ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 108 รถคันหนึ่ง ภาพภาพหนึ่ง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​หิมะ​แรก​ใน​ปีนี​้​มา​เร็ว​กว่า​ปีก่อน​ๆ​ ​มาก

​ตาม​บันทึก​ทางการทหาร​ ​กระทั่ง​เป็น​ปี​ที่​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​มี​หิมะ​ตก​อย่างเป็นทางการ​เร็ว​ที่สุด​ ​ใน​รอบ​สาม​ร้อย​ปี​ทีเดียว

​หิมะ​ตก​มิได้​หมายความว่า​ ​อากาศ​จะ​หนาวเย็น​ฉับพลัน​ ​แต่​อย่างน้อย​ก็​บอก​แนวโน้ม​บางอย่าง

​ที่​น่ากลัว​กว่า​ก็​คือ​ ​สำหรับ​ทั้งสองฝ่าย​ที่​อ่อนล้า​จนถึง​ขีดสุด​ ​ประโยชน์​ของ​ลางสังหรณ์​ใน​ใจ​เช่นนี้​ ​อาจ​เปลี่ยน​สถานการณ์​การ​รบ​ทั้งหมด​ในทันที

​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ต้อนรับ​ความเยือกเย็น​ ​ด้วย​การ​สะสม​หิมะ​ไว้​นาน​ครึ่ง​ปี​โดย​ไม่​ละลาย​ ​แต่​สำหรับ​พลทหาร​เผ่า​มนุษย์​ ​การ​ดำเนินการ​สู้รบ​ท่ามกลาง​สิ่งแวดล้อม​ที่​มีส​ภาพ​อากาศ​แบบนี้​ ​ก็​ไม่​ต่าง​อะไร​กับ​การ​เดิน​เข้าสู่​ความตาย

​ทุกคน​ล้วน​เข้าใจ​ดี​ว่า​ ​หิมะ​ตก​ครั้งนี้​ ​ใน​สงคราม​หมายถึง​อะไร

​เพื่อ​ทำลาย​ความมั่นใจ​ที่​พลทหาร​เผ่า​มาร​สร้าง​ขึ้น​มา​ใหม่​ ​เพื่อ​ทำลาย​ลางสังหรณ์​ที่​อัปมงคล​เช่นนี้​ ​กระทั่ง​แม้​เพียง​เพื่อให้​พลทหาร​เผ่า​มนุษย์​ไม่​คิดถึง​ปัญหา​นี้​มาก​ ​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​จึง​เริ่ม​ทำการ​ล้อม​เมือง​อย่าง​ไม่​ลังเลใจ​แม้แต่น้อย​ ​กองทัพ​เส้น​ตะวันตก​ถูก​ขอให้​เร่งความเร็ว​ใน​การ​เก็บกวาด​สนามรบ

​ใน​ช่วงเวลา​สำคัญ​เช่นนี้​ ​ชน​เผ่า​มนุษย์​ได้​แสดงให้เห็น​ความกล้าหาญ​และ​การตัดสินใจ​อย่างเด็ดเดี่ยว​ที่​ไม่ธรรมดา​ ​โดยเฉพาะ​ผู้​แข็งแกร่ง​เหล่านั้น

​เพื่อ​ชดเชย​ความผิดพลาด​แต่แรก​ของ​ตน​ตอน​อยู่​ยอดเขา​นั่งรื​่อ​หลั่ง​ ​เซียง​อ๋อง​ได้​ออกศึก​อย่างกล้าหาญ​ ​และ​บาดเจ็บสาหัส​อีกครั้ง

​เซียว​จาง​ก็​ปรากฏตัว​แล้ว​ ​ว่าว​สามารถ​ลอย​ไป​ถึง​ภูเขา​เยียน​จือ​ ​แต่​ไม่​สามารถ​ลอย​ข้าม​กำแพงเมือง​นั่น​ได้​ ​และ​เขา​ก็​หาย​ไป​อย่างไร​้​ร่องรอย​อีกครั้ง

