ตอนที่ 2,638 : ทูตพิเศษจากพระราชวังฉิน
“เจ้าลุกขึ้นก่อน ค่อยพูดเถอะ…”
เถียนจี้หวี่ ผู้ว่าการประจำมฑลจิ่วโยว เหลือบมองไปยังโจวเฟยที่คุกเข่าเบื้องหน้าเล็กน้อย ค่อยกล่าว
ในฐานะที่เป็นถึงผู้ว่าการประจำมณฑล ข่าวลือเรื่องที่เกิดขึ้นในหลุมมังกรซ่อนก็ได้ถูกรายงานมาถึงหูมันเรียบร้อยแล้ว และคิดแต่แรกว่าต้องมีคนมาเข้าพบมันแน่นอน…
เพียงแค่มันคิดว่าคนที่มาสมควรเป็นโจวทง ผู้พิทักษ์อันดับ 1 ของจวนผู้ว่า! แต่ไม่คิดเลยว่าโจวเฟยจะมาด้วยตัวเอง!!
ในสายตาของมัน
หลังจากที่ถูกยอดฝีมือรุ่นเยาว์จากเมืองเฉวี่ยโยวนามต้วนหลิงเทียนผู้นั้นตัดแขนตัดขาแล้ว โจวเฟยไม่พ้นต้องไปร่ำร้องฟ้องบิดาบุญธรรมอย่างโจวทง เพื่อหาความเรื่องการลงของต้วนหลิงเทียนที่หลุมมังกรซ่อนแน่นอน
และมันยังคิดอีกว่า โจวทงไม่พ้นต้องบังเกิดความคิดรักถนอมอัจฉริยะขึ้นมาแน่ และต้องบังเกิดความคิดไปรับตัวต้วนหลิงเทียนเข้ามาอยู่ใต้ปีก แลกกับการไม่เอาเรื่องที่ทำร้ายโจวเฟยแทน…!
เพราะในสายตาของอีกฝ่าย คุณค่าของต้วนหลิงเทียนย่อมสูงกว่าลูกบุญธรรมอย่างโจวเฟย!
เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็คือรุ่นเยาว์ที่มีอายุไม่ถึงร้อยปีเหมือนลูกบุญธรรม! และเป็นยอดฝีมือที่สยบลูกบุญธรรมลงได้อย่างราบคาบ!
รุ่นเยาว์เช่นนี้หากไดรับการสนับสนุน ความสำเร็จในภายภาคหน้าไม่มีวันด้อยกว่าบุตรชายบุญธรรมแน่!
อย่างไรก็ตามด้วยความที่มันได้รับทราบจากอาวุโสฝ่ายในจากเจิ้งชิวมาก่อน ว่าไม่มีทางที่ต้วนหลิงเทียนจากเมืองเฉวี่ยโยวคนนั้น จะยอมเป็นศิษย์ของโจวทง…
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ไม่พ้นโจวทงที่ถูกปฏิเสธ ก็ต้องมาหามันเพื่อให้ตัวมันลงโทษต้วนหลิงเทียนเพราะกระทำผิดกฏที่ตัวมันตั้งไว้ในหลุมมังกรซ่อนแน่!
อย่างไรก็ตามมันคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเป็นโจวเฟยที่เป็นคนมาหามันแบบนี้
“ท่านผู้ว่าขอรับ…”
พอลุกขึ้นยืน โจวเฟยก็ก้มหน้ากล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมโกรธว่า…
“ต้วนหลิงเทียนจากเมืองเฉวี่ยโยวผู้นั้น ลงมืออย่างไม่สนกฏเกณฑ์แม้แต่น้อย! มันสมควรรู้แต่แรกว่าในหลุมมังกรซ่อนถูกท่านผู้ว่าตั้งกฏไว้แล้ว…ว่าผู้ท้าชิงที่มีพลังฝีมือเหนือกว่าทำได้เพียงสู้ชิงห้อง ไม่อาจทำร้ายผู้ถูกท้าด้วยเจตนา! แต่มันยังคงตัดแขนตัดขาของข้า!!”
“เห็นได้ชัดว่ามันไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเลยนะขอรับ ท่านผู้ว่า!!”
