ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 113 ชายหนุ่มที่แก่เกินวัย

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​ทวน​โลหะ​ด้าม​นี้​ดูเหมือน​ทวน​ธรรมดา​ทั่วไป​ ​ถ้า​ไม่​เหมือนกับ​ว่า​เป็น​ทวน​ประจำตัว​ของ​เซียว​จาง

​แต่​ทวน​ที่สามา​รถ​ทำให้​คน​ชุด​ดำ​บาดเจ็บ​ได้​ ​ย่อม​ไม่ธรรมดา

​นี่​คือ​อาวุธ​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ทำเนียบ​ร้อย​ศาสตรา​ใน​ตำนาน​ ​ซึ่ง​จักรพรรดิ​ไท่​จง​เคย​ใช้​ใน​อดีต​ ทวนน้ำ​ค้าง​เทพ

​“​สุดท้าย​ก็​เปล่าประโยชน์​ ​พวก​เจ้า​กำลังจะ​พ่ายแพ้​”

​คน​ชุด​ดำ​ใช้​น้ำเสียง​เย็นชา​ ​พูด​ประโยค​หนึ่ง​ทิ้งท้าย​ ​ก่อน​กลายเป็น​หมอก​ดำกลุ​่​มห​นึ่ง​ ​จางหาย​ไป​ใน​สนามรบ​อัน​วุ่นวาย

​เซียว​จาง​อยาก​ไล่ตาม​ไป​ ​แต่​ร่าง​กลับ​โงนเงน​สองครา​ ​เกือบจะ​ล้ม​ลง​กับ​พื้น

​เห็นที​หลาย​วันก่อน​ ​ข่าว​ที่ว่า​เขา​ขี่​ว่าว​บุกเข้าไป​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​เป็นเรื่อง​จริง​ ​และ​ได้รับบาดเจ็บ​สาหัส​ก็​เป็นเรื่อง​จริง​เช่นเดียวกัน

​เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​ซาง​สิง​โจว​เก็บ​เขา​ไว้​บน​รถ​ตั้งแต่​เมื่อไหร่

​“​ใช้​ว่าว​แลก​กับ​ทวน​สิบ​ปี​ ​เจ้า​ว่า​คุ้ม​หรือไม่​”

​“​คุ้ม​แน่นอน​”

​เซียว​จาง​ถือ​ทวน​โลหะ​ใน​มือ​ ​มีท​่า​ที​ตื่นเต้น​อยู่​บ้าง

​สามารถ​จับ​ทวนน้ำ​ค้าง​เทพ​ด้วยมือ​ตนเอง​ ​เป็นความ​ฝัน​ของ​ผู้ใช้​ทวน​ทุกคน​อยู่​แล้ว​ ​เขา​ก็​ไม่​ละเว้น

​ซาง​สิง​โจว​สั่น​ศีรษะ

​ตาม​ความเห็น​ของ​เขา​ ​นี่​ย่อม​เป็น​เพชร​ใน​ตม

​ความจริง​แล้ว​ ​เขา​ไม่เคย​รู้สึก​ว่า​ใน​ยุค​นี้​ผู้ใด​มีคุณ​สมบัติ​พอที่​จะ​ใช้​อาวุธ​ซึ่ง​จักรพรรดิ​ไท่​จง​ให้​ไว้​เป็น​มรดก

​ทว่า​ตอนนี้​เรื่อง​เร่งด่วน​สำคัญ​ ​คือ​รบ​ชนะ​เผ่า​มาร​ ​และ​เซียว​จาง​ก็​คือ​ผู้ใช้​ทวน​เป็น​ที่​แข็งแกร่ง​สุด​ ​จึง​ได้​แต่​ยอมให้​เขา​ลอง​ใช้​ดู

​เซียว​จาง​เงยหน้า​มอง​ที่​ที่​ไกล​ออก​ไป​ซึ่ง​คน​ชุด​ดำ​หายตัว​ไป​ ​แล้ว​พูด​อย่างระมัดระวัง​ ​“​ข้า​รู้สึก​ว่า​เรื่อง​นี้​มิได้​ง่ายดาย​เช่นนี้​”

