มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1242

แต่ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ ก็คือมารเก้าเซียวจื่อเจี้ยน ใช้เวลาร้อยปีฝึกตนเป็นเทพมาร ผ่านไปอีกห้าหมื่นปีก็ฝึกตนเป็นเทพฟ้า เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานให้

พิภพกลางมีสภาพแวดล้อมที่เหนือกว่า ทรัพยากรฝึกตนมากเพียงพอ อัจฉริยะขั้นสูงฝึกตนเป็นเทพมารไม่ใช่เรื่องยาก โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณร้อยปี

แต่หากจะฝึกตนถึงแดนเทพฟ้า ต้องสิ้นเปลืองเวลาอนันต์ แม้ว่าจะเป็นที่โลกเสวียนเทียน เฟิ่งหวูซินเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนแรกใช้ช่วงหมื่นปี ก็ยังต้องใช้เวลาในการฝึกตนกว่าหมื่นปีเพื่อบรรลุเทพฟ้า และผ่านไปอีกสามหมื่นปีจึงได้บรรลุเป็นจ้าวนภา

เทียนหวูเชวมีพรสวรรค์และคุณสมบัติที่เรียกได้ว่าดีกว่าเฟิ่งหวูซิน แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่ทันได้บรรลุถึงแดนเทพมาร ก็ต้องมาตายด้วยน้ำมือของหลัวซิว

……

เวลาหนึ่งเดือนค่อย ๆ ผ่านไปอย่างเงียบ ๆ นับตั้งแต่เขาฆ่าหุบเขาผีเขียว ไป ชนเผ่างูเกล็ดเขียวไม่เพียงแค่ไม่แก้แค้นต่อ อีกทั้งผู้นำของชนเผ่างูเกล็ดเขียวยังมาที่ชนเผ่าของถูหมิงเพื่อขอโทษเขาด้วยตนเองอีกด้วย

มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าสามารถฆ่าเทพมารได้ เห็นได้ชัดว่าชนเผ่างูเกล็ดเขียวนี้คิดว่าเขาคืออัจฉริยะที่กองกำลังใหญ่ชั้นสูงแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์วิถีมารสักแห่งฝึกฝนขึ้นมา

อัจฉริยะเช่นนี้ ชนเผ่างูเกล็ดเขียวไม่กล้าที่จะก้าวล่วง ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดหายนะที่รุนแรงตามมา แม้ว่าจะเป็นสุดยอดชนเผ่าแห่งเผ่าปีศาจ ก็ไม่มีทางที่จะไปล้ำเส้นกองกำลังใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์วิถีมาร เพียงเพื่อชนเผ่างูเกล็ดเขียวคนหนึ่งเท่านั้น

เรื่องราวที่ชนเผ่าของถูหมิงดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด หลัวซิวเตรียมตัวที่จะจากไป ชนเผ่างูเกล็ดเขียวได้ก้มหัวให้แล้ว แม้ว่าเขาจะจากไปแล้ว แต่มีความน่าหวาดเกรงที่ไร้รูปร่างของเขาอยู่ ชนเผ่างูเกล็ดเขียวก็ไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามรังแกชนเผ่าของถูหมิงได้อีก

ในตอนที่เขาเตรียมตัวจะจากไปนั้น ที่สุดปลายฟ้าอันกว้างใหญ่มีนาเวศเซียนลำหนึ่งลอยมา ด้านบนนาเวศเซียนมีหญิงสาววัยเยาว์รูปงามยืนอยู่

“ท่านชาย นายท่านของข้าขอเรียนเชิญ” หญิงสาวยิ้มอย่างเป็นมิตร เดินลงมาจากนาเวศเซียน สองมือเอื้อมออกไปยื่นม้วนหยกให้ ท่าทางนั้นแสดงถึงความเคารพอย่างสูง

ม้วนหยกม้วนนี้ไม่ใช่ธรรมดาทั่วไป วัสดุที่ใช้นั้นเป็นถึงหยกอาถรรพ์เสวียนเก้า เป็นตัวเซียนชนิดหนึ่งที่ใช้เพื่อฝึกเซ่นอาวุธเทพมาร

