ตอนที่ 2649

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,649 : ออกจากการปิดด่าน!

 

 

ภายในหลุมมังกรซ่อนนั้น มีห้องศิลาบ่มเพาะทั้งสิ้น 30 ห้อง และยิ่งเป็นห้องศิลาที่อยู่ลึกเท่าไหร่ สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะก็จะดีขึ้นเท่านั้น

 

และห้องศิลาที่อยู่ชั้นล่างสุดนั้น สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะก็เทียบได้กับสถานที่บ่มเพาะส่วนตัวของผู้ว่าและผู้พิทักษ์อันดับ 1 ของมณฑลจิ่วโยว…

 

ตอนนี้ภายในห้องศิลาบ่มเพาะล่างสุด บรรยากาศภายในห้องช่างปั่นป่วนนัก!

 

พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดกำลังพุ่งพล่านไปทั่วทั้งห้องราววม้าป่า! ซัดสาดกระทบผนังศิลาส่งเสียงดังไม่หยุด!!

 

เสียงพลังดังประหนึ่งกลองศึก สะท้านหูนัก!

 

และแหล่งที่มาของพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันรุนแรงก็คือชายหนุ่มชุดม่วงที่นั่งอยู่บนเตียงหิน

 

เป็นต้วนหลิงเทียนที่ปิดด่านบ่มเพาะมาครึ่งปี!

 

นับตั้งแต่ออกจากลานบ้านของอาวุโสเจิ้งชิวเมื่อครึ่งปีก่อน ต้วนหลิงเทียนก็เร่งรุดกลับมายังห้องศิลาของตัวเองและปิดด่านบ่มเพาะพลัง ไม่ได้ออกไปไหนเลย

 

ราวกับผู้กล้าที่สิ้นหวัง เขาได้ทุ่มเทบ่มเพาะพลังอย่างเต็มที่เพื่อยกระดับพลังของตัวเอง!

 

ดั่งคำ สวรรค์ไม่ละทิ้งคนเพียร…

 

หลังเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปนับปี ในที่สุดด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนก็ทะลวงผ่านเป็นครั้งที่สองได้สำเร็จวันนี้ บรรลุถึงจินเซียนตะวันเหลืองได้อย่างราบรื่น!

 

‘นี่หรือคือพลังของจินเซียนตะวันเหลือง’

 

พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ทะลักออกมาสาดกระทบห้องศิลาจนส่งเสียงดังครืนๆนั้น เป็นต้วนหลิงเทียนปลดปล่อยมันออกมาเอง

 

เป็นธรรมดาว่าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเขาไม่เหมือนกับจินเซียนตะวันเหลืองผู้อื่น

 

‘แต่…พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของข้า เหมือนมันจะแข็งแกร่งกว่าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของจินเซียนตะวันเหลืองคนอื่น จริงสิ! ด้วยพลังอำนาจของชีพจรสวรรค์ทั้ง 99 เส้นในร่างข้า เลยทำให้ระดับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของข้ามันเทียบได้กับจินเซียนตะวันน้ำเงินทั่วไป!’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในนใจ

 

ซูว! ซูว! ซูว! ซูว! ซูว!

 

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสมือนสายลมพัดผ่านเร็วไว คลื่นพลังมหาศาลที่แผ่กำจายออกไปทั่วห้อง ดั่งจะวูบเข้าสู่จุดศูนย์กลางในพริบตา รั้งกลับเข้าร่างต้วนหลิงเทียนในหนึ่งห้วงคิด

 

ไม่นานพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆหวนคืนสู่ความสงบ

 

จากนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนก็เปิดขึ้น ยังฉายแสงจ้าราวกับจะสาดส่องโลก!

 

‘โชคดีที่ผลของโอสถกระตุ้นวิญญาณเม็ดสุดท้ายมากพอให้ข้าทะลวงขั้นพลังได้สำเร็จ กลายเป็นจินเซียนตะวันเหลืองได้พอดี…ว่าแต่รอบนี้ไม่รู้ข้าปิดด่านบ่มเพาะไปอีกนานเท่าไร…แต่อย่างไรก็ไม่น่าจะเกินสองปีครึ่งแน่’

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบเลย ว่าคราวนี้เขาปิดด่านบ่มเพาะไปนานเท่าไหร่แล้ว

 

แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจก็คือ

 

เขาปิดด่านบ่มเพาะไปไม่ถึงสองปี หรืออย่างน้อยๆก็ไม่เกินสองปีครึ่งแน่นอน!

 

เพราะหากนับจากวันที่เขาเริ่มเข้าสู่การปิดด่าน มันก็เหลือเวลาแค่ 2 ปีครึ่งเท่านั้น ที่การประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉินจะเริ่มต้นขึ้น! ไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่นคนไกล แต่ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวไม่มีทางปล่อยให้เขาปิดด่านบ่มเพาะพลังจนเลยเวลาแน่นอน…!!

 

เพราะสุดท้ายแล้วผู้ว่าก็หวังจะได้โอสถต้าหลัว จากพลังฝีมือของเขา

 

‘โอสถกระตุ้นวิญญาณหมดแล้วแบบนี้ ถึงจะบ่มเพาะพลังต่อก็คงไม่รวดเร็วเหมือนเดิม…หรือข้าจะออกไปขอโอสถกระตุ้นวิญญาณ ไม่ก็โอสถอื่นที่ใช้ร่วมกับโอสถเสริมวิญญาณเพิ่มดี จะได้กลับมาบ่มเพาะพลังต่อ?’

 

ต้วนหลิงเทียนที่ได้ลิ้มลองประสบการณ์บ่มเพาะพลังด้วยโอสถสองชนิดในเวลาเดียวกันมาแล้ว ตอนนี้อยากให้เขากลับไปใช้โอสถเสริมวิญญาณที่เหลืออีกขวดบ่มเพาะพลังอย่างเดียวเขาก็รู้สึกขาดๆ เพราะมันจะช้ากว่าการใช้ร่วมกับโอสถกระตุ้นวิญญาณมาก

 

เว้นแต่จะไร้หนทางเลือกอื่นใดแล้วจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อยากบ่มเพาะพลังโดยใช้แค่โอสถเสริมวิญญาณอย่างเดียว…

 

‘จะว่าไปข้ามาถึงเมืองประจำมณฑลก็นานแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปไหนเลย…หรือออกจากการปิดด่านคราวนี้ ไปเดินเล่นผ่อนคลายอารมณ์หน่อยดี…’

 

คิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ลุกออกจากเตียงศิลา และเปิดประตูเพื่อเดินออกจากห้องทันที

 

“หืม?”

 

ต้วนหลิงเทียนพึ่งออกจากห้องศิลาบ่มเพาะมาได้ไม่ทันไร เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองจ้องมายังเขา

 

“โจวเฟย?”

 

พอเงยหน้าขึ้นไปจนพบเจ้าของสายตา ที่แท้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นโจวเฟยบุตรชายบุญธรรมของโจวทง ที่ถูกเขาลงมือตัดแขนนตัดขาจนอาการสาหัส และชิงห้องบ่มเพาะล่างสุดในหลุมมังกรซ่อนมานั่นเอง

 

เขาย่อมสัมผัสได้ชัดเจน ว่าในแววตาที่มองมาของโจวเฟย…มันเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง!

 

แต่เขาไม่ได้สนใจอะไร

 

สุดท้ายเขาก็ตัดแขนตัดขาอีกฝ่าย หากมันไม่โกรธไม่แค้นเขาสิถึงจะแปลก…

 

ส่วนสาเหตุที่ไฉนโจวเฟยออกมาจากห้องศิลาบ่มเพาะ และมารอมองจ้องเขาแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยาก

 

‘ถึงความเคลื่อนไหวในห้องของข้าเมื่อครู่จะไม่ถึงกับรุนแรงอะไรมาก…แต่อย่างไรโจวเฟยมันก็อยู่ห้องด้านบน หากมันต้องการก็คงสัมผัสได้ไม่ยาก’

 

ต้วนหลิงเทียนถอนสายยตาออกจากโจวเฟยก่อนที่จะเหินร่างขึ้นไปหมายออกจากหลุมมังกรซ่อน ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรโจวเฟยอีกเลย

 

“ต้วน! หลิง! เทียน”

 

เห็นต้วนหลิงเทียนไม่แยแสมันแบบนี้ โจเฟยก็กัดฟันด้วยความเกลียดชัง กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดลอดไรฟันเบาๆ พลางร่ำร้องในใจว่า ‘สารเลวเจ้า หยิ่งเสียให้พอเถอะ…ข้าอยากรู้ว่าพอโดนจับตัวแล้วเจ้ายังจะทำหน้าระรื่นได้อยู่ไหม!!’

 

“เฮ่ นั่นต้วนหลิงเทียนนี่!”

 

“ต้วนหลิงเทียนออกจากการปิดด่านแล้ว?”

 

“ข้ารู้สึกเหมือนไม่ได้เห็นหน้ามันนานมาก..ปีกว่าแล้วสินะ?”

 

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเหินร่างขึ้นไปหมายออกจากหลุมมังกรซ่อน เขาก็ถูกคนที่พึ่งออกจากห้องศิลา หรือพึ่งกลับมาจากด้านนอกสังเกตเห็น ทุกคนยังอดไม่ได้ที่จะคุยกันถึงเขา

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะเหินร่างออกไปจากหลุมมังกรซ่อน ก็มีเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านล่างหลุมมังกรซ่อน

 

“ฉินอวี่?”

 

พอก้มลงไปดูตามเสียง ต้วนหลิงเทียนก็พบเห็นอดีตแม่ทัพของกองทัพมังกรดำประจำเมืองเฉวี่ยโยว ฉินอวี่ที่ออกเดินทางมายังเมืองประจำมณฑลพร้อมเขาจนมาถึงหลุมมังกรซ่อน 2 คนสุดท้าย กำลังเร่งเหินตามเขาขึ้นมา…

 

ฟุ่บ!

 

ไม่ทันไรฉินอวี่ก็มาหยุดลอยเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน

 

ตั้งแต่ที่ฉินอววี่เริ่มเข้าใกล้เขา ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศที่แผ่ออกมารอบตัวฉินอวี่ จึงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยู่บ้าง “ฉินอวี่…เจ้าพึ่งทะลวงขั้นมาหรือ?”

 

“ใช่!”

 

ฉินอวี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “หากไม่ใช่เพราะข้าทะลวงด่านพลังไปอีกขั้น ข้าจะครอบครองห้องศิลารองจากเจ้ากับโจวเฟยได้อย่างไร?”

 

“ว่าแล้วเชีย ตอนเห็นเจ้าออกจากห้องศิลาห้องนั้น ข้าก็ประหลาดใจไม่น้อย”

 

ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจ

 

ในอดีตแม้เขาจะรู้ว่าพรสวรรค์ของฉินอวี่ไม่ใช่ชั่ว แต่ก็ประหลาดใจไม่น้อยที่ฉินอวี่สามารถช่วงชิงสิทธิ์ที่ 2 ของเมืองเฉวี่ยโยวและเดินทางมาถึงที่นี่ได้…และที่ทำให้ต้องประหลาดใจมากขึ้นก็คือความสำเร็จของฉินอวี่ในวันนี้!

 

ต้องทราบด้วยว่ารุ่นเยาว์ทั้ง 30 คนในหลุมมังกรซ่อน คือบรรดาอัจฉริยะที่อายุไม่ถึงร้อยจากทั้งมณฑล! แต่ฉินอวี่มิคาดสามารถถือครองห้องศิลาที่ 3 จากล่างได้! เผยให้รู้ว่าในบรรดาทั้ง 30 คนในหลุมมังกรซ่อนแห่งนี้ พลังฝีมือของฉินอวี่เป็นรองก็แต่เขากับจ้าวเฟยเท่านั้น!!

 

“ไม่ได้น่าประหลาดใจอะไรนักหรอก…ยังอ่อนกว่าเจ้าอีกเยอะ”

 

ฉินอวี่หัวเราะ

 

“พวกเราสองคนล้วนมาจากเมืองเฉวี่ยโยว หากรู้ว่าพวกเราถึงกับติด 3 อันดับแรกในบรรดาจินเซียนอายุไม่ถึงร้อยทั้งมณฑลจิ่วโยว…เจ้าเมืองหลิ่วคงยินดีไม่น้อยแน่”

 

ต้วนหลิงเทียนเดประเด็นออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“เหอะๆ เรื่องที่เจ้าต้วนหลิงเทียนเป็นอันดับ 1 ในหลุมมังกรซ่อน ท่านเจ้าเมืองต้องรู้อยู่แล้ว…ส่วนข้านั้นก็พึ่งจะผ่านมาไม่กี่เดือนเท่านั้น ก่อนจะมีพลังมากพอชิงห้องศิลาลำดับที่ 3 จากล่างมาได้ กว่าจะรู้ถึงหูเจ้าเมืองหลิ่วคงอีกสักพัก”

 

ฉินอวี่กล่าว

 

“ว่าแต่ต้วนหลิงเทียน”

 

ทันใดนั้นฉินอวี่ก็มองถามต้วนหลิงเทียนออกมาตามตรง “ข้ารู้สึกว่าความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากตัวเจ้ามันต่างจากเดิม…ปิดด่านบ่มเพาะไปอีกปีครึ่งรอบนี้ เจ้าสมควรก้าวหน้าไม่น้อยสินะ?”

 

“ปีครึ่ง เจ้ารู้เวลาที่ข้าปิดด่านด้วยหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนแปลกใจไม่น้อย

 

“ลำพังข้าเองก็ไม่รู้หรอก…แต่ข้าได้ยินคนอื่นมาอีกที”

 

ฉินอวี่กล่าว

 

“ปีครึ่ง…”

 

ได้ยินคำของฉินอวี่ ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันที ‘ดูเหมือนปิดด่านบ่มเพาะพลังครั้งนี้ของข้า จะใช้เวลาไปทั้งสิ้นปีครึ่ง..’