​เขา​ซ่อนตัว​อยู่​ใน​รถ​หลาย​วัน​ ​โดย​ไม่มี​ข่าว​เล็ดลอด​ออกมา​แม้แต่น้อย​ ​แต่​การ​สะสม​พลัง​อยู่นาน​ ​บวก​กับ​อานุภาพ​ของ​ทวนน้ำ​ค้าง​เทพ​ ​ก็​ยังคง​ไม่​สามารถ​สังหาร​คน​ชุด​ดำ​ได้​ ​นี่​เกี่ยวข้อง​กับ​อาการ​บาดเจ็บ​ก่อนหน้านี้​ของ​เขา​ ​และ​เป็น​เพราะ​คน​ชุด​ดำ​มีพลัง​ที่​แข็งแกร่ง​มาก​ ​แต่​ยัง​มี​ความเป็นไปได้​อีก​หนึ่ง​อย่าง​ ​นั่น​ก็​คือ​คน​ชุด​ดำ​มิได้​ทุ่มเท​พลัง​ทั้งหมด​แต่แรก

​“​เผ่า​มาร​อยาก​ให้​ข้า​ตาย​จริงๆ​ ​แม้​ตาย​ก่อน​สิบ​กว่า​วัน​ก็​ยังดี​ ​ทว่า​นี่​ไม่ใช่​เรื่องสำคัญ​ถึงขนาด​ที่​ต้อง​ให้​พวกเขา​ออกจาก​เมือง​มา​เผด็จศึก​ล่วงหน้า​”

​ซาง​สิง​โจว​พูด​ด้วย​ท่าที​สงบนิ่ง

​เขามอ​งกา​รณ​์​ไกล​หรือ​มอง​ทะลุปรุโปร่ง​กว่า​เซียว​จาง​ก็​ว่า​ได้

​เผ่า​มาร​ทำการ​เผด็จศึก​ก่อนเวลา​ ​เพื่อ​ต้องการ​สร้าง​ฉาก​ความวุ่นวาย​ใน​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ ​โดย​ใช้​ความวุ่นวาย​ปกปิด​เจตนา​ที่แท้​จริง​ ​ตอนนี้​ดู​ไป​แล้ว​ ​น่าจะ​ปกปิด​การสังหาร​เขา​ ​แต่​เผ่า​มาร​มี​การ​เตรียมการ​ที่​สมบูรณ์แบบ​มากกว่า​นี้​ล่วงหน้า​หรือไม่​…​ถ้า​สังหาร​ไม่สำเร็จ​ ​ก็​ใช้​เหตุการณ์​นี้​เป็น​วิธี​เบี่ยงเบน​ความสนใจ

​ถ้า​เป็น​เช่นนี้​จริง​ ​แล้ว​ไม้ตาย​ที่แท้​จริง​ของ​เผ่า​มารคื​ออะ​ไร

​ซาง​สิง​โจว​หัน​กาย​ ​มอง​ไป​ยัง​ทิศใต้

​……

​……

​ใน​การสงคราม​ ​หน่วย​ที่​สำคัญ​สุด​ย่อม​เป็นแนว​หลัง

​ใน​แนวหลัง​ ​สิ่ง​ที่​สำคัญ​สุด​คือ​เสบียง

​อาวุธยุทโธปกรณ์​ถูก​ทำลาย​ ​สามารถ​พึ่งพา​กำลังคน​จู่โจม​อย่างแข็งขัน​ ​ศรแสง​ศักดิ์สิทธิ์​ไม่มี​ ​ก็​สามารถ​ใช้​ศร​ธรรมดา​ได้​ ​ใน​ช่วงเวลา​คับขัน​สุด​ ​ความกล้าหาญ​กับ​ปณิธาน​มัก​มีบทบาท​สำคัญ​ยิ่ง​ ​แต่​ถ้า​ไม่มี​เสบียง​ ​หิว​จน​ตลอดทั้ง​ร่าง​ไม่มีแรง​ ​จะ​สู้รบ​ได้​อย่างไร​ ​ถ้า​อาชา​หลง​เซียง​ล้วน​ยืน​ไม่​ขึ้น​แล้ว​ ​จะ​กรีธาทัพ​ได้​อย่างไร​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​เรื่อง​การ​รุก​เข้า​จู่โจม​ศัตรู

