บทที่ 2075 ใครคือหินขวางทางก้อนใหญ่ที่สุด?

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

อวิ๋นจือชิวหัวเราะจนเหนื่อย ถือโอกาสนั่งลงบนเก้าอี้ ตบอกตัวเองให้หายใจคล่อง เราตอบว่า “ทางฝั่งซูอวิ้นไม่ต้องกังวลแล้ว นางรับปากแล้วว่าจะทำงานให้ฝั่งนี้”

“อ้อ?” เหมียวอี้พยักหน้า “นำเรื่องทายาทของตระกูลฮ่าวมาขู่ยังได้ผล”

รอยยิ้มบนใบหน้าอวิ๋นจือชิวอ่อนลง แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “เจตนาของเจ้าชัดเจนเกินไป นางมองออกแล้ว นางไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าไม่อยากให้นางตายเพราะให้คำสัญญากับฮ่าวเต๋อฟางเอาไว้ ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือมองเห็นมูลค่าในการใช้ผลประโยชน์จากนาง ต่อไปถ้านางหมดประโยชน์แล้วจะทำยังไงล่ะ? นางบอกว่านางสามารถรับปากก่อนได้เพื่อให้คลายผนึกบนตัว แต่นางก็ถามอีก ว่าเจ้าไม่กลัวเหรอว่านางจะฉวยโอกาสที่ได้คลุกคลีกับคนฝั่งนี้จับคนของเจ้าไปเป็นตัวประกันแลกกับฮ่าวอวิ๋นเทียน?”

เหมียวอี้เงียบไป แล้วถามอีกว่า “แล้วเจ้าทำให้นางยอมได้ยังไง?”

อวิ๋นจือชิวตอบว่า “ข้าก็เลยถามนาง ว่าต่อให้เจ้าช่วยฮ่าวอวิ๋นเทียนไปได้แล้วยังไงต่อ ใต้หล้านี้ยังมีที่ให้เขายืนอีกหรือ? เขาทำได้เพียงหลบซ่อนตลอดไป ตระกูลฮ่าวไม่มีอนาคตแล้ว ไม่มีใครอยากเห็นตระกูลฮ่าวผงาดขึ้นมาอีกครั้งเพื่อมีส่วนแบ่งกับผลประโยชน์ของพวกเขา อาศัยแค่เจ้ากับเขาก็ก็กลับตัวไม่ได้หรอก ฮ่าวอวิ๋นเทียนเทียบกับฮ่าวเต๋อฟางไม่ติด ไม่มีความสามารถที่จะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าเจ้าจะช่วยเขาก็สิ้นเปลืองกำลังความคิดมาก เจ้าเห็นเขามาตั้งแต่เด็กจนโต ความสามารถของเขาเป็นยังไงเจ้าก็รู้ดีที่สุด ข้าให้คำสัญญากับนาง ว่าตราบใดที่นางสามารถทำงานรับใช้เจ้าได้ ถ้าเจ้าทำให้ใต้หล้าสงบเมื่อไหร่ ก็จะคืนอิสระให้ตระกูลฮ่าวอย่างแท้จริง! ข้าบอกนางว่า ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีคนทำให้ใต้หล้าสงบเท่านั้น ตระกูลฮ่าวถึงจะได้รับอิสระที่แท้จริง ไม่อย่างนั้นอาศัยแค่ที่เขาเป็นลูกชายของฮ่าวเต๋อฟาง แค่เขาโผล่หน้ามาเมื่อไหร่ อำนาจแต่ละฝ่ายก็ยินดีมากที่จะจับเขาไว้ใช้ผลประโยชน์! สุดท้ายนางจึงยอมรับปากข้า!”

“ทำให้ใต้หล้าสงบ?” เหมียวอี้ขมวดคิ้ว “จะเปิดเผยจุดประสงค์ของข้าให้นางรู้เหรอ?”