 

‘ในระยะเวลาปีครึ่ง แต่ข้าทะลวงขั้นพลังจากจินเซียนตะวันแดงมาถึงจินเซียนตะวันเหลืองแบบนี้ ก็กล่าวได้ว่าข้าทะลวงผ่าน 2 ขั้น…ความเร็วในการบ่มเพาะระดับนี้ ให้มองทั่วหลิงหลัวเทียนก็คงไม่เลวเลยสินะ?’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว

 

ยังดีที่ฉินอวี่ไม่อาจได้ยินคววามคิดของต้วนหลิงเทียน

 

หาไม่แล้วฉินอวี่คงอดเบ้ปากมองบนไม่ได้

 

ต้องทราบด้วยว่าต่อให้เป็นจินเซียนตะวันแดงที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในหลิงหลัวเทียน และมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีกว่าต้วนหลิงเทียนรวใทั้งเคล็ดวิชาบ่มเพาะเหนือกว่า แต่คิดจะทะลวงไปถึงจินเซียนตะวันเหลืองนั้น ยังต้องใช้เวลานานกว่าต้วนหลิงเทียน!

 

เหตุผลที่ไฉนเวลาที่ใช้ในการบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียนมันสั้นนัก เพราะเขามีชีพจรสวรรค์ 99 สาย!

 

เป็นธรรมดาว่าต่อให้มีชีพจรสวรรค์ 99 สาย ปกติแล้วความเร็วในการฝึกปรือเขาก็คงไม่สูงขนาดนี้!

 

ทั้งหมดเป็นเพราะตอนเขาขึ้นมายังสวรรค์ในสระกำเนิดเซียนอมตะ เขาไม่ได้รีบไปไหน หากแต่ขัดเกลาชีพจรสวรรค์ทั้งร่างตามคำแนะนำของ เซี่ยเจี๋ย อาสามของเค่อเอ๋อ! อาศัยพลังอำนาจของสระกำเนิดเซียนอมตะที่ซ่อมแซมชีพจรสวรรค์ที่ฉีกขาดจากการขัดเกลานับร้อยนับพันรอบ จึงเป็นการวางรากฐานอันแน่นหนาสุดที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ถึง!!

 

ด้วยเหตุนี้ หลังขัดเกลาชีพจรสวรรค์ไปหลายร้อยหลายพันรอบ จึงทำให้ความเร็วในการดูดซับพลังมันถึงขั้นน่าสะพรึงกลัว…

 

หาไม่แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่อาศัยเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่คนหนึ่ง ที่พึ่งบรรลุเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดง จะสามารถบรรลุถึงจินเซียนตะวันเหลืองได้ในเวลแค่ 2 ปีครึ่ง…

 

ในเวลา 2 ปีครึ่ง พัฒนาจากเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงมาถึงจินเซียนตะวันเหลือง…

 

เกรงว่าหากไม่ใช่ สุดยอดอัจฉิรยะในขุมพลังระดับชั้นนำในระนาบเทวโลกที่มีเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ดีที่สุด และได้รับโอสถทิพย์รวมถึงสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ดีที่สุด ก็ไม่มีวันทำได้เลย…

 

แน่นอนว่าหากมองแค่สภาพแวดล้อมบ่มเพาะเช่นนี้ กับใช้โอสถทิพย์ระดับต่ำเช่นนี้ ไม่มีใครในประวัติศาสตร์หลิงหลัวเทียนทำได้มาก่อน

 

ยังไม่ใช่แค่หลิงหลัวเทียน

 

กระทั่งในประวัติศาสตร์ของเก้าเก้า 81 ระนาบเทวโลก ผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ก็หาพบได้ยากยิ่งนัก!

 

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันไม่ได้รู้เลย

 

“แล้วนี่เจ้าจะไปไหนหรือต้วนหลิงเทียน?”

 

ฉินอวี่ถาม

 

“ข้ามาถึงเมืองประจำมณฑลก็นานแล้ว แต่กลับเอาแต่บ่มเพาะพลังไม่ได้ไปไหนเลย…วันนี้ข้าว่าจะออกจากหลุมมังกรซ่อนไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวว

 

“งั้นข้าจะไปกับเจ้าเอง…ในช่วง 2 ปีที่ผ่าน ข้าแวะเข้าไปในเมืองประจำมณฑลบ่อยครั้ง เจ้าอยากไปไหนว่ามาเลย ข้าจะพาไปเอง”

 

ฉินอวี่กล่าว