บทที่ 2076 กระทำบางสิ่ง ละวางบางสิ่ง

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้พยักหน้า เขาต้องยอมรับจุดนี้ นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือแม้จะรู้สถานการณ์ของสมาคมลับต่างๆ ผ่านเซี่ยโห้วลิ่งแล้วก็ตาม การทำลายสมาคมลับต่างๆ นั่นง่าย แต่กลับทำลายไม่ถึงรากฐานของตระกูลเซี่ยโห้ว เขาไม่กล้าไปควบคุมสมาคมลับแต่ละแห่งส่งเดชเช่นกัน เพราะสมาคมอาวุโสควบคุมสมาคมลับลึกขนาดไหน มีสถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ แม้แต่เซี่ยโห้วลิ่งก็ยังไม่รู้ชัด เขาย่อมไม่รู้ความจริงเลยสักนิดเหมือนกัน ถ้าทำอะไรบุ่มบ่ามแล้วถูกตระกูลเซี่ยโห้วจับได้ขึ้นมา ตระกูลเซี่ยโห้วจะต้องโต้กลับแบบไม่ตายไม่เลิกแน่นอน!

แต่พอลองเปลี่ยนความคิดก็อึ้งไป เหมียวอี้จ้องหยางชิ่งพร้อมถามว่า “เจ้าถามเรื่องนี้หมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะแตะต้องสมาคมอาวุโส?”

หยางชิ่งกลับไม่ตอบ ได้แต่มองเขาอยู่อย่างนั้น ทำท่าเหมือนรอให้เขาตัดสินใจเลือก

เหมียวอี้เริ่มอ่านสายตาของเขาออกแล้ว

เดิมทีฝั่งนี้เตรียมตัวไว้ว่า ถ้าพระปีศาจสืบเรื่องสถานที่หลอมสร้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ไม่ทัน เขาก็จะลงมือกับชิงหยวนจุน จะมัดชิงหยวนจุนไปแลกกับมารดาของเฟยหง สำหรับเขาแล้ว ถ้าวางแผนดีๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะข้างกายชิงหยวนจุนมีคนของเขาอยู่ ตราบใดที่ฝั่งนี้ไม่ประกาศอย่างเปิดเผย ประมุขชิงก็ไม่กล้าแตกหักกับเขาเช่นกัน เอย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้อยากเอาชีวิตชิงหยวนจุน เพราะตอนนี้ชิงหยวนจุนมีประโยชน์มากกว่านั้น ต่อให้คนของเขาลงมือโดยไม่เปิดเผยตัวตน ต่อขอเพียงจับชิงหยวนจุนไปแลกกับมารดาของเฟยหง ฝั่งประมุขชิงก็จะรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือเขา เมื่อชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียแล้ว ประมุขชิงก็ย่อมแลกคนกับเขา แต่แบบนั้นจะทำให้ชิงหยวนจุนกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่พอใจ จะทำลายแผนการใหญ่ที่อยู่ในครึ่งหลัง

พอเป็นแบบนี้ เขาก็ต้องหาผลลัพธ์จากฝั่งพระปีศาจหนานโปก่อน แต่เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลเซี่ยโห้วจะมาเสียเวลากับเจ้ามากเกินไป ตระกูลเซี่ยโห้วก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน

“รอให้ยืนยันตัวตนของถงเหลียนซีก่อน ก็จะให้พระปีศาจลงมือช่วยคนได้แล้ว” เหมียวอี้กล่าวยังไม่แน่ใจ

หยางชิ่งถอนหายใจ “ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพระปีศาจจะสืบเจอสถานที่หลอมสมบัติหรือเปล่า ต่อให้สืบเจอแล้ว แต่ข้าน้อยก็ทำใจเชื่อได้ยากจริงๆ ว่าพระปีศาจจะช่วยคนออกมาจากสถานที่สำคัญที่ป้องกันเข้มงวดอย่างสถานที่หลอมสร้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ได้ง่ายๆ ยังไม่รู้เลยว่าต้องถ่วงเวลาอีกนานแค่ไหน ก็ได้ ต่อให้พระปีศาจมีพลังอภินิหารมากมายจนช่วยคนออกมาได้ แต่ถ้าพระปีศาจไม่ได้สมุนไพรจิตวิญญาณมาไว้ในมือ มีหรือที่เขาจะยอมส่งคนมาให้? แต่ถ้าส่งสมุนไพรจิตวิญญาณให้ไปแล้ว ตระกูลเซี่ยโห้วจะยอมเลิกรากับท่านอ๋องได้ยังไง?”

