ภาค 11 คุนหลุนกลาง กว่างเฉิงบูรพา บทที่ 1066 มิตรหรือศัตรูยากตัดสิน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ชิวเจียไห่มองหวังผู่ “ต้องแจ้งกษัตริย์เร้นลับหรือไม่”

หวังผู่ส่ายหน้า “จักรพรรดิแพรกลับโลกซ้อนโลก กษัตริย์เร้นลับสมควรทราบแล้ว แต่ว่าไม่แสดงท่าทีกับจักรพรรดิแพร ทั้งยังเป็นแค่การคาดเดาของพวกเรา ไม่มีหลักฐานอ้างอิง”

“จักรพรรดินีที่เป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งอยู่บนโลกซ้อนโลกในตอนนี้ไม่มีทางสนใจเรื่องนี้แน่” ชิวเจียไห่ว่า “ยังมี…จักรพรรดิเอกภพ”

เขา เยี่ยนจ้าวเกอ และหวังผู่สบตากัน ก่อนจะส่ายศีรษะพร้อมกัน

คนผู้นั้นไม่ตีชิงตามไฟก็ดีมากแล้ว

หวังผู่กล่าว “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกในตอนนี้คือการยืนยันว่าจักรพรรดิแพรมีความคิดอย่างไร และพิสูจน์ว่าการคาดเดาของศิษย์น้องเยี่ยนถูกต้องหรือไม่”

เขามองชิวเจียไห่ “ศิษย์น้องชิว รบกวนเจ้าไปฝั่งทิศใต้สักเที่ยวหนึ่ง”

ชิวเจียไห่พยักหน้า “ขอรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอยามนี้พลันเอ่ยว่า “ให้ข้าไปดีกว่า”

หวังผู่กับชิวเจียไห่มองเขา ชิวเจียไห่ลังเลเล็กน้อย แล้วถามขึ้นว่า “ศิษย์น้องเยี่ยน หรือเจ้าจะคิดกับฟู่บัวแดง…”

“ฟู่บัวแดงมีพรสวรรค์โดดเด่น ข้าชื่นชมยิ่ง แต่สำหรับตอนนี้ ข้าไม่ได้มีความคิดเด็ดดอกฟ้า” เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ พลางนวดขมับของตัวเองเบาๆ

ในตอนที่คาดเดาว่าเบื้องหลังของบิดาผู้ให้กำเนิดของเมิ่งหว่านไม่ธรรมดา เขาก็เคยมีความคิดหนึ่ง

จักรพรรดิแพรจะปฏิบัติกับบุตรีที่โผล่มาอย่างกะทันหันอย่างไร ยากจะบอกได้

เป็นเพราะว่าเหินห่างกันเกินไป จึงไม่ได้มีความรักใคร่และไม่ได้เห็นความสำคัญ

เป็นเพราะทำให้จักรพรรดิแพรตกมาอยู่ในสภาพเช่นตอนนี้ จึงกลับกลายเป็นไม่ชอบใจ

หรือว่า ต้องการชดเชยให้เพราะความรู้สึกผิด อยากได้สิ่งใดก็จะมอบให้ตามปรารถนา

ความเป็นไปได้สองประการแรกยังพอว่า หากเป็นอย่างสุดท้าย เยี่ยนจ้าวเกอก็จำเป็นต้องระวังไว้

เมิ่งหว่านที่มาจากสำนักสุริบันศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้แสดงความเป็นปรปักษ์ต่อเขากว่างเฉิงอย่างชัดเจน การกระทบกระทั่งกันส่วนใหญ่ล้วนมาจากการต่อสู้กันระหว่างสองสำนักใหญ่บนโลกซ้อนโลก ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว อีกทั้งนางกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็เป็นพี่น้องที่รักใคร่กันมาตลอด

ทว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกเขากว่างเฉิงทำลาย

เมิ่งหว่านไม่มีความสามารถยังพอว่า หลังจากนางมีความสามารถแล้วจะทำอย่างไร และจักรพรรดิแพรมีท่าทีอย่างไรต่อเรื่องนี้

เขากว่างเฉิงในตอนนี้มีเขานครหยกแห่งยอดเขาเป่ยเกาหนุนหลัง แต่ปัญหาอยู่ที่จักรพรรดิแพรงามในตอนนี้มีความผิดปกติ ไม่อาจใช้เหตุผลหยั่งท่าทีได้

โดยเฉพาะในปัจจุบันกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยไม่ได้อยู่บนโลกซ้อนโลก

เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจไม่สนใจปัญหานี้

เปลี่ยนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนอื่นลงไปยังโลกแปดพิภพ เยี่ยนจ้าวเกอคงไม่สนใจ

ถ้าเขาลงไปด้วย แต่ละฝ่ายจะถูกสะกดให้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามเหมือนกัน ผู้ใดกล้าหาเรื่อง เขาจะเล่นงานจนอีกฝ่ายให้มาเยือนได้ แต่กลับไปไม่ได้

กระนั้น หากเซียนจริงแท้ลงไปยังโลกเบื้องล่าง จะไม่ถูกเขตแดนฟ้าดินสะกดพลังฝึกปรือ!

