บทที่ 1335 หึงอีกแล้ว

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1335 หึงอีกแล้ว

สิบนาทีต่อมาพอทุกคนรวมถึงเชียนหยวนล๋ายเย่กลับไปแล้ว ที่ประตูตึกหิรัญชากรุ๊ปเหลือเพียงแสงดาวและคณาธิปเท่านั้นที่ยืนอยู่

“นาย…อยากพักสักหน่อยไหม? ไปญี่ปุ่นไหม?”

“ไม่ไป”

ชายที่กำลังจะขึ้นรถปฏิเสธอย่างเย็นชา

แสงดาว “…”

ทำได้เพียงมองดูเขาจากไปอย่างไม่สามารถทำอะไรได้เลย

สองนาทีต่อมา เมื่อเธอก็ขึ้นรถของตัวเองเสร็จ เธอก็โทรติดต่อกับน้องชายอีกคนที่อยู่ห่างไกลในญี่ปุ่น

[แสงดาว : ฉันมาแล้ว หลังจากที่หมอนุชนาถมาอาการของเขาก็ดีขึ้น ฉันแนะนำให้เขาพัก แต่เขาปฏิเสธ]

[แสนรัก : …]

จริงๆแล้วสถานการณ์แบบนี้เขาคาดเดาเอาไว้แล้ว

เพราะก่อนที่ผู้หญิงคนนี้จะส่งข้อความถึงแสนรัก เขาได้รับผลรายงานการวินิจฉัยที่สมบูรณ์จากหมอนุชนาถแล้ว

“ถ้างั้นก็เกิดจากอดีตที่เลวร้ายในวัยเด็กที่ทำร้ายเขาอย่างหนัก เขาถึงกลายเป็นแบบนี้ใช่ไหม?”

ในตอนเย็นเส้นหมี่ได้เอาผ้าก๊อซที่ปิดตาออกแล้ว ในเวลานี้เธอสามารถมองเห็นเงาคนมัวๆแล้ว ดังนั้นหลังจากที่เธอได้ยินเสียงก็มองไปที่เงาคนนี้

เขาทำอะไรอยู่?

ทำอะไรให้เธอกินเหรอ?

เธอเห็นว่าเขาดูเหมือนกำลังก้มหน้าอยู่ตรงนั้นราวกับกำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นจึงรออย่างเงียบๆ

แน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นาน เงาคนที่พร่ามัวก็เดินเข้ามาโดยไม่พูดอะไร เห็นเพียงแขนของเขาขยับอย่างกะทันหัน มีของที่เย็นๆและหวานปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเธอ

“นี่คืออะไร กีวี่แช่เย็นเหรอ?”

ดวงตาสวยที่หายแดงเป็นประกายทันที

แสนรักพยักหน้า

“เธออยากกินไม่ใช่เหรอ? ก่อนหน้านี้เธอกินไม่ได้เพราะต้องทำการรักษา เธอยังงอแงอยู่เลย” ชายหนุ่มหยิบช้อนแล้วป้อนเข้าปากอีกคำของหญิงสาวแล้วแซวอย่างไม่เกรงใจ

เส้นหมี่ยิ้มอย่างเขินอายในขณะที่ได้กินผลไม้ที่ทั้งสดและหวาน

จริงๆแล้วเธอไม่รู้ว่าสองวันก่อนเกิดอะไรขึ้น เธออยากกินของเย็นๆหวานๆอย่างบ้าคลั่ง นอกจากสิ่งนี้กินอะไรก็ไม่อร่อย เธอจึงงอแงกับชายหนุ่ม

ดังนั้นตอนนี้พอมาคิดดูแล้วก็น่าอายจริงๆ

หลังจากกินกีวี่แล้ว ทั้งสองก็กลับมาคุยเรื่องคณาธิป

“หมอนุชนาถบอกมาอย่างนี้ เธอบอกว่าตอนที่แม่ของเธอมารับเขาที่สถานีรถไฟ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล มีทั้งรอยถลอก โดนก้นบุหรี่จี้ มีดบาด…และยังมีที่ร้ายแรงที่สุดคือชิ้นเนื้อที่แขนถูกกัดหลุด”

“…”

ประโยคนี้ทำให้เส้นหมี่ที่นั่งลงบนเตียงผู้ป่วยกลืนผลกีวีที่ยังไม่ได้กลืนในปากไม่ลง

บุหรี่จี้? มีดกรีด?

