ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 109 ไฟไหม้วัดมหายาน

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​ว่าว​ตัว​หนึ่ง​ลอย​อยู่​บน​ฟ้า

​ขณะเดียวกัน​ ​มุม​ที่​ห่างไกล​ความเจริญ​มุม​หนึ่ง​ ​หวังผ​้อ​เช็ด​โคลน​ออกจาก​ใบหน้า​ ​แล้ว​หรี่​ตาม​อง​ไป​ยัง​ภูเขา​ลูก​เล็ก​ ​ย่อม​จำได้​ว่า​ ​นั่น​คือ​ว่าว​ของ​เซียว​จาง

​ว่าว​ตัว​นั้น​มิใช่​ขาด​เป็น​ชิ้นๆ​ ​อยู่​บน​กำแพงเมือง​เสวี​่ย​เหล่า​เมื่อ​หลาย​วันก่อน​แล้ว​หรือ

​ว่าว​ตัว​นั้น​เมื่อก่อน​ผูก​ติด​อยู่​กับ​คน​ ​วันนี้​กลับ​ผูก​ติด​อยู่​กับ​ภาพ​ภาพ​หนึ่ง

​ภาพ​มี​ขนาดใหญ่​มาก​ ​กว้าง​ยาว​ราว​สิบ​กว่า​จั้ง​ ​โบกสะบัด​ตาม​แรงลม​ ​ราวกับ​คลื่น​ทุ่ง​ข้าวสาลี​ ​แต่กลับ​ไม่มีผล​กระทบ​ต่อ​รูป​ที่อยู่​ใน​ภาพ​ ​มองเห็น​ได้​อย่างชัดเจน

​ขุนพล​เฟ่ย​เตี่ย​นที​่​เพิ่ง​ได้​ยาจู​ซา​ช่วยชีวิต​ไว้​กำลัง​มองดู​รูปภาพ​ ​สายตา​ที่​พร่ามัว​ค่อยๆ​ ​รวม​แสง​เป็น​จุด​จุด​เดียว​ ​กลายเป็น​คมชัด​สุด​จะ​เปรียบ

​ผู้อาวุโส​สาม​ท่าน​จาก​หน่วย​เสบียง​ใน​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ทางใต้​ ​หรี่​ตาม​อง​ดูรูป​ภาพ​พร้อมกัน​ ​แล้ว​ความทรงจำ​อัน​ไร้​สิ้นสุด​ก็​ผุด​ขึ้น

​ใน​เงามืด​ของ​หอคอย​บน​ป้อม​กำแพงเมือง​ ​คน​ชุด​ดำ​ซุก​มือ​ทั้งสอง​ข้าง​ไว้​ใน​แขน​เสื้อ​ ​มุม​ปาก​ปรากฏ​รอยยิ้ม​เย้ยหยัน

​พวกเขา​ล้วน​เคย​เห็น​รูปวาด​ใน​ภาพ​มาก​่อน

​วัด​มหายาน​ที่​สวยสด​งดงาม​อย่าง​ไม่น่า​จะ​มีอยู่​ใน​โลก

​มรดก​ทาง​พุทธศาสนา​ขาด​การกา​รสื​บท​อด​มายา​วนาน

​หลังจาก​วัด​มหายาน​โด่งดัง​อยู่​หลาย​ปี​ ​ที่สุด​แล้วก็​ถูก​ไฟ​สงคราม​เผา​ทำลาย​เมื่อ​พันปี​ก่อน

​พอ​เผ่า​มาร​บุก​เข้ามา​ ลั​่ว​หยาง​ถูก​ล้อม​อยู่​สาม​เดือน​ ​พลเมือง​บาดเจ็บ​ล้มตาย​ ​จน​เหลือ​เพียง​สาม​ใน​สิบ​ส่วน​ ​รวม​แล้ว​ถูก​สังหาร​ราว​หกสิบ​ล้าน​คน

​จึง​ไม่รู้​ว่า​มรดกทางวัฒนธรรม​อย่าง​วัด​มหายาน​ถูก​ทำลาย​ไปมาก​น้อย​เพียงใด

​ความสง่างาม​ทั้งหมด​ ​มอดไหม้​ไป​ใน​กอง​เพลิง

​ภาพวาด​นี้​ ​ก็​คือ​ภาพ​ไฟไหม้​วัด​มหายาน

​ผู้​ที่​เคย​เห็น​วัด​มหายาน​ถูก​ไฟไหม้​กับ​ตา​ตนเอง​มีน​้อ​ยมาก​ ​แต่​ผู้​ที่​เคย​เห็นภาพ​วัด​มหายาน​ใน​หนังสือ​และ​รู้เรื่อง​นั้น​มีอยู่​มากมาย