“แล้วยังไงล่ะ?” อวิ๋นจือชิวเลิกคิ้วแล้วยืนขึ้น กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ในสายตาคนนอก ในสายตาตำหนักสวรรค์ มีอ๋องสวรรค์คนไหนบ้างที่ไม่อยากก้าวหน้าไปอีกขั้น เพียงแต่ไม่มีโอกาสเท่านั้นแหละ เมื่อเดินมาถึงจุดเดียวกับเจ้าอย่างทุกวันนี้แล้ว เจ้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่อยากก่อกบฏ หรือบอกว่าตัวเองไม่มีทางก่อกบฏ ประมุขชิงจะเชื่อและไม่ป้องกันเจ้าเหรอ? ตราบใดที่เจ้าไม่ประกาศ ต่อให้นางรู้แล้วปล่อยข่าวสู่ภายนอก แล้วยังไงต่อล่ะ ประมุขชิงจะรู้สึกเหนือความคาดหมายเหรอ? ตราบใดที่ในมือเจ้ามีอำนาจ และไม่มั่นใจว่าจะกำจัดเจ้าทิ้งได้ ประมุขชิงก็ไม่กล้าทำซี้ซั้วหรอก! ข้าต้องการบอกให้นางรู้อย่างสง่าผ่าเผย ว่าผู้ชายของข้ามีเป้าหมายชัดเจนมาก ต้องการจะช่วงชิงใต้หล้า เก่งกว่าฮ่าวเต๋อฟาง ทำงานให้เจ้าไม่ถือว่าทำให้ฮ่าวเต๋อฟางอับอาย ให้นางยอมรับจากใจ นี่ก็คือเส้นทางของราชัน!”

เหมียวอี้พูดไม่ออก พบว่าผู้หญิงคนนี้ขวดดีอีกแล้ว เหมือนเห็นเงาของปราชญ์มารอวิ๋นอ้าวเทียนในปีนั้นแรงๆ เขาเกาหน้าผาก “พอแล้ว เจ้าแน่ใจว่านางรับปากแล้วก็พอ”

อวิ๋นจือชิวบอกเขาว่า “รับปากน่ะรับปากแล้ว แต่นางก็มีเงื่อนไข เรื่องนี้ข้ายังต้องถามความเห็นเจ้าก่อน นางกำลังรอคำตอบเช่นกัน ถ้าเจ้าตอบรับ นางถึงจะย้ายออกจากสวนป่าสุสานอย่างเป็นทางการ”

“เงื่อนไขอะไร?” เหมียวอี้ถาม

อวิ๋นจือชิวพูดไม่ออกนิดหน่อย “ชายหญิงมีความแตกต่าง นางไม่อยากให้คนเข้าใจผิดว่าระหว่างนางกับเจ้าเป็นเหมือนตอนที่นางอยู่กับฮ่าวเต๋อฟาง นางรู้สึกว่าอยู่ข้างกายข้าจะสะดวกกว่า ถ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกนางได้ทุกเมื่อ”

ก็ยังนึกว่าเรื่องใหญ่อะไร เหมียวอี้พยักหน้า “คุยได้”

เมื่อเห็นเขาไม่กังวลเลยสักนิดว่าอำนาจในมือตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ อวิ๋นจือชิวตาเป็นประกาย นั่งไขว่ห้างอีก ยื่นปลายเท้าออกมาคลอเคลียอยู่บนต้นขาเขาพร้อมถามอย่างออดอ้อน “หนิวเอ้อร์ ตอบข้ามาอย่างซื่อสัตย์ แม่นางน้อยสาวๆ น่าสนใจกว่าหญิงแก่อย่างข้าใช่ไหม?” สายตาค่อนข้างออดอ้อน

ท่านขุนนางเหมียวมองตาแล้วเข้าใจ ดึงแขนนางขึ้นมา แล้วอุ้มนางเดินเข้าไปในห้องนอน ในใจรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย โชคดีที่มีหลายคนหน้าตาอัปลักษณ์ ในที่สุดก็ผ่านด่านนี้ไปได้แล้ว

หารู้ไม่ว่าอวิ๋นจือชิวที่กำลังกอดคอเขาทำสายตาเจ้าเล่ห์แล้ว นางเป็นคนอนุญาตให้รับอนุภรรยาพวกนั้น คนแต่งงานเข้ามาแล้ว นางยังจะหาเรื่องแตกหักได้อีกเหรอ? แต่นางจะให้เหมียวอี้รู้สึกว่านางผ่อนผันไม่ได้ นางก็แค่ทั้งชักสีหน้าข่มขู่ พอบรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้ว ก็หาทางลงให้ตัวเองอีกก็เท่านั้น

สรุปก็คือ ผู้ชายคนนี้มีอำนาจมากขึ้นทุกวัน ถ้าควบคุมไม่ได้จะไม่แย่หรอกหรือ?