​รัชสมัย​ต้า​โจว​ให้ความสำคัญ​กับ​แนวหลัง​มาก​ ​และ​มุ่งเน้น​มาที​่​สงคราม​ครั้งนี้​โดยเฉพาะ​ ​ซึ่ง​ก็ได้​จัดเตรียม​สิ่งของ​ต่างๆ​ ​ที่​เกี่ยวข้อง​มานาน​ ​เป็นเวลา​ติดต่อกัน​สิบ​ปี​เต็ม​ ​ถ้า​นับ​สิบ​เจ็ด​แนว​ป้องกัน​ ​และ​คลัง​เสบียง​เหล่านั้น​ใน​เขต​เทียน​จิง​เหนือ​ ​การเตรียมพร้อม​เช่นนี้​ ​ยิ่ง​ต้อง​ย้อนกลับ​ไป​ใน​ยุคสมัย​จักรพรรดินี​เทียน​ไห่​กับ​จักรพรรดิ​องค์​ก่อน​ ​กระทั่ง​มี​กลยุทธ์​ที่​กำหนด​ไว้​เป็น​อย่างดี​มากมาย​ตั้งแต่​ยุคสมัย​ไท่​จง​แล้ว

​การ​เก็บ​สะสม​และ​การ​เตรียม​เสบียงอาหาร​เป็นเรื่อง​ที่​ยาก​มาก​ ​แต่​สิ่ง​ที่​ยาก​และ​อันตราย​ยิ่งกว่า​คือ​การขนส่ง​เสบียง​ ​โดยเฉพาะ​ขณะที่​สงคราม​ดำเนิน​ไป​อย่างต่อเนื่อง​ ​กองทัพ​เผ่า​มนุษย์​ชนะ​แล้ว​ชนะ​อีก​ ​เส้นทาง​ขนส่ง​เสบียง​ที่มาก​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​เป็น​ส่วน​ที่อยู่​ใน​อาณาเขต​เผ่า​มาร​ ​ซึ่ง​อาจ​เผชิญ​กับ​การคุ​กคา​มหรื​อก​ระ​ทั่ง​การ​ซุ่ม​โจมตี​ครั้ง​ใหญ่​ได้​ทุกขณะ

​เมื่อ​พิจารณา​ด้าน​ความปลอดภัย​และ​ประสิทธิภาพ​ ​อีกทั้ง​ขอบเขต​การขนส่ง​เสบียง​ของกอง​ทัพ​เผ่า​มนุษย์​ที่​ใหญ่​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​จำนวน​ผู้บำเพ็ญเพียร​ติดตาม​กองทัพ​ที่มาก​ขึ้น​เรื่อยๆ​ ​ใน​จำนวน​นี้​ ​ขบวน​ขนส่ง​เสบียง​ที่​สำคัญ​สุด​ ​จึง​ต้อง​มี​กระทั่ง​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​อาณาเขต​ศักดิ์สิทธิ์​อยู่​คุ้มกัน​ด้วยตัวเอง​ ​ซึ่ง​เหมา​ชิว​อวี​่​ก็​เคย​เดินทาง​ไปมา​ระหว่าง​เหนือ​และ​ใต้​อยู่​หลายครั้ง

​ตอนนี้​สงคราม​เข้าสู่​ช่วง​ครึ่งหลัง​แล้ว​ ​เหมา​ชิว​อวี​่​บาดเจ็บสาหัส​ ​ต้อง​กลับ​ไปรั​กษา​ตัว​ที่​เขา​หาน​ซาน​ ​ส่วน​แม่ชี​เต๋า​ไหว​เห​ริน​ ​หัวหน้าพรรค​หลี​ซาน​ ​เซียง​อ๋อง​ ​เป็นต้น​ ​ล้วน​ไม่มีแรง​จะ​สู้รบ​อีก​ ​หวังผ​้​อรับ​หน้าที่​จับตาดู​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​ ​แม้​อาการ​บาดเจ็บ​ยัง​ไม่​หาย​ดี​ ​ก็​ไม่​สามารถ​ไป​จาก​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​แม้​เพียง​ก้าว​เดียว​ ​ยิ่ง​ไม่มีทาง​ที่จะ​แบ่ง​สมาธิ​ไปดู​ด้าน​นี้​ ​ดีที​่​ฝั่ง​เผ่า​มาร​แย่​ยิ่งกว่า​ ​ตั้งแต่​เปิดศึก​จนถึง​ตอนนี้​ ​มี​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​อาณาเขต​ศักดิ์สิทธิ์​เสียชีวิต​ไป​แล้ว​สาม​ท่าน​ ​บุคคล​สำคัญ​อย่าง​ผู้คุม​กฎ​เผ่า​มาร​กับ​คน​ชุด​ดำ​ ​รวมทั้ง​ขุนพล​มาร​ที่สอง​และ​เหล่า​ผู้​แข็งแกร่ง​ ​จึง​ไม่มีทาง​ไป​จาก​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​อย่างแน่นอน​ ​ดังนั้น​ยัง​นับว่า​ปลอดภัย​อยู่

