ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 107 หิมะแรก

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​ไม่ว่า​จะ​ยินยอม​หรือไม่​ ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ก็​อยู่​ที่นั่น​ตลอดกาล​ ​รอกา​รก​ลับ​มา​ของ​คน​เร่ร่อน​หรือ​ชาว​ต่างถิ่น​ที่​มี​เจตนา​ไม่ดี

​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ยังอยู่​ทางใต้​ ​ประตูเมือง​ทางเหนือ​จึง​มี​การป้องกัน​เพียง​เล็กน้อย​ ​โดย​ยัง​สามารถ​เข้าออก​ได้​ตามปกติ

​อสูร​ใน​ที่​กักกัน​ลาก​เกวียน​เล่ม​ใหญ่​ไป​บน​พื้นกระเบื้อง​หิน​ ​ดึงดูดสายตา​ชน​เผ่า​มาร​มากมาย

​ขณะ​ชน​เผ่า​มาร​มองดู​ศพ​รูปร่าง​สูงใหญ่​บน​เกวียน​ ​ใบหน้า​ที่​ซีด​ขาว​กับ​ดวงตา​สีฟ้า​เข้ม​ของ​พวกเขา​ก็​เต็มไปด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​ ​ต่าง​กรีดร้อง​เสียงดัง​ขึ้น​มา​

​ภาษา​ใน​เผ่า​มาร​มี​หลากหลาย​ ​ชนชั้น​ที่​แตกต่าง​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ใช้​ภาษา​ที่​แตกต่าง​กัน​ ​แต่​ตอนนี้​เสียง​กรีดร้อง​ส่วนใหญ่​ล้วน​มีพ​ยางค์​ที่​คล้ายคลึง​กัน​…​กู้​ไอ

​ไม่มีใคร​สังเกตเห็น​ว่า​ ​ศพ​รูปร่าง​สูงใหญ่​นั้น​มีบาด​แผล​ยาว​เป็น​ทาง​ ​บริเวณ​ทรวงอก​มี​รู​เล็ก​ๆ​ ​อยู่​หนึ่ง​รู​ ​และ​บังเอิญ​ถูก​เงา​ของ​เสื้อ​หนัง​สัตว์​บัง​ไว้

​ถ้า​ใคร​เข้าไป​ดู​ใกล้​ๆ​ ​ก็​จะ​เห็นภาพ​ที่​แปลก​และ​น่ากลัว​มาก​ภาพ​หนึ่ง

​ใน​รู​เล็ก​ๆ​ ​มีด​วง​ตาด​วง​หนึ่ง​ ​แววตา​สงบนิ่ง​มาก​ ​ไม่มี​อารมณ์​ใดๆ​ ​แต่​เห็นชัด​ว่ายั​งมี​ชีวิต​อยู่

​“​หลาน​ของ​ยักษ์​กู้​ไอ​นี่​”

​เจ๋อ​ซิ่ว​เคย​ดู​ข้อมูล​ลับ​สุดยอด​ใน​กรม​ทหาร​มาก​่อน​ ​จึง​รู้​ว่า​หนุ่ม​สูงศักดิ์​ที่​เสียชีวิต​ด้วย​น้ำมือ​ตน​ผู้​นี้​คือ​ใคร​ ​จึง​ไม่​คิดถึง​ปัญหา​นี้​อีก​ ​ประเมิน​สิ่งก่อสร้าง​และ​ถนน​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ผ่าน​รู​เล็ก​ๆ​ ​บน​ร่าง​หนุ่ม​ผู้สูงศักดิ์

​ลักษณะ​ภายนอก​ของ​มนุษย์​กับ​ชน​เผ่า​มาร​ชั้นสูง​มีบา​งอย​่า​งค​ล้าย​คลึง​กัน​ ​แต่​ทั้งสอง​สายพันธุ์​กลับ​ต่างกัน​อย่าง​สิ้นเชิง​ ​ทั้งสองฝ่าย​สู้รบ​กัน​มานับ​หมื่น​ปี​ ​จน​ผูก​เป็น​ปม​ทะเล​โลหิต​ที่​แค้น​ฝัง​ลึก​ ​ไม่​สามารถ​แก้​ออก​แต่แรก​ ​ไม่ว่า​ทั้ง​ทาง​วัตถุ​หรือ​ทางจิต​วิญญาณ​ ​ระหว่าง​ทั้งสองฝ่าย​ก็​แยก​ออกจาก​กัน​อย่าง​สิ้นเชิง​ ​มี​เพียง​ยุคสมัย​ของ​มหาบัณฑิต​ทง​กู่​ซือ​ ​ที่​เคย​ทำการ​แลกเปลี่ยน​กัน​อย่างจำกัด​ใน​ระยะเวลา​สั้น​ๆ​