ที่จริงแล้ว ตั้งแต่เริ่มวางแผนช่วงชิงทัพใต้ หยางชิ่งก็ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นความตายของเฟยหงกับมารดาเลย ไม่เกี่ยวว่าเขาไร้น้ำใจหรือไม่ไร้น้ำใจ แต่เขาไม่ได้มีความผูกพันอะไรกับเฟยหงและมารดา แผนการใหญ่โตขนาดนั้นจะต้องมีคนตายอยู่แล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นเหมียวอี้ที่แอบปกป้องเฟยหงกับมารดาอยู่ฝ่ายเดียว หยางชิ่งโน้มน้าวไม่ได้ผลจึงขี้คร้านจะโน้มน้าวแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็เดาออกตั้งนานแล้วว่าหลังจากจบเรื่องนี้เหมียวอี้จะต้องปวดหัว

เหมียวอี้กล่าวเสียงต่ำ “เช่นนั้นก็เปลี่ยนเป้าหมายที่จะลงมือ จับตัวสมาชิกคนสำคัญของกองทัพองครักษ์ไปแลก!”

หยางชิ่งจึงบอกว่า “เรื่องของเฟยหงกับมารดาเป็นเรื่องในครอบครัวของท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่สะดวกจะพูดอะไรมาก ไม่ว่าท่านอ๋องจะตัดสินใจยังไง ข้าน้อยก็จะไม่คัดค้าน แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ต้องเตือนท่านอ๋องเอาไว้ หลังจากช่วงชิงทัพใต้ด้วยวิธีการอย่างนั้นมาแล้ว ไม่ใช่แค่ประมุขชิงที่จะเก็บท่านอ๋องไว้ไม่ได้ ตระกูลเซี่ยโห้วก็จะต้องรู้สึกกลัวท่านอ๋องแล้วแน่นอน เกรงว่าคงคิดจะกำจัดท่านอ๋องทิ้งหลังจากจบเรื่อง ท่านอ๋องเตรียมตัวป้องกันไว้แล้วหรือยัง? มีเพียงการกำจัดสมาคมอาวุโสที่อยู่เบื้องหลังตระกูลเซี่ยโห้ว ทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วขาดความสามารถในการตั้งสมาคมใหม่อย่างรวดเร็ว ถึงตอนนั้นขอเพียงตระกูลเซี่ยโห้วกล้าเคลื่อนไหวอุกอาจ ท่านอ๋องก็สามารถโจมตีสมาคมลับแต่ละแห่งแบบสายฟ้าแลบได้ทันที โจมตีให้ตระกูลเซี่ยโห้วกระจายเหมือนเม็ดทราย กลับมารวมตัวกันอีกไม่ได้ง่ายๆ ตระกูลเซี่ยโห้วถึงจะซื่อสัตย์ได้”

เหมียวอี้เดินมานั่งลงหลังโต๊ะหนังสือแล้ว หรี่ตาบอกว่า “กลัวว่าเฉาหม่านจะเหมือนกับเซี่ยโห้วลิ่งน่ะสิ อาจจะไม่รู้เบื้องลึกของสมาคมอาวุโส!”

“แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ติดต่อกับสมาคมอาวุโสแน่นอน” หยางชิ่งกล่าว

เหมียวอี้แววตาวูบไหว “เจ้ากำลังพูดถึงเว่ยซู?”

