มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1249

รอบยิ้มเยาะเย้ยด้วยความโหดร้ายปรากฎขึ้นที่มุมปากของเจ้าสำนักน้อยตวนมู่ เขาไม่เพียงแต่จะเอาชนะหลัวซิว แต่เขาต้องการฆ่าอีกฝ่ายทิ้งไปเลยด้วย

เขาเป็นถึงเทพมาร แต่อีกฝ่ายคือมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้า ถึงจะพูดว่าพลังรบค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่อย่างไรวิญญาณเทพจิตก็ยังไม่ถึงระดับเทพมารเป็นแน่

อีกทั้งสับวิญญาณสูญที่เขาสำแดงออกมา กลับสามารถทำให้วิญญาณของผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นสี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ มีหรือที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าคนหนึ่งจะสามารถต้านเอาไว้ได้?

โจมตีวิญญาณในตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว เจ้าสำนักน้อยตวนมู่ผู้นี้อาศัยการโจมตีนี้ สังหารคู่ต่อสู้มาแล้วเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับสิ่งนี้ หลัวซิวกลับไม่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเลยแม้สักน้อย

“คิดจะใช้การโจมตีวิญญาณ? เจ้ายังห่างไกลนัก”

“เหวิง!”

หว่างคิ้วของหลัวซิวเปล่งแสงสว่างเป็นประกาย หลอมรวมสองกฎใหญ่ชั้นยอดอย่างความตายและโซน แสงกระบี่สำแสงหนึ่งถูกปล่อยออกไปเช่นกัน

เคล็ดวิชาแปรจิตเทพ!

แสงกระบี่เหมือนกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วมันต่างกันมาก สับวิญญาณสูญก็เป็นแค่เพียงพลังอมตะระดับเทพฟ้าทั่วไปเท่านั้น แต่เคล็ดวิชาแปรจิตเทพ คือพลังอมตะใหญ่ระดับราชาเทพ!

วินาทีที่ลำแสงชนเข้าด้วยกัน สับวิญญาณสูญก็ถูกโจมตีจนสลายไป จากนั้นแสงกระบี่ของหลัวซิวก็พุ่งไปจนสุด แทงทะลุเข้าไปยังตัวหยั่งรู้ที่หว่างคิ้วของเจ้าสำนักน้อยตวนมู่

“อะไรกัน?!”

เจ้าสำนักน้อยตวนมู่หน้าถอดสี เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายที่มีผลการฝึกตนแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้า จะมีวิญญาณตัวสำนึกที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาที่เป็นเทพมารเสียอีก?

“ผุ!”

เขาอ้าปากกระอักเลือดออกมาอึกใหญ่ ร่างลอยกระเด็นออกไป สีหน้าไม่สู้ดีนัก

หนึ่งลำแสงเคล็ดวิชาแปรจิตเทพไม่สามารถโจมตีเจ้าสำนักน้อยตวนมู่ให้พ่ายได้ในครั้งเดียว แสงกระบี่ถูกต่อต้านโดยพลังที่ยอดเยี่ยมภายในตัวหยั่งรู้ของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าภายในตัวหยั่งรู้ของอีกฝ่าย น่าจะมีสมบัติชิ้นหนึ่งเพื่อคุ้มกันการโจมตีวิญญาณ

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะจัดการข้าภาบในสามกลยุทธ์ไม่ใช่หรือ? นี่เพิ่งสองกระบวน เหตุใดจึงกระอักเลือดเสียแล้ว?” หลัวซิวจงใจพูดยั่วโมโหอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

แต่ผู้ชมข้างล่างนี้ ต่างเผยสีหน้าต่างก็ประหลาดใจ พรสวรรค์ของเจ้าสำนักน้อยตวนมู่ไม่มีข้อกังขา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีผลการฝึกตนแดนเทพมาร แต่กลับจะมาแพ้ให้กับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าคนหนึ่งงั้นหรือ?

“เจ้าก็ฝึกตนกฎความตาย!”

เจ้าสำนักน้อยตวนมู่สีหน้าหงุดหงิดใจ ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกสงสัย เอ่ยถามเสียงเย็น “กฎความตายของเจ้าเห็นได้ชัดว่ายังไม่ถึงการตระหนักรู้ดั้งเดิม แต่เหตุใดอำนาจกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังดั้งเดิมของข้า?”

จากคนธรรมดากลายเป็นเทพมาร สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเปลี่ยนจากกฎธรรมดาไปยังกฎดั้งเดิม

ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารได้รับการยอมรับของกฎดั้งเดิม ตระหนักรู้กฎพลังดั้งเดิม นี่จึงจะเรียกว่าเป็นเทพมารที่แท้จริง

และเพราะยังไม่ได้รับการยอมรับจากกฎดั้งเดิม ดังนั้นร่างเนื้อและตัวสำนึกของหลัวซิวต่างก็ถึงระดับเทพมารแล้ว แต่กลับยังคงมาสามารถนับว่าเป็นเทพมารที่แท้จริงได้

ว่ากันตามหลักการ กฎความตายแดนบริบูรณ์ กับตระหนักรู้แดนดั้งเดิมมีความแตกต่างกันอย่างมาก แต่หลัวซิวกลับเป็นกรณีพิเศษ

เพราะว่าสิ่งที่เขาตระหนักรู้ทั้งหมดคือเชี่ยวชาญกฎความตาย โดยผ่ายทางลูกแก้วความเป็นตาย แต่ลูกแก้วความเป็นตายก็เป็นอัญมณีที่กลั่นแปรมาจากกฎดั้งเดิม จึงสามารถกล่าวได้ว่าแต่เดิมก็เต็มไปด้วยกฎความตายดั้งเดิม!

เช่นนี้จึงหมายความว่า ตั้งแต่แรกเริ่ม ที่หลัวซิวเชี่ยวชาญพลังแห่งความตายทั้งหมด ก็คือพลังดั้งเดิมที่สุดของกฎความตาย

เพียงเพราะแดนของตนยังไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงยังคงเป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงพลังนี้อย่างเต็มที่ก็เท่านั้น

ถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับกฎอื่น ๆ กฎความตายทั้งหมดที่หลัวซิวเชี่ยวชาญ พลังแห่งกฎของแดนบรรลุผลขั้นสูงเท่านั้น

แต่ถ้าหากเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เชี่ยวชาญการฝึกตนกฎความตายเหมือนกัน พลังแห่งกฎความตายของอีกฝ่าย ก็จะต้องถูกกฎความตายของเขาปราบปรามเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สิ่งนี้ก็คล้าย ๆ กับระดับสายเลือดที่เคร่งครัดของเผ่าปีศาจและเผ่าพันธุ์มาร กฎความตายของหลัวซิว ก็คือปีศาจมารที่ครอบครองสายเลือดชั้นสูงสุดเอาไว้ แม้ว่าพลังของตนจะไม่ได้แข็งแกร่งมากถึงเพียงนั้น แต่การปราบปรามและสถานะของระดับสายเลือดต่างก็ยังตงห่างไกลเกินกว่าปีศาจมารทั่วไปจะสามารถเทียบเท่าได้