ตอนที่ 1912 เจ้าเป็นนักปรุงยาได้อย่างไร

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1912 เจ้าเป็นนักปรุงยาได้อย่างไร

 

ซางต๋าคือผู้สืบทอดของนิกายตะวันบริสุทธิ์ ถึงแม้พรสวรรค์ของเขาจะไม่โดดเด่นเทียบเท่า เอี่ยนเซียนลู่ แต่การที่สามารถมีสถานะเป็นถึงผู้สืบทอดของขุมอํานาจราชานิรันดร์ระดับหกได้ แน่นอนว่าความสามารถในศาสตร์วรยุทธของเขาย่อมไร้ข้อกังขา

 

เขาปลดปล่อยการโจมตีอย่างเกรี้ยวกราด ‘ตูม’ คลื่นเปลวเพลิงปะทุออกมาจากร่างของเขา และแปรเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นสัตว์อสูรนิรันดร์ที่ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยตราประทับแห่งเต๋า

 

เมื่อเทียบกันแล้ว จ้าวชิงเพิ่งกลายเป็นเศษสวะไปเลย!

 

หลิงฮันขยับตัวหลบหลีกและตะโกน “ผู้สืบทอดแสนไร้ยางอาย นอกจากจะไม่ชดใช้ข้าแล้ว ยังคิดจะสังหารข้าเพื่อปิดปากอีก!”

 

เสียงตะโกนนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายทันที หลายคนที่ยืนอยู่รอบข้างเผยสีหน้าเหยียดหยามไปยังชางต๋า ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้สาเหตุที่เกิดความบาดหมางขึ้น แต่ก่อนหน้านี้พวกเขา ก็เห็นว่าซางต๋าเป็นฝ่ายก้าวเดินเข้าไปจับเท้าหลิงฮัน

 

ใบหน้าของซางต๋าขึ้นสีและคําราม “เจ้าหนู ข้าจะฆ่าเจ้า!”

 

ไม่ว่าเชื่อว่าเขาจะถูกหลิงฮันยั่วยุได้อย่างง่ายดาย

 

ทุกคนจ้องมองไปยังซางต๋าที่กําลังคํารามอย่างเกรี้ยวกราด ด้วยแววตาสงสัย

 

อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้สืบทอดราชานิรันดร์ทั่วไป แต่เป็นถึงผู้สืบทอดราชานิรันดร์ระดับหก เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะสูญเสียความสุขุมได้ง่ายดายเพียงนี้?

 

แต่พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าฝีปากของหลิงฮันนั้นร้ายขนาดไหน อย่าว่าแต่ผู้สืบทอดราชานิรันดร์เลย ต่อให้เป็นราชานิรันดร์หลิงฮันก็สามารถยั่วยุได้

 

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ทุกคนก็เผยสีหน้าตกตะลึง คราวนี้พวกเขาไม่ได้ประหลาดใจในตัว ซางต๋า แต่เป็นหลิงฮันแทน

 

รุ่นเยาว์ผู้นี้…แข็งแกร่งมาก

 

ถึงแม้หลิงฮันจะเอาแต่หลบอย่างเดียว แต่ก็ต้องรู้ว่าการหลบหลีกโดยไม่ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย นั้นทําได้อยากกว่าการตอบโต้อย่างเดียวเสียอีก

 

กล่าวอีกแง่หนึ่งคือ พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าซางต๋า หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่า!

 

สวรรค์!

 

เรื่องแบบนี้เป็นไปได้อย่างไร?

 

พวกเขารู้ตัวตนของหลิงฮันได้ไม่อยาก เพราะหลิงฮันคือผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ แต่เมือง วิถีโอสถเป็นเพียงขุมอํานาจสี่ดาวเท่านั้น ต่อให้อํานาจของเมืองนี้จะเทียบเคียงได้กับขุมอํานาจ ราชานิรันดร์ระดับหนึ่ง แต่จะเทียบเคียงกับนิกายตะวันบริสุทธิ์ได้อย่างไร?

 

นอกจากนั้นไม่ใช่ว่าผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ จะต้องเชี่ยวชาญในศาสตร์ปรุงยาหรอกรึ?

 

พวกเขาคิดว่าเอี๋ยนเซียนลู่ให้ความสําคัญ กับพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยาของหลิงฮันถึงได้เชิญชวนให้มางานชุมนุมเสียอีก เพราะอย่างไรตัวของเอี๋ยนเซียนลู่ก็ยังไม่บรรลุเป็นราชานิรันดร์ หากสร้างสายสัมพันธ์กับหลิงฮันได้ ก็จะได้รับประโยชน์มหาศาล เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกเขาได้รับรู้แล้วว่า พรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของหลิงฮันเองก็ยอดเยี่ยม จนถึงขนาดเป็นคู่ต่อสู้ให้กับพวกเขาได้ หรืออาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ํา

 

เรื่องนี้ทําให้พวกเขารู้สึกยอมรับไม่ได้ พวกเขาคืออัจฉริยะที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ฟ้าประทานแท้ๆ แต่กลับมีนักปรุงยาที่แข็งแกร่งทัดเทียมพวกเขาได้

 

บ้าชัดๆ!

 

“เจ้าคิดจะเอาแต่หลบอย่างเดียวงั้นรึ?” ชางตําใช้วิธีกล่าวยั่วยุ “ด้วยนิสัยที่ขี้ขลาดเช่นนี้ ข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจ้าบ่มเพาะพลังไปเพื่ออะไร”

 

“แต่อย่างน้อยข้าก็ไม่ใช่คนที่จะไปจับเท้าบุรุษผู้อื่น” หลิงฮันยิ้ม

 

เมื่อซางต๋าได้ยินเช่นนั้น ความเกรี้ยวกราดของเขาก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

 

ภายในฝ่ามือทั้งสองของเขา ทักษะยุทธได้ถูกโคจรและพัวพันไปด้วยอํานาจแห่งเต๋าที่ทรงพลังสมกับเป็นผู้สืบทอดขุมอํานาจนิรันดร์ระดับหกจริงๆ หากจ้าวชิงเฟิงมาสู้กับซางตําผู้นี้ล่ะก็ จ้าวชิงเฟิงคงพ่ายแพ้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่า และถูกสังหารภายในหนึ่งพันกระบวนท่า

 

หากพูดให้เจาะจงเข้าไปอีก พลังต่อสู้ของเขาค่อนข้างทัดเทียมกับจักรพรรดินี

 

แต่น่าเสียดายที่เขาต้องมาเจอกับหลิงฮัน

 

ต่อให้เอี๋ยนเซียนลู่ลดพลังบ่มเพาะของตนเองลงมาเหลือสี่นิพพาน ก็ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายจะเอาชนะหลิงฮันได้

 

เอี้ยนเซียนลู่เกิดมาในเส้นทางแห่งนิรันดร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ เพียงแต่หลิงฮันก็ไม่ได้อ่อนแอ เขาครอบครองอํานาจต้นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่ถึงสองชนิด แถมยังบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ซึ่งเป็นทักษะราชานิรันดร์ระดับเก้าเป็นอย่างน้อยอีก นอกจากนั้นหลังจากที่ร่างกาย ถูกขัดเกลา ด้วยพลังของราชานิรันดร์เพลิงสวรรค์ กายหยาบของเขาถูกเติมเต็มเข้าไปอีกขั้น ทําให้พลังต่อสู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้สืบทอดราชานิรันดร์ระดับแนวหน้าเลยแม้แต่น้อย

 

ซางต๋าผู้นี้…ไม่มีคุณสมบัติพอให้เขาเหลียวมอง!

 

หลิงฮันถอนหายใจ เขาตั้งใจจะใช้ซางต๋าเป็นหินลับคมแท้ๆ แต่ผู้สืบทอดที่ถูกบ่มเพาะโดย ขุมอํานาจราชานิรันดร์ระดับหก กลับไม่สามารถสร้างแรงกดดันให้เขาได้เลยแม้แต่น้อย

 

“ต๋าต๋าน้อย เจ้าช่างอ่อนแอนัก!” เขากล่าวความจริงออกไป หากพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายทัดเที่ยมกับเขาล่ะก็ บางที่ประมือกันด้วยพลังทั้งหมด ประตูสู่นิรันดร์ห้านิพพานของพวกเขาอาจจะเปิดออกก็เป็นได้

 

ชางต๋ากระทืบเท้าอย่างเกรี้ยวกราด หมอนี่กล้าดูหมิ่นเขางั้นรึ? ช่างไม่รู้เสียแล้วว่าคําว่าความตายสะกดอย่างไร

 

“เจ้ารนหาที่เองนะ!” เขาสะบัดมือขวานหอกยาวสีเงินออกมา พริบตาเดียวกัน ออร่าอันเย็นยะเยือกที่ทรงพลังก็พรั่งพรูไหลออกมา

 

ท่าทีของหลิงฮันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าหอกเล่มนี้ มีพลังพอที่จะสร้างความบาดเจ็บให้เขาได้

 

หอกเล่มนี้เป็นไปได้ว่าจะเป็นอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์ ที่มีพลังอยู่ในระดับแบ่งแยกวิญญาณ ต่อให้นิรันดร์สี่นิพพานจะไม่สามารถกระตุ้นใช้งานอํานาจของมันได้ทั้งหมด แต่ความแหลมคมของตัวหอก ก็เพียงพอที่จะสร้างภัยคุกคามต่อกายหยาบของเขา

 

“น่าสนุก” หลิงฮันเกิดความสนใจและดวงตาส่องประกาย

 

“ไม่ใช่แค่น่าสนุก แต่ข้าจะส่งเจ้าไปปรโลกด้วย!” ซางต๋าลงมืออย่างไม่ลังเล หากเขาสังหารผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถแล้วจะอย่างไร? เขาไม่เชื่อว่าเมืองวิดีโอสถจะกล้าเอาความกับนิกายตะวันบริสุทธิ์

 

“พรีบ” หอกสีเงินพุ่งทะลวงราวกับมังกรเงิน คลื่นอํานาจของมันสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า ตราประทับแห่งเต๋บนหอกส่องประกายเป็นระยะ พร้อมกับบดขยี้ชั้นมิติแหลกเป็นเสี่ยงๆ

 

นี่ไม่ใช่อุปกรณ์กึ่งนิรันดร์ในระดับแบ่งแยกวิญญาณหยาง แต่เป็นระดับแบ่งแยกวิญญาณหยินหรือสูงกว่า!

 

หลิงฮันไม่กล้าประมาท เขารีบนําดาบอสูรนิรันดร์ออกมาสะบั้นเข้าน้ํานั่นกับหอกสีเงิน

 

ตูม!

 

เมื่ออาวุธทั้งสองเข้าปะทะกัน เสียงตกกระทบดังสนั่น จนราวกับก้องกังวานไปทั่วห้วงอวกาศ ก้อนกรวดตามพื้นลอยกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้าจนเกิดเป็นคลื่นพายุทมิฬ

 

ร่างของซางต๋าถูกซัดลอยกระเด็น แม้หอกสีเงินในมือของเขาจะทรงพลังแค่ไหน แต่พลังของตัวเขาเองก็อ่อนด้อยกว่าหลิงฮัน

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใบหน้าของทุกคนก็กระตุกอย่างรุนแรง จริงอยู่ที่พวกเขาคาดเดา เอาไว้แล้วว่า พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งกว่าซางต๋า แต่ความจริงที่แม้จะเห็นด้วยตาตัวเอง ก็เป็นเรื่องยากอยู่ดีที่พวกเขาจะทําใจเชื่อได้ลง

 

เจ้าเป็นนักปรุงยาได้อย่างไร?