หยางชิ่งพยักหน้า “ก่อนหน้านี้พวกเราสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล ทั้งยังสงสัยว่าเว่ยซูคนนี้ไม่ธรรมดา ตอนหลังถึงได้รู้ว่าเบื้องหลังของตระกูลเซี่ยโห้วซ่อนสมาคมอาวุโสเอาไว้ เมื่อลองเชื่อมโยงเรื่องเรื่องก่อนหน้าและตอนหลัง ก็เห็นได้ชัดว่าสมาคมอาวุโสยอมสละให้หัวหน้าตระกูลอย่างเซี่ยโห้วลิ่งมาร่วมงานกับท่านอ๋องเพื่อกำจัดพระปีศาจหนานโป จะเห็นได้ว่าตระกูลเซี่ยโห้วหวาดกลัวพระปีศาจขนาดไหน แต่ก็พอจะเข้าใจได้ ในใต้หล้าตอนนี้ ที่จริงอำนาจในที่แจ้งทำให้พระปีศาจจนใจ ไม่ว่าเขาจะควบคุมใคร แต่ก็ไม่สามารถควบคุมทั้งใต้หล้าได้ ต่อให้เขาสามารถควบคุมประมุขชิงได้แล้วยังไงล่ะ? อำนาจแต่ละฝ่ายก็ไม่ได้เชื่อฟังประมุขชิงทุกอย่างเหมือนกัน คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของประมุขชิงต้องพบความผิดปกติเข้าสักวัน มีแต่จะหวาดกลัวพระปีศาจยิ่งกว่าเดิม ไม่นานก็จะแยกย้ายกันไปเอง หรือไม่ก็หันหัวหอกมาสู้กับเขาแทน ก็อย่างที่ท่านอ๋องบอก พระปีศาจชื่อเสียงฉาวโฉ่แล้ว ครองหัวใจคนในใต้หล้าไม่ได้แล้ว เป็นศัตรูกับคนทั้งใต้หล้า แต่ด้วยวิธีการดำรงอยู่ของตระกูลเซี่ยโห้วนั้น ซ่อนตัวลึกลับอยู่หลังม่าน มีอำนาจกระจายทั่วไป ไม่สามารถเจอหน้ากันและกันได้ง่ายๆ ไม่กลัวการโจมตีอย่างเปิดเผย กลัวก็แต่จะมีคนใช้วิธีการเอาพิษถอนพิษเพื่อขุดรากถอนโคนของพวกเขาขึ้นมา วิธีการของพระปีศาจถือเป็นดาวอริของตระกูลเซี่ยโห้วจริงๆ เพราะพระปีศาจคนเดียวก็อาจจะโค่นล้มทั้งตระกูลเซี่ยโห้วได้ ตระกูลเซี่ยโห้วจะไม่กลัวได้ยังไง?”

“เว่ยซูไม่ได้แตะต้องง่ายๆ ขนาดนั้น ถ้าพวกเราสันนิษฐานไม่ผิดพลาด ถ้าแตะต้องเว่ยซูเมื่อไหร่ เกรงว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงยิ่งกว่าแต่ต้องเฉาหม่านเสียอีก ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น อย่างน้อยก็แหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว ถ้าคิดจะบีบสมาคมอาวุโสออกมาอีกก็ยากแล้ว เรื่องนี้เจ้าวางแผนให้ละเอียดทั่วทุกด้านก่อน ต้องทำแบบไม่ให้ผิดพลาดแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นก็ไปแตะต้องไม่ได้เลย” เหมียวอี้แสดงความเห็น

“ขอรับ!” หยางชิ่งเอ่ยรับ จากนั้นก็ถอยออกไป

พอเดินออกมาจากห้องหนังสือ เห็นอวิ๋นจือชิวรออยู่ข้างนอกโดยไม่เข้าไปรบกวน หยางชิ่งก็ทำความเข้า “คำนับหวังเฟยเหนียงเหนียง ก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่าเหนียงเหนียงกลับมาแล้ว เดิมทีจะไปคำนับ แต่ได้ข่าวว่าเหนียงเหนียงงานยุ่ง เลยไม่ได้ไปรบกวน หวังว่าเหนียงเหนียงจะให้อภัย”

“เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น คำพูดพวกนี้ไม่มีความหมาย  เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ” อวิ๋นจือชิวกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง

หยางชิ่งก้มศีรษะกล่าวขอตัว แล้วหันตัวเร่งฝีเท้าเดินออกไป

ตอนนี้อวิ๋นจือชิวถึงได้ก้าวเข้าไปในห้องหนังสือ ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะมองนางแค่ปราดเดียว แล้วก็หลับตาเอนอายพิงเก้าอี้ไปเลย ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เท่านั้น

อวิ๋นจือชิวเดินมาคลำถ้วยน้ำชาตรงข้างโต๊ะ พบว่ายังอุ่นอยู่เลย นางจึงเดินอ้อมไปหลังเก้าอี้ วางสองมือบนหน้าผากของเขา ใช้นิ้วเรียวนวดให้เขาเบาๆ พร้อมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เหนื่อยเพราะช่วงนี้มีเรื่องว้าวุ่นใจเยอะ หรือปวดหัวเพราะเรื่องเฟยหงล่ะ?”

“เจ้าได้ยินหมดแล้วเหรอ?” เหมียวอี้หลับตาถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

อวิ๋นจือชิวขานรับ “สิ่งที่หยางชิ่งบอกใบ้ก็มีเหตุผล แต่การที่เจ้าแน่วแน่กับเรื่องนี้ก็ไม่ผิด”

