ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 106 แฝงตัวเข้าเมืองเสวี่ยเหล่า

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​เฉิน​ฉาง​เซิง​หัวเราะ​ ​แล้ว​เอ่ย​ ​“​ข้า​รู้​ว่า​เจ้า​ไม่ยอมรับ​ ​แต่​ไม่มี​อะไร​จริงๆ​”

​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​เงียบ​ไป​พัก​หนึ่ง​ ​ค่อย​ว่า​ ​“​เจ้า​เป็น​หมอ​ที่​ดีที​่​สุด​ ​ถ้า​เจ้า​ยัง​รักษา​ไม่ได้​ ​แล้ว​ข้า​จะ​ไปรั​กษา​ที่ไหน​ดี​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ว่า​ ​“​ข้า​ไม่​เชี่ยวชาญ​โรค​ลมหนาว​ ​ยาจู​ซาก​็​รักษาโรค​นี้​ไม่ได้​”

​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ยิ้ม​เย็นชา​ ​“​ของเล่น​พรรค์​นั้น​ ​ถึง​ให้​กิน​ ​ข้า​ก็​ไม่​กิน​หรอก​ ​เพราะ​ข้า​ไม่​กิน​คน​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ว่า​ ​“​เจ้า​จึง​อยาก​กลับ​ไปรั​กษา​ตัว​ก่อน​”

​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​เงียบ​ไป​อีก​สักพัก​ ​แล้ว​ว่า​ ​“​ยาม​เฝ้าบ้าน​ของ​พวกเรา​แก่​ชรา​มาก​แล้ว​ ​ไม่มี​ข้า​ช่วย​ ​เกรง​ว่า​ร่างกาย​จะ​รับ​ไม่ไหว​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ยื่นมือ​ไป​ตบ​บ่า​เขา​เบา​ๆ​ ​“​ไว้​ข้า​หารือ​กับ​พวกเขา​เอง​ ​เจ้า​ไป​ก่อน​ ​เจ้าสำนัก​เหมา​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​อยู่​ที่​เขา​หาน​ซาน​ ​เจ้า​ก็​ไป​ที่นั่น​ด้วย​สิ​”

​เช้า​วันรุ่งขึ้น​ ​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​จึง​จากไป​ ​เยี​่ย​เสี่ยว​เหลียน​จาก​ตาม​ไป​ด้วย​ ​โดย​ผ่าน​การ​เห็นชอบ​ของ​สวี​โหย​่ว​หรง​แล้ว​ ​นาง​มิได้​บอก​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​เพราะ​รู้​ว่า​เรื่อง​ระหว่าง​ชาย​หญิง​แบบนี้​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​มีความรู้สึก​ช้า​มาก​ ​หรือไม่​รู้​เลย​สักนิด​ก็​ว่า​ได้​ ​แต่​นาง​ก็​รู้​ว่า​ ​ใน​ด้าน​อื่นๆ​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​รู้ดี​ทีเดียว​ ​อย่าง​ทักษะ​ทางการแพทย์

​นาง​เหลือบมอง​เขา​ ​ในที่สุด​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร

​เฉิน​ฉาง​เซิง​มองดู​ธง​ทหาร​ปลิว​ไสว​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​ ​ท่าทาง​สงบนิ่ง​และ​มุ่งมั่น

​เขา​กำลัง​มองดู​โลก​อยู่​ด้านล่าง​ของ​ศาลา​ใน​ภูเขา​ที่​ยุ่ง​วุ่นวาย

​และ​โลก​ใบ​นี้​ก็​กำลัง​มองดู​เขา

​ความสงบ​นิ่ง​ของ​เขา​ ​สร้าง​ความมั่นใจ​ให้​กับ​แม่ทัพ​นับไม่ถ้วน​ที่อยู่​แนวหน้า

​แต่​ความจริง​แล้ว​ ​น้อย​คน​นัก​ที่​รู้​ว่า​ ​ใน​ใจ​ของ​เขา​ไม่​สงบนิ่ง

​มีเรื่อง​มากมาย​ที่​ทำให้​เขา​แบกรับ​แทบ​ไม่ไหว​ ​อย่าง​ความ​เป็นความ​ตาย​เหล่านั้น​ ​และ​ไข้​สูง​ที่​ไม่​ลดลง​ของ​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว

​ยังดี​ที่​เขา​มีที​่​พึ่งพิง​

​สวี​โหย​่ว​หรง​ยืน​อยู่​ข้าง​กาย​เขา​เสมอ​ ​มิใช่​ใน​ฐานะ​ภรรยา​ ​และ​มิใช่​แสดง​ความเป็นเจ้าของ​ ​แต่​อยู่​ใน​ฐานะ​ที่​เท่าเทียมกัน

​ตอน​นาง​ไพล่​มือ​ทั้งสอง​ข้าง​ไว้​ด้านหลัง​ ​แม้แต่​พวก​ราชัน​แห่ง​หลิง​ไห่​ก็​รู้สึก​ว่านาง​สูงส่ง​กว่า​เฉิน​ฉาง​เซิง

​“​เช้า​วันนี้​ได้ข่าว​ว่า​ ​ศิษย์​พี่​เหลียง​เสียชีวิต​แล้ว​ ​อาวุโส​โถง​กระบี่​ทั้งสอง​เสียชีวิต​ใน​สนามรบ​พร้อมกัน​ ​กวน​ไป๋​ไป​สมทบ​ก่อน​ล่วงหน้า​ใน​ฐานะ​กองหนุน​ ​ก็​เสียชีวิต​แล้ว​”

​สติอารมณ์​ของ​สวี​โหย​่ว​หรง​สงบนิ่ง​มาก​ ​คล้าย​ข่าว​ที่​พูด​มา​เหล่านี้​ไม่เกี่ยว​ข้อง​ใดๆ​ ​กับ​นาง

​เฉิน​ฉาง​เซิง​หลับตา​ลง​ ​ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ค่อย​ลืมตา​ขึ้น

​“​ทุกคน​ล้วน​ต้องตาย​ ​ขอ​เพียง​ที่สุด​แล้ว​สามารถ​แก้ไขปัญหา​ได้​ ​การตาย​ก็​จะ​ไม่​สูญเปล่า​ ​แต่​มีความหมาย​และ​เป็นการ​อุทิศ​ตน​เช่นเดียวกัน​”

​พูด​จบ​ประโยค​นี้​ ​นาง​ก็​เดินลง​เขา​ไป

​ราชัน​แห่ง​หลิง​ไห่​และ​นักบวช​เหล่านั้น​มองตาม​นาง​ไป​ ​สายตา​เต็มไปด้วย​ความ​ยำเกรง​และ​สงสาร​อยู่​บ้าง

​แม่ทัพ​และ​ผู้​ศรัทธา​ที่อยู่​แนวหน้า​ ​ต้องการ​พละกำลัง​จาก​ความสงบ​นิ่ง​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง

​ส่วน​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​ต้องการ​พละกำลัง​จาก​นาง

​แล้ว​นาง​จะ​สามารถ​พึ่งพา​ใคร​ได้​อีก​เล่า

​ตอนนี้​แม้แต่​อัน​หวา​ ​ก็​เริ่ม​เห็นอกเห็นใจ​นาง​ ​และ​นับถือ​นางใน​เวลา​ต่อมา

​……

​……

​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ใหญ่​มาก​ ​บวก​กับ​ป้อมปราการ​บน​เทือกเขา​สูง​สิบ​กว่า​แห่ง​ ​และ​กระโจม​ซึ่ง​สร้าง​โดย​นักรบ​เผ่า​ต่างๆ​ ​จาก​ทุกแห่ง​หน​ที่​รุด​มา​เป็นกอง​หนุน​ ​พื้นที่​ครอบครอง​ก็​ยิ่ง​กว้างใหญ่​ไพศาล​ ​ครั้น​ตอน​ใต้​ของ​เมือง​เพิ่ง​รับลม​เย็น​ๆ​ ​ที่​พัดมา​เบา​ๆ​ ​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ตอนเหนือ​ของ​เมือง​ก็​เริ่ม​สะสม​หิมะ​ ​แต่กลับ​ไร้​ร่องรอย​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​เรื่อย​มา

