ตอนที่ 2651

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,651 : ไม่เสียดาย

 

 

“ไฉนเป็นพวกมันได้?”

 

ฉินอวี่ที่ลอยร่างข้างกายต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นร่างทั้ง 2 ที่โรยตัวลงมาจากฟากฟ้า…

 

ถึงในบรรดาร่างทั้งสองมันจะเคยเห็นแค่โจวเฟย

 

อย่างไรก็ตาม ดูจากทีท่าการติดตามชายชรามาอย่างเรียบๆร้อยๆของโจวเฟย ฉินอวี่ก็คาดเดาอัตลักษณ์ชายชราได้ไม่ยาก

 

ผู้พิทักษ์อันดับ 1 มณฑลจิ่วโยว โจวทง

 

“ต้วนหลิงเทียน คนที่อยู่หน้าโจวเฟยนั่น…คือโจงทงงั้นหรือ?”

 

แม้จะพอคาดเดาตัวตนของชายชราได้ แต่ฉินอวี่ก็ส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวถามต้วนหลิงเทียนอย่างอดไม่ได้

 

มันได้รู้มาจากเจิ้งชิวว่า…

 

เมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา หลังต้วนหลิงเทียนออกจากการปิดด่านได้ไม่ทันไรและแวะมาหา ผู้ว่ากับโจวทงก็ได้ตกลงว่าจะสนับสนุนต้วนหลิงเทียนแล้ว โจวทงยังส่งโอสถเสริมวิญญาณให้ต้วนหลิงเทียนถึง 2 ขวด เพื่อหวังส่วนแบ่งโอสถต้าหลัว…

 

แต่ท่าทีคนเราจะเปลี่ยนแปลงไปง่ายๆในเวลาแค่ปีครึ่งหรือ?

 

ไฉนชายชราหน้าโจวเฟยถึงได้มีแววตาดุร้ายนักเล่า?

 

ที่สำคัญชายชราคนนี้ไม่เหมือนจินเซียนเลย

 

ไม่ว่าจะความรู้สึกที่แผ่ออกหรือกลิ่นอายพลัง คล้ายมันจะบอกคนรอบข้างว่า….

 

มันไม่ใช่จินเซียน!

 

แต่เป็นตัวตนที่อยู่เหนือกว่าจินเซียน!!

 

“เป็นโจวทงนั่นล่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ

 

หลังได้ฟังคำยืนยันจากต้วนหลิงเทียน แม้ฉินอวี่จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดสูดอากาศเข้าเฮือกหนึ่งไม่ได้ “มันไม่ใช่ให้โอสถเสริมวิญญาณเจ้า 2 ขวดเมื่อปีครึ่งที่ผ่านหรือไง มิใช่ว่ามันคิดสนับสนุนเจ้าให้ชนะการประลอง 16 มณฑลหรอกรึ?”

 

“ไฉนมันดูไม่เหมือนคนมาดีเลยเล่า…แค่ผ่านไปปีครึ่ง ทัศนคติคนเราจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรือ?”

 

ฉินอวี่ส่งเสียงผ่านพลังกล่าวถาม

 

“มันไม่ได้มาดีจริงๆ…”

 

กระทั่งฉินอวี่ยังเห็นว่าโจวทงมาร้าย มีหรือต้วนหลิงเทียนจะไม่เห็น?

 

เขายังมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าทั้งหมดเป็นโจวทงจัดฉากล่อเขามาแน่นอน

 

‘ก็นะ…’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบทอดถอนในใจ

 

แม้จะมีคาดเดาไว้แต่แรกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในบางประการ แต่ทั้งหมดเป็นเพราะท่าทีของ 2 คนนั่นไม่คล้ายคนพูดโกหกแม้แต่น้อย…

 

หาไม่แล้วเขาคงไม่ลองตามมาแบบนี้

 

อีกทั้งพอเขารู้สึกว่าทั้งสองไม่ได้พูดโกหกแล้ว เขาเองก็อยากไปมรดกสถาน ที่มีวรยุทธ์อมตะเวทย์พลังกระทั่งเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับลี้ลับด้วยเช่นกัน!

 

สองอย่างแรกนั้นเขาไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ทว่าหากมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับลี้ลับอยู่จริง มันย่อมดีกว่าผลึกรัศมีลี้ลับที่มีระดับเหลืองแน่นอน! คราวนี้ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้น!!

