ตอนที่ 2641

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,641 : โอสถต้าหลัว

 

ณ บ้านพักอาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว เจิ้งชิว

 

“ต้วนหลิงเทียนเจ้าสมควรเปลี่ยนนิสัยเจ้าเสีย…ครั้งนี้เจ้ายังนับว่าโชคดีนัก! หาไม่แล้วตามปกติการลงมือทำร้ายโจวเฟยถึงขั้นตัดแขนขาแบบนี้ ต่อให้ไม่ถึงตายเจ้าก็ไม่พ้นถูกถลกหนังทั้งเป็น!”

 

เจิ้งชิวมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง กล่าวออกเสียงเข้ม

 

ในสายตามัน

 

ครึ่งปีที่แล้วหากทูตพิเศษของพระราชวังฉินมาช้าไปแค่ไม่กี่วัน หรือฮ่องเต้ฉินไม่คิดส่งคำพูดมาถึงผู้ว่าล่ะก็ ต้วนหลิงเทียนที่ทำร้ายโจวเฟยลูกบุญธรรมโจวทงไปแบบนั้น ชะตาไม่พ้นถูกลิขิตให้พบหายนะแน่นอน!

 

โจวทงนั้น เป็นพวกจมไม่ลง!

 

หากต้วนหลิงเทียนยินยอมเป็นศิษย์ของอีกฝ่ายก็แล้วไป โจวทงอาจจะพอเพิกเฉยเรื่องก่อนหน้าได้

 

แต่ปัญหาคือมันรู้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดเป็นศิษย์โจวทง

 

“คราวนี้เจ้านับว่ารอดพ้นหายนะไปได้…แต่ถ้ามีอีกครั้งเจ้าไม่โชคดีแบบนี้แน่!”

 

เจิ้งชิวกล่าวออกเสียงเข้ม “พรสวรรค์ของเจ้านั้นไม่ธรรมดา…แต่ในระนาบเทวโลกทั้งมวลรวมทั้งหลิงหลัวเทียนเรา คนที่มีพรสวรค์เช่นเจ้าก็มีไม่น้อย…และในบรรดาอัจฉริยะมากพรสวรรค์เหล่านั้น หลายคนก็จำต้องตายก่อนวัยอันควรเพราะมีนิสัยเช่นเจ้า!”

 

“ในระนาบเทวโลก หากเจ้าอยากอยู่หัวเราะเป็นคนสุดท้าย อาศัยแค่พรสวรรค์อันร้ายกาจไม่พอ เจ้ายังต้องอยู่เป็น!”

 

เจิ้งชิวกล่าวออกมาด้ยน้ำเสียงจริงจัง เห็นชัดว่ามันเองก็ผ่านอะไรมาไม่น้อย

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

เขาเองก็เข้าใจเรื่องพวกนี้เป็นธรรมดา หากเขาไม่คิดวิธีรับมือกับผลที่จะตามมาเอาไว้ได้มากกว่าหนึ่งวิธีตั้งแต่แรก เขาคงไม่ตัดแขนตัดขาโจวเฟยอย่างวู่วามแบบนั้นหรอก

 

ทว่ากับเจิ้งชิวเขาก็ไม่ได้คิดจะอธิบายเรื่องนี้ กระทั่งไม่สะดวกจะอธิบายให้ฟัง

 

“อาวุโสเจิ้งชิว”

 

ต้วนหลิงเทียนมองจ้องเจิ้งชิวด้วยสายร้อนแรง เปิดประตูเห็นภูผาถามว่า “6 เดือนที่แล้ว ทำไมท่านยอมแบกหม้อก้นดำให้ข้า…และที่ท่านบอกว่าข้า ‘โชคดี’ นั่นสมควรเป็นสาเหตุที่แท้จริงใช่หรือไม่?”

 

หากมีอะไรผิดแปลกสมควรมีปีศาจ!

