เย่เฉินเห็นเซียวชูหรันไปอาบน้ำที่ห้องน้ำภายในห้องนอน เขาจึงไปใช้ห้องน้ำแขกที่ชั้นหนึ่งเพื่ออาบน้ำ
คฤหาสน์เดี่ยวก็มีข้อดีแบบนี้แหละ มีห้องน้ำเยอะเป็นพิเศษ ไม่ต้องต่อคิวกัน
เย่เฉินอาบน้ำค่อนข้างเร็ว ตอนที่เซียวชูหรันออกมาจากห้องน้ำ เขาก็อาบน้ำนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว
เซียวชูหรันมองเย่เฉินที่ใส่เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น กำลังนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ก็ตะลึงก่อนครู่หนึ่ง โพล่งถามออกไป “ทำไมคุณถึงนอนบนเตียงล่ะ?”
เย่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมียจ๋า ไม่ใช่ว่าเมื่อเช้าบอกว่า จะเลื่อนขั้นให้ผมหรอกเหรอ? ช่วงก่อนที่คุณแม่ไปเล่นแชร์ลูกโซ่ทำให้การเลื่อนขั้นของผมต้องเลื่อนออกไป ตอนนี้ท่านกลับมาแล้ว คุณคงไม่ห้ามไม่ให้ผมเลื่อนขั้นอีกใช่ไหม?”
“ฉัน…” เซียวชูหรันเก้อกระดากอยู่บ้าง
เธอก็ไม่รู้ว่าเหมือนว่าควรจะตอบคำถามนี้ของเย่เฉินยังไง
อันที่จริง ตนรับปากเขาไปแล้ว จะให้เขาเลื่อนขั้น ไม่ต้องนอนบนพื้นอีก
แต่ว่าระหว่างตนกับเย่เฉิน ยังไม่เคยสนิทสนมใกล้ชิดกันขนาดนี้มาก่อนเลย
แล้วตนก็ยังไม่ได้เตรียมใจให้พร้อมในด้านนี้เลยจริงๆ
แต่ว่า พูดไปพูดมาก็วนกลับมาที่เดิม
ในตอนนี้ ความรู้สึกดีที่เซียวชูหรันมีต่อเย่เฉิน เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดมา
โดยเฉพาะวันนี้ ได้เห็นเย่เฉินตบหน้าเจี่ยงหมิง ได้เห็นเย่เฉินบริจาคเงินหนึ่งล้านให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ได้เห็นเย่เฉินจัดสรรหน้าที่การงานดีๆ ให้น้องชาย ให้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิต…
เย่เฉินในค่ำคืนนี้ ในสายตาของเธอแล้ว เสมือนเทพหนุ่มที่ดลบันดาลได้ทุกอย่าง
ในบางเวลา ตนก็รู้สึกใจสั่นหวั่นไหวอย่างยิ่ง นั่นอาจจะเป็นความรู้สึกที่เรียกว่ารักกระมัง
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ใบหน้าเธอก็แดงก่ำขึ้นมาทันที ภายใต้แสงโคมที่ส่องสลัวภายในห้องนอน ยิ่งขับเน้นให้ตัวคนดูเย้ายวนชวนหลงใหล
เย่เฉินมองท่าทางขวยอายของเธอ ในใจก็เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู
นี่ก็คือภรรยาที่รักของตน ดั่งแสงตะวันสายหนึ่งในชีวิต สาดส่องใจตนให้อบอุ่น
เซียวชูหรันมองเย่เฉินด้วยใบหน้าอันแดงก่ำ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยอย่างขวยอายยิ่งนักว่า “เลื่อนขั้นให้ก็ได้ แต่ได้แค่ขั้นเดียวนะ!”
เย่เฉินถามอย่างร้อนใจ “เมียจ๋า ประโยคนี้ของคุณหมายความว่ายังไง? อะไรที่เรียกว่าเลื่อนได้แค่ขั้นเดียว?”
เซียวชูหรันตอบไป “นับตั้งแต่วันนี้ไปคุณนอนบนเตียงได้ แต่เตียงหลังนี้ต้องแบ่งเป็นสองฝั่ง ชายซ้ายหญิงขวา ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากฉัน คุณจะข้ามเขตไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นก็ลดขั้นลงไปซะ”
เย่เฉินเอ่ยด้วยสีหน้าโศกหมอง “เมียจ๋า ลดขั้นหมายความว่ายังไง?”
เซียวชูหรันเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ตอบไปว่า “เลื่อนขั้นหมายความว่ายังไงคุณก็รู้หมดแล้วนี่ หรือว่าคุณไม่รู้ว่าลงขั้นหมายความยังไง?”
เย่เฉินถามด้วยความฉงน “หรือว่าลดขั้นก็คือให้ผมกลับไปนอนบนพื้นอีก?”
“ใช่!” เซียวชูหรันตอบอย่างภาคภูมิ “ถ้าคุณทำตัวไม่ดี ก็ลดขั้นลงไปนอนพื้นซะ ถ้าหากคุณทำตัวไม่ดีต่อไปอีก ก็จะลดขั้นให้ไปนอนห้องรับแขก ถึงยังไงคฤหาสน์หลังนี้ของพวกเราก็มีห้องเยอะแยะอยู่แล้ว”
เย่เฉินแทบจะร้องไห้แล้ว พูดขึ้นว่า “เมียจ๋า งั้นคุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่าขั้นต่อไปคืออะไร? แล้วเมื่อไหร่ผมถึงจะได้เลื่อนขั้นอีก?”
ดวงหน้าเฉิดฉันของเซียวชูหรันแดงซ่าน ตอบไป “ขั้นต่อไปคืออะไรเป็นความลับชั่วคราว ส่วนจะเลื่อนขั้นอีกทีเมื่อไหร่ คุณต้องรอฟังประกาศจากเบื้องบน ”
ว่าแล้วเซียวชูหรันก็ตบอกตนอีกครั้ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “และฉัน ก็คือเบื้องบนของคุณ อำนาจตัดสินทุกอย่าง เป็นของฉันทั้งหมด”
เย่เฉินหดหู่มาก “เมียจ๋า ที่ป้าหลี่พูดวันนี้ คุณก็น่าจะได้ยินแล้วนี่ ตอนนี้ป้าหลี่ตั้งตารอคอยลูกของพวกเราเป็นพิเศษ พวกเราจะทำให้ป้าหลี่ผิดหวังไม่ได้นะ!”
“คุณอย่ามาใช้ไม้นี้นะ!” เซียวชูหรันกระทืบเท้ากล่าวอย่างเขินอายยิ่งนัก “ใครบอกว่าจะคลอดลูกให้คุณกัน? ใครจะยอมคลอดให้คุณกัน คุณไปให้คนอื่นคลอดเลยนะ ถึงยังไงฉันก็ไม่คลอด”
______