​ในที่สุด​ ​เหลียง​หวัง​ซุน​ก็​ปรากฏตัว​ขึ้น​ใน​สนามรบ​ ​ดอกบัว​สีทอง​เบ่งบาน​หน้าเมือง​เสวี​่ย​เหล่า

​และ​สุดท้าย​เขา​ก็ได้​รับ​บาดเจ็บสาหัส​ ​สลบไสล​ไม่​ฟื้น​ ​ถูก​แบก​กลับ​เมือง​สวิน​หยาง

​เหลียง​ปั้น​หู​ ​และ​เหลียง​หง​จวง​รบ​จน​ตัว​ตาย​ ​เหลียง​หวัง​ซุน​บาดเจ็บสาหัส

​ใน​รัชสมัย​ก่อน​ ​สกุล​เหลียง​สู้รบ​กับ​เผ่า​มาร​ ​โดย​ไม่​คำนึงถึง​ความ​เป็นปฏิปักษ์​กับ​ราชวงศ์​เฉิน​ ​จน​ถูก​ยกย่อง​ว่า​กล้าหาญ​และ​ภักดี

​ไม่รู้​ว่า​ผู้สมคบ​คิด​กับ​เผ่า​มาร​ใน​ตอนนั้น​อย่าง​เหลียง​เสี้ยว​เสี่ยว​ ​ถ้า​ตอนนี้​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ ​พอ​เห็นภาพ​เหล่านี้​แล้ว​ ​จะ​มี​ความคิด​เช่นไร

​พอ​เกิด​โศกนาฏกรรม​ของ​ผู้​แข็งแกร่ง​เผ่า​มนุษย์​ขึ้น​ ​บวก​กับ​การ​ย้าย​ทหาร​ไป​และ​ส่ง​แม่ทัพ​มา​ของ​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​ ​บรรยากาศ​กดดัน​ที่​หิมะ​แรก​นำพา​มาค​่อย​ผ่อนคลาย​ลง​บ้าง

​แต่​การ​ตก​ไม่​หยุด​ของ​หิมะ​ ​ร่วมกับ​ยัง​ไม่เห็น​ผล​ของ​การ​ใช้​ยุทโธปกรณ์​ปิดล้อม​เมือง​ ​ขวัญ​และ​กำลังใจ

ของกอง​ทัพ​เผ่า​มนุษย์​จึง​ยังคง​ลดลง​เรื่อยๆ

​ขณะที่​เฉิน​ฉาง​เซิง​กับ​สวี​โหย​่ว​หรง​เตรียม​ลงมือ​นั้น​ ​ก็​เกิดเรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น

​พูด​ให้​ถูกต้อง​ก็​คือ​ ​รถ​คัน​หนึ่ง​ได้มา​ถึง​นอกเมือง​เสวี​่ย​เหล่า

​ตัว​รถ​มิได้​เทียม​ด้วย​ม้า​ ​มิได้​เทียม​ด้วย​วัว​ ​และ​มิได้​เทียม​ด้วย​ล่อ​ ​ไม่มี​ปศุสัตว์​ลากจูง​ ​แต่กลับ​วิ่ง​ไป​ข้างหน้า​ได้​เอง​ ​ดูๆ​ ​ไป​ก็​ค่อนข้าง​มหัศจรรย์

​ล้อรถ​บด​ลง​ไป​ใน​ดิน​โคลน​และ​หิมะ​ ​ส่งเสียง​ดังเอี๊ยดอ๊าด ​ดู​ช้า​มาก​ ​แต่กลับ​วิ่ง​จาก​ทางใต้​มาถึง​ค่ายทหาร​ได้​เร็ว​ยิ่ง

​ที่​มหัศจรรย์​กว่า​ก็​คือ​ ​การ​เดินทาง​อย่าง​ยาวนาน​จาก​ทางใต้​มาถึง​ที่นี่​หลาย​หมื่น​ลี้​ ​ระหว่างทาง​ไม่รู้​ว่า​มีท​หาร​เดนตาย​และ​นักเลง​หัวไม้​มาก​น้อย​เพียงใด​ ​รถ​คัน​นี้​ไม่มี​ทหารม้า​คุ้มกัน​สัก​นาย​ ​แต่กลับ​อยู่รอด​ปลอดภัย

​สายตา​นับไม่ถ้วน​พุ่ง​ไป​ที่​รถ

​ม่าน​หน้าต่าง​รถ​ถูก​เลิก​ขึ้น​ ​นักพรต​น้อย​ผู้​หนึ่ง​โผล่​ศีรษะ​ออกมา​ ​พอ​เห็น​ผู้คน​นับ​แสน​ใน​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ ​ก็​ปิดปาก​ด้วย​ความ​ตื่นตกใจ​ ​รีบ​หด​ศีรษะ​กลับ​เข้าไป

​ใน​ระยะเวลา​อัน​สั้น​นี้​ ​เพียงพอ​ที่จะ​ให้​ผู้คน​มากมาย​เห็น​ได้​อย่างชัดเจน​ว่า​ ​นักพรต​น้อย​ผู้​นี้​ดูดี​เป็น​อย่างยิ่ง​ ​ผิวขาว​เนียน​ดุจ​หยก​ ​ดวงตา​ใส​กระจ่าง​ ​และ​ฉลาดเฉลียว

​……

​……

​“​ข้า​ค่อนข้าง​โง่เขลา​ใช่​หรือไม่​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เก็บ​สายตา​คืน​กลับ​ ​หัน​มอง​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​ลังเล​เล็กน้อย​ก่อน​ว่า​ ​“​แล้วก็​…​ไม่ได้​ดูดี​มาก​นัก​?​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​รู้​ว่า​เขา​กำลัง​คิด​อะไร​อยู่​ ​จึง​ว่า​ ​“​ตอน​เป็น​เด็ก​ ​เจ้า​ดูดี​กว่า​เขา​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ว่า​ ​“​ตอน​เด็ก​ๆ​ ​เรา​แค่​เขียนจดหมาย​ถึงกัน​ ​ไม่เคย​พบ​หน้า​กัน​สักหน่อย​”

​สวี​โหย​่ว​หรง​ว่า​ ​“​เรื่อง​นี้​ ​ท่าน​นก​กระ​เรียน​พูด​”

​เสียงร้อง​ของ​นก​ระ​เรียน​ดัง​มาจาก​ฟากฟ้า

​นั่น​คือ​คำยืนยัน​จาก​กระ​เรียน​ขาว

​……

​……

​รถ​คัน​เล็ก​จอด​อยู่​ใน​ภูเขา​ลูก​เล็ก​ๆ​ ​นอก​สนามรบ

​ม่าน​หน้าต่าง​รถ​ถูก​เลิก​ขึ้น​อีกครั้ง​ ​ก่อน​แขวน​กับ​ตะขอ​ไม้

​นักพรต​น้อย​กระโดด​ลง​บน​พื้นดิน​ ​แล้ว​ยื่นมือ​ออก​ ​พยุง​คนใน​รถ​ให้​ก้าว​ออกมา

​สายตา​นับไม่ถ้วน​มองตาม​การ​เคลื่อนที่​ของ​รถ​คัน​เล็ก​ ​จาก​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ทางใต้​ ​มา​จนถึง​ภูเขา​ลูก​เล็ก​ๆ​

​กระทั่ง​สงคราม​เสียง​ก่น​ด่า​ของ​นักรบ​ชน​เผ่า​นอกเมือง​เสวี​่ย​เหล่า​เหล่านั้น​ก็​ล้วน​หยุด​ลง​

​หลังจาก​เห็น​นักพรต​น้อย​ที่​ผิวเนียน​เรียบ​ดุจ​หยก​ ​หลาย​คน​ก็​เดา​ได้​แล้ว​ว่า​คนใน​รถ​คือ​ใคร

​เร้น​กาย​จาก​โลก​อยู่​สิบ​ปี​ ​ไม่ได้​แปล​ว่า​ชาวโลก​ไม่รู้​ความเคลื่อนไหว​ใน​อาราม​ฉาง​ชุน