 

ต้วนหลิงเทียนรู้เรื่องนี้ดี

 

“ครึ่งปีก่อน คนที่สั่งให้ข้าแบกหม้อก้นดำให้เจ้าก็คือท่านผู้…”

 

เจิ้งชิวกล่าว

 

ไม่ทันที่เจิ้งชิวจะกล่าวจบคำ ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดหยีลง ถามแทรกเจิ้งชิวขึ้นมาว่า “ท่านจะบอกว่า…ครึ่งปีก่อนเป็นผู้ว่าการประจำมณฑลจิ่วโยวสังให้ท่านรับผิดแทนข้างั้นเหรอ?”

 

“ใช่”

 

เจิ้งชิวพยักหน้า

 

“ทำไมกัน?”

 

ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึงจริงๆว่าครึ่งปีก่อน ที่เจิ้งชิวแบกหม้อก้นดำแทนเขากลายเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องราวไป จะเป็นเพราะถูกผู้ว่ามณฑลจิ่วโยวสั่งมา…!

 

ด้วยมีคำสั่งของผู้ว่าลงมา เจิ้งชิวไม่แบกหม้อก้นดำให้เขาก็คงไม่ได้!!

 

เพียงแค่เขานึกไม่ออกเท่านั้น ว่าทำไมผู้ว่าต้องทำแบบนี้

 

ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขามาถึงเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวเลย กระทั่งเข้ามาอยู่ในจวนผู้ว่าแล้วแท้ๆ แต่เขายังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาอีกฝ่ายด้วยซ้ำ!

 

ไม่เคยพบหน้า ไร้สัมพันธ์ ยังจะมาช่วยเขาทำอะไร?

 

เขานึกไม่ออกจริงๆ

 

“เรื่องนี้เกี่ยวพันกับการประลอง 16 มณฑลที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ 2 ปีครึ่ง”

 

เจิ้งชิว

 

“การประลอง 16 มณฑล?”

 

สายตาต้วนหลิงเทียนแลดูว่างเปล่า “นั่นมันอะไร?”

 

“เจ้าสมควรรู้มาบ้างแล้วว่ามณฑลภายใต้การปกครองของพระราชวังฉิน มีทั้งสิ้น 16 มณฑล และหนึ่งในนั้นก็คือมณฑลจิ่วโยวของพวกเรา”

 

เจิ้งชิวกล่าว

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

เรื่องที่มณฑลใต้การปกครองของพระราชวังฉินมี 16 มณฑล และมณฑลจิ่วโยวเป็นแค่ 1 ในนั้นเขารู้มาแต่แรก

 

เช่นเดียวกับเมืองเฉวี่ยโยวที่คอยส่งหินอมตะให้เมืองประจำมณฑลจิ่วโยวทุกปี มณฑลจิ่วโยวรวมถึงมณฑลอื่นที่อยู่ใต้อำนาจพระราชวังฉินก็ต้องส่งหินอมตะให้พระราชวังฉิน

 

พระราชวังฉินกับมณฑลจิ่วโยว มีสัมพันธ์ดั่งเจ้านายกับบริวาร…

 

“เช่นเดียวกับเจ้า จินเซียนที่มีอายุน้อยกว่า 100 ปีทั้งหมดที่มณฑลจิ่วโยวเราเลือกเฟ้นมา 30 คนตั้งแต่ครึ่งปีก่อน…ล้วนต้องออกเดินทางไปร่วมการประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉิน”

 

เจิ้งชิวกล่าว

 

ต้วนหลิงเทียนพัยกหน้า

 

“เมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่มณฑลจิ่วโยวเราคิดรวบรวม 30 อัจฉริยะหนุ่มนั้น ข้ารู้แค่ว่ามันเป็นคำสั่งของพระราชวังฉินเท่านั้น สำหรับเหตุผลที่เจาะจงข้าก็เคยบอกเจ้าไปก่อนหน้าแล้วว่าข้าเองก็ไม่รู้…”

 

เจิ้งชิวกล่าวต่อ

 