​ส่วน​เรื่อง​เมืองลั​่ว​หยาง​ถูก​ล้อม​ ​ยิ่ง​เป็นความ​อัปยศ​และ​ความปวดร้าว​ที่​ทุกคน​ไม่มีวัน​ลืม

​ภาพวาด​ขนาดใหญ่​ที่​แขวน​อยู่​บน​ฟ้า​นั่น​ ​วาด​ได้ดี​มาก​ ​มีชีวิตชีวา​ราวกับ​ของจริง

​ขณะ​มองดู​เปลวเพลิง​ใน​ภาพวาด​ ​เหล่า​แม่ทัพ​นายกอง​ก็​คล้าย​ได้ยิน​เสียง​ที่​ทำให้​ปวดใจ​ ​เสียง​ของ​อาคาร​ที่​กำลังจะ​ถล่ม​ลงมา​ดัง​ เปรี๊ยะ​ๆ

​ใน​ภาพวาด​ยัง​มี​ใบหน้า​ผู้คน​มากมาย​ ​บ้าง​เจ็บปวด​ ​บ้าง​บิดเบี้ยว​ ​บ้าง​งุนงง​ ​บ้าง​เฉยชา​ ​สุดท้าย​คน​เหล่านี้​ล้วน​เสียชีวิต​อยู่​ใน​ทะเลเพลิง​นั่น

​พอ​เห็นภาพ​นี้​ ​แม่ทัพ​นายกอง​ที่อยู่​แนวหน้า​ก็​เข้าใจ​เหตุผล​ง่ายๆ​ ​หนึ่ง​อย่าง​อีกครั้ง

​นี่​คือ​ประวัติศาสตร์

​นี่​คือ​ที่มา​ที่​ไป​ของ​ความโกรธแค้น

​นี่​คือ​สาเหตุ​ที่​ทำให้​ตอนนี้​เรา​ต้อง​มาป​รากฏ​ตัว​ที่​ด้านล่าง​ของ​กำแพงเมือง​เสวี​่ย​เหล่า

​……

​……

​ขณะ​ภาพ​และ​เรื่องราว​ใน​ภาพ​แพร่กระจาย​ไป​ใน​ค่ายทหาร​ ​เรื่อง​อีก​หนึ่ง​เรื่อง​ก็​ถูก​คาดเดา​และ​แพร่กระจาย​ไป​พร้อม​ๆ​ ​กัน

​ว่า​กัน​ว่า​ตอนนั้น​ ​นักพรต​อู๋​ ​จิตรกร​ศักดิ์สิทธิ์​ได้​วาดภาพ​จิตรกรรมฝาผนัง​ใน​วัด​มหายาน​อยู่นาน​ ​ภาพ​ภาพ​นี้​เป็นไปได้​หรือไม่​ว่า​เขา​เป็น​คน​วาด

​และ​ตอนนี้​ทั่วทั้ง​ต้า​ลู่​ก็​ล้วน​รู้​ว่า​ ​นักพรต​อู๋​มิได้​เสียชีวิต​ ​เขา​กำลัง​เดินทาง​ท่อง​โลก​กับ​ใคร​บางคน​อยู่

​ถ้า​นักพรต​อู๋​มา​ ​ก็​หมายความว่า​…​คน​ผู้​นั้น​มาด​้วย​ใช่​หรือไม่

​เมื่อ​นึก​ว่า​บุคคล​ใน​ตำนาน​อย่าง​หวัง​จือ​เช่​ออาจ​ปรากฏตัว​ขึ้น​ใน​แนวหน้า​ได้​ทุกเมื่อ​ ​ขวัญ​และ​กำลังใจ​ใน​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ก็​เพิ่มขึ้น

​ในทางกลับกัน​ ​ขวัญ​และ​กำลังใจ​ของกอง​ทัพ​เผ่า​มาร​พลัน​ลดลง​ไป​ไม่น้อย​ ​อีกทั้ง​ยัง​ลดลง​มากกว่า​ระดับ​การ​เพิ่มขึ้น​ของ​เผ่า​มนุษย์​เสียอีก

​สำหรับ​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​แล้ว​ ​ซาง​สิง​โจว​กับ​หวัง​จือ​เช่​อมี​อิทธิพล​ค่อนข้าง​มาก​ ​แต่​สำหรับ​เผ่า​มาร​กลับ​แตกต่าง​อย่าง​สิ้นเชิง​ ​พวกเขา​อาจ​ไม่รู้​ว่า​ ​จักรพรรดิ​เผ่า​มนุษย์​คน​ปัจจุบัน​คือ​ใคร​ ​และ​ไม่รู้​จัก​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​ไม่รู้​ว่า​ซาง​สิง​โจว​คือ​จักรพรรดิ​เผ่า​มนุษย์​และ​อาจารย์​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​แต่​พวกเขา​รู้​แน่ๆ​ ​ว่า​หวัง​จือ​เช่อ​คือ​ใคร

​……

​……

​ยาม​เย็น

​พระอาทิตย์​อัสดง​ย้อม​ทิศตะวันตก​ของ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​จน​เป็น​สีแดง​

​ราวกับ​ครึ่ง​ค่อน​เมือง​จะ​ระเบิด​ขึ้น​มา

​ทันใดนั้น​ ​บน​กำแพงเมือง​กับ​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ด้านล่าง​ก็​เกิด​เสียง​ตะโกน​โห่ร้อง​อย่างกระตือรือร้น​นับไม่ถ้วน

​คำ​ที่​ร้อง​ตะโกน​ฟัง​แล้วก็​คล้าย​คำ​ว่า​ ​กู่​หลุน​มู่

​แม่ทัพ​เผ่า​มนุษย์​หลาย​คน​เข้าใจ​คำศัพท์​ง่ายๆ​ ​ของ​ชน​เผ่า​มาร​อยู่​บ้าง​ ​โดยเฉพาะ​ความหมาย​ของ​คำ​นี้​ ​พวกเขา​ไม่มีวัน​ลืม

​ใน​ตอนที่​พลทหาร​เผ่า​มารคิด​จะ​ใช้ชีวิต​แลก​ชีวิต​ ​จู่โจม​เข้ามา​อย่าง​บ้าคลั่ง​ ​แล้ว​ถูก​ล้อม​อยู่​บน​ยอดเขา​นั้น​ ​สุดท้าย​ก่อน​ฆ่าตัวตาย​ ​ล้วน​ต้อง​ตะโกน​คำ​นี้​ออกมา

​คำ​นี้​หมายถึง​ ​จักรพรรดิ​เทพ

​ในที่สุด​ ​ราชา​มาร​ก็​ปรากฏตัว​ขึ้น

​เฉิน​ฉาง​เซิง​รับ​กระจก​พัน​ลี้​ใน​มือ​ของ​ราชัน​แห่ง​หลิง​ไห่​มา​ ​แล้ว​มอง​ขึ้นไป​บน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า

​วันนี้​อากาศ​บริสุทธิ์​เป็นพิเศษ​ ​แสงอาทิตย์​อัสดง​มิได้​ส่งผล​ต่อ​ทัศนวิสัย​ใน​การ​มอง​ ​สามารถ​เห็นภาพ​ที่อยู่​บน​เมือง​ได้​ค่อนข้าง​ชัดเจน

​แม้​บางอย่าง​พร่ามัว​ ​แต่​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​จดจำ​ใบหน้า​ที่​ไม่ได้​เห็น​มานาน​หลาย​ปี​ได้

​เมื่อ​เทียบ​กับ​ตอนแรก​ที่อยู่​ใน​เมือง​ไป่​ตี้​ ​ราชา​มาร​ดู​สงบนิ่ง​ขึ้น​มาก​ ​ท่าที​ก็​สง่างาม​มากขึ้น

​ขณะ​มองดู​ราชา​มาร​ที่​จงใจ​ไว้หนวด​เครา​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​นึกถึง​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ ​จากนั้น​ก็​เห็น​เขา​มาร​ของ​ราชา​มาร​ ​ซึ่ง​ตาม​หลัก​แล้ว​ ​ราชา​มาร​เป็น​เชื้อพระวงศ์​ ​ไม่มี​เขา​มาร​ ​จึง​เป็นการ​ทำ​ขึ้น​เอง​ทั้งสอง​ข้าง​ ​และ​ตกแต่ง​เพิ่ม​เข้าไป​ ​จน​ดู​เกิน​จริง​มาก

​เห็นชัด​ว่า​ ​นี่​คือ​วิธี​เอาชนะ​ใจ​ชน​เผ่า​มาร​ชั้น​กลาง​และ​ชั้นล่าง

​……

​……

​ซาง​สิง​โจว​มาถึง​แล้ว

​ราชา​มาร​ปรากฏตัว​แล้ว

​หมายความว่า​ ​ช่วงเวลา​ของ​ศึก​ชี้​ชะตา​ครั้งสุดท้าย​กำลังจะ​มาถึง

​สำหรับ​เผ่า​มาร​ ​ถ้า​สามารถ​ยืนหยัด​รักษา​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ไป​จนถึง​ฤดูหนาว​ที่​กำลังจะ​มา​เยือน​ ​ย่อม​เป็น​วิธี​ที่​ดีที​่​สุด​ ​แต่​พวกเขา​ไม่มี​วิธี​แก้ปัญหา​เสบียงอาหาร​ ​นี่​คือ​สภาวะ​เดียวกัน​กับ​เมืองลั​่ว​หยาง​ใน​ตอนนั้น​ไม่มี​ผิด​ ​ต่อให้​พวกเขา​สังหาร​พลเมือง​ตัวเอง​ ​เพื่อ​ลด​จำนวน​ประชากร​ที่​ไม่ใช่​ทหาร​ให้​เหลือ​น้อยที่สุด​ ​ก็​ไม่มีทาง​แก้ปัญหา​เสบียงอาหาร​ของ​นักรบ​นับ​แสน​จาก​ชน​เผ่า​ต่างๆ​ ​ที่อยู่​นอกเมือง​ได้

​อีกทั้ง​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ก็​มีทาง​ทิ้ง​ศพ​เพื่อน​ทหาร​ใดๆ​ ​ไว้​ให้​พวกเขา​เป็นอันขาด

​ปัจจัย​ด้าน​วัน​เวลา​ ​ความได้เปรียบ​ทาง​ภูมิศาสตร์​ ​และ​ความสามัคคี​ ​ตอนนี้​ดู​ไป​แล้ว​ ​เผ่า​มาร​ได้เปรียบ​ทาง​ภูมิศาสตร์​ ​เผ่า​มนุษย์​ได้เปรียบ​เรื่อง​ความสามัคคี​ ​ส่วน​วัน​เวลา​…

​หิมะ​ที่​ตก​ล่าสุด​ ​ดูเหมือน​สวรรค์​โปรด​เผ่า​มาร​มากกว่า​ ​แต่​วัน​เวลา​เผด็จศึก​ ​เผ่า​มนุษย์​กลับเป็น​ผู้กำหนด

​แล้ว​ใคร​เล่า​จะ​เป็น​ผู้ชนะ​คน​สุดท้าย​ของ​สงคราม​ใน​ครั้งนี้

​……

​……

​เช้า​ของ​อีก​วันหนึ่ง

​ท้องทุ่ง​รกร้าง​นอกเมือง​เสวี​่ย​เหล่า​สงบนิ่ง​คล้าย​ยัง​ไม่​ตื่น

​จู่ๆ​ ​เสียง​แตร​ก็​ดัง​ขึ้น

​แล้ว​โลก​ทั้ง​ใบ​ก็​ตื่นนอน

​ทุก​ชีวิต​บน​โลก​ล้วน​กำลัง​รอ​โมง​ยาม​นี้

​อาจ​เป็น​เพราะ​ความจริง​แล้ว​ ​เมื่อคืน​ไม่มีใคร​หลับ​ลง​เลย

​พล​หมาป่า​กองกำลัง​หลัก​ของ​เผ่า​มาร​ได้​ทำการ​จู่โจม​กองทัพ​เส้น​ตะวันออก​ของ​เผ่า​มนุษย์​อย่างรุนแรง

​หน้า​ดิน​สีดำ​บน​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ถูก​พลิก​กระจาย​ ​แล้ว​ตกลง​มาดุจ​ห่า​ฝน​ ​ทั่วทุก​หน​แห่ง​มี​แต่​เสียง​อาวุธ

​กระทบกระทั่ง​กัน​ ​เสียง​อู้อี้​และ​เสียงร้อง​โหยหวน​ ​รวมทั้ง​เสียง​ก่อตัว​ของ​ค่าย​กล

​กองทัพ​เส้น​ตะวันออก​ต้านทาน​การ​จู่โจม​ดุจ​กระแสน้ำ​ของ​เผ่า​มาร​อย่าง​ยากลำบาก​ ​จน​ในที่สุด​ช่วง​บ่าย​ก็​มี​เวลา​พัก​ที่​กว่า​จะ​หา​ได้