​หลาย​คน​ล้วน​รู้​ว่า​ ​ใน​อาราม​มีนัก​พรต​น้อย​เพิ่มขึ้น​มาคน​หนึ่ง

​ส่วน​ที่ว่า​ ​นี่​คือ​การ​แข่ง​บารมี​กัน​ระ​หว่า​ศิษย์​กับ​อาจารย์​คู่​นั้น​หรือไม่​นั้น​ ​ใคร​จะ​รู้​เล่า

​……

​……

​ซาง​สิง​โจว​ยัง​มา​แล้ว

​ใน​ช่วงเวลา​ที่​ขวัญ​กำลังใจ​ของ​มวลมนุษย์​ตกต่ำ​สุด​

​ใน​ช่วงเวลา​วิกฤต​และ​อันตราย​ที่สุด​ของ​สงคราม​ใน​ครั้งนี้

​เวลา​ห่าง​กัน​นับ​ร้อย​ปี​ ​เขา​มาถึง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​อีกครั้ง

​หลาย​คน​เดา​ได้​ ​รวมทั้ง​ตัว​เขา​เอง​ด้วยว่า​ ​นี่​น่าจะเป็น​ครั้งสุดท้าย​ที่​เขา​มา​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า

​นอกจาก​เซียง​อ๋อง​ที่​บาดเจ็บ​แล้ว​ ​เหล่า​บุคคล​สำคัญ​ใน​กองทัพ​ต่าง​ทยอย​กัน​ไป​คารวะ​เขา​ที่​ภูเขา​ลูก​เล็ก​ทำให้​เส้นทาง​ไป​กลับ​ระหว่าง​ท้องทุ่ง​รกร้าง​แต่ละ​ที่​นอกเมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​กับ​ภูเขา​ลูก​เล็ก​เกิด​ฝุ่นตลบ​ไม่​หยุด

​การ​เร้น​กาย​ในลั​่ว​หยาง​นาน​สิบ​ปี​ ​มิได้​ทำให้​ชื่อเสียงเรียงนาม​ของ​ซาง​สิง​โจว​เสื่อม​คลาย​ลง​เลย​ ​แถม​ยัง​ดัง​มากกว่า​เดิม​ด้วยซ้ำ

​……

​……

​ขณะ​มองดู​ฝุ่น​ควัน​สาย​แล้ว​สาย​เล่า​ใน​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ ​ราชัน​แห่ง​หลิง​ไห่​ก็​ค่อยๆ​ ​เกิด​ความกังวล​บน​ใบหน้า​ ​หัน​มอง​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​อยาก​พูด​เตือน​สัก​สอง​สาม​คำ​ ​แต่​รู้​ว่า​ตอนนี้​ไม่ใช่​เวลา​ที่​เหมาะสม

​มุข​นายก​ใหญ่​อัน​หลิน​กลับ​จาก​แนวหน้า​ที่​อันตราย​สุด​ ​เขา​นำ​ศพ​ของ​กวน​ไป๋​กลับมา​ด้วย

​นักรบ​เผ่า​มาร​นับ​แสน​ที่มา​จาก​ชน​เผ่า​ต่างๆ​ ​นอกเมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​แม้​ไม่ได้​รับ​ความ​ไว้เนื้อเชื่อใจ​จาก​ราชวงศ์​ทั้งหมด​ ​แต่​ศักยภาพ​การ​ของ​การเข่นฆ่า​ใน​สนามรบ​นั้น​น่ากลัว​จริงๆ

​เฉิน​ฉาง​เซิง​นั่ง​อยู่​ข้าง​ร่าง​ของ​กวน​ไป๋​เนิ่นนาน

​ตอน​สำนัก​จัดแสดง​วิทยา​ยุทธ์​ ​กวน​ไป๋​ยืน​ดู​เขา​อยู่​ข้าง​ถนน​ ​นี่​เป็นการ​พบกัน​ครั้งแรก

