บทที่ 1075 เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของกษัตริย์ไป๋

The king of War

กษัตริย์ไป๋พูดด้วยเสียงทุ้ม “ได้ยินว่า ในเมืองเหมียว มีผู้แข็งแกร่งแดนเทพไม่น้อย อิทธิพลชั้นนำใหญ่ๆ ของเมืองเหมียว ไม่ใช่อยากจะเข้าสังคมเหรอ? ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมพวกเราถึงไม่รวมกันกับอิทธิพลของเมืองเหมียว มาจัดการหยางเฉินล่ะ?”

“อะไรนะ?”

ชั่วขณะนั้นกษัตริย์เซวสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ “รวมกันกับอิทธิพลของเมืองเหมียว แม้แต่หยางเฉินที่ครอบครองความสามารถแดนเทพไว้ พวกเรายังทำอะไรไม่ได้ ถ้าพวกเราล่ออิทธิพลของเมืองเหมียวออกมาอีก นี่ไม่ใช่หาเหาใส่หัวเหรอ?”

กษัตริย์เฉารีบส่ายหน้าทันที “ไม่ได้! รวมกันกับอิทธิพลของเมืองเหมียวไม่ได้เด็ดขาด ด้วยความสามารถของพวกเราตอนนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอิทธิพลเมืองเหมียวเลย”

กษัตริย์หม่าพูดแบบเสียงทุ้ม “ไม่ว่าอย่างไร พวกเราตระกูลเดอะคิงก็เป็นตระกูลชั้นนำของจิ่วโจว แต่ถ้าเกิดล่ออิทธิพลชั้นนำของเมืองเหมียวออกมา เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเราคงโดนพวกเขาจับรวมแน่”

พวกเขาไม่ได้โง่ เมืองเหมียวครอบครองผู้แข็งแกร่งแดนเทพมากมาย เกรงว่าอิทธิพลเมืองเหมียวแห่งใดก็ตามที่ครอบครองผู้แข็งแกร่งแดนเทพ ล้วนสามารถกำจัดพันธมิตรตระกูลเดอะคิงได้

กษัตริย์ไป๋หัวเราะเยาะทีหนึ่ง “ใครบอกพวกคุณว่าผมอยากรวมกันกับอิทธิพลของเมืองเหมียวจริงๆ?”

“กษัตริย์ไป๋หมายความว่า?”

กษัตริย์สามคนที่เหลือมึนงงหมดแล้ว หรือว่ากษัตริย์ไป๋ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น?”

กษัตริย์ไป๋พูดจาแบบหน้านิ่งสงบ “เท่าที่ผมรู้ เมืองเหมียวมีข้อห้ามบางอย่างอยู่ ทำให้พวกเขาเข้าสู่สังคมไม่ได้ ก็เหมือนกับตระกูลบู๊โบราณที่ไม่ปรากฏตัวเหล่านั้น”

“ปัจจุบันนี้ เมืองเหมียวมีคนอยากจะเข้าสู่สังคมแบบอดใจรอไม่ไหวแล้ว ดังนั้นถึงส่งผู้แข็งแกร่งของแต่ละที่ แฝงตัวอยู่ในตระกูลเดอะคิงของพวกเรา”

“ถ้าหากพวกเขาสามารถเข้าสู่สังคมได้ตามชอบใจจริง จะต้องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้เหรอ?”

ฟังคำพูดของกษัตริย์ไป๋แล้ว กษัตริย์คนอื่นต่างทำหน้าตกใจ กษัตริย์เฉาอดเอ่ยปากพูดไม่ได้ “กษัตริย์ไป๋หมายความว่า เพราะมีข้อห้ามแบบนี้อยู่ อิทธิพลเมืองเหมียวจึงไม่กล้าเข้าสู้สังคมอย่างสง่าผ่าเผย”

ดังนั้นคือ พวกเราเพียงต้องร่วมมือกับอิทธิพลสักแห่งที่ครอบครองผู้แข็งแกร่งแดนเทพ รับปากให้ผลประโยชน์บางอย่างแก่พวกเขา ให้ผู้แข็งแกร่งแดนเทพของเมืองเหมียวมาจัดการหยางเฉิน”

“ขอเพียงพวกเราเตรียมพร้อมเต็มที่ ถ้าเกิดหยางเฉินตาย พวกเราก็ควบคุมเมืองเยี่ยนตูมาไว้ในเมืองอย่างราบรื่นได้ ตอนนั้น ขอเพียงพวกเราสนับสนุนคิงแห่งเยี่ยนตูสักคนหนึ่ง อาศัยหุ่นเชิดคนนี้ เอาทั้งตี้ชุนมาควบคุมในมือของพวกเรา”

“แม้แต่เมืองเหมียวยังครอบครองผู้แข็งแกร่งแดนเทพไว้หลายคน ตี้ชุนต้องมีผู้แข็งแกร่งแดนเทพแน่ แต่ที่ไม่เหมือนกับเมืองเหมียวคือ ถ้าคิงแห่งเยี่ยนตูปรากฏตัวขึ้น ตี้ชุนก็สามารถเข้าสู่สังคมได้แล้ว”

“ขอเพียงตี้ชุนถูกพวกเราควบคุมไว้หมด ต่อให้เป็นเมืองเหมียว พวกเราก็มีความมั่นใจสู้รบกับพวกเขาสักตั้ง!”