กล่าวถึงท้ายประโยค โจวเฟยยังจงใจกระตุ้นศักดิ์ศรีหมายจุดชนวนโทสะของผู้ว่าการประจำมณฑล
แต่ในฐานะผู้ว่าการประจำมณฑลจิ่วโว เถียนจี้หวี่ไหนเลยจะไม่ล่วงรู้ความคิดในใจของอีกฝ่าย?
“แล้วนี่โจวทงไปที่ใดเล่า ไฉนไม่มากับเจ้าด้วย?”
เถียนจี้หวี่กล่าวถาม
“ท่านพ่อบุญธรรม…”
ในขณะที่โจวเฟยคิดจะบอกไปว่าพ่อบุญธรรมของมันไม่อยู่ มันกลับฉุกคิดอะไรขึ้นได้ ดังนั้นจากเดิมที่คิดจะโพล่งออกไปตรงๆ ก็ดึงสติกลับมา และกล่าวคำเสริมแต่งออกไปแทน “พอดีท่านพ่อบุญธรรมของข้าพึ่งเข้าสู่การปิดด่านไป…ข้าเลยไม่อยากรบกวนท่านขอรับ”
มันนึกขึ้นได้พอดีว่าการเดินทางครั้งนี้ของโจวทง กระทั่งผู้ว่ายังไม่ล่วงรู้
ปกติแล้ว ด้วยความที่เป็นถึง 1 ใน 2 ต้าหลัวจินเซียนของมณฑลจิ่วโยว ย่อมมีความสำคัญกับมณฑลจิ่วโยวมาก เช่นนั้นคิดจะเดินทางไปที่ไหนจำต้องแจ้งล่วงหน้าต่อผู้ว่า…แต่คราวนี้บิดาบุญธรรมของมันกลับเดินทางไปโดยไม่บอกกล่าว!
มันตระหนักได้ทันทีว่าบิดาบุญธรรมของมันไม่อยากให้ผู้ว่าการรับทราบความเคลื่อนไหว!
ในเมื่อบิดาบุญธรรมมันไม่อยากให้ผู้ว่าล่วงรู้ความเคลื่อนไหว มันไหนเลยจะกล้ากล่าวไร้สาระ
“เช่นนี้นี่เอง”
เถียนจี้หวี่พยักหน้ารับอย่างที่ไม่ได้สงสัยอะไร จากนั้นก็พูดต่อว่า “เรื่องนี้ข้าขอเวลาอีก 2 วัน…หลังจากนั้นข้าจะให้คำตอบแก่เจ้า คนในหลุมมังกรซ่อน รวมถึงคนในจวนผู้ว่าอย่างกระจ่าง”
“ขอบคุณใต้เท้า”
ได้ยินคำของเถียนจี้หวี่ ใจโจวเฟยก็รู้ดีว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร
ในความคิดของมัน
ถึงแม้พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของมันจะสู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้
แต่อย่างไรมันก็เป็นถึงลูกชายบุญธรรมของตัวตนที่เป็นผู้พิทักษ์อันดับหนึ่งของมณฑลจิ่วโยว 1 ใน 2 ต้าหลัวจินเซียนแห่งมณฑล!
ด้วยเห็นแก่หน้าของบิดาบุญธรรมมัน ผู้ว่าก็ทำได้แค่เข้าข้างมันเท่านั้น ไม่อาจเห็นแก่ความสามารถของต้วนหลิงเทียนได้!
เพราะสุดท้ายแล้วในสายตาของผู้ว่า คุณค่าของบิดาบุญธรรมมัน…ย่อมสูงกว่าต้วนหลิงเทียนมาก!