พูดอย่างไม่เกินจริงเลยก็คือ หากจักรพรรดิแพรลงไปยังแปดพิภพ แค่กระแอมดังๆ ครั้งเดียว โลกทั้งใบก็สูญสิ้นได้ทันทีแล้ว

ถ้าเขาไปยังโลกแปดพิภพผ่านเขากว่างเฉิงที่อยู่บนทะเลหวงเจีย เยี่ยนจ้าวเกอก็ทำอะไรไม่ได้

ยังไม่เอ่ยถึงว่าจักรพรรดิแพรงามมีอาวุธเซียนอยู่ในมือ ต่อให้มีแค่มือเปล่าหมัดเปลือย วิธีที่ได้ผลในการรับมือจักรพรรดิเอกภพกลับไม่อาจใช้กับเขาได้

แน่นอนว่านี่เป็นการคิดในแง่ร้ายที่สุด

เมิ่งหว่านใช่ว่าจะประสงค์ร้ายกับเขากว่างเฉิง จักรพรรดิแพรก็เป็นเช่นเดียวกัน

ครั้งนี้เมิ่งหว่านจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ก็ยังน่าสงสัย

ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้จึงต้องการจะเห็นว่า จักรพรรดิแพรมีความคิดอย่างไรกันแน่

อย่าว่าแต่บิดาของตนในตอนนี้กำลังนำเหล่าสหายในสำนักขยับขยายอาณาเขตอยู่ในเขตเพลิงทักษิณ ซึ่งจะเจอกับจักรพรรดิแพรที่มุ่งหน้ไปยังฝั่งทิศใต้พอดิบพอดี

ยังดีที่พวกสือจวินได้พักอยู่บนเขานครหยกแล้ว เรื่องทางหุบเขาผีเสื้อมังกรและจวนวายุอัสนีก็จัดการเรียบร้อย ต่อจากนี้ยังมีหวังผู่กับชิวเจียไห่ช่วยเตรียมตัวให้ก่อน

เยี่ยนจ้าวเกอออกจากเขาคุนหลุนได้อย่างสบายใจ

ชายหนุ่มบอกลาพวกหวังผู่ ออกจากเขาแล้วเดินทางลงทิศใต้ มุ่งหน้าไปยังเขตเพลิงทักษิณ

ขณะที่เดินทางอยู่ ก็มีข่าวส่งมาไม่ขาดสาย

สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอพอใจที่สุดในการพึ่งพาเขานครหยกก็คือ เขาสามารถใช้ช่องทางข่าวสารของเขานครหยกแห่งยอดเขาเป่ยเกาได้อย่างเต็มที่ จะควบคุมทุกด้านย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าหวังผู่ก็ยังช่วยเหลือในด้านนี้เป็นอย่างดี

ดังนั้นหลังจากพิธีเปิดสำนัก เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกว่าการอยู่บนโลกซ้อนโลกเปลี่ยนเป็นหูตากระจ่างชัด ยามมองดูเรื่องราวต่างๆ ไม่ได้มีหมอกหนาบดบังอีกต่อไป

ข่าวล่าสุดก็คือ จักรพรรดิแพรไปถึงที่อยู่เดิมของเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์

ที่นั่นไม่มีคนอยู่อีกแล้ว

จักรพรรดิแพรพักอยู่สั้นๆ จากนั้นก็จากไป ตามหาคนของเนินต้นจักรพรรดิที่อพยพไปทั่ว!

‘ต้องการแก้แค้นการกระทำของจวงเซินเมื่อ่ก่อนหน้า หรือว่าเป็นเรื่องอื่น’ เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญ

ครั้นเขาออกจาเขตมหานภากลาง เข้าสู่เขตเพลิงทักษิณ ก็มีข่าวใหม่ล่าสุดส่งมา

จักรพรรดิแพรประกาศว่า จะไม่สร้างความลำบากให้แก่เหมาหยวนเซิง ที่มายังฝั่งทิศใต้เพราะคิดตามหาคนคนหนึ่ง ขอแค่พวกเหมาหยวนเซิงแจ้งที่อยู่ก็พอ

ชื่อของคนคนแรกที่ปรากฏขึ้นมาในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็คือหลิวเซี่ยงถิง มารดาของเมิ่งหว่าน!