“จนเมื่อครึ่งปีที่แล้ว กล่าวให้ชัดก็คือวันที่ 3 หลังจากที่เจ้าตัดแขนขาโจวเฟยจนมันได้รับบาดเจ็บสาหัส มณฑลจิ่วโยวของพวกเราก็ได้ต้อนรับการมาเยือนจากทูตพิเศษขอพระราชวังฉิน”

 

“ทูตพิเศษจากพระราชวังฉินนั่น มาเพื่อถ่ายทอดข้อความของฮ่องเต้ฉินต่อท่านผู้ว่าเรา…ว่าอีก 3 ปี แต่ละมณฑลจะต้องไปรวมตัวกันที่พระราชวังฉิน เพื่อเข้าร่วมการประลองกันระหว่าง 16 มณฑล”

 

“และผู้ที่จะเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลได้ ก็คือจินเซียนที่มีอายุไม่ถึงร้อยปีภายใต้พื้นที่ปกครองของพระราชวังฉิน”

 

“ตอนนั้นท่านผู้ว่าจึงได้รับทราบเหตุผล ว่าไฉนพระราชวังฉินถึงได้สั่งให้ทั้ง 16 มณฑลรวมถึงมณฑลจิ่วโยวเราเฟ้นหาจินเซวียนอายุไม่ถึง 100 ปีที่โดดเด่น 30 คนแต่แรก…ที่แท้พระราชวังฉินคิดให้ทั้ง 16 มณฑลส่งรุ่นเยาว์ไปประลองกัน!”

 

เจิ้งชิวกล่าวถึงจุดนี้ก็หยุดไปไม่พูดต่อ

 

“งั้นพูดได้ว่า…ทุกคนรวมถึงข้าในหลุมมังกรซ่อน จะต้องไปเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉินในอีก 2 ปีครึ่งหลังจากนี้? คู่ต่อสู้ของพวกเราก็คือจินเซียนอายุไม่ถึงร้อยที่อีก 15 มณฑลคัดสรรมา?”

 

ต้วนหลิงเทียนถาม

 

“ใช่!”

 

เจิ้งชิวกล่าว “การประลอง 16 มณฑลครั้งนี้พระราชวังฉินให้ความสำคัญนัก…จากที่ท่านผู้ว่าเล่าให้ข้าฟัง ไม่เพียงแต่ผู้ชนะ 10 อันดับแรกในการประลอง 16 มณฑลจะได้รับรางวัลมากมาย กระทั่งมณฑลที่อยู่เบื้องหลังอัจฉริยะที่ชนะติด 10 อันดับแรกก็ยังจะได้รางวัลไม่น้อย!”

 

“ในบรรดารางวัลที่ว่า มณฑลที่อยู่เบื้องหลังอัจฉริยะผู้ติด 3 อันดับแรกในการประลอง 16 มณฑล จะได้รับโอสถทิพย์ระดับกลางอย่างโอสถต้าหลัวเป็นรางวัล!!”

 

“มณฑลต้นสังกัดของอัจฉริยะที่ได้อันดับ 1 ในการประลองจะได้รับโอสถต้าหลัวถึง 3 เม็ด รองชนะเลิศได้โอสถต้าหลัว 2 เม็ด…ส่วนอันดับที่ 3 ก็ได้โอสถต้าหลัวแค่เม็ดเดียว”

 

เจิ้งชิวกล่าวออกมารวดเดียวจบ

 

“โอสถต้าหลัว!?”

 

ต้วนหลิงเทียนถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่คิดเลยว่าพระราชวังฉินจะมือเติบขนาดนี้

 

เขาย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าโอสถต้าหลัวคืออะไร

 

นั่นคือโอสถทิพย์ที่ทำให้จินเซียนตะวันม่วงทะลวงถึงขอบเขตต้าหลัวจินเซียนได้เกือบ 100 ส่วน! มูลค่าของมันยังสูงก่าโอสถทิพย์ระดับสูงหลายชนิดด้วยซ้ำ และปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับกลางทั่วไปก็แทบจะหลอมปรุงมันขึ้นมาไม่ได้เลย! มีเพียงปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะที่ถือครองเพลิงอมตะเหนือกว่าระดับกลางเท่านั้นถึงจะหลอมปรุงขึ้นมาได้!!