“ท่านผู้ว่า เช่นนั้นข้าน้อยขอลาไปก่อน”
หลังจากที่โจวเฟยได้ข้อสรุปแล้ว มันก็ประสานมือโค้งคารวะขอตัวลากลับทันที
หลังโจวเฟยจากไป เรื่องที่เถียนจี้หวี่ครุ่นคิดในใจก็ไม่ต่างอะไรจากโจวเฟยมากนัก
อย่างไรก็ตามแม้มันคิดไว้แล้วว่าจะลงโทษต้วนหลิงเทียนให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่มันก็ต้องยืนยันข้อเท็จจริงของเรื่องราวให้แน่ชัดก่อน
ดังนั้นต่อมามันก็ได้ให้คนลองไปตรวจสอบเรื่องราวอีกครั้ง ว่าเป็นดั่งข่าวลือจริงหรือไม่
สองวันต่อมา…
วันนี้เมืองประจำมณฑลจิ่วโยว ได้ต้อนรับอาคันตุกะที่มาถึงอย่างกะทันหันคนหนึ่ง…
อาคันตุกะที่ว่ามาจาก พระราชวังฉิน อีกทั้งการมาครั้งนี้แม้ไม่ได้เป็นการนำราชโองการมา แต่มันก็นำกระแสรับสั่งของฮ่องเต้ฉิน มาบอกเถียนจี้หวี่ให้ทราบโดยเฉพาะ!
“ท่านทูต…”
ภายในห้องโถงใหญ่ของจวนผู้ว่า เถียนจี้หวี่เดิมทีคิดจะไปจัดการเรื่องราวที่หลุมมังกรซ่อน ก็ได้ให้ความสำคัญกับการต้อนรับทูตจากพระราชวังฉินก่อนใดอื่น เร่งออกมาต้อนรับอาคันตุกะที่มาเยือนอย่างกะทันหันด้วยตัวเอง โค้งคารวะอย่างมากสุภาพ
ถึงแม้ว่าทูตจากพระราชวังฉินจะอยู่ในขอบเขตต้าหลัวจินเซียนเหมือนมัน แต่พลังฝีมือนั้นสุดที่ตัวมันจะทาบติด!
นอกจากนี้ทูตจากพระราชวังฉินก็ไม่ต่างอะไรจากตัวแทนขององค์เหนือหัว มันย่อมไม่กล้าละเลย!
ทูตจากพระราชวังฉินคนนี้ เป็นชายชราในชุดบัณฑิตสีขาว หน้าตาแลดูเกลี้ยงเกลาดั่งเด็กน้อย ทั่วร่างให้ความรู้สึกไม่ธรรมดา ความน่าเกรงขามแผ่ซ่านออกมาสุดที่สามัญชนจะทาบติด ให้ความรู้สึกสูงส่งยากจะล่วงเกินตอแยได้
“ผู้ว่าเถียน…”
ชายชราชุดขาวมองเถียนจี้หวี่ด้วยรอยยิ้มมากไมตรี กล่าวทักเสียงอ่อน “กล่าวไปพวกเราก็ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปีแล้วกระมัง…หลายปีที่ผ่านท่านเป็นเช่นไรบ้าง สบายดีหรือไม่?”
“ขอบคุณในความห่วงใยของท่านทูตนัก ผู้น้อยสบายดี”
เถียนจี้หวี่กล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“ข้ามาครานี้เพราะฝ่าบาทฝากกระแสรับสั่งมาให้กล่าวบอกต่อผู้ว่าเถียนด้วยตัวเอง…”
ชายชราชุดขาวเปิดประตูเห็นภูผากล่าวออก “หลังจากนี้อีก 3 ปี ทั้ง 16 มณฑลรวมถึงมณฑลจิ่วโยว ให้รวบรวมยอดฝีมือขอบจิตเซียนที่อายุไม่ถึง 100 ปีมณฑลละ 30 คน และออกเดินทางไปยังพระราชวังฉิน เพื่อเข้าร่วมการประลองของ 16 มณฑล”
“นอกจากจะมีรางวัลให้ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะการประลองครั้งนี้มากมายแล้ว มณฑลที่เป็นต้นสังกัดอัจฉริยะทั้งหลายจักได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงามอีกด้วย”
“มณฑลอันเป็นต้นสังกัดของอัจฉริยะหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดจนคว้าอันดับ 1 ในการประลองมาได้ จักได้รับโอสถทิพย์ระดับกลาง ‘โอสถต้าหลัว’ 3 เม็ด ส่วนมณฑลที่อยู่เบื้องหลังอัจฉริยะหนุ่มอันดับที่ 2 จักได้รับโอสถต้าหลัว 2 เม็ด ส่วนมณฑลเบื้องหลังอันดับ 3 จักได้รับโอสถต้าหลัวหนึ่งเม็ด”
กล่าวถึงจุดนี้แววตาของชายชราชุดขาวก็เผยประกายวูบวาบเล็กน้อย “สำหรับผลของโอสถทิพย์ระดับกลางอย่าง ‘โอสถต้าหลัว’ เป็นเช่นไร…ข้าคงไม่ต้องกล่าวบอกผู้ว่าเถียนแล้วกระมัง..”