​เจ๋อ​ซิ่ว​มั่นใจ​มาก​ว่า​ ​เป็นครั้งแรก​ที่​มนุษย์​อย่าง​ตน​มาถึง​ท้องทุ่ง​รกร้าง​แห่ง​นี้​…​ในกรณีที่​ถือว่า​เขา​เป็น​มนุษย์​…​มิใช่​เพราะ​เขา​กล้าหาญ​กว่า​พลทหาร​คนอื่นๆ​ ​หรือ​ชอบ​เสี่ยงอันตราย​ ​แต่​เป็นเพราะว่า​ ​สำหรับ​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​แล้ว​ ​การ​มาถึง​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ทางเหนือ​ของ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ใน​ตอนนี้​ไม่มี​ความหมาย​ใดๆ​ ​ต่อ​ภาพรวม​ของ​สถานการณ์​การ​รบ

​แต่​มีความหมาย​ต่อ​สถานการณ์​การ​รบ​ของ​เขา​มาก

​เมื่อ​เจ็ด​วันก่อน​ ​ใน​ซากปรักหักพัง​ของ​สนาม​ต่อสู้​สัตว์ป่า​กลางแจ้ง​ห่าง​จาก​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ไป​ทางตะวันตก​ร้อย​ยี่สิบ​ลี้​ ​เขา​ได้​พบ​กับ​ชน​เผ่า​มาร​กลุ่ม​เล็ก​ๆ​ ​กลุ่ม​หนึ่ง​

​เขา​ต่อสู้​กับ​ชน​เผ่า​มาร​มา​แต่​เด็ก​ ​จึง​เข้าใจ​ชน​เผ่า​มาร​มากกว่า​คน​ทั่วไป​ ​รายละเอียด​บางอย่าง​ทำให้​เขา​สังเกตเห็น​ลักษณะพิเศษ​ของ​หัวหน้า​เผ่า​กลุ่ม​เล็ก​ๆ​ ​นี้​…​หัวหน้า​เผ่า​ผู้​นี้​ยัง​หนุ่ม​มาก​ ​และ​รูปร่าง​สูงใหญ่​มาก​ ​ดู​จาก​รูปแบบ​ตรา​สัญลักษณ์​ประจำ​ตระกูล​ ​น่าจะเป็น​ตระกูล​ที่​ใกล้ชิด​กับ​ราชวงศ์​มาก​ ​และ​ฐานะ​ใน​ตระกูล​ก็​น่าจะ​สูงส่ง​มาก

​คนหนุ่ม​ที่สูง​ศักดิ์​เช่นนี้​ ​เหตุใด​จึง​ปรากฏตัว​ขึ้น​ใน​สนามรบ​ที่​เสี่ยงอันตราย​ ​นี่​ไม่​สอดคล้อง​กับ​ชน​เผ่า​มาร​ที่​เจ๋อ​ซิ่ว​รู้จัก​ ​ถ้า​เปลี่ยนเป็น​เมื่อ​พัน​กว่า​ปีก่อน​ ​เหล่า​ขุนนาง​และ​เชื้อพระวงศ์​ผู้สูงศักดิ์​เผ่า​มาร​จะ​รักษา​จิตวิญญาณ​การต่อสู้​ไว้​ ​โดย​ความกล้าหาญ​และ​ผลงาน​ใน​การ​รบ​คือ​ที่มา​ของ​ความรุ่งโรจน์​ ​ซึ่ง​พวกเขา​ใน​ตอนนี้​ ​เสื่อมถอย​มานาน​แล้ว

​เจ๋อ​ซิ่ว​สะกดรอย​ตาม​ชน​เผ่า​มาร​กลุ่ม​เล็ก​ๆ​ ​นี้​ต่อ​ ​และ​สุดท้าย​ก็ได้​บทสรุป​อย่างหนึ่ง

​หนุ่ม​สูงศักดิ์​ผู้​นี้​ออกจาก​เมืองท่า​มก​ลาง​การคุ​้ม​ครอง​ของ​ยอด​ฝีมือ​ใน​เผ่า​ ​เพราะ​ต้องการ​สะสม​ผลงาน

​ทางทหาร​ ​โดย​ไม่​อยาก​พบ​เจอ​ภยันตราย​ใดๆ​ ​ดังนั้น​ชน​เผ่า​กลุ่ม​เล็ก​จึง​หยุดพัก​ที่​ซากปรักหักพัง​ของ​สนาม​ต่อสู้​สัตว์ป่า​กลางแจ้ง​อยู่​ครึ่ง​ค่อนวัน​ ​ค่อย​ออกเดินทาง​ไป​เหนือ​ต่อ​…​ใครๆ​ ​ก็​ล้วน​รู้​ว่า​ ​ใน​ระยะเวลา​อัน​สั้น​นี้​ ​ไม่มี​ความ

