ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1334 แสง
สุดท้ายเคมีก็สามารถตามหมอนุชนาถที่เป็นอดีตอาจารย์ของเส้นหมี่มาได้
เธอเกษียณแล้ว
แต่เมื่อหนึ่งปีก่อนกลับมาใช้ชีวิตวัยเกษียณที่เมืองA ในตอนนี้การที่เชิญคุณหมอที่เกษียณแล้วท่านนี้มา มันเหมาะสมที่สุด
แต่ความจริงไม่มีใครรู้ว่าหมอนุชนาถก็รู้จักคณาธิป เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของญาณี ตอนที่ญาณีรับเลี้ยงคณาธิปทำไมเธอจะไม่รู้จัก?
ตอนที่คณาธิปป่วยเด็กๆ เธอมักจะมารักษาให้
หมอนุชนาถที่ผมขาวหงอกถูกพาตัวมาที่ชั้นบนสุดของหิรัญชากรุ๊ปอย่างลับๆ พอเห็นชายหนุ่มคนนี้ที่ตอนนี้นอนหลับตาอยู่บนโซฟา ใบหน้าซีดไม่มีเลือด ร่างกายขดตัวราวกับเด็ก
เธอถอนหายใจ
“เด็กคนนี้ชะตาชีวิตลำบากจริงๆ”
ประโยคนี้ทำเอาคนในที่นั่นต่างก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ
มีเพียงเชียนหยวนล๋ายเย่ที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆฟังแล้วเงยหน้าเล็กๆมองไปที่หมอชราที่เกษียณแล้ว
“คุณย่าหมอคะ ทำไมท่านถึงบอกว่าชะตาชีวิตลำบากล่ะคะ? เขา…มีความจริงอะไรที่ปกปิดอยู่ใช่ไหมคะ?”
สาวน้อยคนนี้ฉลาดมากทีเดียว
หมอนุชนาถพยักหน้า หลังจากเข้ามาดูคณาธิป ทันใดนั้นเธอก็กระซิบข้างหูของเขาว่า “เม็ดถัวเขียว?”
“…”
เม็ดถัวเขียว?
คิดไม่ถึงว่าเธอ…จะเรียกผู้ชายตัวใหญ่คนว่าเม็ดถัวเขียว?
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังคงเป็นประธานของหิรัญชากรุ๊ปที่สง่างาม!!
ทุกคนตะลึงอ้าปากค้าง
รวมถึงเชียนหยวนล๋ายเย่
แต่ความจริงก็คือเมื่อเรียกชื่อนี้เสร็จ ชายผู้ซึ่งนอนอยู่บนโซฟาที่เดิมทีไม่ว่าจะเป็นเชียนหยวนล๋ายเย่และผู้บริหารของบริษัทก็ไม่สนใจลืมตาขึ้นทันที
จากนั้นคนที่แทบจะไม่ขยับอะไรตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ก็หันมามองทีละนิดๆ
“คุณ–”
“ใช่ ฉันเอง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ยังจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่เจอคือตอนที่น้าฝันพาเธอมาตรวจ บอกว่ามาตรวจเพื่อขอรับใบรายงานผลการตรวจสุขภาพตอนกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย”
หมอนุชนาถมองเขาด้วยรอยยิ้มที่ยังคงอ่อนโยน อารมณ์ที่แสดงออกนี้ราวกับว่าเขาได้ย้อนกลับไปในอดีตในปีนั้น
เป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว?
ชายผู้นอนขดตัวบนโซฟาเริ่มนึกถึงอดีตช้าๆ และเมื่อในสมองของเขาปรากฏผู้หญิงที่มักมองเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ในที่สุดเขาก็ค่อยๆรู้สึกผ่อนคลายลง
ใช่ ในตอนนั้นน่าจะเป็นตอนที่เขาสบายใจและมีความสุขที่สุด
เพราะสิบปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่ได้รับความอบอุ่นที่สุดในชีวิตของเขา
“นึกออกแล้วใช่ไหม?”