 

“ดูเหมือนทั้ง 2 คนนั่นจะถูกโจวทงส่งมาให้เล่นละครจริงๆ…แต่ดูเหมือนเรื่องที่มีมรดกสถานของยอดเซียนอมตะ ก็จะไม่ใช่เรื่องโกหก…”

 

ฉินอวี่กล่าวส่งเสียงผ่านพลัง

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

ขณะเดียวกันนั้นเอง โจวเฟยกับโจวทงก็ได้มาหยุดลอยในเพดานบินเดียวกันกับต้วนหลิงเทียนและฉินอวี่เรียบร้อย

 

สองตาของพวกมันแต่ละคนมองจ้องมายังร่าต้วนหลิงเทียนเขม็ง

 

สำหรับฉินอวี่นั้น ถูกทั้งคู่เมินเฉยโดยสมบูรณ์

 

“ผู้พิทักษ์โจวทง…บังเอิญจริงๆที่มาเจอท่านที่นี่ได้”

 

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังโจวทง พลางยิ้มกล่าว

 

“น่าเสียดายที่นี่มิใช่เรื่องบังเอิญ ข้ามารอเจ้าอยู่นานแล้ว”

 

โจวทงมองกล่าวากับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าไร้แยแส

 

“อ้อ?”

 

ต้วนหลิงเทียนทำท่าแปลกใจ

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

ตอนนี้เองโจวเฟยที่อยู่ด้านหลังโจวทงอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะว่า “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะซุกซ่อนได้มิดชิดขนาดนี้…หากข้าไม่ไปตรวจสอบความเป็นมาของเจ้าที่เมืองเฉวี่ยโยว ข้าคงไม่รู้ว่าเจ้าเป็นผู้ที่ขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนได้ 2 ปีครึ่งเท่านั้น!”

 

“อีกทั้ง…ยังเป็นผู้ที่ขึ้นสวรรค์มาในสระกำเนิดเซียนอมตะ!!”

 

กล่าวถึงประโยคท้าย เสียงหัวเราะของโจวเฟยก็ดังร่าขึ้น

 

วูบ

 

และแทบจะทันทีที่โจวเฟยกล่าวจบคำ ฉินอวี่ที่ลอยร่างข้างๆต้วนหลิงเทียนก็หน้าเปลี่ยนสีทันที

 

เรื่องที่โจวเฟยพูด มันก็ได้ยืนยันความจริงมาแล้ว

 

อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าโจวเฟยจะรู้! ที่สำคัญไม่เพียงแค่รู้เท่านั้นแต่เหมือนอีกฝ่ายได้ไปยืนยันความจริงมากับตัว! เพราะโจวเฟยกระทั่งบอกได้ถึงเวลาที่จำเพาะเจาะจงว่า 2 ปีครึ่ง!!

 

มาตอนนี้มันจึงตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น..

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนท่าทีที่มีต่อต้วนหลิงเทียนของโจวทงถึงเปลี่ยนไปใหญ่หลวงในเวลาแค่ปีครึ่ง

 

ที่แท้โจวทงผู้นี้ล่วงรู้ความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนแล้ว ว่าเป็นผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนได้แค่ 2 ปีครึ่ง!

 

สำหรับเรื่องที่ไฉนท่าทีของโจวทงถึงเปลี่ยนไป มันก็รู้เหตุผลได้ง่ายๆโดยไม่ต้องให้ใครบอก…

 

สมควรเป็นโจวทงบังเกิดจิตคิดละโมบ อยากครอบครองวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังของต้วนหลิงเทียนที่ต้องสงสัยว่าเป็นระดับสวรรค์!

 

เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์แล้ว โอสถต้าหลัวก็นับเป็นสิ่งไร้ราคาไปทันที…

 

“ต้วนหลิงเทียน… ”

 

สีหน้าของฉินอวี่เปลี่ยนไปใหญ่หลวง หลังตระหนักได้ถึงต้นตอทีท่าแลดูไม่ได้มาดีของโจวทง มันรีบหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความร้อนใจทันที

 

แต่พอหันไปมองมันก็พบว่า…

 

กำลังเผชิญหน้ากับโจวทงอยู่แท้ๆ แต่ต้วนหลิงเทียนกลับแลดูสงบ สีหน้าให้ความรู้สึกราวกับเมฆคล้อยลมเคลื่อน ถึงขั้นให้ขุนเขาใหญ่มาถล่มลงตรงหน้าตอนนี้ คนก็ไม่ไหวติง!

 

“เจ้านับว่าใช้ได้เลยนี่…เรื่องพวกนี้ ยังอุตส่าห์ไปขุดมาได้”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆมองกล่าวกับโจวเฟยด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ “หากตอนบ่มเพาะพลังเจ้าตั้งใจให้ได้แบบนี้สักครึ่ง…เจ้าคงไม่แพ้ข้าย่อยยับขนาดนั้น…”

 

วาจาต้วนหลิงเทียนประหนึ่งแหลนพุ่งแทงกลางใจ แขวะแผลเก่าโจวเฟยปริฉีก พาลให้หน้ามันกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก ยังมืดคล้ำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก!