​เป็นได้​ที่​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​จะ​อ้อม​มาถึง​ทางเหนือ​ของ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​แล้ว​ทำการ​โจมตี

​ส่วน​ตอนที่​หนุ่ม​ผู้สูงศักดิ์​กลับ​ถึง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​แล้ว​แสดงผล​งาน​ทางทหาร​ที่​เพียงพอ​ให้​เห็น​ได้​อย่างไร​นั้น​…​เจ๋อ​ซิ่ว​เชื่อ​ว่า​ ​สำหรับ​เขา​แล้ว​ ​นั่น​เป็นเรื่อง​ที่​ง่ายดาย​มาก​ ​อาจมี​การ​เตรียม​ศีรษะ​นักรบ​เผ่า​มนุษย์​หลาย​สิบ​คนไว​้​พร้อม​ ​รอ​ให้​เขา​กลับ​เข้า​เมือง​มาก​่อน​ ​ค่อย​แสร้งทำ​เป็น​ให้​อสูร​ใน​ที่​กักกัน​ลาก​เกวียน​เล่ม​ใหญ่​เข้ามา

​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ได้มา​ถึง​ช่วง​อันตราย​สุด​จะ​เปรียบ​แล้ว​ ​แต่​เหล่า​ขุนนาง​และ​เชื้อพระวงศ์​ผู้สูงศักดิ์​ยัง​คิด​โกง​ผลงาน​ทางทหาร​กัน​อยู่​ ​ไม่รู้​ควร​บอกว่า​พวกเขา​เลอะเลือน​หรือ​โลภมาก​กัน​แน่​ ​ทว่า​ผู้​ที่​ยัง​กล้า​โกง​แบบนี้​ใน​เวลา​เช่นนี้​ ​ต้อง​เป็น​บุคคล​ระดับสูง​จริงๆ​ ​ใน​เผ่า​มาร​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​ ​ซึ่ง​ฐานะ​ของ​หนุ่ม​ผู้สูงศักดิ์​คน​นี้​น่าจะ​ไม่ธรรมดา​ยิ่ง

​ช่วง​ที่​เริ่ม​สันนิษฐาน​เรื่องราว​เหล่านี้​ ​เจ๋อ​ซิ่ว​ก็​เกิด​แรงกระตุ้น​อัน​แรงกล้า​ชนิด​หนึ่ง​ ​จากนั้น​จึง​ตอบสนอง​แรงกระตุ้น​นี้​ ​ด้วย​การวางแผน​ที่​เสี่ยง​เป็น​อย่างยิ่ง

​เขา​ตัดสินใจ​แฝงตัว​เข้าไป​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า

​……

​……

​เมื่อ​ชน​เผ่า​มาร​กลุ่ม​เล็ก​กลุ่ม​นั้น​ถูก​อสูร​ปีศาจ​ที่​ไม่รู้​มาจาก​ไหน​กลุ่ม​หนึ่ง​โจมตี​ ​ก็ได้​ยอด​ฝีมือ​ใน​เผ่า​ปกป้อง​คุ้มครอง​ ​แต่​หนุ่ม​ผู้สูงศักดิ์​กลับ​ไม่​ห่วง​ความปลอดภัย​ของ​ตนเอง​ ​ยัง​มีกะใจ​มองดู​ภาพ​ความรุนแรง​ขณะ​อสูร​ปีศาจ​เหล่านั้น​ถูก​เชือด​คอ​โลหิต​ฉีด​พุ่ง​ ​ใบหน้า​ซีด​ขาว​ของ​เขา​แดงก่ำ​อย่าง​ตื่นเต้น​ ​ราวกับ​ถูก​เคลือบ​ด้วย​โลหิต​จริง

​อสูร​ปีศาจ​ถูก​สังหาร​จน​เกลี้ยง​ ​แต่​ชน​เผ่า​มาร​กลุ่ม​เล็ก​ก็​ต้อง​จ่าย​ค่าตอบแทน​ไป​บางส่วน​ ​สาม​นักรบ​ผู้​กล้าหาญ​ที่สุด​ได้รับบาดเจ็บ​ไม่เบา​ ​ปัญหา​สำคัญ​คือ​ ​หิมะ​และ​ดิน​ใน​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ถูก​เหยียบย่ำ​เสีย​เละเทะ​ ​ปนเป​กัน​ไป​จน​เปียกแฉะ​ ​เดิน​ลำบาก​ยิ่ง​ ​ชน​เผ่า​กลุ่ม​เล็ก​จึง​กาง​กระโจม​ใน​ป่า​โต้งๆ​ ​พัก​ค้างคืน​ชั่วคราว​ ​ก่อน​ส่งข่าว​บอก​โลก​ภายนอก​ผ่าน​พิราบ​ตาแดง