“แล้วเจ้ายืนอยู่ฝั่งไหน?” เหมียวอี้ถามช้าๆ

อวิ๋นจือชิววางมือบนคอเขา โน้มตัวลงจูบแก้มเขา แนบศีรษะกับใบหน้าเขา พร้อมบอกว่า “ข้ายืนหยัดที่จะสนับสนุนเจ้า ช่วยสิ ทำไมจะไม่ช่วยล่ะ ก็แค่ยุ่งยากนิดหน่อยเองไม่ใช่เหรอ? พวกเรารับไหวอยู่แล้ว!” ขณะที่พูดใบหน้าก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยน หลับตาพร้อมกับเขา แล้วพึมพำด้วยสีหน้าดื่มด่ำ “เรื่องของถงเหลียนซีเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะสืบเบื้องลึกของนางให้เร็วที่สุด”

ที่จริงหลังจากได้รู้ว่าเหมียวอี้ใช้วิธีการแบบนั้นไปเต้าขึ้นสู่ตำแหน่งอ๋อง ในใจนางก็รู้สึกหวาดกลัวนิดหน่อย เพราะนางได้เห็นแล้วว่าเหมียวอี้ทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ความหวาดกลัวอันแปลกพิลึกบางอย่างวนเวียนอยู่ในใจนาง จนกระทั่งเมื่อครู่ที่อยู่ตรงประตูแล้วได้ยินเหมียวอี้ปฏิเสธคำบอกใบ้ของหยางชิ่ง ในที่สุดก็ได้โล่งใจเสียที ความหวาดกลัวที่วนเวียนอยู่ในใจสลายไปราวกับเมฆหมอก หนิวเอ้อร์ยังคงเป็นหนิวเอ้อร์คนนั้นของนาง แม้จะถูกสถานการณ์บีบบังคับให้เปลี่ยนไป แต่ก็ยังกระทำสิ่งที่พึงกระทำ และละวางสิ่งที่พึงละวาง บางสิ่งบางอย่างก็ยังรักษาไว้ได้เหมือนเดิม

ถ้าเขาทิ้งได้แม้กระทั่งเฟยหงที่สนับสนุนเขามาหลายปีและไม่เคยทำผิดอะไร แบบนั้นนางคงหวาดกลัวจนตัวสั่น

เหมียวอี้ยกมือข้างหนึ่งลูบบนใบหน้านาง สูดดมกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ที่ทำให้สบายใจของนาง ดื่มด่ำกับสัมผัสมือที่อ่อนนุ่มเรียบลื่น “มาเย็นขนาดนี้ เจ้าของงานยุ่งมาทั้งวันแล้วสินะ?”

พอเขาพูดถึงเรื่องของนาง นางก็ยืนขึ้นแล้วเดินออกมาจากข้างหลังเขา อ้อมมารูดกระโปรงนั่งตักเขา เอาแขนคล้องคอเขาไว้ แล้วเล่าเรื่องที่แต่งงานรับสายลับเข้าบ้านมา โดยเฉพาะเรื่องของตู้อิ๋นเจียว “เจ้ารู้สึกว่าตู้อิ๋นเจียวเป็นคนของฝ่ายไหน?”

เหมียวอี้แสยะยิ้ม “ยังจะเป็นคนของฝ่ายไหนได้ล่ะ เป็นไปได้เก้าในสิบว่าฝ่ายตระกูลเซี่ยโห้ว”

“อ้อ!” อวิ๋นจือชิวกระพริบตาปริบๆ “ทำไมคิดอย่างนั้น?”

เหมียวอี้อธิบายว่า “เรื่องบางเรื่องถ้าหยียนซิวไม่ไปถามก็ไม่รู้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นเขาก็เดาได้เหมือนกัน ช่วงก่อนหน้านี้เพื่อที่จะช่วยสนับสนุนข้า ตระกูลเซี่ยโห้วเปิดโปงสายลับไปแล้วไม่น้อย ก่อนที่จะโดนข้าเตะออกจากกระดาน ข้าลองเรียกหลายคนมาคุย ผลปรากฏว่าสายลับส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกอำนาจฝ่ายไหนควบคุม จนกระทั่งหลังจากเกิดเรื่องแล้ว ถึงได้รู้ว่าถูกควบคุมโดยตระกูลเซี่ยโห้ว ก่อนหน้านั้นรู้แค่ว่าตัวเองถูกคนอื่นบีบบังคับ สถานการณ์และวิธีการคล้ายกับตู้อิ๋นเจียว จะไม่ให้ข้าสงสัยตระกูลเซี่ยโห้วก็คงยาก ก่อนหน้านี้ไม่ได้ใช้งานผู้หญิงคนนั้น คงเพราะยังไม่จำเป็น ตอนนี้พอมาถึงถิ่นของข้าแล้วถึงได้ถูกใช้งาน ยอมเป็นเพราะมีมูลค่าให้ใช้งาน”