​“​เรื่อง​ของ​ราชสำนัก​ย่อม​มี​กรม​พระ​คลัง​เป็น​หัวเรือใหญ่​ ​และ​ของ​จาก​ทางใต้​ส่วนใหญ่​ก็​มีสกุล​ถัง​กับ​สกุล​มู่​เจ้อ​จัดเตรียม​ ​ไม่เข้าใจ​ว่า​เหตุใด​สกุล​ชิว​ซาน​ถึง​ได้​กระตือรือร้น​เช่นนี้​”

​เจ้าหน้าที่​ขนส่ง​เสบียง​มองดู​รถ​คัน​หนึ่ง​ใน​ขบวนรถ​ตรงหน้า​พลาง​ขมวดคิ้ว

​เจ้าบ้าน​สกุล​ชิว​ซาน​กับ​คนรับใช้​ขั้น​เทพศักดิ์​สิทธิ์​ครึ่ง​ขั้น​ใน​ตำนาน​ท่าน​นั้น​นั่ง​อยู่​อยู่​ใน​รถม้า​คัน​นั้น​ ​ทำให้​คน​ทั้ง​ขบวน​รู้สึก​กดดัน​ยิ่ง

​ลูกน้อง​เจ้าหน้าที่​ว่า​ ​“​คน​ทั้งโลก​ล้วน​รู้​ว่า​เจ้าบ้าน​สกุล​ชิว​ซาน​รัก​ลูก​มาก​ ​ที่​ยอม​ทุ่มเท​ขนาด​นี้​ ​คิด​ว่า​ชิว​ซานจ​วิน​มีส่วน​”

​เจ้าหน้าที่​ขนส่ง​เสบียง​นึกถึง​ข่าวลือ​ ​จึง​พูดเสี​ยด​สี​เล็ก​ๆ​ ​“​ที่แท้​ก็​อยาก​กู้หน้า​คืนให้​เขา​หลี​ซาน​”

​คำพูด​นี้​หมายถึง​สงคราม​ที่​บุก​ไป​ทางเหนือ​เมื่อ​หลาย​ปีก่อน

​ศิษย์​พรรค​กระบี่​หลี​ซาน​ซึ่ง​รับหน้าที่​ขนส่ง​เสบียง​ ​ส่ง​เสบียง​ให้​ไม่ได้​ตามกำหนด​เนื่องจาก​เหตุผล​บางอย่าง​ ​เสี่ยง​ต่อ​การถูก​จิน​อวี​้ล​วี่​สังหาร​ใน​สนามรบ​ ​ชนิด​ใคร​ร้องขอ​ก็​ไร้ประโยชน์

​สุดท้าย​หัวหน้าพรรค​หลี​ซาน​ใน​ตอนนั้น​จึง​ใช้​ตำรา​รวบรวม​เคล็ด​วิชา​เพลง​กระบี่​หลี​ซาน​มา​แลกเปลี่ยน​ ​เชิญ​จักรพรรดิ​ขาว​มา​ออกหน้า​ ​ถึง​ได้​รักษา​ชีวิต​เหล่า​ศิษย์​ใน​สำนัก​รวมทั้ง​เสี่ยว​ซง​กง​ไว้​ได้

​ส่วน​เรื่อง​ที่​เสี่ยว​ซง​กง​ยุ​ให้​คนใน​พรรค​หลี​ซาน​แตกแยก​กัน​ ​ก็​อีก​เรื่อง​หนึ่ง

​สำหรับ​พรรค​กระบี่​หลี​ซาน​แล้ว​ ​นี่​คือ​จุดด่างพร้อย​จุด​เดียว​ใน​ความทรงจำ​ของ​ผู้คน​บน​โลก​ก็​ว่า​ได้​ ​ถ้า​ไม่​นับ​ซู​หลี