‘ไม่รู้เลยว่าจะมีผลลัพธ์อย่างไร’ เยี่ยนจ้าวเกอตัดผ่านบึงพันทะเลสาบ

ที่นี่คือพรมแดนทางเหนือของเขตเพลิงทักษิณ เชื่อมติดกับเขตมหานภากลาง

ในอดีตเยี่ยนจ้าวเกอได้สยบฝั่งทิศใต้ พวกเผิงเฮ่อและชิงซู่จื่อคิดว่าเขาจะออกจากฝั่งทิศใต้โดยใช้เส้นทางขึ้นเหนือนี้

หลังจากทะลุผ่านบึงพันทะเลสาบและมุ่งหน้าไปทางใต้ จะเป็นเทือกเขายาวเหยียดที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยมาเยือน

ระหว่างชายหนุ่มเดินทางลงใต้ของ ก็มีข่าวที่ใหม่ส่งมา

ในที่สุดเหมาหยวนเซิง หงส์กู่ร้องแดนใต้ก็ปรากฏตัว หลังพบกับจักรพรรดิแพรงามช่วงสั้นๆ จักรพรรดิแพรก็ไม่ได้ทำอะไรเขา

พอเหมาหยวนเซิงจากไป จักรพรรดิแพรก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่เดิม แต่ไปยังที่ราบนทีทะลักซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเขตเพลิงทักษิณ

สุดท้ายเขาหยุดอยู่บนทะเลสาบใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ทางเหนือของที่ราบ

ทะเลสาบสะท้อนดารา เป็นสถานที่ขึ้นชื่อซึ่งอยู่บนที่ราบนทีทะลัก ถึงขั้นที่เรื่อรละบือไปทั่วเขตเพลิงทักษิณ มีชื่อเสียงบนโลกซ้อนโลกไม่น้อย

จักรพรรดิแพรมาถึงทะเลสาบสะท้อนดาราก็หยุดเคลื่อนไหว เขาใช้พลังผนึกฟ้าดินรอบๆ ทะเลสาบสะท้อนดารา

คนอื่นๆ พอบรรลุถึงที่นั่น ต่อให้คิดเข้าใกล้ก็ทำไม่ได้ ได้แต่มองดูอยู่ไกลๆ รอผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามา

ข่าวที่หวังผู่ส่งมาก็คือ เรื่องราวได้ดึงดูดความสนใจของผากิเลนแห่งยอดเขาหนานเกา จักรพรรดิดินหวังเจิ้งเฉิงได้ส่งลูกศิษย์มาตรวจสอบสถานการณ์ทางฝั่งทิศใต้

เยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าลงใต้ บรรลุถึงที่ราบนทีทะลัก เขามองไปไกลๆ เห็นครึ่งวงกลมสีดำตรงเส้นขอบฟ้าคว่ำอยู่บนแผ่นดินใหญ่ มีขนาดมหึมา

เมื่อเข้าไปใกล้ๆ จึงค่อยพบว่ามันไม่ได้มีสีดำสนิท แต่ว่าเป็นเป็นสีครึ่งขาวครึ่งดำ ผสมผสานกันดุจดั่งไท่จี๋

จุดที่ครึ่งวงกลมนี้อยู่ก็คือทะเลสาบสะท้อนดารา ในตอนนี้ทะเลสาบทั้งผืนถูกครึ่งวงกลมขาวดำนี้ครอบคลุมอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใกล้ครึ่งวงกลมขาวดำ พบว่าผู้คนรวมตัวอยู่ด้านนอก กำลังสังเกตการณ์อยู่เช่นกัน

เขาคุ้นเคยกับคนสองคนในนั้น

คนหนึ่งคือฟางจุ่น อาจารย์ลุงรองแห่งเขากว่างเฉิง อีกคนคือเหอซีสิง ลูกศิษย์ของจักรพรรดิแพรจากผาบัวแดงแห่งยอดเขาอัศจรรย์

ฟางจุ่นก่อนหน้านี้รุกเขตเพลิงทักษิณพร้อมกับเยี่ยนตี๋

หลังจากได้รับคำเตือนของเยี่ยนจ้าวเกอบนยอดเขาอัศจรรย์ไม่นาน เหอซีสิงก็ได้มาที่ฝั่งทิศใต้เพื่อตรวจสอบจักรพรรดิแพรที่ไร้ข่าวคราว

สุดท้ายเขาเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน จักรพรรดิแพรก็กลับโลกซ้อนโลก และมาถึงเขตเพลิงทักษิณ

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เหอซีสิงจนปัญญาก็คือ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นหน้าอาจารย์ของตัวเองเลย

………………..