​จากนั้น​กวน​ไป๋​ก็​เข้า​เมือง​ไป​กับ​อู๋ฉ​ยง​ปี้​ ​ฆ่า​สุนัขจรจัด​อย่าง​เหี้ยมโหด​ ​แล้ว​กวน​ไป๋​ก็​แขนขาด​ไป​ข้าง​หนึ่ง

​เนื่องจาก​เรื่อง​นี้​ ​ไม่ว่า​เปี​๋ย​ยั่ง​หง​พูด​อย่างไร​ ​ไม่ว่า​ที่สุด​แล้ว​อู๋ฉ​ยง​ปี้​มีส​ภาพ​ที่​น่าอนาถ​อย่างไร​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​ไม่เคย​ให้อภัย​นาง

​เขา​รู้สึก​ว่า​คน​อย่าง​กวน​ไป๋​ ​ควรค่า​แก่​การ​เคารพ​มากกว่า​นี้​ ​และ​ควร​มี​จุดจบ​ที่​ดีกว่า​นี้

​นึกไม่ถึง​ว่า​ ​สุดท้าย​ยังคง​เป็น​เช่นนี้​ ​เช่นนี้​เท่านั้น

​“​เหลียง​ปั้น​หู​ล่ะ​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ถาม​มุข​นายก​ใหญ่​อัน​หลิน

​เขา​จำได้​อย่างแม่นยำ

​เนื่องจาก​มาถึง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ก่อน​ใคร​ ​กองทัพ​เส้น​ตะวันออก​ของ​ค่าย​เป่ย​ซาน​จึง​ถูก​กองทัพ​เผ่า​มาร​จับตามอง​มาต​ลอด​ ​และ​เสี่ยง​ต่อ​การถู​กล้อม​สังหาร​อยู่​หลายครั้ง

​ค่ำคืน​หนึ่ง​เมื่อ​หลาย​วันก่อน​ ​ชน​เผ่า​มาร​เผ่า​ใหญ่​ๆ​ ​สิบ​กว่า​เผ่า​ ​ร่วมมือ​กัน​ดำเนินการ​โต้ตอบ​เป็นครั้งแรก​ ​เป้าหมาย​คือ​ค่าย​เป่ย​ซาน

​การต่อสู้​ใน​คืน​นั้น​ดำเนิน​ไป​อย่าง​โหดร้าย​ ​กวน​ไป๋​นำ​ทหารม้า​สำนัก​ฝึก​หลวง​พัน​นาย​ไป​ช่วย​ติดต่อกัน​หลาย​คืน​ ​จน​วิกฤต​ได้รับ​การ​แก้ไข​ใน​ช่วง​สุดท้าย

​แต่​กวน​ไป๋​ก็​รบ​จน​เสียชีวิต​ ​และ​เหลียง​ปั้น​หู​ ​หนึ่ง​ใน​สาม​ทหารม้า​ที่​ไป​ถึง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ก่อน​…​ก็​เสียชีวิต​ใน​สนามรบ​เช่นกัน

​“​เหลียง​ปั้น​หู​เลือก​ที่จะ​ระเบิด​ตัวเอง​”​ ​พอ​มุข​นายก​ใหญ่​อัน​หลิน​นึกถึง​ภาพ​ใน​สนามรบ​อัน​โหดร้าย​ ​ใบหน้า​ก็​เศร้าหมอง​ลง​ ​มอง​เฉิน​ฉาง​เซิง​พลาง​ลังเล​เล็กน้อย​ ​ก่อน​ว่า​ ​“​ไม่รู้​ว่า​เป็น​เพราะ​อยาก​ชดใช้​ความผิด​ให้​พี่น้อง​ใน​ตระกูล​หรือเปล่า​ ​ได้ยิน​มา​ว่า​เขา​บุก​ตะลุย​เข่นฆ่า​ใน​สนามรบ​อย่าง​อาจหาญ​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​นิ่งเงียบ​ ​ไม่รู้​ว่า​ใน​เวลา​เช่นนี้​ ​ตน​ควร​พูด​อะไร​ดี