“ฟืด~~”
แทบจะพร้อมกันกับที่ชายชราชุดขาวกล่าวจบคำ เถียนจี้หวี่ ผู้ว่าการประจำมณฑลจิ่วโยวอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ แววตายังลุกโชนขึ้นมาด้วยความเร่าร้อน!!
ผลของโอสถทิพย์ระดับกล่างอย่างโอสถต้าหลัวเป็นเช่นไร มันรู้ดี!
ถึงแม้ว่าโอสถต้าหลัว จะจัดว่าเป็นโอสถทิพย์ระดับกลางเท่านั้น แต่ยังถือได้ว่าเป็นโอสถทิพย์ชั้นยอดในบรรดาโอสถทิพย์ระดับกลาง!!
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความหายากก็ดี ความล้ำค่าของสมุนไพรวัตถุดิบก็ดี ทำให้แม้โอสถต้าหลัวจะเป็นแค่โอสถทิพย์ระดับกลาง แต่ในแง่ของมูลค่าแล้ว ยังมีเหนือกว่าโอสถทิพย์ชั้นสูงหลายชนิด!
ผลที่สำคัญที่สุดของโอสถต้าหลัวก็คือ…ช่วยเหลือตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียนยกระดับพลังฝึกปรือ!
นอกจากนี้หากเป็นตัวตนขอบเขตจินเซียนที่บรรลุถึงขั้นสูงสุดล่ะก็ เพียงรับประทานโอสถต้าหลัวเม็ดเดียว ก็จะทะลวงฝ่าไปยังขอบเขตต้าหลัวจินเซียนได้เกือบ 100 ส่วนเต็ม!
เช่นนั้นโอสถต้าหลัว 1 เม็ด ก็มีค่าเท่าเทียมกับ ต้าหลัวจินเซียน 1 คน!
‘ด้วยระดับพลังฝึกปรือของข้าตอนนี้ ตราบใดที่ข้าใช้โอสถต้าหลัว 2 เม็ดล่ะก็ ข้าต้องทะลวงจุดรอคอยที่ข้าติดมาหลายร้อยปีได้อย่างง่ายดาย! ผ่านพ้นไปยังขั้นต่อไปได้แน่!!’
‘กล่าวอีกอย่างได้ว่า ขอเพียงในบรรดาอัจฉริยะทั้ง 30 คนที่มีอายุไม่ถึงร้อยปีในมณฑลจิ่วโยวข้า มีคนได้ที่ 2 ในการประลอง 16 มณฑลสักคน…ทางพระราชวังฉินจักให้รางวัลข้าเป็นโอสถต้าหลัว 2 เม็ด ทำให้ข้าทะลวงขั้นได้ทันที!’
‘กระทั่งหากมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์คนใดคนหนึ่งในบรรดา 30 คนของข้าได้อันดับแรกในการประลอง 16 มณฑล…ไม่เพียงแต่ข้าจะสามารถทะลวงขั้นพลังได้ แต่ข้ายังทำให้มณฑลจิ่วโยวของข้ามีต้าหลัวจินเซียนเพิ่มมาอีกคน!’
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ความคิดมากมายโลดแล่นผ่านใจเถียนจี้หวี่ หน้าอกของมันยามนี้ถึงกับกระเพื่อมขึ้นลงปานลูกสูบ ตื่นเต้นนัก!