​ตอนนี้​พรรค​กระบี่​หลี​ซาน​ให้​ชิว​ซานจ​วิน​เป็น​ผู้สืบทอด​ ​หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​โอรส​มังกร​ผู้​มีชีวิต​อยู่​อย่าง​เงียบๆ​ ​ย่อม​หวัง​ที่จะ​ใช้​โอกาส​สงคราม​ใน​ครั้งนี้​ ​ขจัด​จุดด่างพร้อย​ให้​หมดสิ้น​ ​อาจ​เป็น​เพราะ​สาเหตุ​นี้​ ​สกุล​ชิว​ซาน​ถึง​ได้​แสดง​ความ​กระตือรือร้น​เช่นนี้​ ​สนองตอบ​คำขอ​จาก​ราชสำนัก​ ​ขอ​เข้าร่วม​ใน​การ​เดินทัพ​ไป​ทางเหนือ​ด้วย

​“​ไม่ใช่​แค่​เรื่อง​หน้าตา​”

​ลูกน้อง​เจ้าหน้าที่​พูด​ต่อ​ ​“​ได้ยิน​มา​ว่า​ ​ใต้เท้า​จิน​อวี​้ล​วี่​เคย​พูด​กับ​ปาก​เอง​ว่า​ ​ถ้า​เรื่อง​ใน​ครั้งนี้​จัดการ​ได้​อย่างเหมาะสม​ ​หลัง​สงคราม​จะ​คืน​ตำรา​รวบรวม​เคล็ด​วิชา​เพลง​กระบี่​หลี​ซาน​ให้​”

​เจ้าหน้าที่​ขนส่ง​เสบียง​อึ้ง​ไป​สักพัก​ ​ก่อน​พูด​ชื่นชม​เล็กน้อย​ ​“​นี่​ก็​ง่ายดาย​เกิน​”

​คำพูด​นี้​ถ้า​ผู้อื่น​พูด​ ​เขา​อาจ​ไม่เชื่อ​ ​แต่​เมื่อ​จิน​อวี​้ล​วี่​พูด​ออกจาก​ปาก​เอง​ ​ไม่เชื่อ​ก็​ต้อง​เชื่อ

​หลัง​เปิดศึก​ ​พอกำ​ลัง​เสริม​ของ​ชน​เผ่า​ปีศาจ​ออกจาก​ชง​โจว​ ​ก็​เคลื่อนไหว​อยู่​รอบ​บริเวณ​ทุ่งหญ้า​ผืน​นั้น​ ​ไม่ได้​เข้าไป​ใน​สนามรบ​ ​ราชสำนัก​และ​พลเมือง​ต้า​โจว​จึง​โกรธแค้น​มาก​ ​แม้​มีปัญหา​มากมาย​ ​แต่​ก็​ไม่มีใคร​มีปัญหา​ใดๆ​ ​กับ​จิน​อวี​้ล​วี่​ ​ยิ่ง​ไม่มี​ข้อกังขา​ใดๆ​ ​ด้วย​

​นี่​คือ​เกียรติยศ​ที่​สร้าง​โดย​ประวัติศาสตร์​ ​และ​เนื่องจาก​จนถึง​ตอนนี้​ ​เขา​ก็​ยังคง​เป็น​ผู้​ที่​มีบทบาท​สำคัญ​ของ​สงคราม​ใน​ครั้งนี้

​เรื่อง​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​สัมภาระ​ของกอง​ทัพ​ใหญ่​ ​ซึ่ง​ขนส่ง​โดย​แนวหลัง​ ​มอบให้​จิน​อวี​้ล​วี่​จัดการ​ทั้งหมด​ ​ไม่ว่า​ปริมาณ​เท่าใด​ ​ก็​ล้วนแล้วแต่​เขา​ตัดสินใจ

​นี่​คือ​สิทธิพิเศษ​และ​ความไว้วางใจ​ที่​จักรพรรดิ​แห่ง​ต้า​โจว​และ​พระสังฆราช​มอบให้​เขา​ ​แต่​ขณะเดียวกัน​ก็​เป็น​แรงกดดัน​ที่​น่ากลัว​ยิ่ง

​แม้​มี​ผู้คน​หลาย​ร้อย​คน​ ​อย่าง​นายพัน​จาก​กองทัพ​ ​ขุนนาง​อาวุโส​จาก​กรม​พระ​คลัง​ ​นัก​บัญชี​จาก​สกุล​ถัง​ ​เลขา​ด้าน​การเงิน​และ​เสบียงอาหาร​จาก​สกุล​อู๋​ ​บวก​กับ​เด็กรับใช้​สอง​คนที​่​เขา​พามา​จาก​เมือง​ไป๋​ตี้​ ​และ​ผู้ช่วย​อย่าง​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ ​ที่​ล้วน​เป็น​ลูกน้อง​ช่วย​แบ่งเบา​แรงกดดัน​เหล่านี้​จาก​เขา