​วัน​เวลา​นับไม่ถ้วน​ใน​อดีต​ ​มี​ชน​เผ่า​มาร​น้อยมาก​ที่​เคย​ปรากฏตัว​ใน​เมืองหลวง​ ​และ​ส่วนใหญ่​ก็​มี​จุดจบ​ที่​อนาถ​ยิ่ง​ ​ส่วน​ชน​เผ่า​มนุษย์​…​ตั้งแต่​หวัง​จือ​เช่​อกั​บรา​ชามาร​ลงนาม​ใน​ข้อตกลง​สงบศึก​ ​ก็​ไม่มี​มนุษย์​คนใด​สามารถ​เหยียบ​เข้าไป​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​อีก​ ​เจ๋อ​ซิ่ว​จึง​เป็น​คน​แรก​ที่​เข้ามา​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ใน​รอบ​หลาย​ร้อย​ปีก​็​ว่า​ได้

​สำหรับ​ชน​เผ่า​มนุษย์​ ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​คือ​ความ​แปลกแยก​ ​คือ​ความ​ชั่วร้าย​ ​คือ​รัง​ของ​พวก​มาร​ ​คือ​หุบเหว​แห่ง​บาป​ ​เช่นนั้น​แล้ว​ ​มัน​คือ​อะไร​กัน​แน่

​เจ๋อ​ซิ่ว​รู้อยู่​แต่ว่า​ ​กำแพงเมือง​นี้​สูง​มาก​ ​สูง​กว่าลั​่ว​หยาง​หลายเท่า​ ​ทั้งๆ​ ​ที่​เดินผ่าน​ประตูเมือง​มานาน​แล้ว​ ​ก็​ยัง​เห็น​ตะ​ใคร่​น้ำ​กับ​หิมะ​ที่​ไม่​ละลาย​บน​กำแพงเมือง​ได้​อย่างชัดเจน​ ​ถนน​ของ​ที่นี่​ตรง​และ​กว้าง​มาก​ ​สิ่งก่อสร้าง​ก็​สูงใหญ่​ ​ส่วนใหญ่​สร้าง​จาก​หิน​ ​ดู​หยาบ​ไป​หน่อย​ ​แต่​ก็​มี​ความงาม​ที่​ชัดเจน​ชนิด​หนึ่ง​ ​และ​ทุก​ช่วง​ระยะ​ ​จะ​เห็น​สิ่งก่อสร้าง​ที่​มีย​อด​แหลม​ชนิด​หนึ่ง​ ​ไม่รู้​ว่า​ใช้งาน​อย่างไร​ ​แต่​ทำให้​ผู้คน​รู้สึก​ยิ่งใหญ่​และ​ศักดิ์สิทธิ์

​ไม่รู้​ว่า​เดิน​มานาน​แค่ไหน​ ​ท้องฟ้า​ค่อยๆ​ ​สว่าง​ขึ้น​ ​ได้เวลา​เที่ยงวัน​แล้ว​ ​ทว่า​ทันใด​ ​ดวงอาทิตย์​กลับ​ถูก​บดบัง​ ​ทิ้ง​เงามืด​ไว้​ผืน​หนึ่ง​ ​เจ๋อ​ซิ่ว​เห็น​แท่งหิน​สีดำ​แท่ง​หนึ่ง​ ​ไม่รู้​ทำ​จาก​วัสดุ​อะไร​ ​แต่​พอ​จ้องมอง​ไป​ ​สายตา​ก็​คล้าย​ถูก​ดูด​จน​สะอาด

​คล้าย​ผ่าน​การ​ตรวจสอบ​แล้ว​ ​อสูร​ใน​ที่​กักกัน​เดิน​ไป​ข้างหน้า​ต่อ​ ​มี​แท่งหิน​สีดำ​ผ่าน​เข้ามา​ใน​สายตา​ของ​เจ๋อ​ซิ่ว​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ห่าง​กัน​สิบ​กว่า​จั้ง​ก็​เห็น​แท่ง​หนึ่ง​ ​ขณะ​ยืน​อยู่​ท่ามกลาง​เนินเขา​สีเขียว​ ​เนื่องจาก​ทัศนวิสัย​ใน​การ​มอง​ถูก​บดบัง​ ​เขา​จึง​ไม่​สามารถ​เห็นภาพ​ทั้งหมด​ของ​ที่นี่​ ​แต่​ถ้า​จะ​ให้​คาดเดา​จาก​ภาพ​ที่​เห็น​ ​ก็​สามารถ​จินตนาการ​ได้​ว่า​ ​ภาพ​นั้น​น่าจะ​ยิ่งใหญ่​อลังการ​มาก