“ครับ…”
ชายที่รู้สึกผ่อนคลายบนโซฟาส่งเสียง “ครับ” ด้วยแหบแห้ง
คนอื่นเห็นดังนั้นก็มีสีหน้าประหลาดใจ
โดยเฉพาะเชียนหยวนล๋ายเย่ เธอเรียกผู้ชายคนนี้อย่างตื่นเต้นทันที “อากิยามะ คุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?”
เสียงหวานน่ารักของหญิงสาวในตอนนี้ ทุกคนที่ได้ยินต่างฟังออกว่ามันเป็นความห่วงใยและรู้สึกยินดีกับผู้ชายคนนี้
แต่สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือเมื่อเธอพูดจบ ผู้ชายคนนี้ที่เพิ่งจะผ่อนคลายลงบ้างแล้วก็กลับมามีใบหน้าเย็นชาอีกครั้งทันที
เขาจ้องเธอตวาดใส่ว่า “ออกไป!”
เชียนหยวนล๋ายเย่ “…”
เธอตกใจกลัวจนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น ที่ดวงตาเป็นประกายทรงผลซิ่งมีน้ำไหลออกมาทันที
“อากิยามะ…”
“พอเถอะ คุณเชียนหยวนพวกเราออกไปก่อนเถอะ”
เคมีช่างสังเกตที่สุด เมื่อเห็นว่าสภาพผิดปกติก็รีบดึงหญิงสาวน่ารักขึ้นมาแล้วพาเธอออกไป
ในห้องทำงานถึงจะกลับมาเงียบอีกครั้ง
ต่อมาเกิดอะไรขึ้นข้างใน?
เพราะทุกคนล้วนออกไปกันหมดจึงไม่รู้ แต่คนที่เป็นห่วงในห้องทำงานของประธานกลับได้ยินความเงียบข้างในซึ่งกินเวลาตลอดทั้งบ่าย
จังหวะนี้สามารถปลอบประโลมพวกเขาได้เป็นอย่างดี
หลังจากเชียนหยวนล๋ายเย่ออกมา หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากเคมีก็เข้าใจ
ดังนั้นบ่ายวันนี้จึงรออยู่ข้างนอกอย่างเชื่อฟัง
ในตอนเย็นหลังจากแสงดาวที่อยู่ในเมืองหลวงทราบข่าวก็กลับมา หลังจากที่คุณหนูที่รีบร้อนคนนี้มาถึงห้องทำงานประธานแล้วพบว่าประตูปิดอยู่
ในตอนนั้นใบหน้าของเธอก็ขาวไปครึ่งหนึ่งเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น? ยังไม่ออกมาอีกเหรอ? เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นหรือเปล่า? ฉันพาจิตแพทย์จากเมืองหลวงมาแล้ว”
เดาว่าระหว่างเดินทางมาคงได้ยินสิ่งที่แสนรักพูดแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นว่าประตูห้องทำงานปิดอยู่ก็เอาแต่ถามขึ้นมารัวๆราวกับปืนกล
เชียนหยวนล๋ายเย่เห็นเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนอธิบาย
“ไม่ต้องห่วงนะคะพี่ หมออยู่ข้างในแล้ว และยังรู้จักอากิยามะด้วย เขาจะไม่เป็นไรค่ะ”
“…โอเค”
หญิงสาวถึงจะสงบลง
อีกสองชั่วโมงต่อมา พอทุกคนในบริษัทเลิกงาน ทั้งตึกที่ปกคลุมไปด้วยความมืด ในที่สุดประตูห้องทำงานก็เปิดออก
“คณาธิปเป็นยังไงบ้าง”
“อากิยามะ?”
“ประธานคณาธิป…”
คนที่รออยู่ข้างนอกมาเป็นเวลานานลุกขึ้นทันที
กลับเห็นคนที่ออกมาจากด้านในนั้นสวมเสื้อสูทรองเท้าหนังอย่างเรียบร้อย ใบหน้าที่หล่อเหลาที่สวมแว่นตากรอบทองก็กลับสู่สภาพปกติแล้ว
“ไม่เป็นไร ทุกคนกลับไปก่อนเถอะ ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง”
เขาพูดเรียบๆ น้ำเสียงก็สงบลงมาก
พอทุกคนได้ยินถึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ส่วนเชียนหยวนล๋ายเย่ก็ยิ้มออกมาจากตรงนั้นอย่างสดใส