ยัง…โดนคนกัด?

ตอนนั้นเธอจำได้ว่าตอนที่เขาอวัยวะหยุดทำงานชั่วคราวถูกแม่เธอส่งไปตระกูลวชิรนันท์ เขาอายุแค่เพียง 8 ขวบ?

เด็ก 8 ขวบ…

กระดูกนิ้วของเส้นหมี่งอขึ้นทีละข้อๆ จนในที่สุดก็เกิดเสียงกระดูกลั่น!

“ยัยสัตว์ร้ายเนติ!! ยัยนั่นยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า? นั่นคือลูกชายเธอ เธอทำเรื่องแบบนี้กับลูกตัวเองได้อย่างไร? ตอนนั้นเขาอายุแค่ 8 ขวบเองนะ”

เธอถามอย่างโกรธเคือง ขอบดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำ

มันไม่ใช่ความผิดของเธอ

แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ถึงคนๆนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ แต่ในฐานะแม่คนหนึ่งพอได้ฟังเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

ลองมานึกถึงลูกทั้งสามของพวกเขาตอนนี้ พวกเขาอายุเพียง 9 ขวบ แก่กว่าคณาธิปในตอนนั้นหนึ่งปี ตอนนี้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข!!

แสนรักก็เข้าใจความรู้สึกนี้

เพราะเมื่อกี้ตอนที่เขาได้เห็น เขาก็แทบจะทุบโทรศัพท์

แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นตายแล้ว และยังตายในมือของพวกเขา สิ่งนี้ก็นับว่าได้แก้แค้นแล้ว

ดังนั้นต่อจากนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือทำให้คนที่ถูกเธอทรมานในตอนนั้นได้ใช้ชีวิตของเขาอย่างราบรื่น

แสนรักดึงกระดาษทิชชูไปเช็ดน้ำตาที่ขอบตาของหญิงสาวจนสะอาด

“โอเค ไม่ร้องแล้ว อย่าลืมว่าตาของเธอเพิ่งจะรักษาเสร็จ ร้องไห้ไม่ได้”

“…แต่ว่า”

“ฉันรู้ เธอไม่ต้องห่วง ฉันจะส่งคนไปรักษาเขา ส่วนทางฝั่งหิรัญชากรุ๊ปเขายังไม่อยากไป ความจริงคือเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าตัวเองมีเงาอดีตที่ดำมืด ก็ให้เขาอยู่ต่อ แล้วให้แสงดาวเข้าไปก็โอเคแล้ว”

ชายหนุ่มบอกความคิดตัวเองเรียบๆ

แสงดาวหรอ?

พอเส้นหมี่ได้ยินชื่อนี้ก็นึกถึงหญิงสาวที่พูดจาเสียงดังจึงรู้สึกไม่วางใจนัก

ผลคือพอเธอแสดงสีหน้าลังเล ชายหนุ่มก็พูดเบาๆอยู่ด้านข้างว่า “ยังมีอีก เธอโทรหาเขาได้นะ ผมไม่ถือ”

เส้นหมี่ “…”

บรรยากาศอึดอัดขึ้นทันทีทำให้เส้นหมี่ที่กำลังเช็ดน้ำตาไม่รู้จะทำตัวยังไงดี

ชายคนนี้โกรธอีกแล้ว

เส้นหมี่ทำได้เพียงไม่ส่งเสียงแล้วกินของตัวเองเงียบๆ

ครึ่งชั่วโมงต่อมาดลธีก็เข้ามา

“ประธานครับ คนทั้งหลายที่ตอนนั้นเคยทรมานคุณชายรองที่คุณบอกให้ผมตามหา ตอนนี้ได้ข่าวแล้วครับ ให้พาตัวไปเมืองAไหมครับ?”

“นายไปถามโชกิ โดโมโตะเถอะว่าเขาจะจัดการยังไง?”

พอเขาได้ฟังก็ออกคำสั่งเรียบๆ

เส้นหมี่ที่อยู่ด้านข้างได้ฟังก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว