เยี่ยนจ้าวเกอ หวังผู่ และชิวเจียไห่ต่างมองกันและกัน
ชิวเจียไห่ถอนใจ “จวงทักษิณนี่…”
“เกรงว่าเขาคงคาดไม่ถึงผลลัพธ์เช่นนี้ น่าจะแค่ต้องการเบี่ยงเบนจักรพรรดิแพรไม่ให้ปลีกตัวมาร่วมพิธีเปิดสำนักของเขากว่างเฉิงทัน” เยี่ยนจ้าวเกอก็ถอนใจเช่นกัน “ถึงอย่างไรก็เป็นจักรพรรดิที่เลื่อนสู่ระดับเซียนจริงแท้ น่าจะมีความเป็นได้ที่จะแก้ไขได้เองถึงจะถูก ข้าเองก็เคยได้ยินพวกท่านพูดถึงคำวิจารณ์ของอาจารย์ลุงเยว่ต่อจักรพรรดิแพร จึงทราบว่าในตอนที่จักรพรรดิแพรเปิดประตูเซียน ได้ทิ้งภัยแฝงเร้นเอาไว้ จนมีสภาพเช่นนี้”
ชิวเจียไห่ถาม “ไฉนจึงไม่เกิดปัญหาแต่ต้นหรือเวลาอื่น กลับเปิดปัญหาขึ้นตอนนี้ ถ้าหากว่าเมิ่งหว่านนั่นเติบโตขึ้นบนโลกซ้อนโลก อายุก็สมควรไม่แตกต่างกับฟู่บัวแดงเท่าไรกระมัง ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว”
มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอกระตุกเล็กน้อย “เกรงว่าในตอนนั้นจักรพรรดิแพรจะไม่ทราบเรื่อง ไม่นานมานี้เป็นเพราะจวงเซินได้เบาะแส ครั้งนี้น่าจะได้เห็นตัวเมิ่งหว่าน สุดท้ายวิกฤตกาณณ์จึงบังเกิดแล้ว”
ทุกสิ่งไม่จำเป็นต้องอธิบาย ขอแค่จักรพรรดิแพรงามได้เจอเมิ่งหว่านก็มากพอแล้ว
ชิวเจียไห่เบิกตากว้าง “ไฉนจึงไม่รู้แม้แต่น้อย”
อย่าว่าแต่จักรพรรดิแพร ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ที่สำเร็จในด้านวรยุทธ์คนไหน อยากจะทิ้งเมล็ดพันธุ์ไว้หรือไม่ล้วนเป็นเรื่องที่ตนควบคุมได้ นอกเสียจากว่าจะถูกคนดูดพลัง
กระนั้นอย่าว่าแต่ดูดพลังของจักรพรรดิแพรงาม บนโลกซ้อนโลกในปัจจุบันก็เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้
หลังจากได้ดูดพลังของจักรพรรดิแพรงามแล้ว ยังทำให้จักรพรรดิแพรงามไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย เช่นนั้นยิ่งไม่มีผู้ใดทำได้
พลังฝึกปรือในตอนนั้นของหลิวเซี่ยนถิงด้อยกว่าจักรพรรดิแพรงามเกินไป ไม่มีทางทำได้เด็ดขาด
“มีแต่ฟ้าที่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น” เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก
หวังผู่กล่าว “เรื่องนี้แม้นดูไม่เหมือนเกี่ยวข้องกับพวกเราโดยตรง แต่ความจริงไม่อาจมองข้าม”
บนโลกซ้อนโลก เรื่องของสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิไม่มีเรื่องเล็ก เพราะเพียงเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก็ส่งผลต่อโลกซ้อนโลกทั้งใบแล้ว
“ความเกี่ยวข้องโดยตรงใช่ว่าจะไม่มี” เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปาก “เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะหมายตาเมฆแปลงกำเนิดของบิดา หรือหมัดแปลงกำเนิดของข้า”
มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้จักรพรรดิแพรงามที่เสียสติคิดจะทำอะไร
“ปัญหาในตอนนี้ก็คือ จะทำให้จักรพรรดิแพรงามหายดีได้หรือไม่” หวังผู่มองเยี่ยนจ้าวเกอ “จักรพรรดิแพรถ้าหากว่าได้รับหมัดแปลงกำเนิดไปแต่แรก บางทีอาจไม่มีปัญหาเช่นตอนนี้ ข้าย่อมไม่ได้บอกว่าให้ศิษย์น้องเยี่ยนเจ้าให้เปล่า ตอนนี้ไม่ว่าเจ้าจะเสนอเงื่อนไขอะไร เชื่อว่ายอดเขาอัศจรรย์ไม่มีทางต่อรอง”
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเอง “หากง่ายเช่นนั้นก็ดี หลายปีมานี้ข้าได้ศึกษาวรยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์อย่างละเอียด พอจะมีความรู้อยู่บ้าง”
เขายิ้มอย่างหนักใจเล็กน้อย “พื้นฐานของจักรพรรดิแพรมั่นคงแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนได้อีก ตอนนี้หากให้เขาเรียนหมัดแปลงกำเนิดย่อมได้ประโยชน์ สามารถเพิ่มพลังได้อย่างใหญ่หลวง เสียดายที่จะเกิดผลบนพื้นฐานในตอนนี้”
พูดอีกอย่างก็คือ เมื่อไม่อาจแก้ไขปัญหาในตอนนี้ได้ ก็เป็นการทำให้คนเสียสติแข็งแกร่ง
หวังผู่ได้ยินดังนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ชิวเจียไห่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ถามว่า “จักรพรรดิแพรตอนนี้มีสภาพอย่างไรกันแน่ แค่ไม่รู้สึกตัว ละเมอ หรือว่าปรากฏความนึกคิดที่ขัดแย้งและแบ่งแยกกัน”
“หากให้ข้าเดา น่าจะเป็นอย่างหลัง” เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้า “จักรพรรดิแพรถูกธาตุไฟเข้าแทรก สภาพในตอนสุดท้ายคือมีหลายบุคลิก หนึ่งคือมากรัก อีกหนึ่งคือไร้รัก!”
จิตของจักรพรรดิแพร หากสืบย้อนกลับไปในช่วงชีวิตที่ผ่านมาหลายปี จะเป็นขั้นตอนที่แบ่งแยกกัน
ก่อนที่จะให้กำเนิดเมิ่งหว่านกับฟู่ถิง เขาได้เดินไปทั่วดงบุปผา กลับไม่มีใบไม้ติดมาสักใบ
จักรพรรดิแพรงามในขั้นนี้สามารถใช้วลี ‘แม่น้ำรั่วสามพันลี้ เพียงหนึ่งจอกก็ดับกระหาย’ มาบรรยายได้
แน่นอนว่าหากนับสตรีที่เขาเคยผ่าน พันกว่าปีมานี้มีไม่ต่ำกว่าสามพันคน
เขาในตอนนี้อยู่ระหว่างมากรักและไร้รัก
ความรู้สึกของเขาดำดิ่งในทุกขั้นตอน แต่กลับเหมือนมีตัวตนนับไม่ถ้วนมาตอบสนองต่อความรู้สึกในขั้นตอนจำนวนนับไม่ถ้วนนี้
และในร้อยปีมานี้ จักรพรรดิแพรงามก็ได้เข้าสู่ขั้นตอนใหม่
แม่น้ำรั่วสามพันลี้ เพียงหนึ่งจอกก็ดับกระหาย
เขาที่อยู่ในขั้นตอนนี้เรียกได้ว่าทุ่มรักหรือสุดรัก
ในกระบวนการสับเปลี่ยนความรู้สึก พลังของจักรพรรดิแพรอาจมีความหวังที่จะรุดหน้าขั้นอีกก้าว แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด จักรพรรดิแพรจึงทำพลาดในขั้นตอนนี้
การเปลี่ยน ‘มาก’ เป็น ‘หนึ่ง’ ในตอนแรก สุดท้ายกับกลายเป็นการเปลี่ยน ‘มาก’ เป็น ‘สอง’ ดังนั้นจึงเหลือภัยแฝงเร้นเอาไว้
ในตอนนี้ภัยแฝงเร้นสำแดงฤทธิ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ‘เสียสติ’ แล้ว
แน่นอนว่าต่อให้ ‘เสียสติ’ นั่นก็ยังเป็นจักรพรรดิคนหนึ่ง และอันตรายกว่าเดิม เพียงแค่เคลื่อนไหว ก็ฆ่าคนได้นับไม่ถ้วน