อวิ๋นจือชิวกลับแอบตกใจ “ตระกูลเซี่ยโห้วน่ากลัวจริงๆ ใช้ประโยชน์กับทุกอย่าง ใช้วิธีการเงียบเชียบและปล่อยตามธรรมชาติไม่แต่งแต้มอะไรเพิ่มเติม ทำให้คนป้องกันไม่ชนะ ขณะเดียวกันก็รับประกันได้ในระดับสูงสุดด้วยว่าจะไม่ถูกเปิดโปง ไม่รู้จริงๆ ว่าในใต้หล้านี้มีคนประเภทตู้อิ๋นเจียวอีกเท่าไหร่”

“วางแผนจัดการมาสามยุคแล้ว ประสบการณ์ความรู้ย่อมไม่ธรรมดา เจ้าคิดว่าคำกล่าว ‘ครองตระกูลเซี่ยโห้วได้ ก็ครองใต้หล้าได้’ เป็นเรื่องโกหกหรือไง? ช้าเร็วข้าก็ต้องขุดรากถอนโคนสัตว์ประหลาดที่ยึดครองใต้หล้าให้ได้!” เหมียวอี้แสยะยิ้ม แล้วจู่ๆ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ หรี่ตาพึมพำ “สายลับของตระกูลเซี่ยโห้ว…”

อุทยานหลวง งานเลี้ยงอุทยาน หนึ่งพันปีจัดหนึ่งครั้ง แต่กลับมีเพียงขุนนางระดับสูงจริงๆ ถึงจะมาที่นี่ได้ มีกฎกติกามากมายควบคุมไว้ อาจจะเที่ยวเล่นไม่สนุกสักเท่าไร ที่ชัดเจนก็คือฐานะ ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไหร่ที่หวังจะมาถูกกติกาของที่นี่ควบคุม

สวนกลางเขียวขจี เรือนร่างอรชรของเฟยหงเดินเนิบนาบเข้ามา นางนับว่าคุ้นเคยกับที่นี่ ติดตามอวิ๋นจือชิวมาเข้าร่วมงานเลี้ยงอุทยาน เมื่อมาแล้วก็ย่อมต้องมาเยี่ยมท่านแม่บุญธรรมของตัวเอง ส่วนอวิ๋นจือชิวก็ไปเยี่ยมคำนับราชินีสวรรค์ที่ตำหนักนารีสวรรค์

ส่วนคนของสวนกลางเขียวขจีก็นับว่าคุ้นเคยกับเฟยหงเช่นกัน ด้วยความที่มีคนชี้บอก นางก็ได้เจอกับแม่เฒ่าลวี่ที่กำลังสั่งให้เทพธิดาทำงานอยู่ในสวนเขียวขจีแล้ว

“ท่านแม่บุญธรรม!” เฟยหงก้าวขึ้นมาคำนับ

แม่เฒ่าลวี่มองนางแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างร่าเริง “มาแล้วเหรอ”

เฟยหงขานรับ จากนั้นก็เดินเล่นอยู่ในสวนเป็นเพื่อนแม่เฒ่าลวี่

พอเดินไปถึงจุดที่ไม่มีคน แม่เฒ่าลวี่ก็เดินไปหาดอกไม้สีแดงสดที่มีขนาดใหญ่เท่าชามข้าวดอกหนึ่ง จ้องอยู่พักหนึ่งแล้วจะจู่ๆ ก็ถอนหายใจ “เป็นอ๋องสวรรค์แล้ว เก่งกาจมาก เก่งกาจมาก ช่างทำงานใหญ่ เจ้่าว่าไหม?”

“เรื่องของผู้ชาย ลูกสาวไม่เคยอยากเข้าไปยุ่ง” เฟยหงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

แม่เฒ่าลวี่ยื่นมือเป็นรูปกลีบดอกไม้สวยอย่างเวทนา “ไม่เข้าไปยุ่ง…เรื่องใหญ่ในใต้หล้านี้ข้าก็ไม่เข้าใจหรอก แต่หลายปีมานี้ข้าเห็นความไม่แน่นอนมาเยอะ ทุกครั้งที่ใต้หล้ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แม้จะมีบางคนได้หน้าได้ตาไร้ที่สิ้นสุด แต่สิ่งที่ตามมานั้น ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรที่ต้องบ้านแตกสาแหรกขาด บางคนก็เอาแต่เฝ้าคอย แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองถูกใช้ประโยชน์จนหมดคุณค่าแล้ว สุดท้ายก็เหลือเพียงความแค้น ถ้าได้สติกลับมาไว้ บางทีอาจจะยังรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ นางหนูเอ๊ย เจ้าว่าที่ข้าพูดมีเหตุผลมั้ย?”

………………