​มุข​นายก​ใหญ่​อัน​หลิน​จึง​พูด​ต่อ​ ​“​กวน​เฟย​ไป๋​ใน​ตอนนี้​มีปัญหา​ทาง​อารมณ์​นิดหน่อย​ ​ต้องหา​วิธีทำ​ให้​เขา​ถอยกลับ​มา​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ว่า​ ​“​เจ้า​ไปหา​รือ​กับ​โหย​่ว​หรง​สิ​”

​อัน​หลิน​รับคำ​ ​แล้ว​จากไป

​ราชัน​แห่ง​หลิง​ไห่​จึง​ว่า​ ​“​เรา​ควร​ไปดู​ที่นั่น​สักหน่อย​ไหม​”

​ที่นั่น​ย่อม​หมายถึง​ภูเขา​ลูก​เล็ก​ ​ที่​ซาง​สิง​โจว​อยู่

​จนถึง​ตอนนี้​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​ยัง​ไม่ได้​ไป​ที่นั่น​ ​ราชัน​แห่ง​หลิง​ไห่​กำลัง​รอนั​กบวช​จาก​พระราชวัง​หลี​ ​จึง​ยัง​ไม่ได้​ไป​เช่นกัน​ ​ซึ่ง​ความจริง​แล้ว​ ​มีนั​กบวช​หลาย​คน​มอง​ไป​ที่นั่น​ไม่หยุดหย่อน

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เป็น​สังฆราช​ ​มี​ฐานะ​สูงส่ง​ ​แต่​อย่างไร​ก็​เป็น​ศิษย์​ ​ไม่​ไป​เยี่ยม​คารวะ​ก่อน​ ​ดู​ไม่​สมเหตุสมผล​อยู่​บ้าง

​“​ไม่ต้อง​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ดึง​ผ้า​ขาว​ขึ้น​ ​ปิด​ใบหน้า​ของ​กวน​ไป๋

​เขา​เดิน​นำ​ราชัน​แห่ง​หลิง​ไห่​ออก​นอก​กระโจม​ ​แล้ว​มอง​ไป​ยัง​ภูเขา​ลูก​เล็ก​ที่อยู่​ห่าง​ออก​ไป​ ​อยาก​พูด​อะไร​บางอย่าง​ ​แต่​ในที่สุด​ก็​ไม่ได้​พูด

​เช่นนี้​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​จึง​ยังอยู่​ใน​กระโจม​ตนเอง

​ซาง​สิง​โจว​ก็​ยังอยู่​ใน​รถ​ตนเอง

​ศิษย์​อาจารย์​ต่าง​นิ่งเงียบ​ ​ใน​ระยะห่าง​กัน​ร้อย​กว่า​ลี้

​นานๆ​ ​ครั้ง​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​จึง​จะ​มอง​ไป​ทาง​นั้น​ที​หนึ่ง

​แต่​ซาง​สิง​โจว​กลับ​หลับตา​ตั้งแต่แรก​ ​ปล่อย​ให้​แสงอาทิตย์​ที่​ไม่​อบอุ่น​ของ​เผ่า​มาร​ส่อง​ต้อง​ใบหน้า​ ​ราวกับ​อยาก​รีด​ริ้วรอย​ที่​เหี่ยว​ย่น​ให้​เรียบ​ลง​เสียหน่อย

​ทุกคน​รวมทั้ง​ชน​เผ่า​มาร​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​ล้วน​อยากรู้​ว่า​ซาง​สิง​โจว​จะ​ทำ​อะไร​ต่อ

​คิด​ๆ​ ​แล้วก็​รู้สึก​ว่า​ ​เขา​ไม่น่า​จะ​นั่ง​ดูกา​รสู​้​รบ​อยู่​ใน​รถ​คัน​เล็ก​เช่นนี้

​และ​แล้ว​เช้า​วันรุ่งขึ้น​ ​ผู้คน​ก็​เห็น​ว่า​ ​ซาง​สิง​โจว​ทำ​อะไร​บ้าง

​เขา​กำลัง​แขวน​ภาพ​ภาพ​หนึ่ง​บน​ฟ้า