ตอนที่ 2,630 : ติดค้าง
ในสายตาของฉินอวี่นั้น ประกายแสงกระบี่ที่วาบสว่างผ่านหน้าไปในฉับพลัน ประหนึ่งแสงรุ่งอรุณแห่งความหวังที่สาดส่องท่ามกลางความมืดมิด ฉุดดึงมันให้พ้นจากขุมนรกอันมืดมนก็ไม่ปาน…
“ต้วนหลิงเทียน!”
วินาทีเดียวกันกับที่มันตระหนักได้ว่านี่สมควรเป็นการลงมือของต้วนหลิงเทียน มันก็ถึงกับต้องตกตะลึงกับฉากเรื่องราวตรงหน้า
ประกายแสงที่พุ่งวาบตัดฟ้าผ่านหน้ามันไปด้วยความเร็วสูงล้ำ ไม่เพียงทำลายห่าพลังทั้งหมดของโจรขอบเขตจินเซียนทั้ง 11 คน ยังพุ่งผ่านร่างพวกมันจนกลายเป็นละอองเลือดคนแล้วคนเล่า…
ประหนึ่งน้ำป่าไหลหลาก กัดเซาะเศษดินริมตลิ่งจนหายไปง่ายดาย…
“อย่า!!”
“ไม่—!!”
…
ต่างจากเหล่าจินเซียนทั้ง 13 คนที่ถูกต้วนหลิงเทียนปะทุพลังสังหารในฉับพลัน เหล่าจินเซียนทั้ง 11 คนรอบนี้ทันได้เห็นประกายแสงกระบี่ต้วนหลิงเทียนพุ่งไปทำลายห่าพลังของพวกมันก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่พวกมัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับค่ายกลกระบี่อันทรงพลังของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ได้แต่ร่ำร้องขอชีวิตออกมาเสียงหลง!
อนิจจาเสียงกรีดร้องไม่ทันดังจบคำดี กลางฟ้าก็คงเหลือแต่เพียงละอองโลหิตแดงฉาน
ขวับ!
ต้วนหลิงเทียนพลิกฝ่ามือเบาๆ เปล่งพลังไร้สภาพขุมหนึ่งแผ่กำจายออกไปดั่งทอดแห รวบรวมแหวนพื้นที่ที่กำลังร่วงตกฟ้าฝ่าละอองเลือดของผู้คน 20 กว่าคนที่พึ่งฆ่าไปมาเก็บไว้…
ทั้งหมดคือสินสงครามของเขา
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”
“สารเลวน้อยชุดม่วงนั่นไฉนมันร้ายกาจนักเล่า!?”
ผู้กล้าขาวดำที่กำลังตกเป็นรองจากการปะทะกันระลอกแรกกับเจิ้งชิว พอพบว่าลูกน้องของพวกมันตัวแตกเป็นหมอกเลือด เพราะการระเบิดพลังสังหารในชั่วพริบตาของชายหนุ่มชุดม่วงไกลตาหมดแล้ว ต่างก็อดอึ้งไปไม่ได้!
อย่างไรก็ตามหลังพวกมันอึ้งไปเพราะความตกใจวูบหนึ่ง พวกมันก็ดึงสติกับมาได้แทบจะทันที เพราะตอนนี้พวกมันกำลังเผชิญหน้ากับเจิ้งชิวอยู่! ไหนเลยจะกล้าฟุ้งซ่าน!!
“ต้วนหลิงเทียน ขอบคุณเจ้าแล้ว”
ฉินอวี่มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าแววตาตื่นตระหนกไม่หาย อย่างไรก็ตามมันยังกล่าวออกด้วยท่าทางจริงจังง “ข้า ฉินอวี่ ถือว่าติดหนี้ชีวิตเจ้า!”
“ข้าแค่ลำบากเล็กน้อย เจ้าอย่าได้คิดมากเลย…”
ได้ยินคำของฉินอวี่ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆกล่าวว่า “ต่อให้คนที่มาด้วยกันับข้าวันนี้ไม่ใช่เจ้า ข้าก็ช่วยอยู่ดี”
“ข้ารู้”
ฉินอวี่พยักหน้า หากแต่แววตายังคงความมุ่งมั่นไม่เปลี่ยน “แต่เรื่องนี้หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องที่ข้า ฉินอวี่ เป็นหนี้ชีวิตเจ้าไม่! บุญคุณช่วยชีวิตของเจ้าข้าไม่มีวันลืมเลือนเด็ดขาด!!”
เจอท่าทีดื้อรั้นของฉินอวี่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ไม่พูดอะไรให้มากความอีก
อย่างไรก็ตามแม้จะเผยทีท่าช่วยไม่ได้ แต่ในใจนับว่าชมชอบความดื้อรั้นของฉินอวี่อยู่บ้าง
อย่างน้อยเขาก็เห็นได้ชัดเจน
ฉินอวี่คนนี้เป็นคนที่รู้บุญคุณคน
“อาวุโสเจิ้งชิว…อีกไม่นานคงชนะได้แล้วล่ะ”
ครู่ต่อมา สายตาต้วนหลิงเทียนก็เบนไปตกยังการปะทะกันระหว่างเจิ้งชิวกับสองโจรขาวดำไกลตา เขาเองก็พอจะมองออกได้…
ภายใต้การลงมือดุดันปานพายุบุแคมของเจิ้งชิว สองโจรขาวดำได้แต่ถอยร่นไปเรื่อยตกเป็นรองมากขึ้นทุกขณะ แลท่าจะทนรับไว้ได้อีกไม่นานแล้ว
และราวๆหนึ่งเค่อต่อมา
ปง! ปง!!
เจิ้งชิวหมุนตัวออกกระบวนท่าดุร้ายดั่งมังกรสะบัดหางคราหนึ่ง ปรากฏคลื่นพลังถล่มม่านพลังป้องกันของสองโจรขาวดำจนแตกระเบิดอย่างพร้อมเพรียง ซัดร่างทั้งคู่ปลิดปลิวกระเด็นไปราวว่าวสายป่านขาด!
“อั๊ค!”
“อ๊อค!”
ผู้กล้าขาวดำที่ลือเลื่องบัดนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียแล้ว พวกมันที่ขืนร่างให้หยุดลอยค้างกลางหาวบัดนี้สภาพแลดูไม่ได้นัก มองไปคล้ายจะร่วงตกจากฟากฟ้าได้ทุกเมื่อ…
“พี่ใหญ่ พวกเราใช้พลังวิญญาณจู่โจมฆ่าสารเลวน้อยชุดม่วงนั่นกันเถอะ!”
พอเห็นเจิ้งชิวที่กำลังโจนทะยานเข้ามาหมายสังหารพวกมันเพื่อจบเรื่องราว ชายชราชุดดำที่สูดดมได้กลิ่นความตายแจ่มชัด ก็หันไปส่งเสียงผ่านพลังให้ชายชราชุดขาวด้านข้างด้วยน้ำเสียงแน่วแน่อำมหิต
“ดี!”
ชายชราชุดขาวเองก็รู้ตัวดีว่ามันต้องตายแน่แล้ว ย่อมไม่อยากตายเปล่าจึงตั้งใจลงมืออย่างที่ชายชุดดำว่า หันขวับไปจับจ้องมองร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ทันที…!
“หืม?”
ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ๆก็เห็นว่าชายชราชุดขาวกับชุดดำต่างพากันมองจ้องมาที่เขา ก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไปเพราะความแปลกใจ
และพอเห็นมุมปากของสองโจรขาวดำยกยิ้มแสยะเผยอำมหิต เขาก็คล้ายจะตระหนักใดได้ ในใจบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่งผุดขึ้นทันที
“แย่แล้ว!!”