​บน​เนินเขา​สีเขียว​มี​แท่งหิน​สีดำ​ไป​ทั่ว​ ​มอง​ไป​คล้าย​สุสาน​ขนาดใหญ่​ ​และ​คล้าย​ค่าย​กล​ที่​ใช้​ใน​พิธี​บวงสรวง​ชนิด​หนึ่ง

​เจ๋อ​ซิ่ว​รู้สึก​ว่า​ศพ​ของ​หนุ่ม​ผู้สูงศักดิ์​ถูก​ยกขึ้น​ ​จากนั้น​ก็​ถูก​วาง​ลง​ใน​หลุม​ที่ต่ำ​กว่า​พื้นดิน​เล็กน้อย​อย่างระมัดระวัง​และ​ค่อยเป็นค่อยไป

​เขา​พลัน​รู้สึก​ว่า​ ​มีบา​งอย​่าง​ไม่​ถูกต้อง

​ใน​แผน​เดิม​ ​หลังจาก​ฝังศพ​ของ​หนุ่ม​สูงศักดิ์​เสร็จ​เรียบร้อย​ ​เขา​จะ​รอ​อยู่​ใต้ดิน​สอง​สาม​วัน​ ​จากนั้น​ค่อย​จากไป​หา​หนาน​เค​่อ

​ตามที่​เขา​เข้าใจ​เกี่ยวกับ​เผ่า​มาร​ ​สุสาน​ของ​ตระกูล​หนุ่ม​ผู้สูงศักดิ์​แบบนี้​ ​น่าจะ​อยู่​ใน​ที่​ที่​ห่าง​จาก​พระราชวัง​มาร​ไม่​ไกล

​ตอน​เห็น​แท่งหิน​ขนาดใหญ่​เหล่านี้​ ​เขา​ยัง​นึก​ไป​จริงๆ​ ​ว่า​ ​นี่​คือ​สุสาน​ของ​ตระกูล​หนุ่ม​ผู้สูงศักดิ์​

​สมาชิก​ใน​ตระกูล​กู้​ไอ​มี​รูปร่าง​สูงใหญ่​มา​แต่ไหนแต่ไร​ ​จึง​เรียกกันว่า​ยักษ์​กู้​ไอ​ ​เขา​นึก​ว่า​ป้าย​สุสาน​ของ​ตระกูล​ก็​น่าจะ​ใหญ่​กว่า​ปกติ

​แต่​จาก​ฐานะ​ของ​หนุ่ม​ผู้สูงศักดิ์​ ​การฝังศพ​ไม่น่า​จะ​รีบร้อน​เช่นนี้​ ​แม้​อยู่​ใน​ช่วง​สงคราม​ก็ตาม

​ที่นี่​ถ้า​ไม่ใช่​สุสาน​ตระกูล​กู้​ไอ​ ​แล้ว​คือ​ที่ไหน​กัน​ ​และ​เหตุใด​ถึง​ได้​มี​แท่งหิน​สีดำ​ลึกลับ​มากมาย​ขนาด​นี้

​ผ่าน​ไป​ช่วง​หนึ่ง​ ​ก็​ยัง​ไม่​ปิด​ฝา​โลง​ ​ทำให้​เจ๋อ​ซิ่ว​ยิ่ง​รู้สึก​แปลกใจ

​เขา​ยื่น​นิ้ว​ออกจาก​บาดแผล​บน​ร่าง​ของ​หนุ่ม​ผู้สูงศักดิ์​ ​ถอด​เสื้อ​ไป​ไว้​ด้าน​ข้าง​ ​แล้ว​มองออก​ไปนอก​หลุม

​ขอบเขต​ที่​เห็น​ยังคง​มีจำกัด​ ​สิ่ง​แรก​ที่​ดึงดูดสายตา​ยังคง​เป็น​แท่งหิน​สีดำ​แท่ง​หนึ่ง

​พอ​เข้าไป​ใกล้​ ​ค่อย​เห็นชัด​ว่า​ ​เป็น​แท่ง​สี่เหลี่ยม​ ​ยอด​บนสุด​รวบ​เป็น​มุมแหลม​ ​ชี้​ขึ้น​ฟ้า​