​ค่าย​ใหญ่​มีคำ​สั่ง​ด่วน​ถึง​แนวหน้า​ ​ขอให้​กองทหาร​ที่อยู่​แถวหน้า​สุด​รีบ​ถอยทัพ​ ​แล้ว​ให้​ทหารม้า​กองหนุน​ผลัดเปลี่ยน​เข้าแทนที่

​ลูกธนู​โบยบิน​อยู่​บน​ฟ้า​ ​ปราม​พล​หอก​ของ​ฝ่ายตรงข้าม​ ​และ​ปกป้อง​กำลัง​พล​ของ​ฝ่าย​ตน

​กระบวนการ​ทั้งหมด​ดำเนิน​ไป​อย่าง​มีระเบียบ​ ​แต่​มีปัญหา​บางอย่าง​เกิดขึ้น​ใน​ที่​แห่งหนึ​่ง

​ค่าย​เป่ย​ซาน​ที่อยู่​แนวหน้า​สุด​ตั้งแต่​เปิดศึก​มา​จนถึง​ตอนนี้​ ​ปฏิเสธ​ที่จะ​ถอยทัพ

​เนื่องจาก​กวน​เฟย​ไป๋​ไม่เชื่อฟัง​คำสั่ง

​เขา​มิใช่​ผู้บัญชาการ​ของ​ค่าย​เป่ย​ซาน​ ​แต่​เขา​คือ​ศิษย์​พรรค​กระบี่​หลี​ซาน​ ​คือ​ผู้​แข็งแกร่ง​สุด​ใน​กอง

​ช่วงแรก​ ​เขา​กับ​ศิษย์​น้อง​สอง​คน​เสี่ยงอันตราย​ขึ้นไป​สังหาร​ชน​เผ่า​มาร​บน​หน้าผา​ ​และ​มาถึง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​เป็น​กลุ่ม​แรก

​คน​ทั้ง​ค่าย​เป่ย​ซาน​ใน​ตอนนี้​ ​จึง​ได้​แต่​ฟัง​คำสั่ง​ของ​กวน​เฟย​ไป๋

​เหตุผล​ที่​กวน​เฟย​ไป๋​ไม่ยอม​ถอย​ก็​ง่าย​มาก

​ศิษย์​น้อง​ของ​เขา​ ​เหลียง​ปั้น​หู​ตาย​แล้ว​ ​และ​กวน​ไป๋​ก็​ตาย​เพราะ​ยกทัพ​มาช​่ว​ยพ​วก​เขา

​เขา​จึง​รบ​จน​เลือดเข้าตา​ไป​แล้ว

​และ​ใน​ยาม​คับขัน​สุด​ๆ​ ​สวี​โหย​่ว​หร​งก​็​มาถึง​ที่เกิดเหตุ​ ​พร้อม​เสียงร้อง​ของ​นก​กระ​เรียน

​กวน​เฟย​ไป๋​จับ​กระบี่​ ​หรี่​ตาม​อง​นาง​ ​แล้ว​ส่งเสียง​แหบแห้ง​ชนิด​ต่ำสุด​ออกมา​ ​คล้าย​สัตว์ป่า​ที่​ไม่ได้​ดื่ม​น้ำ​มา​หลาย​วัน

​“​ศิษย์​น้อง​ ​อย่า​ห้าม​ข้า​”

​ดวงตา​ที่​หรี่​ลง​ของ​เขา​เป็น​สีแดง​โลหิต

​สวี​โหย​่ว​หรง​รู้​ว่า​เขา​ดูเหมือน​ยัง​มีเหตุผล​ ​ยัง​ร้อย​เรียง​คำพูด​ได้​เป็นระเบียบ​ ​แต่​ในความเป็นจริง​ ​เขา​คลุ้มคลั่ง​ไป​แล้ว​ ​ไม่​สามารถ​ตักเตือน​ได้​อีก

​“​ข้า​จำได้​ว่า​ศิษย์​พี่​ชิว​ซาน​น่าจะ​เตรียม​ถุง​ผ้าแพร​ใบ​หนึ่ง​ให้​พวก​ท่าน​ไว้​”

​สวี​โหย​่ว​หร​งม​อง​ตาเขา​พลาง​ว่า​ ​“​ท่าน​น่าจะ​เปิด​ออก​ดู​”

​……

​……