 

นอกจากนั้น กระทั่งต้าหลัวจินเซียนเอง หากมีเม็ดยาต้าหลัวไว้รับประทานไม่ขาด การบ่มเพาะก็จะก้าวหน้ารวดเร็วอย่างน่ากลัว!

 

ทั้งยังมีต้าหลัวจินเซียนมากมายที่พลังฝึกปรือติดจุดรอคอยมาเนิ่นนานไม่อาจทะลวงขั้นได้ แต่หากได้รับโอสถต้าหลัวมากพอล่ะก็ จุดรอคอยที่ค้างเติ่งมาเนิ่นนานก็สามารถกรุยทะลวง ผ่านพ้นไปยังขั้นพลังต่อไปได้ไม่ยากเย็น…

 

เช่นนั้นความล้ำค่าของโอสถต้าหลัวมากแค่ไหน ก็พอเดาได้…

 

“มองจากท่าทีของเจ้า ดูท่าเจ้าเองก็คงรู้ดีว่าโอสถต้าหลัวมีค่ามากเพียงใดใช่หรือไม่?”

 

เจิ้งชิวถาม

 

“ก็ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ค่อยย่นคิ้วกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงสงสัย “อาวุโสเจิ้งชิว แล้วท่านทราบหรือไม่ว่าพระราชวังฉินจัดการประลอง 16 มณฑลขึ้นมาเพราะอะไร?”

 

เขารู้สึกได้ทันทีที่ได้ยิน ว่าการที่พระราชวังฉินจัดการประลอง 16 มณฑลขึ้นมาครั้งนี้ ไม่น่าจะแค่เพื่อรวบรวมอัจฉริยะเฉยๆแน่…

 

ต้องทราบด้วยว่าการประลอง 16 มณฑลครานี้ พระราชวังฉินถึงกับหยิบยื่นโอสถต้าหลัวออกมาเป็นของรางวัล!

 

“เรื่องนี้ ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน!”

 

เดิมทีเจิ้งชิวก็คิดว่าพระราชวังฉินกระทำเช่นนี้เพียงเพราะคิดรวบรวมอัจฉริยะรุ่นเยาว์ แต่พอรับทราบว่าอีกฝ่ายถึงขั้นนำโอสถต้าหลัวออกมาเป็นของรางวัล มันก็รู้สึกว่าเรื่องราวสมควรมีอะไรลึกกว่าที่ตาเห็น…

 

“ตอนนี้…เจ้าสมควรเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ ว่าไฉนท่านผู้ว่าถึงสั่งให้ข้าแบกหม้อก้นดำแทนเจ้า?”

 

เจิ้งชิวถาม

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายวาบหนึ่ง ค่อยพยักหน้า

 

เขาไม่ใช่คนโง่

 

หลังจากที่เจิ้งชิวกล่าวถึงเรื่องทูตพิเศษมาบอกเรื่องการประลอง 16 มณฑลกับผู้ว่า รวมถึงเรื่องที่ของรางวัลครั้งนี้เป็นถึงโอสถต้าหลัว เขาก็รู้ดีว่าไฉนผู้ว่าถึงได้คิดปกป้องเขา!

 

“เช่นนั้น…จะว่าไปข้าก็ต้องขอบใจทูตพิเศษคนนั้นแล้วสิ ที่มาแจ้งข่าวได้ทันเวลา”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ

 

เขาย่อมรู้ดี

 

แต่เดิมในสายตาของผู้ว่ามณฑลจิ่วโยว บุตรชายบุญธรรมของโจวทงอย่างโจวเฟยนั้น ไม่พ้นขึ้นแท่นเป็นตัวความหวังอันดับหนึ่งของมณฑลในการช่วงชิงอันดับดีๆในการประลอง  แต่พอมีเขา…ทุกเรื่องราวก็แปรเปลี่ยนกลับกลายไปทันใด!