หลังจากที่มีชัยในการปะทะเมื่อครู่ เจิ้งชิวที่เตรียมลงมือสัหารสองโจรขาวดำให้สิ้นซาก พอเห็นทั้งคู่อยู่ๆก็ละสายตาจากมัน แต่หันไปมองต้วนหลิงเทียนแทน สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปทันที เพราะตระหนักได้ว่าทั้งคู่คิดจะทำอะไร
ซัว! ซัว!
ในพริบตาที่หน้าของเจิ้งชิวเปลี่ยนไปเป็นตึงเครียด ลูกตาของสองโจรขาวดำก็หดหยีลง จากนั้นหว่างคิ้วของพวกมันแต่ละคนพลันมีแสงสลัวสีเทาเข้มพุ่งยิงไปทางต้วนหลิงเทียน! เป็นการลงมือตรงๆดื้อๆไม่มีลูกเล่นอะไรแม้แต่น้อย!!
นี่คือการโจมตีด้วยพลังวิญญาณของพวกมัน!
ฟุ่บ!
แม้ต้วนหลิงเทียนจะไหวตัวทัน และพุ่งร่างวูบหายไปจากจุดเดิม ทว่าลำแสงสีเทาทั้งสองสายคล้ายมีดวงตางอกเงย!พวกมันเปลี่ยนทิศทางจี้เข้าหาเขาไม่หยุด ราวกับหากทะลวงเข้าร่างเขาไม่ได้พวกมันจะไม่เลิกรา…!!
ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วของลำแสงสีเทาเข้มสองสาย ยังเหนือกว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของต้วนหลิงเทียน
แม้ต้วนหลิงเทียนจะลองพุ่งวาบสลับไปมาไม่หยุด แต่ลำแสงนั่นก็หักเหเปลี่ยนทิศติดตามในทันที เข้าใกล้เขามากขึ้นทุกขณะ…
และในขณะที่ลำแสงสีเทาเข้มทั้ง 2 สายนั่นกำลังจะชำแรกเข้าร่างต้วนหลิงเทียนนั้นเอง
ซัว!
เสียงบางสิ่งพุ่งมาด้วยความเร็วสูงดังขึ้น มีลำแสงสีเทาอีกสายที่กำลังพุ่งทะยานเข้ามาทางเขาด้วยความเร็วสูง!
เป็นเจิ้งชิวที่เร่งใช้พลังวิญญาณจู่โจมออกไป หมายทำลายการโจมตีด้วยพลังวิญญาณของสองโจรขาวดำ
อนิจจามันเองก็ไม่เชี่ยวชาญเรื่องการใช้พลังวิญญาณจู่โจมเหมือนโจรขาวดำ
เช่นนั้นการโจมตีด้วยพลังวิญญาณของมัน ก็เพียงพุ่งไปทำลายลำแสงพลังวิญญาณของชายชุดดำได้แค่คนเดียว…
ซัว!
ส่วนลำแสงสีเทาเข้มอีกสายที่เป็นการโจมตีด้วยพลังวิญญาณของชายชราชุดขาว สุดท้ายก็พุ่งเข้าไปในร่างต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ!
“ต้วนหลิงเทียน!”