วันต่อมา สวีถังหรานกับเสวี่ยหลิงหลงมาเยี่ยมคำนับอวิ๋นจือชิวด้วยกัน สวีถังหรานรู้กาละเทศะมาก รู้ว่าท่านอ๋องกับหวังเฟยแยกจากกันไปนานจนเกิดความรู้สึกเหมือนคู่แต่งงานใหม่ วันนั้นจึงไม่ได้มารบกวน ตอนนี้เพิ่งจะมาหาด้วยเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็คือรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ ส่วนเรื่องงานก็คือมารายงานความคืบหน้า ในสายตาของสวีถังหราน ท่านที่อยู่ตรงหน้ามีความสำคัญยิ่งกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหมียวอี้ได้บอกไว้แล้ว ว่าอวิ๋นจือชิวเป็นคนช่วยพูดให้สวีถังหราน ถึงได้มีตำแหน่งโหวให้สวีถังหรานได้ สองสามีภรรยาย่อมมีท่าทีที่ดีต่ออวิ๋นจือชิวอยู่แล้ว

อวิ๋นจือชิวก็เริ่มงานยุ่งแล้วเช่นกัน

ตอนหลังพอซูอวิ้นรู้ข่าว ก็ย้ายเข้ามาอยู่ในจวนท่านอ๋องแล้วเช่นกัน ยังคงอยู่บ้านหลังเดิมที่เคยอยู่เมื่อก่อนนี้ อวิ๋นจือชิวมาคอยไถ่ถามทุกข์สุขด้วยตัวเอง ถามประมาณว่ามีอะไรที่ต้องการใช้หรือเปล่า

เมื่อหาที่พักให้ซูอวิ้นเรียบร้อยแล้ว ก็เรียกเหยียนซิวเข้ามาอีก ถามว่าตรวจสอพวกอนุภรรยาคนใหม่ไปถึงไหนแล้ว ต้องการจะเตรียมที่พักให้ที่เรือนชั้นใน

“ตู้อิ๋นเจียวก็เป็นสายลับเหมือนกันเหรอ?”

รายชื่อที่ตรวจสอบแล้วในตอนนี้ พบว่ามีสายลับสามคนแล้ว จะมีสายลับบ้างก็เป็นเรื่องปกติมาก แต่หลังจากได้รู้ว่าตู้อิ๋นเจียวก็เป็นสายลับเหมือนกัน อวิ๋นจือชิวก็ตกใจอยู่บ้าง แต่งงานอีกรอบทั้งยังเคยมีลูกมาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งคนแบบนี้มาเป็นสายลับ คนที่อยู่เบื้องหลังช่างเดินในทิศทางตรงกันข้าม ถ้าไม่ใช่เพราะสืบจนรู้กำพืดชัดเจน ก็ทำใจเชื่อได้ยากจริงๆ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าตู้อิ๋นเจียวเป็นนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ชอบโอ้อวดความรวยและเกาะอำนาจคนใหญ่คนโต นึกไม่ถึงว่าจะเป็นสายลับ

เหยียนซิวบอกว่า “ใช่แล้วครับ ที่จริงตู้อิ๋นเจียวเป็นสายลับที่ภายนอกแทรกเข้ามาในทัพใต้ แม้แต่บิดาของนางก็ยังไม่รู้ว่านางเป็นสายลับ แต่การที่นางยอมให้คนอื่นใช้งานเป็นสายลับ บิดาของนางก็ผลักความรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ได้ หลายปีก่อนบิดาของนางต้องการขึ้นสู่ตำแหน่ง จึงหย่ากับมารดาของนางแล้วแต่งงานกับอีกคน ตอนหลังมารดาของนางตายโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ต่อมาบิดาของนางก็รังเกียจว่าผู้ชายที่นางรักมีชาติกำเนิดต่ำต้อย เลยขู่ว่าจะฆ่าผู้ชายคนนั้น บีบให้นางแต่งงานกับผู้ชายคนปัจจุบัน ตอนหลังมีคนนำหลักฐานที่ชัดเจนมาให้นาง นางถึงได้รู้ว่ามารดาของนางตายด้วยน้ำมือของเสียง บิดาของนางที่รู้ความจริงกลับไม่ห้าม ส่วนผู้ชายคนนั้นของนาง ขนาดนางเลิกกับเขาแล้วก็ยังไม่ก็ไม่พ้นเคราะห์ ถูกบิดาของนางฆ่าตายอย่างลับๆ เช่นกัน หลังจากรู้ความจริงแล้วนางสะเทือนใจมาก จึงถูกคนอื่นหาช่องโหว่ใช้ประโยชน์นางตั้งแต่นั้นมา เขียนใบมอบตัวแล้วไม่อาจหันหลังกลับ ตอนนี้ถูกบิดาบังคับให้หย่าแล้วมาแต่งงานกับท่านอ๋องอีก จนกระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นของอำนาจฝ่ายไหน พวกเราก็สืบไม่เจอที่มาที่ไปของนางเช่นกัน ที่แปลกกว่านั้นก็คือ หลังจากนางถูกคนควบคุมแล้ว คนที่ควบคุมนางก็ไม่เคยใช้ให้นางทำเรื่องอะไรเลย เมื่อก่อนไม่เคยใช้งานนาง แต่เวลานางต้องการกลับช่วยเหลือนาง เรื่องแรกก็คือช่วยนางฆ่าแม่เลี้ยงเพื่อล้างแค้น จนกระทั่งช่วงนี้ที่นางแต่งงานกับท่านอ๋อง จู่ๆ ถึงได้รับภารกิจลับ ว่าให้นางเข้าใกล้ท่านอ๋อง ส่วนอีกสองคนล้วนเป็นคนของหน่วยตรวจการซ้ายตำหนักสวรรค์”