​ซึ่ง​นักรบ​ของ​ชน​เผ่า​มาร​กลุ่ม​เล็ก​กับ​หนุ่ม​สูงศักดิ์​นึกไม่ถึง​ว่า​ ​ค่ำคืน​นี้​จะ​กลายเป็น​ค่ำคืน​ที่​น่ากลัว​ที่สุด​ใน​ชีวิต​ของ​พวกเขา

​กลิ่นคาว​โลหิต​ค่อยๆ​ ​กระจาย​ไป​ใน​ป่า​ ​ดิน​โคลน​ที่​เละเทะ​คล้าย​มีสัตว​์​ประหลาด​อะไร​กำลัง​เคลื่อนไหว​ ​โลก​สงบเงียบ​เช่นนี้​เอง​ ​เมฆ​ใน​ความมืด​กระจาย​ตัว​ออก​ช้าๆ​ ​ทว่า​ดวงจันทร์​ที่​เห็น​อย่าง​เด่นชัด​กลับ​ไม่​สามารถ​ให้​ความกล้าหาญ​กับ​พวกเขา​ได้​ ​พวกเขา​ได้ยิน​แต่​เสียง​ลมหายใจ​ของ​กันและกัน​ ​รู้สึก​แต่ว่า​อาวุธ​ใน​มือเย็น​ลง​อย่าง​ค่อยเป็นค่อยไป​ ​จวบจน​ไร้​เสียง​ลมหายใจ​ ​พวกเขา​ก็​ไม่รู้​สึก​ถึง​ความ​เย็น​ของ​อาวุธ​ใน​มือ​แล้ว​ ​ด้วย​ร่างกาย​ของ​พวกเขา​กำลัง​ค่อยๆ​ ​กลายเป็น​น้ำแข็ง​ ​ที่แท้​ ​นี่​เป็น​ค่ำคืน​สุดท้าย​ใน​ชีวิต​ของ​พวกเขา​เช่นเดียวกัน

​เหล่า​นักรบ​ชน​เผ่า​กลุ่ม​เล็ก​เสียชีวิต​ลง​อย่าง​เงียบๆ​ ​ไม่มี​เสียงเตือน​ภัย​ ​ไม่มี​เสียง​กรีดร้อง​ ​ไม่มี​การดิ้นรน​ ​ยิ่ง​ไม่มี​การต่อสู้​ ​กระบวนการ​ทั้งหมด​เหมือน​ละคร​ใบ้​อัน​พิลึกพิลั่น​ ​แต่​ไม่มี​ผู้ชม​ ​มี​เพียง​ดวงดาว​เบาบาง​ยาม​รุ่งอรุณ​และ​ดวงจันทร์​สีขาว​ทางทิศใต้​เท่านั้น​ที่​ได้​เห็น​สิ่ง​นี้​ด้วย​ตา​ตนเอง

​เช้า​วันรุ่งขึ้น​ ​ทหารม้า​จาก​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​กลุ่ม​หนึ่ง​เข้ามา​ใน​ป่า​ผืน​นี้​ตามที่​ได้​นัดหมาย​ไว้

​ทหารม้า​ติดอาวุธ​ครบมือ​สิบ​กว่านา​ยนำ​รถม้า​มาส​่ง​สาม​คัน​ ​ใน​ตัว​รถ​มี​ซากศพ​ทหาร​เผ่า​มนุษย์​จาก​ทางใต้​ที่​พวกเขา​เสาะหา​มา​อย่าง​ยากลำบาก​ ​ด้วย​คิด​ว่านา​ยน​้อย​ต้อง​ตกรางวัล​ให้​ใน​ภายหลัง​ ​ทหารม้า​เหล่านี้​ยาก​จะ​สงวนท่าที​อัน​สง่างาม​และ​เยือกเย็น​ไว้​อีก​ ​มุม​ปาก​อด​ไม่ได้​ที่จะ​อมยิ้ม​หวาน​ออกมา​