​ทว่า​ตอนนี้​ขุนนาง​อาวุโส​และ​นัก​บัญชี​เหล่านั้น​ได้​อ่อนเพลีย​และ​ล้ม​ป่วย​ลง​เป็น​จำนวนมาก​ ​รวมทั้ง​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ที่​ไข้​สูง​ไม่​ลด​ ​และ​ถูก​ส่งตัว​ไป​เขา​หาน​ซาน​แล้ว

​ส่วน​จิน​อวี​้ล​วี่​ก็​ผ่ายผอม​จน​เหลือ​แต่​กระดูก​ ​แต่​ก็​ยัง​ยืนหยัด​อยู่

​เขา​จึง​เป็น​ที่​ยำเกรง​ของ​ทหาร​ทุกคน

​คำ​ว่ายำ​เกรง​ ​มีคำ​ว่า​เกรง​อยู่

​เจ้าหน้าที่​ขนส่ง​เสบียง​มองดู​เทือกเขา​ที่อยู่​ไกล​ออก​ไป​จาก​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ ​ร่าง​พลาง​สั่น​น้อย​ๆ​ ​แอบ​หวัง​ว่า​จะ​ไม่มีปัญหา​ใดๆ​

​ขบวน​ขนส่ง​เสบียง​ขบวน​นี้​ ​อย่างน้อย​สามารถ​รับรอง​ได้​ว่า​มี​เสบียง​เพียงพอ​ที่จะ​ให้​ทหาร​ใน​แนวหน้า​กิน​ได้​ยี่สิบ​วัน​ ​พูด​ได้​ว่า​เป็นการ​ขนส่ง​ครั้ง​สำคัญ​มาก​ครั้งหนึ่ง​ ​ประกอบด้วย​ข้าราชการ​สาม​หมื่น​คน​ ​และ​เกวียน​นับ​พัน​เล่ม​ ​เคลื่อนที่​ต่อเนื่อง​กันยา​วนั​บสิ​บลี​้​ตั้งแต่​หัว​ขบวน​ถึง​ท้าย​ขบวน​ ​ค่อนข้าง​ยิ่งใหญ่​มาก​ ​มีท​หาร​ม้า​สาม​พัน​นาย​ ​อีกทั้ง​ยอด​ฝีมือ​ของ​สกุล​ชิว​ซาน​คอย​คุ้มกัน​อยู่​ ​ไม่ต้อง​กลัว​ว่า​จะ​ถูก​ทหาร​แตกทัพ​เผ่า​มาร​จู่โจม​ ​และ​ไม่มี​ความเสี่ยง​ที่​เสบียง​จะ​ถูก​ปล้น​ ​แต่​ระยะทาง​ที่​ยาว​ไกล​ ​ไม่มีใคร​รู้​ว่า​จะ​พบ​เจอ​อะไร​ ​แต่​ถ้า​วัน​คืนหนึ่ง​เกิด​อะไร​ขึ้น​ ​ยัง​ไม่พูดถึง​โทษ​ตาย​ ​แค่​โดน​กระบอง​ตาม​กฎ​ทหาร​ ​ก็​ใช่​ว่า​จะ​ทน​กันได​้​ง่ายๆ

​และ​ใน​ตอนนี้​เอง​ ​แม่ทัพ​กองทหาร​ม้านาย​หนึ่ง​ก็​เข้ามา​พูดเสียงต่ำ​ข้าง​รถ​เจ้าบ้าน​สกุล​ชิว​ซาน​ ​ผ่าน​ไป​สักพัก​ ​ก็​มีเสียง​เคร่งขรึม​ดัง​ออกจาก​รถ​เจ้าบ้าน​สกุล​ชิว​ซาน​ ​ต่อ​ด้วย​เสียง​ตะโกน​จาก​รอบด้าน​ที่​ทยอย​กัน​ดัง​มา​ ​ท่าที​ของ​พ่อบ้าน​สกุล​ชิว​ซาน​กับ​เหล่า​ผู้คุ้มครอง​เปลี่ยนเป็น​เคร่งเครียด​ขึ้น​ ​ขบวน​เร่งความเร็ว​ให้​เคลื่อน​ไป​ข้างหน้า​ ​เสียง​ม้า​วิ่ง​ดัง​ต่อเนื่อง​ ​ราวกับ​พายุฝน​ ​เหล่า​ทหารม้า​เร่ง​ควบ​ม้า​ผ่าน​ขบวน​เสบียง​ ​ไป​ยัง​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ที่อยู่​ห่าง​ออก​ไป​ไม่​หยุด​ ​ขณะเดียวกัน​ ​พล​ลาดตระเวน​ก็​ทำการ​แผ้วถาง​ทาง​ให้​เรียบร้อย​ไป​ด้วย

