ตรงข้ามกับจักรพรรดิแพรงามฟู่อวิ๋นฉือ นั่งไว้ด้วยสตรีผู้หนึ่ง
สำหรับคนอื่นๆ แล้ว นางดูแปลกหน้ายิ่ง แต่สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ เขากลับคุ้นเคยยิ่งนัก กระนั้นก็ไม่ได้เจอมาสิบกว่าปีแล้ว
นางยังคงงดงามสดใส องคาพยพแทบสมบูรณ์แบบ ดวงตาที่เหมือนกับกวางน้อยดูปราดเปรียวแต่ก็อ่อนโยน ทำให้คนอดเกิดความรักเอ็นดูไม่ได้
เทียบกับในตอนที่ยังเด็กแล้ว การตกตะกอนของเวลาไม่ได้ทำให้ความปราดเปรียวของนางหายไป แต่กลับดูโดดเด่นกว่าเดิม เหมือนกับว่าความงดงามทั้งหมดในโลกหล้ามารวมกันอยู่บนร่างของนาง
ถึงนางจะไม่ได้เปล่งประกาย ดึงดูดสายตาเช่นฟู่ถิง กระนั้นก็เป็นบุคลิกหนึ่งที่ไม่ด้อยไปกว่ากัน
เป็นเมิ่งหว่านนั่นเอง
สตรีแห่งจันทราจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์บนโลกแปดพิภพ นางได้เอาชนะทุกคน และครอบครองมงกุฎจันทราหลายครั้ง
ต่อมานางถูกคนของสำนักแสงสว่างพามายังโลกซ้อนโลก หลังจากที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องทำลายสำนักแสงสว่างแล้ว ก็พ่ายแพ้ให้แก่เฟิงอวิ๋นเซิง สุดท้ายมงกุฎจันทราตกไปอยู่ในมือของเฟิงอวิ๋นเซิงและเขากว่างเฉิง
ส่วนเมิ่งหว่านก็ถูกจวงเจาฮุย บุตรของประมุขทักษิณจวงเซินที่ผ่านทางมาลักพาไป
ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ทราบว่าไปอยู่ไหน
ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่บนฝั่งทิศใต้ เขาสังหารยอดฝีมือแห่งเขาลีลาหงส์ที่มีชื่อเสียงมากมายเช่นเผิงเฮ่อ จางซู่เหริน และหยวนเสียนเฉิงในค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งเมื่อครั้งสงครามบนเขารอบวง และได้จับจอมยุทธ์แห่งเขาลีลาหงส์จำนวนหนึ่งที่ติดตามมาด้วย เพื่อเค้นถามถึงที่อยู่ของเมิ่งหว่าน ทว่าก็ไม่ได้ผลลัพธ์อะไร คล้ายกับมีแต่จอมยุทธิ์เขาลีลาหงส์ซึ่งเป็นคนสำคัญเช่นจวงเซิน เหมาหยวนเซิง เผิงเฮ่อ และจวงเจาฮุยเท่านั้นที่ทราบ
มาวันนี้ได้เจอเมิ่งหว่านอีกครั้ง เยี่ยนจ้าวเกอลองสำรวจดูคร่าวๆ เห็นนางมีท่าทางไม่เลว หลายปีมานี้คงบอกไม่ได้ว่ามีความเป็นอยู่ที่ดี แต่จะต้องไม่ได้รับความอัปยศแน่นอน
ขณะมองนาง เยี่ยนจ้าวเกอก็ถอนใจ เพราะคิดถึงเฟิงอวิ๋นเซิงที่ไม่เจอมาหลายปี จึงอดส่ายหน้ายิ้มและอย่างขื่นขมไม่ได้
เมิ่งหว่านนั่งนิ่งอยู่ที่นั่น สงบเยือกเย็นยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าความสนใจของนางในตอนนี้อยู่บนตัวของจักรพรรดิแพรงามซึ่งอยู่ด้านหน้า ไม่อาจแบ่งแยกสมาธิไปที่อื่นได้
เพราะว่าบุรุษวัยกลางคนที่องอาจตรงหน้าผู้นี้ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะมองหลุมศพที่อยู่ด้านข้างอย่างดำดิ่ง แต่สายตาที่มองมายังร่างนางเป็นนิตย์ก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกกระวนกระวาย
นั่นเป็นสายตาที่ประหลาดมากชนิดหนึ่ง ถ้าหากเป็นจิตสังหาร ความเป็นปรปักษ์ เจตนาดี และเจตนาร้าย เมิ่งหว่านคงไม่รู้สึกวิตก แต่ว่าสายตาของจักรพรรดิแพรคล้ายกับเป็นประกายไม่หยุด
ประกายตานั้นกะพริบขึ้นบ่อยเกินไป จนทำให้คนเข้าใจผิดว่าไม่อาจเปลี่ยนแปลง ทว่าความจริงแล้วความรู้สึกสองอย่างเช่นความอบอุ่นและความเรียบเฉยกำลังเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาในม่านตาของจักรพรรดิแพร
แค่พริบตาเดียวก็สลับกันปรากฏนับไม่ถ้วน!
ไม่ใช่เป็นเช่นนี้แค่ตอนมองเมิ่งหว่านเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ประกายตาของจักรพรรดิแพรฟู่อวิ๋นฉือก็ยังกะพริบไม่หยุด ระหว่างนั้นสีหน้าของเขาไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ กลิ่นอายรอบๆ ตัวยังมั่นคง เหมือนกับอดีตที่ผ่านมา
หลี่จวินซิ่นไม่พบความผิดปกติ แต่เยี่ยนจ้าวเกอที่สงสัยแต่แรก และเหอซิงสีที่คุ้นเคยกับอาจารย์ของตัวเองดีกลับเห็นเบื้องหลังอย่างรางเลือน
“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์” ถึงแม้ในใจจะสงสัย แต่เหอซีสิงก็ยังคงเข้าไปทักทายจักรพรรดิแพร
หลี่จวินซิ่นติดตามไป คารวะจักรพรรดิแพรงามเช่นกัน “คารวะจักรพรรดิแพร”
เยี่ยนจ้าวเกอทำอย่างเดียวกันกับหลี่จวินซิ่น แต่ขณะที่สังเกตจักรพรรดิแพร เขาก็สำรวจรอบๆ ไปด้วย บัดนี้ความรู้สึกอันตรายที่อยู่ในใจเมื่อครู่ ตอนนี้เข้มข้นกว่าเดิม
ทันใดนั้น เขาก็หันไปมองที่ที่อยู่ไกลออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด
สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอข้ามผ่านมิติ ตกอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ริมทะเลสาบสะท้อนดารา
ขณะเดียวกัน เขารู้สึกได้ว่าที่นั่นมีสายตาคู่หนึ่งเพ่งอยู่บนร่างของตนเช่นกัน สายตาของทั้งสองฝ่ายจึงมองดูกันอยู่
มิติจากยอดเขาริมทะเลสาบไปจนถึงเกาะน้อยใจกลางทะเลสาบบิดเบี้ยวคราหนึ่ง ปรากฏสายฟ้าขึ้น ผิวของทะเลสาบสะท้อนดาราที่ตอนแรกสงบนิ่งพลันกระเพื่อม
“เอ๋?” ข้างหูของเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับมีเสียงประหลาดใจของคนคนหนึ่งดังขึ้น
ครั้งนี้เขาเองมองเห็นลักษณะของอีกฝ่าย
ระหว่างหุบเขาบนยอดเขาซึ่งมีป่าไม้ขึ้นหนาแน่น และมีความเป็นธรรมชาติแห่งหนึ่ง มีเก้าอี้ไม้โบราณที่สร้างขึ้นอย่างประณีต และมีกลิ่นอายของมนุษย์เข้มข้นตัวหนึ่งวางอยู่
คนหนุ่มอาภรณ์ม่วง ผิวซีดเล็กน้อยคนหนึ่งพิงอยู่บนเก้าอี้ไม้ เขาปั้นใบหน้าเกียจคร้าน ลักษณะเหมือนไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สนใจ
กระนั้นในตอนนี้ คนหนุ่มผู้นี้ไม่ได้เบื่อหน่ายเหมือนเดิม เหลือบหางตามองมายังเยี่ยนจ้าวเกอ
พอเห็นรูปร่างหน้าตาของเขา เยี่ยนจ้าวเกอก็จำได้ว่าคนผู้นี้ก็คือประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัว จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่ง ผู้นำของประมุขทั้งสิบบนโลกซ้อนโลกในปัจจุบัน!
เฉินเฉียนหัวกำลังพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นลง
เขามาถึงเร็วกว่าพวกเหอซีสิงและฟางจุ่น มาถึงเป็นคนแรก
เฉินเฉียนหัวที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง เพียงอยากชมดูเรื่องสนุก ไม่คิดจะเสวนากับคนอื่นๆ
เขาไม่ได้เผยร่องรอยของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้จงใจปิดบัง
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น นอกจากจักรพรรดิแพรงามแล้ว ก็ไม่มีใครค้นพบการดำรงอยู่ของเขาอีก
เฉินเฉียนหัวรอดูเรื่องสนุกที่เขาคาดไว้ด้วยความเบื่อหน่ายเหลือแสน จนกระทั่งครึ่งวงกลมสีดำขาวหายไป ทะเลสาบสะท้อนดาราได้เห็นเดือนเห็นตะวัน จักรพรรดิแพรงามปรากฏตัวขึ้น เขาก็เพ่งสมาธิบนเกาะตรงกลางทะเลสาบมากกว่าเดิม พลันพบว่านอกจากจักรพรรดิแพรงามแล้ว ยังมีคนที่สัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของเขา และหาตำแหน่งของเขาเจอด้วย สายตาของเขาจึงมองไปทันที
หลังจากพิจารณาแล้วรู้ว่าเป็นเยี่ยนจ้าวเกอ มุมปากของเฉินเฉียนหัวก็อดปรากฏรอยยิ้มอยู่หลายส่วนไม่ได้
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
ตอนนี้ที่ข้างหูมีเสียงทุ้มต่ำและกระจ่างใสดังขึ้น “เจ้ารู้สึกได้ถึงการดำรงอยู่ของเฉินเฉียนหัว ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้”
เยี่ยนจ้าวเกอละสายตา หันไปมองทันที ตอนนี้เห็นจักรพรรดิแพรงามฟู่อวิ๋นฉือกำลังมองเขาอยู่
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่สั่นไหวของจักรพรรดิแพรงาม เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกสั่นสะท้าน แน่ใจกว่าเดิมว่าแม้จักรพรรดิเซียนจริงแท้ตรงหน้าผู้นี้จะดูปกติ แต่ว่าอยู่ในสภาพที่ไม่มั่นคงเหมือนที่เขาได้คิดเอาไว้
‘ในตอนนี้จิตใจเขาของเขาเกรงว่าจะมีคนสู้กันอยู่ตลอดเวลา’
เยี่ยนจ้าวเกอพูดในใจ ‘ไร้รักกับมากรักแบ่งแยกกันแล้วจริงๆ เพียงแต่ตอนนี้ยังอยู่ในสมดุลอันแยบยล ไม่มีฝ่ายไหนได้เปรียบ’
สภาพในตอนนี้ของจักรพรรดิแพรเป็นสถานการณ์ที่เยี่ยนจ้าวเกอไม่อยากจะเห็นที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นมากรักหรือไร้รักต่างก็มีแบบแผนคร่าวๆ ให้ค้นหา สามารถทำให้แน่ใจว่าควรจะใช้วิธีและท่าทีแบบไหนสนทนากับอีกฝ่าย
ทว่าตอนนี้กลับมีการเปลี่ยนแปลงมากมายและยากจะคาดเดา
เฉินเฉียนหัวที่อยู่บนยอดเขาริมทะเลสาบไม่ได้คิดเข้าใกล้ แต่ว่าหัวเราะขึ้นอย่างยินดี
“การมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่า” เขาหัวเราะจนตัวโก่ง “ใช่ เป็นเช่นนี้เอง เป็นเช่นนี้จึงน่าสนใจ!”
จักรพรรดิแพรทราบถึงการดำรงอยู่ของเฉินเฉียนหัว แต่ตอนนี้เขามีสีหน้าสงบนิ่ง เพียงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเฉื่อยชา “ตอนแรกอยากจะพบเจ้านัก แต่กลับไม่มีเวลาว่าง ตอนนี้นับว่าได้พบกันจริงๆ แล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “จักรพรรดิแพรชมกันเกินไป”
“เด็กน้อย…” จักรพรรดิแพรยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะมองเมิ่งหว่าน “ไม่ใช่เด็กน้อยผู้นี้ เป็นหงเหลียนเอ๋อร์ บุตรีคนโตของข้า”
หงเหลียนเอ๋อร์ (บัวแดงน้อย) เป็นชื่อเล่นของฟู่ถิง ที่แล้วมามีแต่บิดามารดาเรียก ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ในสำนักของนางไม่ได้เรียก
จักรพรรดิแพรกล่าว “หงเหลียนเอ๋อร์พบเจอเรื่องลำบาก ยังดีที่มีเจ้าคอยช่วยเหลือ”
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือ “เสียดายที่เกิดเรื่องน่าเสียใจขึ้น ข้าผู้แซ่เยี่ยนเสียดายยิ่ง”
………………..