​แต่​หลังจากที่​พวกเขา​เข้าไป​ใน​ป่า​ ​ก็​ไม่เห็น​ร่าง​ที่สูง​ใหญ่​อีก​ ​กลับ​เห็น​เพียง​ภาพ​อเนจอนาถ​สุด​จะ​เปรียบ​

​เสียงร้อง​ไห้​ไม่​หยุด​ดัง​ขึ้น​ ​เหล่า​อัศวิน​เผ่า​มาร​ชู​อาวุธ​ขึ้น​ฟ้า​กวัดแกว่ง​ไปมา​ ​ระบาย​ความกังวล​และ​ความหวาดกลัว​ใน​ใจ​ ​บ่งบอกถึง​ความเศร้า​โศก​ ​สาบาน​ว่า​ต้อง​แก้แค้น​ให้​กับ​ ​‘​กู้​ไอ​’​ ​ให้​ได้​ ​ไม่รู้​ว่า​กู้​ไอ​คือ​ชื่อ​ของ​หนุ่ม​ผู้สูงศักดิ์​ ​หรือ​คือ​คำนำหน้า​ตระกูล​ ​แน่นอน​ ​ความหมาย​ของ​พวกเขา​คือ​ ​เตือน​ให้​กลับ​เมือง​โดยเร็ว​ที่สุด​ ​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​มาถึง​ทางเหนือ​แล้ว​…

​ระหว่างทาง​กลับ​เมือง​ ​เหล่า​อัศวิน​เผ่า​มาร​เกิด​ข้อพิพาท​กัน​อย่างรุนแรง​ ​คร่าวๆ​ ​คือ​จะ​ตอบคำถาม​ของ​หัวหน้า​เผ่า​อย่างไร​ ​และ​จะ​ใช้​เงิน​ไถ่ถอน​ความผิด​ที่จะ​ตามมา​อย่างไร​ ​สติอารมณ์​ของ​กลุ่ม​หดหู่​ลง​เรื่อยๆ​ ​ขณะ​ลัดเลาะ​ผ่าน​ป่าสน​ผืน​นั้น​ ​ยัง​ลืม​เอา​เนื้อ​กวาง​ที่​ขามา​ได้​พูด​เอาไว้​อีก

​เมื่อ​เข้าใกล้​เมือง​เสวี​่ย​เหล่ามาก​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ก็​จะ​เห็น​สิ่งก่อสร้าง​ผุพัง​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ ​บ้านเรือน​ส่วนใหญ่​สร้าง​จาก​ผ้า​สักหลาด​และ​ไม้​อย่าง​ลวกๆ​ ​เห็นชัด​ว่า​ไม่​แข็งแรง​เอา​มาก​ๆ​ ​มี​ช่องลม​เต็มไปหมด​ ​ยิ่ง​ไม่มี​ความสวยงาม​ให้​พูดถึง​ ​ถ้า​ไม่ใช่​ชน​เผ่า​มาร​ชั้นล่าง​ที่​ทน​ต่อ​ความ​หนาวเหน็บ​และ​ความยากลำบาก​ ​เกรง​ว่า​ไม่มีทาง​ใช้ชีวิต​อยู่​ต่อ

​พอได้​ยิน​เสียง​กีบ​ม้า​ที่​เร่งรีบ​ ​ชน​เผ่า​มาร​ชั้นล่าง​ที่​กำลัง​ผ่า​ฟืน​และ​ใช้​แรงงาน​สอง​ข้างทาง​ก็​รีบ​คุกเข่า​ลง​ ​โดย​ไม่กล้า​เงยหน้า​ขึ้น​มาม​อง​สักนิด

​ถ้า​เป็น​ยาม​ปกติ​ ​อัศวิน​กลุ่ม​นี้​อาจ​นึก​สนุก​ ​หวด​แส้​ให้​ชน​เผ่า​มาร​ชั้นล่าง​เหล่านี้​รู้สึก​ถึง​ความเจ็บปวด​สักหน่อย​ ​แต่​ตอนนี้​พวกเขา​ไม่มี​กะ​ใจ​แบบนี้​แล้ว​ ​อยาก​กลับ​ถึง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​แทบ​ไม่ทัน​ ​แน่นอน​ว่า​ ​ถ้า​ทำได้​ ​พวกเขา​ยิ่ง​ไม่​อยาก​กลับ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ตลอดกาล