​“​เห็นที​ต้อง​ผ่านนั​่​วรื​่อ​หลั่ง​ให้​ได้​ก่อน​ฟ้า​มืด​”

​เจ้าหน้าที่​ขนส่ง​เสบียง​คน​นั้น​ยก​แส้​ม้า​ขึ้น​ ​ชี้​ไป​ทาง​เทือกเขา​ใน​ระยะไกล​ของ​ท้องทุ่ง​รกร้าง​ ​พลาง​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​พรุ่งนี้​เรา​ก็​เห็น​ช่องเขา​ซิงซิง​แล้ว​สิ​”

​……

​……

​จาก​ทุ่งหญ้า​มอง​ขึ้นไป​ ​นั่น​คือ​เทือกเขา​ที่ตั้ง​ตระหง่าน​อยู่​ใต้​ท้องฟ้า

​จาก​ท้องฟ้า​มอง​ลงมา​ ​นั่น​คือ​แนวเขา​ห้า​ลูก​ตั้ง​เรียงราย​ต่อเนื่อง​กันตาม​แนว​ขวาง​ของ​ทุ่งหญ้า

นั​่​วรื​่อ​หลั่ง​คือ​ยอดเขา​ที่สูง​ที่สุด​ใน​ทิวเขา​เหล่านี้​ ​ไม่ว่า​ชน​เผ่า​มาร​หรือ​ชน​เผ่า​มนุษย์​ ​ล้วน​คุ้นเคย​กับ​การ​เรียก​เทือกเขา​ผืน​นี้​ว่านั​่​วรื​่อ​หลั่ง

​ไม่มีใคร​คิด​ว่า​ ​ตอนนี้​เชิงเขา​ของ​ยอดเขา​ฝั่ง​ตะวันตก​แห่งหนึ​่ง​ ​มีพล​หมาป่า​เผ่า​มาร​หนึ่ง​พัน​กว่า​ตน​หลบซ่อน​อยู่

​หมาป่า​กระหาย​โลหิต​ผิวหนัง​เป็นหนอง​กำลัง​อ้า​ปาก​ ​ส่งกลิ่น​คาว​โลหิต​เหม็น​คละคลุ้ง​ ​ดวงตา​นายทหาร​ม้า​ชน​เผ่า​มาร​รูปร่าง​ผอมบาง​มีแสง​สีเขียว​จางๆ​ ​แผดเผา​อยู่

​แต่​ไม่ว่า​จะ​เป็น​หมาป่า​ยักษ์​กระหาย​โลหิต​ที่​ดุร้าย​เหล่านี้​ ​หรือ​ทหารม้า​ชน​เผ่า​มาร​ ​ทั้งหมด​ล้วน​อยู่​ใน​ความ​เงียบ​ ​ไม่​ส่งเสียง​ใดๆ​ ​ออกมา

​ผู้นำ​พล​หมาป่า​ดู​ไป​แล้วยัง​หนุ่มแน่น​มาก​ ​กระทั่ง​หน้าตา​ก็​ค่อนข้าง​อ่อนเยาว์​ ​คล้าย​ยัง​เด็ก​อยู่

​ทว่า​ดวงตา​ของ​เขา​กลับ​แก่​เกิน​วัย​ยิ่ง​ ​ราวกับ​อ่าน​เรื่อง​ใน​โลก​มามาก​ ​ผ่าน​ความเจ็บปวด​มานับ​ไม่​ถ้วน

​“​เผา​เสบียง​ของ​พวก​มัน​ให้​เกลี้ยง​”

​เขามอ​งดู​เหล่า​พล​หมาป่า​ ​พลาง​พูด​อย่างสงบ​นิ่ง​ ​“​จากนั้น​ก็​ลุย​เข้าไป​ตาย​เอา​ดาบ​หน้า​”