 

‘หากไม่ใช่เพราะมีข้า โจวเฟยลูกบุญธรรมโจวทงนั่นต้องเป็นตัวความหวังมณฑลในสายตาผู้ว่าแน่…แต่พอเห็นข้าที่พึ่งมาจากเมืองเฉวี่ยโยวได้ไม่ทันไรก็ทุบตีมันจนยับในหลุมมังกรซ่อน ถึงขั้นทำให้มันอาการสาหัสได้ง่ายๆ ก็ทำให้โจวเฟยหลุดโผไปจากสายตาของผู้ว่าทันที…’

 

‘สุดท้ายแล้วหากไม่ใช่คนสมองพิการ เพียงตัดสินจากการลงมือข้าเมื่อครึ่งปีก่อน…ก็รู้ดีว่าข้ามีความหวังชนะติด 3 อันดับแรกในการประลอง 16 มณฑลมากกว่าโจวเฟยหลายขุม!’

 

ต้วนหลิงเทียนเข้าใจเรื่องนี้ดี

 

ทันใดนั้นเอง

 

“เจิ้งชิว!!”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะอำลาเจิ้งชิวเพื่อจากไป เสียงชราหนึ่งพลันดังเข้ามาจากด้านนอกบ้านลานที่เจิ้งชิวอาศัยอยู่ปานฟ้าผ่า! ในน้ำเสียงยังเปี่ยมล้นไปด้วยโทสะนัก!!

 

ทำราวกับมันมีความแค้นฆ่าบิดาแย่งชิงภรรยากับเจิ้งชิว!

 

“หืม?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่คิดจะอำลาเจิ้งชิวและเหินร่างกลับ พอได้ยินเสียงตะโกนเปี่ยมโทสะดังกล่าวก็ชะงักไปเล็กน้อย

 

ขณะเดียวกันเขาก็หันไปมองเจิ้งชิวโดยไม่รู้ตัว

 

“เป็นผู้พิทักษ์โจวทง”

 

และพอดีกับที่ต้วนหลิงเทียนหันมองมา ลูกตาเจิ้งชิวก็หดเล็กลงกล่าวออกเสียงเข้ม “ดูเหมือนมันจะพึ่งออกจากการปิดด่านมาวันนี้…”

 

เจิ้งชิวได้เตรียมตัวรับมือโจวทงที่อาจจะมาหามันด้วยโทสะหลังออกจากการปิดด่านไว้แต่แรกแล้ว…

 

เช่นนั้นการมาของโจวทงตอนนี้ก็ไม่ได้ทำให้มันตกใจหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย

 

ฟุ่บ!

 

เจิ้งชิวยกมือขึ้น ทันใดนั้นพลันปรากฏแผ่นหยกแผ่นหนึ่ง และหลังจากที่เจิ้งชิวถ่ายทอดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดลงไป แผ่นหยกดังกล่าวก็ทอแสงสว่างจ้า ก่อนที่จะกลายเป็นลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกจากบ้านไปฉับไว!

 

ต้วนหลิงเทียนเพียงมองก็บอกได้ทันที แผ่นหยกที่ว่าไม่ใช่อะไรอื่นนอกจาก ยันต์อมตะสื่อสาร!

 

สำหรับเรื่องที่เจิ้งชิวส่งข้อความอะไร ไปถึงใคร และเพื่ออะไร เขาก็เดาได้ไม่ยาก…

 

เพราะในมณฑลจิ่วโยวแห่งนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสะกดผู้พิทักษ์อันดับ 1 ของมณฑลจิ่วโยวได้…

 

ผู้ว่าการประจำมณฑลจิ่วโยว!