“ข้าได้ยินมาว่าในมณฑลจิ่วโยวของเจ้ามีอัจฉริยะหนุ่มอายุไม่ถึงร้อยปีแต่ทะลวงถึงจินเซียนตะวันเหลืองนามว่า โจวเฟย อยู่…”
ชายชราในชุดขาวมองเถียนจี้หวี่พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตลอด 3 ปีหลังจากนี้ขอเพียงเจ้าสนับสนุนเด็กน้อยนั่นให้ดี ข้าคิดว่าเรื่องที่จะหวังติด 3 อันดับแรกในการประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉินก็มิใช่เป็นไปไม่ได้…”
“ตราบใดที่โจวเฟยได้อันดับ 3 มันก็สามารถรับโอสถทิพย์ระดับกลางอย่างโอสถต้าหลัวให้มณฑลจิ่วโยวเจ้าได้แล้วเม็ดหนึ่ง…”
กล่าวถึงคำว่าโอสถทิพย์ระดับกลางโอสถต้าหลัวอีกครั้ง แววตาของชายชราชุดขาวก็เผยความร้อนแรงออกมาอีกรอบ
“โจวเฟย?”
ได้ยินคำของชายชราชุดขาว เถียนจี้หวี่ก็อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นมันก็นึกถึง ‘ต้วนหลิงเทียน’ ที่พึ่งมาจากเมืองเฉวี่ยโยวทันที…!
พลังและความสามารถของโจวเฟยก็นับว่าดี…
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนนั่นสามารถตัดแขนตัดขาโจวเฟยได้ง่ายๆในการประมือกับโจวเฟย!!
เช่นนั้นพรสวรรค์และพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน เกรงว่าจะไม่ได้เหนือกว่าโจวเฟยแค่เล็กน้อย!!
“เอาล่ะ ข้าได้นำกระแสรับสั่งของค์เหนือหัวมาบอกต่อเจ้าหมดแล้ว…ผู้ว่าเถียน เช่นนี้อีก 3 ปีหลังจากนี้พวกเราค่อยพบกันใหม่ หวังว่าโจวเฟยของท่านจะเอาชนะรุ่นเยาว์คนอื่นและติด 3 อันดับแรกในการประลอง 16 มณฑลได้…”
หลังกล่าวทิ้งท้ายกับเถียนจี้หวี่จบคำ ร่างชายชราชุดขาวก็เดินทางกลับ
ภายนอกโถงใหญ่ หลังมองส่งชายชราชุดขาวจนเหินร่างหายไปจากสายแล้ว เถียนจี้หวี่ก็หันไปมองฟ้าทิศทางที่ตั้งหลุมมังกรซ่อนทันที ในแววตายังเผยประกายวูบวาบขึ้น “โอสถทิพย์ระดับกลาง โอสถต้าหลัว! ข้าเถียนจี้วี่ต้องได้มันมาแน่!!”
หลังจากนั้น อีกหนึ่งวันก็ผ่านพ้นไป…
และวันนี้จวนผู้ว่า ก็ถูกกำหนดไว้ให้ยากจะหาความสงบพบเจอ
ไฉนที่จวนผู้ว่าถูกกำหนดให้หาความสงบไม่เจอนั้น เพราะผู้ว่าการประจำมณฑลจิ่วโยวได้ออกประกาศแถลงการณ์ด้วยตัวเอง!
ยังเป็นเหตุการณ์เรื่องที่ ต้วนหลิงเทียน ตัดแขนขาโจวเฟยอันเป็นจุดสนใจหลักของผู้คนทั้งจวนในช่วงนี้!!
“เมื่อ 3 วันก่อน การที่ต้วนหลิงเทียนได้ท้าประลองชิงห้องจากโจวเฟย จนเอาชนะและยึดครองห้องศิลาบ่มเพาะมาได้นั้น…ด้วยความที่ผู้อาวุโสฝ่ายในเจิ้งชิวได้หลงลืมบอกกล่าวกฏทั้ง 2 ข้อในการประลองชิงห้องของหลุมมังกรซ่อนให้ต้วนหลิงเทียนรับทราบ เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนที่ไม่รู้จึงได้ลงมือรุนแรงเกินไปถึงขั้นตัดแขนตัดขาของโจวเฟย…ดังนั้นแล้วสามารถกล่าวได้ว่า ‘ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด’ และการกระทำรุนแรงของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้…”
“สำหรับอาวุโสฝ่ายในเจิ้งชิว ข้าในฐานะผู้ว่าจะทำการลงโทษด้วยตัวเอง!”
เรียกว่าทันทีที่ผู้ว่าออกมาแถลงถ้อยคำดังกล่าว ทั้งจวนก็ตกอยู่ในความเงียบงันไปพักหนึ่ง…!