เซียวชูหรันพูดต่อไปว่า “ถ้างั้นรบกวนคุณลูกค้าก่อนที่จะวางสาย หลังจากได้ยินเสียงดังปิ๊บ โปรดช่วยประเมินการบริการของฉันด้วยค่ะ กดหนึ่ง คือพอใจอย่างยิ่ง กดสอง คือพอใจ กดสาม คือไม่พอใจ”

เย่เฉินตอบอย่างหดหู่ “หนึ่ง! พอใจอย่างยิ่ง!”

เซียวชูหรันถึงได้กล่าวอย่างพอใจ “ขอบคุณสำหรับการประเมินของคุณ การออนไลน์ในวันนี้สิ้นสุดลงตรงนี้แล้ว พบกันใหม่ครั้งหน้า”

….

ในคืนนี้ เย่เฉินนอนหลับไม่สนิทเป็นอย่างมาก

ถึงจะบอกว่าตนได้เลื่อนระดับเพียงขั้นเดียว แต่นับตั้งแต่ตนแต่งงานกับเซียวชูหรันมาจนถึงปัจจุบัน นี่เป็นครั้งแรกที่ตนได้ร่วมเตียงกับเธอ

แน่นอน ถึงแม้ร่วมเตียงก็คือร่วมเตียง แต่ไม่มีโอกาสได้ร่วมเรียงเคียงหมอน ทั้งสองคนต่างใช้หมอนของตัวเอง ต่างคนต่างนอนผ้าห่มใครผ้าห่มมัน

เย่เฉินก็ไม่กล้าข้ามเส้นแบ่งเขตจริงๆ ถ้าหากโดนลดขั้นลงไป นั่นไม่ใช่ถึงอยากร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตาแล้วหรอกหรือ?

อันที่จริงเซียวชูหรันก็นอนไม่หลับอยู่นานมากเหมือนกัน ในใจเอก็รู้สึกประหม่าอย่างยิ่งเช่นกัน

ถึงแม้ตนกับเย่เฉินจะต่างคนต่างนอนในผ้าห่มใครผ้าห่มมัน แถมไม่มีได้กับแตะเนื้อสัมผัสตัวใดๆ ด้วย แต่หัวใจเธอก็ยังคงเต้นแรงอย่างยิ่ง

อืม ยังไงซะนับตั้งแต่ตัวเธอแยกห้องนอนกับพ่อแม่ตอนเด็กๆ เป็นต้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่นอนร่วมเตียงกับผู้ชายคนหนึ่ง

ถ้าในใจไม่ประหม่าเลยก็แปลกแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนจึงต้องโอบอุ้มอาการนอนไม่หลับเอาไว้เนิ่นนานนัก ถึงจะทยอยหลับใหลไป

รุ่งเช้า เย่เฉินลืมตาตื่น เซียวชูหรันที่อยู่ข้างกายหายไปแล้ว

ได้ยินเสียงฝักบัวแว่วมาจากห้องน้ำ เย่เฉินก็รู้แล้ว เซียวชูหรันกำลังอาบน้ำอยู่

เซียวชูหรันเป็นหญิงสาวที่รักสะอาดมาก โดยทั่วไปในตอนเช้าและตอนเย็นของทุกวันล้วนต้องอาบน้ำหนึ่งหน เย่เฉินเห็นจนชินไปนานแล้ว

เขาเหยียดเอวบิดขี้เกียจ กำลังจะลุกจากเตียง จู่ๆ มือถือที่วางไว้ใต้หมอนก็สั่นครืดๆ ขึ้นมา

เขาล้วงมือถือออกมา พบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากหลี่เสี่ยวเฟิน

พอกดรับสาย น้ำเสียงร้อนรนของหลี่เสี่ยวเฟินก็แว่วมาจากปลายสาย “พี่เย่เฉิน เกิดเรื่องกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว!”

เย่เฉินถามอย่างร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น?! เกิดเรื่องอะไรกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า? เธออย่าใจร้อนค่อยๆ เล่ามา”

หลี่เสี่ยวเฟินเอ่ยสะอึกสะอื้น “มีเด็กหายไปสิบคน! สงสัยว่าจะถูกคนลักพาตัวไปแล้ว!”

“อะไรนะ?!” ทันทีที่ได้ยินว่าเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกคนลักพาตัวไป เย่เฉินทั้งกังวลทั้งโกรธเคือง รีบสอบถาม “เสี่ยวเฟิน เธอเล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

หลี่เสี่ยวเฟินรีบเล่าออกมา “เมื่อเช้านี้คุณป้าที่รับหน้าที่เลี้ยงเด็กทารกในกะกลางวันมาเปลี่ยนกะกับคุณป้ากะกลางคืน พบว่าคุณป้ากะกลางคืนหลับไม่ได้สติเลย เด็กทั้งสิบคนที่อยู่ในห้องเดียวกันหายไปหมดเลย จนถึงตอนนี้คุณป้ากะกลางคืนก็ยังไม่ฟื้นเลย คุณหมอบอกว่าโดนคนวางยาสลบที่มีฤทธิ์แรงมาก!”

เย่เฉินโมโหสุดขีด เอ่ยเสียงเหี้ยม “ไอ้คนไหนกันที่ลงมือใจกล้าเกินไปแล้ว แม้แต่เด็กๆ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ยังกล้าขโมยอีกหรือ?!”

หลี่เสี่ยวเฟินร้องไห้ “เมื่อก่อนก็เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพียงแต่เมื่อก่อนถูกพวกเราพบเข้าทันเวลา ตอนนี้พวกค้ามนุษย์ออกอาละวาดเป็นพิเศษ พวกเขาไม่เพียงแต่กล้ามาขโมยเด็กที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเท่านั้น ยังกล้าไปขโมยที่โรงพยาบาล ไปขโมยในบ้านคนด้วย ถึงขึ้นที่เด็กๆ ที่เดินอยู่บนถนนก็ชิงคนลักพาตัวไปโต้งๆ เลย!”

พูดจบแล้ว หลี่เสี่ยวเฟินก็เอ่ยต่ออีก “ประเด็นหลักคือธุรกิจนี้ทำให้พวกเขามีกำไรมหาศาล สุ่มตัวเด็กมาสักคนก็ขายได้ราวแสนหยวนแล้ว หากว่าเป็นเด็กที่หน้าตาดีหน่อย บรรดาคนรวยที่มีลูกไม่ได้ ถึงขั้นที่ยอมจ่ายเงินในราคาสูงเพื่อซื้อตัวเลยด้วย…”

เย่เฉินถามอย่างร้อนใจ “แล้วตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? แจ้งความหรือยัง?”

หลี่เสี่ยวเฟินรีบตอบ “ป้าหลี่กับผู้อำนวยการไปแจ้งความนานแล้ว ตอนนี้สืบสวนคดีอยู่ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า สันนิษฐานว่าคุณป้ากะกลางคืนน่าจะโดนวางยาสลบประมาณช่วงตีสาม พูดอีกอย่างคือ นับตั้งแต่พวกเขาขโมยเด็กก็ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว ในสี่ชั่วโมงนี้มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะออกจากจินหลิงไปแล้ว ถึงขั้นที่ออกจากมณฑลไปแล้วด้วย!”

___