เหอซีสิง ‘โอบกอดไท่จี๋’ ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย
เขาคือลูกศิษย์ที่จักรพรรดิแพรงามฟู่อวิ๋นฉือภาคภูมิใจ และเป็นผู้สืบทอดระดับสูงสุดแห่งผาบัวแดง เขาได้รับการขนานนามบนโลกซ้อนโลกเท่ากับพวกเนี่ยจิงเสินและชิงซู่จื่อ
ชื่อเสียงแม้จะไม่โด่งดังเท่าเนี่ยจิงเสิน แต่ก็เป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดในคนรุ่นหนุ่มสาวของโลกซ้อนโลกเช่นกัน
หนึ่งในคนที่อยู่ในระดับสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ห่างจากร่างแห่งมนุษย์เซียนเพียงก้าวเดียว นอกจากนี้ยังมีโอกาสกลายเป็นประมุขคนใหม่มากที่สุด
ในตอนที่ฟู่ถิงคุยกับเยี่ยนจ้าวเกอถึงสหายในสำนัก นางชื่นชมเหอซีสิงยิ่ง
ครั้งนั้นที่เยี่ยนจ้าวเกอไปถึงยอดเขาอัศจรรย์ ก็ได้พบหน้าเขาแล้วครั้งหนึ่ง
ต่อมาเหอซีสิงได้มาตรวจสอบที่อยู่ของจักรพรรดิแพรงามตามคำกล่าวของเยี่ยนจ้าวเกอ
ตอนนี้คนหาเจอแล้ว แต่เหอซีสิงกลับไม่ยินดีแม้แต่น้อย
“ท่านอาจารย์มาที่นี่ มีเจตนาใดกันแน่” หลังจากทักทายกับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว สายตาของเหอซีสิงก็อยู่ที่ครึ่งวงกลมขาวดำที่คว่ำติดอยู่บนแผ่นดินใหญ่ สีหน้าฉายแววงงงวย
เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาแวบหนึ่ง ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายไม่ได้บอกการคาดเดาของตนและพวกหวังผู่กับเขา
เขาใช้การส่งกระแสเสียง บอกข้อมูลให้ฟางจุ่นรู้เล็กน้อย อีกฝ่ายพอได้ยิน ดวงตาก็พลันเป็นประกาย
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกตื่นตระหนกยิ่ง แต่สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ยังคงเยือกเย็นเหมือนเดิม ผ่านไปพักหนึ่งเขาจึงค่อยขออภัยกับเหอซีสิง ก่อนจะจากไปคล้ายกับไม่มีเรื่องราวใด เพื่อไปติดต่อคนอื่นในเขากว่างเฉิงอย่างรวดเร็ว เป็นการเตรียมตัวไว้ก่อน
เยี่ยนจ้าวเกอยังคงรั้งอยู่ที่เดิม มองครึ่งวงกลมขาวดำนั้นพร้อมกับเหอซีสิง ในตอนนี้วิตกไปก็ไร้ประโยชน์ ได้แต่เฝ้ารออย่างอดทน
ผ่านไปไม่นานเท่าไร ทางทิศเหนือก็มีคนมาถึง
เยี่ยนจ้าวเกอกับเหอซีสิงหันไปมอง เห็นผู้มาสวมอาภรณ์สีเหลือง สีหน้าเคร่งขรึม
‘หลี่จวินซิ่น…’ เยี่ยนจ้าวเกอเห็นหน้าตาของอีกฝ่าย ในสมองปรากฏชื่อชื่อหนึ่ง
ลูกศิษย์ของประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิง ศิษย์หลานของกษัตริย์ดิน หลี่จวินซิ่น ‘จ้าววิญญาณดิน’ ผู้มีพลังอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย โด่งดังเหมือนกับพวกเหอซีสิงและชิงซู่จื่อ
ชื่อเสียงเหนือกว่าเหอซีสิงและชิงซู่จื่อครึ่งหนึ่ง เพียงด้อยกว่าเนี่ยจิงเสิน
จักรพรรดิเอกภพกำเนิดเคยกล่าวว่า นอกจากชิงซู่จื่อลูกศิษย์ของเขาแล้ว ยังมีคนอีกสามคนที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งของประมุขในเร็ววัน ได้แก่ เนี่ยจิงเสิน หลี่จวินซิ่น เหอซีสิง
ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงมีวัยวุฒิบนโลกซ้อนโลกสูงสุดขีด ทำให้วัยวุฒิของหลี่จวินซิ่นสูงจนไม่สมกับความจริง