อวิ๋นจือชิวเงียบไป แล้วถามว่า “ท่านอ๋องรู้เรื่องนี้หรือเปล่า? เตรียมจะจัดการยังไง?”

“ทราบแล้วขอรับ  ท่านอ๋องบอกว่าตอนนี้อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ยังไม่ต้องให้สายลับเข้ามาในจวน รอให้ตรวจสอบสมาชิกทุกคนเสร็จก่อน แล้วค่อยจัดการทิ้งรวมกันรวดเดียว” เหยียนซิวตอบ

อวิ๋นจือชิวครุ่นคิด แล้วบอกว่า “เอาอย่างนี้ อย่าเพิ่งไปแตะต้องพวกนาง สำหรับพวกนางข้ามีแผนแล้ว เจ้าบอกหยางเจาชิง ว่าเตรียมให้พวกนางเข้ามาในจวนได้เลย ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เดี๋ยวข้าจะบอกท่านอ๋องเอง”

“ขอรับ!” เหยียนซิวเอ่ยรับ

หลังจากเหยียนซิวไปแล้ว อวิ๋นจือชิวก็ออกประตูมามองสีของท้องฟ้า งานยุ่งตั้งแต่เช้ามืดไม่ได้หยุดหย่อน ตอนนี้สีของท้องฟ้าดูโพล้เพล้แล้ว

“ท่านอ๋องกำลังทำอะไร?” อวิ๋นจือชิวเอ่ยถามขณะมองท้องฟ้ายามพลบค่ำ

เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ หยิบระฆังดาราขึ้นมาติดต่อเชียนเอ๋อร์ที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายเหมียวอี้ จากนั้นก็ตอบว่า “เหนียงเหนียง พี่เชียนเอ๋อร์บอกว่า ท่านอ๋องงานยุ่งยังไม่ได้พักเลย เมื่อครู่ก็เพิ่งเรียกหยางชิ่งเข้าไปประชุมลับในห้องหนังสือ”

ในมือเหมียวอี้มีงานไม่น้อย ตอนนี้เขากำลังแอบจับตาดูสถานการณ์ของที่ต่างๆ ในทัพใต้ ที่ยุ่งยากที่สุดก็คือ เมื่อครู่นี้เฉาหม่านเพิ่งติดต่อมาเร่งรัด บอกว่าเขาต้องทำตามสัญญา นั่นก็คือร่วมมือกันกำจัดพระปีศาจหนานโป

เหมียวอี้ทำได้เพียงอ้างว่าทัพใต้ยังไม่มั่นคง กลัวว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะข้ามแม่น้ำแล้วหรือสะพานทิ้ง รอให้ทัพใต้มั่นคงก่อนแล้วค่อยลงมือก็ยังไม่สาย อ้างเหตุผลนี้เพื่อถ่วงเวลาต่อไป

จากนั้นก็เรียกหยางชิ่งมาปรึกษาหารือเรื่องนี้ ปรึกษาไปปรึกษามา ประเด็นของปัญหาก็คือเหมียวอี้ต้องช่วยมารดาของเฟยหงออกมาก่อน ตระกูลเซี่ยโห้วกับพระปีศาจล้วนต้องต้านเอาไว้ทั้งสองฝั่ง ไม่สามารถหันเลี้ยวกลับได้อย่างอิสระ

หยางชิ่งแอบบอกใบ้เล็กน้อย ว่าตั้งแต่ที่หน่วยตรวจการซ้ายต้องการให้เฟยหงลอบสังหารเขา เฟยหงก็หมดประโยชน์ให้ใช้งานแล้ว ทว่าเหมียวอี้ก็ปฏิเสธไปโดยตรง

