พวกเราสักสาย…พวกเรายินดีจ่ายราคาชีวิตของพวกเราอย่างงาม”

 

เมื่อเห็นว่าเจิ้งชิวทะยานเข้ามาพร้อมลงมือแตกหัก ชายชราในชุดขาวก็เร่งตะโกนกล่าวออกมาอีกครั้ง หมายให้อีกฝ่ายประนีประนอมรับสมบัติแทนชีวิต!

 

“ฮึ่ม!”

 

ได้ยินคำตะโกนของชายชราชุดขาว เจิ้งชิวที่ทะยานร่างข้ามเวหา เพียงแค่นคำสบถออกมาด้วยสีหน้ารังเกียจ “ใต้เท้าผู้ว่ากล่าวไว้นานแล้ว ว่าผู้ใดก็ตามที่สามารถทลายกลุ่มโจรของพวกเจ้าผู้กล้าขาวดำได้ ผู้นั้นจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเจ้า!”

 

“ฆ่าเจ้าได้ สมบัติอะไรของเจ้าก็เป็นของข้าอยู่ดี!”

 

ในวาจาของเจิ้งชิวไม่เหลือทางถอยให้โจรขาวดำเลย

 

“พี่ใหญ่! ในเมื่อมันไม่เหลือทางรอดให้พวกเรา เช่นนั้นก็สู้ตายมารดามันเถอะ! ข้าเองก็อยากรู้นัก…ว่าอันดับสองใต้ต้าหลัวจินเซียนของมณฑลจิ่วโยมันจะแน่สักแค่ไหน!!”

 

เมื่อเห็นเจิ้งชิวไม่ยอมลดราวาศอก ชายในชุดคลุมดำก็ตะโกนออกเสียงเหี้ยมเยียบเย็น ฟังดูดุร้ายนัก!

 

“ดี!!”

 

ด้านชายชราชุดขาวเองก็รู้ดีว่าไม่เหลือทางอื่นแล้ว สองตาตี่ๆของมันหดหยีลงแทบปิด ไขมันทั่วร่างคล้ายจะเรืองแสง  ปะทุไอพลังเยียบเย็นออกมาทันใด!

 

ซู่มมม!!

 

พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของทั้งคู่ ปะทุระเบิดออกมาราวบุปผาเพลิงเบ่งบาน!

 

“พวกเจ้าทั้งหมดรีบฆ่าสารเลวน้อยสองคนนั่นเสีย! วันนี้ต่อให้พวกเราถูกกำหนดให้ตายด้วยน้ำมือเจิ้งชิว แต่พวกเราจะลากสารเลวน้อยสองคนนั่นลงนรกไปด้วย!!”

 

หลังปะทุพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเต็มพิกัดพร้อมสู้แลกชีวิต ชายชราชุดดำก็ไม่ลืมหันไปตะโกนสั่งการเหล่าโจรทั้ง 20 กว่าคนโดยรอบเสียงดัง!

 

เจิ้งชิวเองก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าในเวลาแบบนี้ชายชราชุดดำยังจะออกคำสั่งฆ่าดังกล่าว ทำให้หน้ามันเปลี่ยนสีไปทันที

 

ถึงมันจะมั่นใจว่าฆ่าสองโจรขาวดำได้แน่ๆ แต่อย่างไรก็ต้องใช้เวลาบ้าง…

 

หากลูกน้องของสองโจรขาวดำไม่สนชีวิตตัวเองหมายฆ่าต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่ให้ได้จริงๆ เช่นนั้นทั้งสองหนุ่มที่มันพามาด้วยวันนี้ได้ตายแน่!

 

เพราะเท่าที่มันทราบ

 

ในบรรดาลูกน้องของสองโจรขาวดำนั้น ระดับพลังบ่มเพาะอ่อนด้อยที่สุดก็เป็นถึงจินเซียนตะวันแดงเข้าไปแล้ว ที่ร้ายกาจที่สุดก็ยังเป็นถึงจินเซียนตะวันเหลือง!

 

ปงง!!

 

เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง เป็นเจิ้งชิวที่โจนทะยานเข้าใกล้สองโจรขาวดำพลันชะงักร่างลงกลางหาว ทำให้พลังมหาศาลทั่วร่างกระแทกความว่างเปล่าจนก่อให้เกิดเสียงดังสนั่น!