 

“ต้วนหลิงเทียน เจ้าจะภูมิใจอะไรนักหนา!”

 

หลังหน้าโจวเฟยเปลี่ยนไปครั้งใหญ่ มันก็ถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างอาฆาตคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเชี่ยวชาญวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์…อาศัยผู้ขึ้นสวรรค์อันต่ำต้อยเช่นเจ้ายังจะนับเป็นตัวอะไรในสายตาข้าโจวเฟยได้!!”

 

“ผู้ขึ้นสวรรค์อันต่ำต้อย?”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้ม “เจ้าว่าข้าเป็นผู้ขึ้นสวรรค์อันต่ำต้อย…ถ้างั้นเจ้าที่ถูกผู้ขึ้นสวรรค์อันต่ำต้อยอย่างข้าทำร้ายจนร่ำร้องว่าจะฟ้องบิดาไม่หยุด แถมสุดท้ายก็ถูกข้าตัดแขนตัดขาเล่น จะเรียกว่าอะไร?”

 

“เศษสวะหรือเศษขยะดี?”

 

หลังกล่าวถามจบคำ รอยยิ้มบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน็คลี่กางออกมาแลดูสดใสนัก!

 

ได้ยินคำถามเสียดสีของต้วนหลิงเทียนทั้งเห็นรอยยิ้มหน้าระรื่นดังกล่าว สีหน้าโจวเฟยยิ่งบิดเบี้ยวเหยเกเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด! หากแต่มันก็ไม่รู้จะกล่าวเถียงอย่างไรดี

 

เพราะสุดท้ายแล้วมันก็สู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ แถมช่องว่างยังกว้างใหญ่นัก และวันนั้นมันก็ยกอ้างบิดาบุญธรรมขึ้นมาเพราะกลัวจริงๆ…

 

“ต้วนหลิงเทียน ข้าคร้านจะเสวนากับเจ้าแล้ว!”

 

โจวเฟยตะโกนเสียงเหี้ยม “อย่างไรเสียวันนี้เจ้าก็ไม่มีวันรอดพ้นเงื้อมมือท่านพ่อบุญธรรมของข้าไปได้…หากท่านพ่อบุญธรรมข้าให้ไปตะวันออก เจ้าก็ไม่มีวันไปทางตะวันตก ให้ขึ้นเหนือเจ้าก็ไม่อาจลงใต้!”

 

“บางทีหากเจ้าให้ความร่วมมือแต่โดยดี ยอมส่งมอบวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่เจ้ามีออกมาอย่างรู้ความ เจ้าอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปี! แต่หากเจ้าคิดไม่ซื่อหมายใช้ลูกเล่น เจ้าจักได้ลิ้มรสชาติการอยู่ไม่สู้ตาย! เช่นนั้นเจ้าจงให้ความร่วมมือและส่งมอบทุกสิ่งที่มีออกมาเสียปะเสริฐกว่า!!”

 

กล่าวถึงประโยคท้ายสีหน้าท่าทีของโจววเฟยก็กลับมาหยิ่งผยองลำพองอีกครั้ง ใบหน้ายังเชิดขึ้น สองตาเผยประกายดุร้ายทำราวกับได้เห็นฉากต้วนหลิงเทียนถูกบิดาบุญธรรมอย่างโจทงจับขังทรมาน

 

“อ้อ งั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนเพียงคลี่ยิ้มบางๆกล่าวตอบไปห้วนๆ สีหน้าท่าทีไม่ได้เผยอาการตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย

 

รากกับว่า เขาไม่ได้กลัวโจวทงเลย!

 

“ตอนนี้เจ้ายังทำหน้าระรื่นได้เจ้าก็ยิ้มหัวร่อให้พอเถอะ…อีกสักครู่พอท่านพ่อบุญธรรมข้าลงมือ เจ้าคิดหัวร่อก็หัวร่อไม่ออกแล้ว!”

 

โจวเฟยแสยะยิ้มเยาะเย้ย

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

หลังโจวเฟยกล่าวจบคำ โจวทงที่เงียบไม่พูดไม่จามาตั้งแต่แรก ในที่สุดก็ปริปากกล่าวคำออกมา

 

สองตาสีโคลนที่มองไปยังต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ฉายแววน่ากลัวไม่น้อย “ข้าไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าเจ้าจะพึ่งขึ้นสววรรค์มายังหลิงหลัวเทียนเราได้แค่ 2 ปีครึ่ง…หากข้าเดาไม่ผิดยามนี้เจ้ายังคงเป็นเพียงเซียนอมตะสวรรค์ใช่หรือไม่?”

 

“ถ้าข้าบอกว่าไม่…แล้วผู้พิทักษ์โจวทงจะเชื่อรึเปล่า?”