ใช้ตัวเซียนประเภทนี้มาทำเป็นม้วนหยก เห็นได้ชัดว่านายท่านที่หญิงสาวผู้นี้กล่าวถึงนั้นไม่ใช่ธรรมดา

หลัวซิวเอื้อมมือไปรับม้วนหยกมา ตัวสำนึกสำรวจเข้าไปด้วยใน คิ้วขมวดเข้าหากัน

เป็นดั่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ เจ้าของม้วนหยกม้วนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นถึงหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์วิถีมาร นั่นคือเซียวจื่อเจี้ยนมารเก้าแห่งหุบเขาปีศาจเก้า!

เขาย่อมรู้ดีว่า ข่าวที่ตนได้ใช้ผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าฆ่าเทพมารได้ถูกส่งออกไปยังโลกภายนอกแล้ว หุบเขาปีศาจเก้าส่งคำเชิญมาให้เข้า เห็นได้ชัดว่ามันคือการดึงเขาให้เข้าร่วมกองกำลังด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่หลัวซิวกลับไม่อยากไป

สภาพแวดล้อมที่พิเศษของโลกาอสูรฟ้า เพราะว่าผู้ที่เปิดโลกพิภพแห่งนี้ขึ้น ว่ากันว่าเป็นราชาเทพแห่งเผ่าปีศาจท่านหนึ่งในสมัยโบราณกาล

โลกพิภพที่ราชาเทพแห่งเผ่าปีศาจเปิดขึ้น ดังนั้นจึงทำให้ปราณทิพย์ฟ้าดินเต็มไปด้วยความปราณปีศาจ เหมาะอย่างยิ่งกับการฝึกตนของเผ่าปีศาจ

แต่หากเผ่าพันธุ์มนุษย์ฝึกตนอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ร่างกายก็จะมีปราณปีศาจอยู่ นิสัยใจคอก็จะไม่มีทางเอามาคาดเดากับคนปกติทั่วไปได้

ในช่วงเวลาที่อยู่ในชนเผ่าของถูหมิงนี้ หลัวซิวก็สามารถเข้าใจถึงแบบแผนของโลกาอสูรฟ้าได้บ้าง

หุบเขาปีศาจเก้าคือหนึ่งในสี่แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์วิถีมาร เจ้ากู่ทั้งเก้าต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพฟ้า แต่ละคนต่างเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวิถีมาร

ถึงจะบอกว่าที่มารเก้าเซียวจื่อเจี้ยนเชิญตนไปจะมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าต้องการดึงตนมาเป็นพวก แต่หลัวซิวกลับยังไม่ยินยอมที่จะไปอยู่ดี เพราะสถานที่แบบหุบเขาปีศาจเก้านั้น สำหรับเขาในตอนนี้ มันคือถ้ำพยัคฆ์วังมังกรที่เต็มไปด้วยอันตราย

โลกพิภพแต่ละแห่ง นอกจากจะมีที่ผู้แข็งแกร่งส่วนน้อยที่ปลีกวิเวกตัดขาดจากโลกภายนอกแล้ว มีโอกาสอย่างมากที่ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ทั้งหมดต่างก็เกิดในสุดยอดกองกำลังใหญ่ชั้นยอดทั้งนั้น

หุบเขาปีศาจเก้าเป็นหนึ่งในนั้น เจ้ากู่ทั้งเก้าท่านทุก ๆ คนต่างก็เป็นเทพฟ้า เจ้ากู่ลำดับที่หนึ่งมารใหญ่ ก็คือสิ่งมีชีวิตระดับจ้าวนภา

เมื่อใดก็ตามที่คนพวกนี้หมายจะเล่นงานตน หลัวซิวถามตนเองไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะต้านเอาไว้ได้ ต่อให้ใช้ไม้ตายทั้งหมด ก็ไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างใดเลย