“สุดรักลดน้อยลง แต่ไม่อาจกลับไปอยู่ในสภาพมากรักหรือไร้รักเช่นในตอนแรกได้” เยี่ยนจ้าวเกอคาดเดา “เกิดการแบ่งแยกบุคลิก มากรักกับไร้รักอยู่แยกจากกัน ถูกแบ่งออกจากกัน”
ชิวเจียไห่นิ่งเงียบไปเล็กน้อย จากนั้นก็ถามว่า “เช่นนั้นก็หมายความว่าสติปัญญากับความทรงจำของจักรพรรดิแพรยังคงชัดเจน เขาจะต้องมีการแยกแยะสภาพในปัจจุบันของตัวเอง และหาวิธีแก้ไข เช่นนั้นแล้วเขาจะมีโอกาสหรือไม่…”
ชิวเจียไห่พูดพลางใช้ฝ่ามือทำท่าฟันลง
เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรองอย่างจริงจังพักหนึ่ง เขาส่ายหน้า “สมควรไม่ สำหรับเขาแล้ว ประเด็นสำคัญของเรื่องไม่ใช่ตอนนี้เขามีบุตรีสองคน มันไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ การฆ่าคนใดคนหนึ่งในนี้ไม่อาจทำให้เขากลับมาได้”
ชายหนุ่มเว้นไปครู่หนึ่ง ลดเสียงกล่าว “แต่ถ้าฆ่าทั้งสองคน บางที…”
หวังผู่กล่าว “ถ้าหากศิษย์น้องเยี่ยนเจ้ากล่าวไม่ผิด บุคลิกของจักรพรรดิแพรแบ่งจากหนึ่งเป็นสองจริงๆ เช่นนั้นตัวตนที่ไร้รักก็เกรงว่าจะมีความคิดเช่นนี้”
ชิวเจียไห่กล่าวต่อ “ส่วนตัวตนมากรักจะต้องหยุดยั้งแน่”
คนทั้งสามข้ามองกันไปมา
เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างแช่มช้า “ทุกอย่างเป็นแค่การคาดเดา ยังต้องดูกันอีกทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับจักรพรรดิแพรกันแน่”
ชิวเจียไห่มองไปยังทิศใต้ “พอเขากลับมาก็ไปยังเขตเพลิงทักษิณทันที คิดแก้แค้นเนินต้นจักรพรรดิกับจวงทักษิณงั้นหรือ แต่เช่นนั้นเขาก็ได้แต่พบความว่างเปล่าแล้ว…”
จวงเซินตายไปแล้ว เนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์เมื่อเผชิญความกดดันจากเขากว่างเฉิงและเยี่ยนตี๋ ก็ได้ย้ายออกจากเขาลีลาหงส์ หลีกหนีซ้อนตัวภายใต้การนำของเหมาหยวนเซิงเจ้าสำนักคนใหม่
“ไม่ ไม่ใช่” ชิวเจียไห่พูดได้ครึ่งเดียว ก็ปฏิเสธการคาดเดาของตัวเอง “ไร้รัก ไม่ใช่แค่ไม่มีความรักและไม่มีความเห็นใจ แม้แต่อารมณ์เช่นความแค้นและความโกรธก็ไม่มีเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ไม่ผิด สำหรับจักรพรรดิแพรที่ไร้รัก มาตรฐานในการตัดสินใจไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นเหตุผลและไร้เหตุผล มีผลประโยชน์หรือไม่มี ไร้รักไม่ใช่ไร้ความต้องการ เขาเองก็มีสิ่งที่อยากได้ แต่ว่าในการไปให้ถึงเป้าหมาย เรื่องราวที่จะทำให้เขาบรรลุจุดประสงค์เขาย่อมทำ เรื่องราวที่ไม่มีประโยชน์เขาจะไม่ทำ อย่างเช่นหากเขาคิดจะกลับสู่สภาพก่อนหน้าหรือรุดหน้าขึ้นอีกขั้น การแก้แค้นจวงเซินและเนินต้นจักรพรรดิไม่มีส่วนช่วย เช่นนั้นเขาไม่น่าจะทำ”
“ทว่า…” เยี่ยนจ้าวเกอเคาะขมับของตัวเองเบาๆ “ตัวตนมากรัก เป็นไปได้ว่ามาตรฐานในการตัดสินใจจะอยู่ตรงข้าม”
เพียงแต่จักรพรรดิแพรงามในตอนนี้อยู่ในสภาพใด
………………..