 

จากนั้นเจิ้งชิวก็หันไปมองโจรทั้ง 20 กว่าคนลูกน้องของโจรขาวดำที่กำลังจะลงมือด้วยสายตาแหลมคมดุร้าย

 

เหล่าโจรทั้ง 20 กว่าคนพอถูกเจิ้งชิวมองจ้องตาขวาง หน้าของพวกมันก็เปลี่ยนสีไปทันที แววตาบังเกิดความละล้าละลังไม่กล้า

 

“ฮ่าๆๆๆ! เจิ้งชิว ดูเหมือนเจ้าจะเป็นห่วงสารเลวน้อยสองคนนี่ไม่น้อย!”

 

เมื่อเห็นเจิ้งชิวหยุดค้างกลางหาวชายชราในชุดดำก็ระเบิเสียงหัวเราะ ค่อยหันไปพยักหน้าให้ชายชราชุดขาว ก่อนจะพากันระเบิดพลังชั่วชีววิตโจนทะยานเข้าใส่เจิ้งชิวเพื่อชิงลงมือก่อน ยังไม่ลืมจะตะโกนสั่งลูกน้องเสียงเหี้ยมว่า

 

“พวกเจ้าทั้งหมด ฆ่าสารเลวน้อยทั้งสองให้ข้า อย่าได้ห่วงเจิ้งชิว!!”

 

คำสั่งของชายชราชุดดำ ทำให้เจิ้งชิวกังวลใจไม่น้อย แววตายิ่งมายิ่งเย็นลงทุกที

 

“เป้าหมายของข้าวันนี้คือ ผู้กล้าขาวดำ…ตราบใดที่พวกเจ้านิ่งเฉยไม่ลงมือ ข้าจะละเว้นชีวิตของพวกเจ้า!”

 

เพื่อความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่ เจิ้งชิวได้ยอมทำข้อตกลงกลับกลุ่มโจรทั้ง 20 กว่าคนที่ปิดล้อมต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่อยู่

 

และทันทีที่เจิ้งชิวเอ่ยวาจาประโยคนี้ออกมา สองตาของเหล่าโจรทั้งหลายก็ลุกวาวขึ้นมาทันที

 

“อย่าได้เชื่อวาจาเหลวไหลของมัน!”

 

ราวกับสัมผัสได้ถึงความลังเลใจของลูกน้อง ชายชราชุดดำพลันแผดเสียงตะโกนออกมาอย่างเหมาะเจาะ “พวกเจ้าทั้งหมดเร่งฆ่าสารเลวน้อยทั้ง 2 ให้เร็วที่สุดแล้วรีบหนีไปเสีย ข้ากับพี่ใหญ่จะรั้งเจิ้งชิวเอาไว้ซื้อเวลาให้พวกเจ้าหนีเอง!!”

 

สิ้นคำตะโกนของชายชราชุดดำ สีหน้าเจิ้งชิวก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง

 

“ฆ่า!!”

 

“ฆ่ามัน!!”

 

ได้ยินเสียงตะโกนอย่างดุดันของชายชราชุดดำ เหล่าโจรยี่สิบกว่าคนที่ล้อมต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่อยู่ก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆอีกต่อไป พวกมันปะทุพลังสุดตัวแยกย้ายกันโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่ทันที!

 

ให้เทียบกับคำสัญญาของเจิ้งชิวแล้ว พวกมันเชื่อถือวาจาของชายชราในชุดคลุมดำมากกว่า!

 

“พวกตัวบัดซบรนหาที่ตาย!!”

 

ด้วยตระหนักดีว่าตอนนี้ต่อให้เลือกจะประนีประนอมกับผู้กล้าขาวดำก็คงสายไป เจิ้งชิวได้แต่ตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย สองตาฉายแววเยียบเย็นถึงขีดสุด จากนั้นพลังทั่วร่างพลันระเบิดปะทุออกมาอีกครั้ง คนคล้ายกลับกลายเป็นมหาพายุพัดถล่มเข้าใส่ผู้กล้าขาวดำทันที!

 

“เจิ้งชิวนี่เป็นทางที่เจ้าเลือกเอง! ที่พวกมันต้องตาย เป็นเพราะเจ้าฆ่าพวกมันเอง!!”

 

ชายชราในชุดดำก็ตะโกนออกมาดังลั่น ร่างมันยังคงโจนทะยานเข้าใส่เจิ้งชิวอย่างเกรี้ยวกราด!

 

ด้านชายชราในชุดขาเมื่อตระหนักด่าไร้ทางถอย มันก็เลือกจะร่วมมือกับชายชราชุดดำชิงลงมือใส่เจิ้งชิวก่อน!

 

ส่วนอีกด้าน…

 

“หืม? นี่พวกมันเป็นจินเซียนกันหมดเลยเหรอ?”

 

เผชิญหน้ากับการเข่นฆ่าสังหารเข้ามาของโจรร้ายกว่ายี่สิบคน ต้วนหลิงเทียนเพียงประหลาดใจเล็กน้อยกับพลังฝึกปรือของพวกมันเท่านั้น ไม่ได้เผยทีท่าหวาดกลัวเหมือนฉินอวี่

 

“หาที่ตาย!”

 

พร้อมกันกับแววตาที่เปลี่ยนเป็นเยียบเย็น พลังเซียนอมตะในร่างต้วนหลิงเทียนฉีดพุ่งปานน้ำพุแล่นไปทั่วชีพจรสวรรค์ 99 สาย ก่อนจะกลับกลายเป็นรังสีกระบี่นับพันผุดโผล่ออกตามช่องพลังทั่วร่าง จนบังเกิดเป็นสำเนียงหวิวเสียดหู!

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

 

 

มองมาแต่ไกล ประกายแสงอันเกิดจากรังสีกระบี่นับพันที่ห้อมล้อมทั่วกายต้วนหลิงเทียน ประหนึ่งตะวันแผดแสงแรงกล้า ยังพร่างพราวนัก!

 

“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”

 

“ค่ายกลกระบี่!”

 

“13 กระบี่บงกชฟ้า!!”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบเรียกกระบี่เซียนอมตะระดับต่ำมาถือไว้ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ สำแดงทักษะที่มีออกไปในฉับพลัน!

 

สำหรับเขา นับว่าให้เกียรติกลุ่มโจรเบื้องหน้ามากแล้ว ที่ลงมือขนาดนี้

 

แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้ยังไม่พอให้เขาใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน!

 

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

 

 

รังสีกระบี่นับพันก่อตัวร้อยเรียงเป็นค่ายกล มองไกลๆดั่งมีกระบี่แสงเล่มใหญ่เล่มหนึ่ง หอบหิ้วพลังสังหารอันน่าพรั่นพรึง แหวกฟ้าผ่าอากาศไปฉับไวสุดที่โจนคนไหนจะตั้งตัว ทั้งหมดเห็นเพียงประกายแสงวาบหนึ่งลัดฟ้ามาถึงหน้า ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นมืดดำ…

 

ร่างโจรนับสิบที่โจนทะยานเข้ามา กลับกลายเป็นละอองโลหิตส่งกลิ่นคาวคลุ้งในชั่วพริบตา!

 

และในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าโจรขอบเขตจินเซียนไป 13 คนนั้น…

 

ปงงงง!!

 

เสียงระเบิดหนึ่งดังขึ้น เป็นฉินอวี่ที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน ได้รับบาดเจ็บจากกระบวนท่าโจมตีของจินเซียนที่เหลืออยู่ 11 คน…

 

และจินเซียนทั้ง 11 คนที่ว่าก็ยังซัดกระบวนท่าจู่โจมเข้าใส่ฉินอวี่มาอีกระรอก แสงพลังโถมมาประหนึ่งห่าพิรุณก็ว่า!

 

‘ข้าฉินอวี่วันนี้ต้องมาตายที่นี่งั้นหรือ!’

 

วินาทีนี้แววตาฉินอวี่ฉายแววสิ้นหวัง ทั้งเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

 

มันยังมีอีกหลายสิ่งอย่างที่ต้องกระทำ…

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

 

 

ทว่าในขณะที่ฉินอวี่กำลังสิ้นหวัง เสียงกระบี่ห่าหนึ่งพลันแว่วดังเข้าหูมาแตไกล

 

จากนั้นมันก็เห็นเพียงประกายแสงวาบผ่านหน้าไป

 

ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!

 

 

และประกายแสงกระบี่ผ่านพ้นไปที่ใด ห่าพลังที่โถมถันเข้ามาทั้งหลายก็เป็นดั่งควันธูปต้องลมพายุ ถูกทำลายสลายหายไปหมดสิ้น!!