​สายตา​ของ​เจ๋อ​ซิ่ว​ ​จึง​มองตาม​ยอด​แหลม​ขึ้นไป​บน​ฟ้า

​เมื่อก่อน​ตอน​อยู่​ใน​ทุ่ง​หิมะ​ ​เขา​ก็​มัก​มอง​ท้องฟ้า​แบบนี้​ ​ขณะ​อ่อนล้า​จาก​การ​ไล่​ล่า​ฆ่าฟัน​ ​ต้องการ​หลบซ่อน​ตัว​ ​เขา​จะ​ฝังตัว​เอง​ไว้​ใน​หิมะ​ตลอด​ ​แล้ว​ลืมตา​มองดู​ท้องฟ้า​สีเทา​หม่น​อยู่นาน​ ​เขา​รู้​ว่า​ ​ถ้า​มอง​นานๆ​ ​จะ​เกิด​ภาพลวงตา​ได้​ง่าย​ ​สูง​ต่ำ​กลับกัน​ ​ท้องฟ้า​กลายเป็น​หุบเหว​ ​ท่าน​จะ​ล่องลอย​อยู่​ใน​ความว่างเปล่า​ ​เต็มไปด้วย​ความรู้สึก​ไม่ปลอดภัย​ ​เช่นเดียวกับ​ตอนนี้​ ​ความรู้สึก​เวิ้งว้าง​แบบ​นั้น​รุนแรง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​สุดท้าย​ก็​กลายเป็น​ลางบอกเหตุ​บางอย่าง

​ท้องฟ้า​ตรงนั้น​ ​ก็​คือ​ก้นบึ้ง​ของ​หุบเหว​ ​ราวกับ​มีด​วง​ตาด​วง​หนึ่ง​กำลัง​จ้องมอง​เขา​เงียบๆ

​เจ๋อ​ซิ่ว​รู้สึก​ว่า​ ​ร่างกาย​กำลัง​สูญเสีย​การควบ​คุม​ ​เม็ด​เหงื่อ​ที่​เย็น​ยะ​เยียบ​ค่อยๆ​ ​ผุด​ขึ้น​ ​ขณะเดียวกัน​ก็​เหมือน​พราก​เอา​ความกล้า​ไป​ด้วย

​บน​เนินเขา​สูง​ที่สุด​ซึ่ง​เขามอง​ไม่เห็น​ ​ท่ามกลาง​แท่งหิน​สี่เหลี่ยม​สีดำ​นับ​พัน​ล้อมรอบ​ ​คน​ชุด​ดำ​แหงนหน้า​มอง​ท้องฟ้า​ ​ไม่รู้​ว่า​กำลัง​ทำ​อะไร

​ทันใด​ ​คน​ชุด​ดำ​ก็​เก็บ​สายตา​คืน​กลับ​ ​กวาดตา​มอง​แท่งหิน​สี่เหลี่ยม​สีดำ​นับ​พัน

​และ​ตอนนี้​เอง​ ​หัวใจ​ของ​เจ๋อ​ซิ่ว​พลัน​เต้น​แรง​กว่า​จังหวะ​หัวใจ​ยาม​ปกติ

​ใน​ช่วง​คับขัน​ ​เลือด​ลม​พลุ่งพล่าน​โรค​เก่า​ของ​เขา​กำเริบ​ขึ้น​มา​ ​ทำให้​เขา​ตื่น​จาก​ฝันร้าย​ที่​มี​เนื้อหา​ไม่​เป็นความ​จริง​ ​และ​พบ​ว่า​คล้าย​มี​คน​กำลัง​สังเกตการณ์​ตนเอง​อยู่

​เขา​จึง​หลับตา​ ​แล้ว​ลมหายใจ​ก็​ค่อยๆ​ ​หยุด​ลง​ ​ราวกับ​คนตาย​คน​หนึ่ง​จริงๆ

​แต่​จู่ๆ​ ​ก็​มี​หิมะ​ตกลง​มาจาก​ท้องฟ้า​สีเทา​หม่น​ ​ตกลง​บน​เนินเขา​ ​ตกลง​ใน​หลุม​ ​ค่อยๆ​ ​ปกคลุม​ศพ​ชน​เผ่า​มาร​