สีหน้าของเจิ้งชิเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวงนัก
ด้านผู้กล้าขาวดำทั้งสองก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมาอย่างชั่วร้าย
ด้านฉินอวี่ที่ไม่ทันรู้เรื่องราวอะไร แต่พอเห็นรอยยิ้มชั่วช้าของสองโจรขาวดำ มันก็คล้ายจะตระหนักอะไรได้ หน้าของมันก็เปลี่ยนสีไปทันที “ต้วนหลิงเทียน…”
ในขณะที่ทุกคนเห็นว่าต้วนหลิงเทียนถูกพลังวิญญาณของจินเซียนตะวันม่วงเล่นงานเข้าแล้ว จนต้องตกตายแน่ๆนั้น…
“นับว่าการโจมตีด้วยพลังวิญญาณของจินเซียนตะวันม่วงช่างว่องไวจริงๆ…แต่น่าเสียดายด้วยระดับพลังวิญญาณของพวกเจ้า ยังไม่ทรงพลังมากพอจะฝ่าการป้องกันของยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณที่ข้ามี…”
ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่ร่วงตกจากฟ้า ยังหันไปเหลือบมองสองโจรฉายา ผู้กล้าขาวดำ อันลือชื่อแห่งมณฑลจิ่วโยว ค่อยกล่าวออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ด้วยชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ในร่าง เขาไม่กลัวการโจมตีด้วยพลังวิญญาณของสองโจรขาดำอยู่แล้ว
เหตุผลเดียวที่เขาลองเคลื่อนร่างหลบหลีกไปมา เขาแค่อยากรู้ว่าจะสามารถหลบหลีกการโจมตีทางวิญญาณของสองโจรขาวดำได้หรือไม่…
สุดท้ายเขาก็พบว่า…
เว้นเสียแต่เขาจะใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ออกด้วยค่ายกลกระบี่ แล้วท่องค่ายกลกระบี่เหาะหนี หาไม่แล้วคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะหลีกหนีการจู่โจมด้วยพลังวิญญาณของพวกมันได้พ้น
“ยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนพูดหน้าของโจรขาวดำก็เปลี่ยนไปเป็นคับแค้นใจ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวถึงขั้นกระอักโลหิตออกมาอีกรอบ สีหน้าซีดเซียวนัก…
พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลย
ว่าชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้จะมียอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณ!
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่สามารถป้องกันพลังวิญญาณของจินเซียนตะวันม่วงได้ บ่งบอกว่ายอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณของอีกฝ่ายอย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นยอดสมบัติสวรรค์ระดับกลาง!
ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ!
…
ทันใดนั้นเอง คมมีดสายลมที่ถล่มฟันลงมาถี่ยิบ ก็ป่นร่างผู้กล้าขาวดำให้เป็นชิ้นเนื้อ! โจรร้ายอันลือชื่อแห่งมณฑลจิ่วโยวในที่สุดก็ตกตายลง คงเหลือแต่แหวนพื้นที่สองวงที่ถูกพลังไร้สภาพของเจิ้งชิวดูดรั้งไปเข้ามือ…
“ฮู่ว~~”
เห็นต้วนหลิงเทียนไม่เป็นอะไร ฉินอวี่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“อาวุโสเจิ้งชิว”
ขณะเดียวกันนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนก็ใช้พลังไร้สภาพหอบหิ้วแหวนพื้นที่ 20 วงที่เขาได้รับมาก่อนหน้ายื่นส่งให้เจิ้งชิว เพราะไม่ทราบว่านี่ถือเป็นของกลางที่ต้องส่งให้จวนผู้ว่าหรือเปล่า
“นี่เป็นเจ้าได้มาเพราะฝีมือตัวเอง เจ้าเก็บไว้เถอะ”
เจิ้งชิวยิ้มกล่าวเสียงค่อย พลางยกมือโบกปัดเบาๆ แหวนพื้นที่ 20 กว่าวงก็ลอยกลับไปหยุดเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน
ตอนนี้สายตาที่เจิ้งชิวใช้มองต้วนหลิงเทียนนับว่าเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์
ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้มันจะรู้ว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนไม่อ่อนด้อย แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจขนาดนี้…!
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา เข่นฆ่าโจรขอบเขตจินเซียนที่เป็นลูกน้องของผู้กล้าขาวดำไปกว่า 2 โหล!
ต้องทราบด้วยว่าลูกน้องของผู้กล้าขาวดำนั้น อย่างน้อยๆก็ต้องมีพลังฝึกปรือขอบเขตจินเซียนตะวันแดง ที่แข็งแกร่งที่สุดยังเป็นจินเซียนตะวันเหลือง!
พลังสามารถที่เข่นฆ่าตัวตนขอบเขตจินเซียนมากกว่ายี่สิบคนในการลงมือครั้งเดียว แม้จะเป็นเพราะคู่ต่อสู้ไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนขอบเขตจินเซียนทั่วไปจะทำได้…
อย่างน้อยๆก็มีแต่ตัวตนขอบเขตจินเซียนตะวันน้ำเงินเท่านั้นที่มีพลังสามารถกระทำสิ่งเหล่านี้ได้!