 

เผชิญกับคำถามของโจวทง ต้วนหลิงเทียนกลับย้อนถาม

 

“เฮอะ!”

 

โจวทงไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ เป็นโจวเฟยที่อยู่ด้านหลังอดไม่ได้ที่จะพ่นลมสบถเสียงเย็น กล่าวเย้ยออกมาอย่างรังเกียจว่า “ต้วนหลิงเทียน…นี่เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ในเวลาเพียง 2 ปีครึ่ง หรือเจ้าที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังกล้าคิดอ้างว่าทะลวงถึงขอบเขตจินเซียน?”

 

“เหลวไหลสิ้นดี!!”

 

“หากเจ้าไม่ได้เชี่ยวชาญวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์…ข้าโจวเฟยอาศัยหนึ่งนิ้วก็บดขยี้เจ้าให้แหลกตายได้ง่ายๆ!!”

 

โจวเฟยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงถือดี สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียน ช่างเต็มไปด้วยความดูถูกนัก!

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าโจวเฟยจะพูดอะไรออกมา หากแต่สายตาต้วนหลิงเทียนยังคงมองจ้องโจวทงไม่เปลี่ยน แต่ต้นจนจบไม่ได้ชายตาแลมองโจวเฟยอีกเลย…

 

ทำราวกับมีแต่โจวทงผู้พิทักษ์อันดับ 1 ของมณฑลจิ่วโยวเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติมากพอจะอยู่ในสายตาเขา!

 

โจวเฟยยังไม่คู่ควร!

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

โจวเฟยที่ถูกต้วนหลิงเทียนเมินเฉย แน่นอนน่าย่อมรู้สึกหน้าม้าน ทั้งบังเกิดความไม่พอใจถึงขีดสุด

 

หากดวงตาของมันสามารถฆ่าคนได้ ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนจะตายไปแล้วกี่รอบ

 

“ข้าจะเชื่อหรือไม่…สุดท้ายวันนี้เจ้าก็ถูกลิขิตให้ต้องตกเป็นนักโทษของข้า จะเป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับข้า!”

 

โจวทงมองจ้องมาสายตาเยียบเย็น กล่าวคำออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

 

“ผู้พิทักษ์โจวทง…”

 

แม้โจวทงจะกล่าวประหนึ่งแยกเขี้ยวยิงฟันออกมาแล้ว หากแต่ต้วนหลิงเทียนยังคงสงบเฉยเมย กล่าวถามออกไปต่อด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า “หากข้าเดาไม่ผิด…สองคนที่ล่อข้ามาจากในเมืองเป็นเจ้าจัดมาใช่หรือไม่?”

 

“ใช่”

 

โจวทงกล่าวตอบเสียงเบา

 

มันไม่ได้แยแสเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนยังทำเป็นเฉยอยู่ได้

 

มันก็คิดเหมือนกับลูกบุญธรรมอย่างโจวเฟย เดี๋ยวพอมันลงมือเมื่อไหร่ถึงตอนนั้นต้วนหลิงเทียนอยากจะหัวร่อก็หัวร่อไม่ออก!

 

“พอดีข้ามีเรื่องสงสัยเล็กน้อย…ทำไมสองคนนั่นตอนพูดถึงรายละเอียดของมรดกทักษะระดับลั้บทั้งหลาย พวกมันแลดูพูดจริงไม่คล้ายโกหกเลยเล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามขึ้นมาอีกรอบ

 

“นั่นเป็นเพราะว่า…ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมันกล่าวออกมา ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ข้าได้รับมาเมื่อหนึ่งปีครึ่งก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าออกจากเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว…และพวกมันก็ได้ไปยืนยันด้วยตัวเองทั้งรับมรดกไปครองเรียบร้อย”

 

ขณะกล่าวถึงเรื่องนี้ ลึกลงไปในแวววตาของโจวทงฉายแววเสียดายออกมาวาบหนึ่ง

 

“ดูเหมือนว่า…การแบ่งปันทักษะระดับลี้ลับให้ผู้อื่นแบบนี้ ผู้พิทักษ์โจวก็รู้สึกเสียดายไม่น้อยเลยนะ”

 

ถึงแม้ว่าความเสียดายจะฉายขึ้นในแววตาโจวทงแค่แวบเดียว แต่ต้วนหลิงเทียนที่มองอยู่ย่อมสังเกตเห็นได้ชัดเจน จึงกล่าวแขวะออกมาด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ

 

“ไม่มีใดต้องเสียดาย!”

 

สองตาโจวทงเผยประกายดุร้าย มันมองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง กล่าวว่า “เทียบกับทักษะระดับลี้ลับแล้ว…วรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์ทั้งหลายที่เจ้ามี ย่อมทำให้ข้าโจวทงสนใจมากกว่า!”