แต่ว่าหลี่จวินซิ่นในตอนนี้ไม่ได้แสดงท่าทีทะนงตน เพียงแต่มองครึ่งวงกลมสีดำขาวขนาดยักษ์ที่ครอบคลุมทะเลสาบสะท้อนดาราด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
พอเขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ สายตาก็สั่นไหวเล็กน้อย แล้วถึงค่อยเข้ามาหา
“สหายร่วมเส้นทางเหอ ไม่เจอกันนาน” หลี่จวินซิ่นทักทาย “เพิ่งพบเป็นครั้งแรกสหายร่วมเส้นทางเยี่ยน ข้าผู่แซ่หลี่ขอคารวะ”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเหอซีสิงคารวะกลับ “ขอคารวะสหายร่วมเส้นทางหลี่ด้วย”
คนทั้งสามยืนอยู่ด้วยกัน รอบๆ ยังมีคนที่มาตรวจสอบสถานการณ์ ทว่าความทรงจำกลับย้ายจากจากครึ่งวงกลมสีดำขาวนั้นมาอยู่ที่ตัวพวกเขาทั้งสาม
คนหนึ่งคือลูกศิษย์ของจักรพรรดิแพร คนหนึ่งคือศิษย์หลานของกษัตริย์ดิน
ยังมีคนหนึ่งเป็นศิษย์หลานของกษัตริย์กระบี่ ต่อให้ไม่ดูเบื้องหลัง ตัวเขาก็เป็นบุคคลที่ก่อให้เกิดคลื่นลมขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงในคนรุ่นหนุ่มสาวของโลกซ้อนโลกมากที่สุดในหลายปีมานี้
คนทั้งสามยืนอยู่ด้วยกัน ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะมีระดับพลังฝึกปรือต่ำที่สุด แต่ก็ดึงดูดสายตาของคนมากที่สุด
ในพิธีเปิดสำนักของเขากว่างเฉิง เยี่ยนตี๋ได้สังหารประมุขทักษิณจวงเซิน สั่นสะเทือนใต้หล้า
ทว่าก่อนหน้านั้น เยี่ยนจ้าวเกอได้สู้กับจวงเซิน และเป็นฝ่ายได้เปรียบ
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนคนหนึ่งทำให้ประมุขในหมู่คนผู้หนึ่งไม่อาจรับมือ ย่อมเป็นเรื่องที่โดดเด่นยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่วีรกรรมที่เยี่ยนจ้าวเกอปะทะกับจักรพรรดิเอกภพกำเนิดเท่านั้น
อย่าว่าแต่หลี่จวินซิ่นกับเหอซีสิงที่ตอนนี้ยังไม่ได้เลื่อนสู้ระดับประมุข ต่อให้พวกเขาสำเร็จเป็นประมุข ก็ใช่ว่าจะทำอะไรเยี่ยนจ้าวเกอได้
กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอกลับรักษาความระวังไว้หลายส่วน เขารู้สึกได้รางๆ ว่าที่นี่คล้ายกับมีคนที่ส่งผลคุกคามต่อเขาได้อย่างแท้จริงอยู่ด้วย
เพียงแต่ความรู้สึกนี้พร่าเลือนยิ่ง เหมือนกับความรู้สึกหลอน
“จักรพรรดิแพรเป็นเช่นนี้นานเท่าไรแล้ว” หลี่จวินซิ่นถามเสียงเบา
เหอซีสิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “เกือบจะหนึ่งวันเต็มแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอกับหลี่จวินซิ่นต่างขมวดคิ้ว ไม่ได้กล่าววาจา
ทุกคนพากันเงียบงัน เพียงแต่จับจ้องครึ่งวงกลมสีขาวดำนั้น
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไร จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอพลันสั่นไหว จากนั้นครึ่งวงกลมสีขาวดำนั้นก็เริ่มพังทลาย เปลี่ยนเป็นแบนลง จนถึงตอนสุดท้ายก็กลายเป็นรูปไท่จี๋รูปหนึ่ง
รูปไท่จี๋หมุนวน หดเข้าไปตรงกลาง สีขาวสีดำสลาย ทะเลสาบสะท้อนดาราที่ถูกครอบคลุมก่อนหน้าในที่สุดก็ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน
ทุกคนต่างตาเป็นประกาย ทิวทัศน์ในทะเลสาบทำให้คนดื่มดำ