​……

​……

​สงคราม​ระหว่าง​ชน​เผ่า​มนุษย์​กับ​ชน​เผ่า​มาร​เดิน​มาถึง​ทางตัน​ ​ซึ่ง​ยากลำบาก​เป็น​ที่สุด​ ​ท้องทุ่ง​รกร้าง​สาม​ฝ่าย​ทาง​ตอน​ใต้​ของ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​เกิด​การสู้​รบ​ไป​ทั่ว​ ​ใน​รัศมี​พัน​ลี้​ ​ไม่มี​ผืนดิน​สะอาด​สัก​ผืน​ ​มี​แต่​ความตาย​เกิดขึ้น​ทุกเมื่อ​ ​ทั้งสองฝ่าย​ล้วน​อ่อนล้า​และ​ชาชิน​จนถึง​ขีดสุด​ ​ขึ้นอยู่กับ​ว่า​ใคร​จะ​ล้ม​ลง​ก่อน

​ศรแสง​ศักดิ์สิทธิ์​ของกอง​ทัพ​เผ่า​มนุษย์​ใกล้​หมด​เต็มที​ ​ส่วน​ที่​กองหลัง​ต้อง​ส่ง​มา​เพิ่ม​ให้​ ​ก็ตาม​ไม่ทัน​ตั้งแต่​เมื่อ​สิบ​กว่า​วันก่อน​แล้ว​ ​อาวุธยุทโธปกรณ์​อื่นๆ​ ​กับ​ของ​ชนิด​เดียวกัน​กับ​หิน​ผลึก​ที่​ต้องเติม​เข้ามา​ ​ก็​ขาด​ส่ง​ไป​หลาย​วัน​แล้ว​ ​ขณะ​กองทัพ​เส้น​ตะวันตก​กำลัง​กวาดล้าง​บริเวณ​โดยรอบ​ฐาน​ที่มั่น​เผ่า​มาร​อยู่​นั้น​ ​ก็​ไม่มี​ข่าวดี​ส่ง​มาถึง​เลย

​สถานการณ์​ทาง​เผ่า​มาร​ก็​ไม่ได้​ดี​ไป​กว่า​กัน​เท่าไหร่​ ​อาวุธยุทโธปกรณ์​ที่​ใช้​ป้องกัน​เมือง​ส่วนใหญ่​เสียหาย​เกิน​กว่า​จะ​ซ่อมแซม​ได้​ ​ทำให้​บางครั้ง​กองทหาร​ม้า​เล็ก​ๆ​ ​ซึ่ง​กล้าหาญ​ที่สุด​ของ​เผ่า​มนุษย์​สามารถ​บุกเข้าไป​ใน​ที่​ที่​ห่าง​จาก​กำแพงเมือง​ไม่​ถึง​สาม​ลี้

​เช้า​วันหนึ่ง​ ​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ทางเหนือ​พลัน​มีเสียง​ร้อง​ตะโกน​ที่​เต็มไปด้วย​ความตื่นเต้น​ดีใจ​ดัง​มา​ ​ตามด​้วย​ ​เสียง​ที่​คลับคล้าย​เสียงเพลง​ ​แล้ว​เสียง​กรีดร้อง​กับ​เสียงเพลง​ก็​ค่อยๆ​ ​ดัง​มาถึง​ทางใต้​ ​หลังจาก​เข้าไป​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​ก็​กลายเป็น​เสียง​โห่ร้อง​ดังสนั่น​หวั่นไหว​ ​สุดท้าย​ ​นักรบ​ของกอง​กำลัง​นับ​แสน​ที่อยู่​ใน​ท้องทุ่ง​รกร้าง​นอกเมือง​ก็​ส่งเสียง​เฮโล​ตาม​กัน​ขึ้น​มา

​แรกเริ่มเดิมที​ ​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​สังเกตเห็น​ความเคลื่อนไหว​ของ​ชน​เผ่า​มาร​ ​จึง​ตรวจตรา​ด้วย​ความระมัดระวัง​และ​วิตกกังวล​ ​ไม่รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​กัน​แน่​ ​เสียง​โห่ร้อง​ของ​พลทหาร​เผ่า​มารถึง​ได้​ดัง​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ทำให้​พลทหาร​เผ่า​มนุษย์​รู้สึก​ตื่นเต้น​ขึ้น​เรื่อยๆ

​ขุนพล​เทพ​เฮ่อ​หมิง​หัน​มอง​ท้องฟ้า​สีเทา​หม่น​ ​ในที่สุด​ก็​เข้าใจ​แล้ว​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น

​เขา​ยื่นมือ​ออก​ไปรับ​เกล็ด​หิมะ​ที่​โปรยปราย​ลงมา

​หิมะ​ตก​แล้ว