‘เหอๆ จินเซียนตะวันน้ำเงินที่ยังอายุไม่ถึงร้อยปีหรือ…คราวนี้ในบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้ง 18 คนของ 9 เมืองในทณฑลจิ่วโยว ไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้อเป็นผ็ที่เข้มแข็งที่สุดแน่นอน!’
‘กระทั่ง…จินเซียนที่อายุไม่ถึงร้อยปีทั้ง 12 คนที่ถูกคัดเลือกของจวนผู้ว่าเรา ก็ไม่มีผู้ใดเทียบเจ้าหนุ่มคนนี้ได้!’
เจิ้งชิวลอบกล่าวในใจ
“ขอบคุณอาวุโสเจิ้งชิว”
พอเห็นเจิ้งชิวผลักแหวนพื้นที่ 20 กว่าวงกลับมา ต้วนหลิงเทียนก็รับมาเก็บไว้อย่างไม่เกรงใจ และกล่าวขอบคุณออกไป
“ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะร้ายกาจถึงขนาดนี้…เมื่อครู่ข้าหลงคิดว่าพวกเจ้าทั้ง 2 คงต้องตกตายด้วยน้ำมือโจรอุบาทว์ลูกน้องของผู้กล้าขาวดำนั่นเสียแล้ว ถึงตอนนั้นข้าคงไม่มีคำใดไปอธิบายให้ท่านผู้ว่าฟังแน่…”
เจิ้งชิอดไม่ได้ที่จะมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยหน้าตาเสียขวัญ
“ไม่ว่าจะอย่างไร…คราวนี้ข้านับว่าติดค้างเจ้าแล้วต้วนหลิงเทียน”
เจิ้งชิวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“อาวุโสเจิ้งชิวคิดมากไปแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ตอบว่า “ที่ข้าทำไปทั้งหมดก็แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น…ข้าจะไปนับว่ามีบุญคุณอะไรกับอาวุโสเจิ้งชิวได้อย่างไร…”
“ข้าบอกว่าข้าติดค้างเจ้าก็คือติดค้างเจ้า…เจ้าอย่าได้ปฏิเสธแล้ว”
เจิ้งชิวไม่ยอมรับการปฏิเสธของต้วนหลิงเทียน มันโบกมือส่งๆ ก่อนที่จะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสงสัยว่า “ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ…ผู้อื่นมีแต่อยากให้ข้าติดค้างเป็นหนี้บุญคุณ…แต่เด็กน้อยเจ้ากลับไม่ชอบให้ข้าติดค้างถึงขั้นบอกปัด แปลกประหลาดคนยิ่ง…”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ไร้คำจะพูด
มาขนาดนี้แล้วเขายังจะพูดอะไรได้อีก?
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเรื่องที่เจิ้งชิวอยากจะติดค้างเขาก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะเขามีแต่ได้กับได้ไม่มีเสียอะไร
“ด้วยพลังสามารถระดับเจ้าพอไปถึงจวนผู้ว่าเราเมื่อใด ข้ารับรองได้เลยว่าเจ้าต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดแน่นอน…อีกทั้งเมื่อไปถึงจวนผู้ว่าแล้วข้าจะไปเข้าพบท่านผู้ว่าเป็นการส่วนตัวและจัดให้เจ้าได้รับสถานที่บ่มเพาะที่มีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีที่สุดแน่นอน”
เจิ้งชิวเอ่ยบอกต้วนหลิงเทียน
“เช่นนั้นข้าต้องขอขอบคุณอาวุโสเจิ้งชิวล่วงหน้าแล้ว”
ได้ยินวาจาดังกล่าวของเจิ้งชิว สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงจข้า กล่าวขอบคุณออกไปจากใจ
เพราะนี่คือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้
…