แสงดาวที่ละลานตาสะท้อนบนทะเลสาบ ทั้งงดงามและยิ่งใหญ่ ทั้งลี้ลับและลึกซึ้ง ทำให้คนเกิดความสำราญใจ
‘ที่นี่หรือว่าจะเป็นที่ที่จักรพรรดิแพรกับหลิวเซี่ยนถิงได้พบกันหรือได้อยู่ด้วยกันหรือ’ เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำในใจ ‘เป็นสถานที่ที่ดีในการพลอดรักกันนัก’
ถึงแม้ว่ารูปไท่จี๋สีขาวดำจะกำลังหดตัว แต่ว่าคนที่อยู่รอบๆ กลับไม่กล้าเข้าใกล้อยู่ชั่วขณะ ยังคงคอยมองอยู่ไกลๆ
มีเพียงแต่เหอซีสิง ลูกศิษย์ของจักรพรรดิแพรฟู่อวิ๋นฉือที่ก้าวไปด้านหน้า ค่อยๆ เดินเข้าไปตรงกลางรูปไท่จี๋ หรือก็คือกลางทะเลสาบสะท้อนดารานั่นเอง
เยี่ยนจ้าวเกอมองหลี่จวินซิ่นที่อยู่ด้านข้าง และเห็นหลี่จวินซิ่นกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน ก่อนที่คนทั้งสองจะละสายตาออกจากกัน แล้วเดินไปตรงกลางทะเลสาบด้วยกัน
ทะเลสาบสะท้อนดารามีทิวทัศน์ตระการตายิ่ง แฝงความวิจิตรและความสง่างามอยู่หลายส่วน แต่ความจริงแล้วทะเลสาบกินพื้นที่ใหญ่มาก ตรงกลางทะลสาบมีเกาะเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่มากมาย พวกมันมีขนาดเล็กยิ่ง แยกกันอยู่ดุจดั่งดวงดาราในจักรวาล
เยี่ยนจ้าวเกอ เหอซีสิง และหลี่จวินซิ่นปีนขึ้นเกาะเล็กแห่งหนึ่งตามความรู้สึก
บนเกาะเขียวชะอุ่ม ทิวทัศน์งดงาม แต่ว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่มีแก่ใจจะชมดู
พวกเขาใช้สายตามองทะลุป่าไม้รกชัฏ เพ่งมองรอบๆ น้ำพุใสที่อยู่กลางป่า
ณ ที่แห่งนั้นมีคนสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากัน
ด้านข้างพวกเขาเป็นหลุมฝังศพหลุมหนึ่ง ดูจากความต่างของดินโคลนและสภาพแวดล้อมรอบๆ แล้ว มันเป็นหลุมศพเก่าที่ถูกย้ายมาจากที่อื่น
ภายใต้การควบคุมของยอดฝีมือด้านวรยุทธ์ที่สามารถผลักภูเขาถมทะเลได้ การย้ายหลุมศพไม่จำเป็นต้องขุดเอาโลงศพและศพของผู้ตายขึ้นมา เพียงแค่ขุดพื้นดินรอบๆ โลงศพขึ้นมา จากนั้นก็จัดวางในสถานที่ใหม่ก็พอ
อย่างเช่นที่ฝังศพซึ่งเอาไว้ฝังบรรพบุรุษแต่ละรุ่นในที่อยู่เดิมของเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายออกไปแล้ว ก็ถูกพวกเหมาหยวนเซิงย้ายไปด้วยเช่นกัน
หน้าหลุมศพมีป้ายศพติดอยู่ พอเห็นตัวหนังสือบนป้าย เยี่ยนจ้าวเกอก็เงยหน้าเล็กน้อย ‘หลิวเซี่ยนถิงที่แท้เสียชีวิตไปแล้ว…’
จักรพรรดิแพรงามตามหาจอมยุทธ์เขาลีลาหงส์ สอบถามที่อยู่ของคน เพื่อตามหาหลิวเซี่ยนถิงจริงๆ
ดูจากตอนนี้ หลิวเซี่ยนถิงเสียชีวิตและถูกฝัง ตอนที่จอมยุทธ์เขาลีลาหงส์ย้ายที่อยู่เมื่อก่อนหน้า แม้แต่หลุมศพของเหล่าบรรพบุรุษคนอื่นๆ ก็นำไปด้วย ต่อมาเหมาหยวนเซิงมอบให้แก่จักรพรรดิแพรงาม
จักรพรรดิแพรงามย้ายหลุมศพของหลิวเซี่ยนถิงมาที่ทะเลสาบสะท้อนดารา
เยี่ยนจ้าวเกอมองคนทั้งสองที่หันหน้าเข้าหากันอยู่ด้านหน้าหลุมศพ
คนหนึ่งในนี้ก็คือบุรุษวัยกลางคนรูปงามที่มีอายุราวๆ สี่สิบกว่าปี เขาสวมอาภรณ์สีขาวหิมะ คลุมเสื้อคลุมสีแดง ผมยาวไม่ได้รวบมัด แต่ปล่อยให้สยายบนแผ่นหลัง
เป็นฟู่อวิ๋นฉือ จักรพรรดิแพรงาม หนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งโลกซ้อนโลก
………………..