หยางชิ่งจำต้องตกอยู่ในความเงียบ เรื่องแบบนี้เขาไม่สะดวกจะพูดมากเกินไป เขาแค่รู้สึกว่า เจ้าเดินมาถึงวันนี้แล้ว ควรจะเข้าใจว่าอะไรคือสถานการณ์ภาพรวม การสละบางสิ่งนั้นคือความคุ้มค่า เจ้าแต่งงานกับผังเสี้ยวเสี้ยวแล้วโค่นล้มผังก้วนได้ เพื่อทำให้อาณาเขตทัพใต้สงบมั่นคง เจ้ายังแต่งงานกับผู้หญิงอัปลักษณ์ได้ เฟยหงนั่นสำคัญมากหรือ?

หลังจากในห้องหนังสือเงียบอยู่พักหนึ่ง หยางชิ่งก็ถามช้าๆ ว่า “ประมุขชิงกับประมุขพุทธะ พระปีศาจหนานโป ตระกูลเซี่ยโห้ว ท่านอ๋องรู้สึกว่าในบรรดาสามฝ่ายนี้ ใครคือหินขวางทางก้อนใหญ่ที่สุด?”

เหมียวอี้ไตร่ตรองแล้วตอบว่า “ประมุขชิงกับประมุขพุทธะดูเหมือนเป็นยักษ์ใหญ่ แต่กลับอยู่ในที่แจ้ง ขอเพียงใช้ความพยายามมากพอก็ย่อมสำเร็จได้เอง! ส่วนพระปีศาจหนานโปดูเหมือนน่ากลัว แต่ที่จริงแล้วคนทั้งใต้หล้าล้วนป้องกันเขา ชื่อเสียงฉาวโฉ่ ใจคนห่างหายหมดแลเว เท่ากับเป็นศัตรูกับคนทั้งใต้หล้า ขึ้นสังเวียนไม่ได้ อยู่ในที่แจ้งไม่ได้ด้วย แค่อาศัยวิธีการลึกลับซับซ้อนบางอย่างขู่ให้คนกลัว ขอเพียงมีใครสักคนควบคุมแนวโน้มสถานการณ์ไว้ให้มั่นคง เขาก็กระพือคลื่นลมได้ยากมาก อย่างมากก็แค่แอบทำให้บางอย่างเสียหาย ยุคของเขาผ่านไปแล้ว ที่จริงอ่อนแอที่สุดในบรรดาทั้งสามฝ่าย ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่จิตนาการไว้เลย ผู้ที่หลบในที่มืดจนยากจะหยั่งถึงจริงๆ ก็คือตระกูลเซี่ยโห้ว ใต้หล้าของประมุขชิงกลายเป็นอย่างนั้นได้ ก็เพราะมีตระกูลเซี่ยโห้วคอยแอบขัดแข้งขัดขา ตระกูลเซี่ยโห้วต่างหากคือหินขวางทางก้อนใหญ่สุด”

หยางชิ่งกล่าวเสริมว่า “เป็นอย่างนี้จริงๆ แต่ท่านอ๋องรู้สมาคมลับต่างๆ ของตระกูลเซี่ยโห้วผ่านปากเซี่ยโห้วลิ่งแล้ว สามารถโจมตีตระกูลเซี่ยโห้วเหมือนฟ้าผ่าได้ทุกเมื่อ อีกฝ่ายต้านทานทัพใหญ่ของท่านอ๋องไม่ไหวเลย สำหรับท่านอ๋องแล้ว สิ่งที่ต้องระวังก็คือสมาคมอาวุโสอะไรนั่น สมาชิกของสมาคมอาวุโสที่ลึกลับแบบนี้ล้วนเป็นคนที่เคยรับหน้าที่ดูแลอำนาจฝ่ายต่างๆ ของตระกูล จิ้งจอกเฒ่าอย่างเซี่ยโห้วท่าร้ายกาจมาก แม้ตระกูลเซี่ยโห้วจะมีอำนาจมากแต่กลับกระจายอยู่ในที่ลับ ต่อให้มีคนสามารถทำลายสมาคมลับพวกนั้นได้ แต่ก็ไม่มีทางตัดรากถอนโคน เมื่อคนของสมาคมอาวุโสลงมือเมื่อไร ก็สามารถตั้งสมาคมลับใหม่ได้ทุกเมื่อ สามารถฟื้นฟูอำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วขึ้นมาใหม่ได้ในเวลาสั้นๆ”

………………