กษัตริย์ไป๋พยักหน้า กวาดสายตามองกษัตริย์คนอื่น “เหมือนแบบนั้นที่กษัตริย์เฉาบอก พวกเราเพียงต้องพึ่งความช่วยเหลือจากอิทธิพลเมืองเหมียว มาจัดการหยางเฉิน ขอเพียงควบคุมตี้ชุนไว้ในมือพวกเราได้ เมืองเหมียวก็ไม่มีอะไรเป็นภัยแล้ว”

ทันใดนั้น ในห้องประชุมทางไกลผ่านวิดีโอของพันธมิตรตระกูลเดอะคิงจมสู่ความเงียบงันอีกครั้ง

บนหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด แม้แต่กษัตริย์ไป๋ที่เสนอแผนการนี้ออกมา ก็ทำหน้าขึงขังเช่นกัน

ในที่นี้ล้วนเป็นผู้นำของตระกูลเดอะคิง พวกเรารู้ชัดอย่างมากถึงความอันตรายของแผนการอันนี้

ถ้าหากสำเร็จ อย่าว่าแต่หยางเฉินเลย แม้แต่หยางเฉินสิบคน พวกเขาก็มีความมั่นใจในการเผชิญหน้า

แต่ถ้าเกิดล้มเหลว ผลสุดท้ายจะร้ายแรงอย่างมาก เกรงว่าพันธมิตรตระกูลเดอะคิง ล้วนต้องพังพินาศเพราะเหตุนี้

“เอาแบบแล้วกัน พวกเราลงคะแนนตัดสินดีกว่า! เสียงข้างน้อยยอมให้เสียงข้างมาก เป็นอย่างไร?”

กษัตริย์ไป๋ทำลายความเงียบลงก่อน

“ได้! ลงคะแนนตัดสินใจ!”

กษัตริย์คนอื่นๆ ต่างกัดฟันพูดทั้งหมด

“เห็นด้วยว่าจะร่วมมือกับอิทธิพลเมืองเหมียวจัดการหยางเฉิน ยกมือ!”

กษัตริย์ไป๋รีบยกมือขวาขึ้นทันที

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง กษัตริย์หม่าและกษัตริย์เฉาก็ยกมือขึ้นแล้วเหมือนกัน

ทันใดนั้น กษัตริย์ทั้งสี่แห่งพันธมิตรตระกูลเดอะคิง มีเพียงกษัตริย์เซวที่ยังไม่ได้ยกมือออกเสียง

แต่เขาออกเสียงหรือไม่ ก็ไม่มีความหมายใดๆ แล้ว

“กษัตริย์เซว คุณไม่เห็นด้วย?”

กษัตริย์ไป๋มองทางกษัตริย์เซวแล้วถามไป

กษัตริย์เซวหัวเราะอย่างขมขื่น “ผมเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ยังมีความหมายอะไรเหรอ? ในเมื่อการลงคะแนนมีผลลัพธ์เรียบร้อยแล้ว งั้นก็ตัดสินใจตามนี้ รวมกันกับอิทธิพลเมืองเหมียว จัดการหยางเฉิน!”

“เพียงแต่ อิทธิพลของเมืองเหมียวที่ครอบครองผู้แข็งแกร่งแดนเทพมีมากมาย พวกเราควรเลือกอิทธิพลที่ไหนกันดี? และจะติดต่อพวกเขาได้อย่างไร?”

นี่ถึงเป็นประเด็นสำคัญ

ก่อนหน้านี้พวกเราพบผู้แข็งแกร่งของเมืองเหมียวในตระกูลเดอะคิงของตนเอง แต่เพราะกลัวความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของเมืองเหมียว พวกเขาจึงไม่ได้ทำอะไรผู้แข็งแกร่งเหล่านั้น ทว่ากลับปล่อยไปแล้ว

สำหรับวิธีการติดต่อ ยังไม่มีจริงๆ

กษัตริย์ไป๋หัวเราะเบาๆ “เรื่องนี้ผมจัดการเอง”

ฟังคำพูดของกษัตริย์ไป๋แล้ว กษัตริย์คนอื่นสายตาเปล่งประกาย ในใจเพิ่มความตกใจระดับหนึ่ง

กษัตริย์ไป๋เหมือนสำนึกได้ว่าคำพูดของตนเองทำให้คนอื่นๆ เข้าใจผิด จึงพูดอย่างใจกว้าง “ก่อนหน้านี้หลังจากเจอผู้แข็งแกร่งเมืองเหมียวที่ตระกูลคิงไป๋ ก่อนปล่อยพวกเขาออกไป ผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเทพคนหนึ่งของเมืองเหมียว ได้ทิ้งวิธีติดต่อไว้ให้ผมเองแล้ว”

“บางที อิทธิพลชั้นนำของเมืองเหมียว ก็อยากจะรวมกันกับอิทธิพลข้างนอกเหมือนกันมั้ง!”

กษัตริย์คนอื่นพยักหน้าหมด “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นเรื่องนี้มอบให้กษัตริย์ไป๋แล้ว พันธมิตรตระกูลเดอะคิงสามารถควบคุมตี้ชุนได้หรือไม่ ต้องดูจากครั้งนี้แล้ว”

“ได้ งั้นการประชุมวันนี้จบแค่นี้ ผมจะลองติดต่ออิทธิพลของเมืองเหมียวดูสักหน่อย”

กษัตริย์ไป๋พูดจบ ออกจากห้องประชุมทางไกลผ่านวิดีโอไปแล้ว

ในขณะเดียวกัน ในเยี่ยนเฉินกรุ๊ป

การกลับมาของหยางเฉิน ทำให้ฉินซีและฉินยีตื่นเต้นอย่างมาก ลั่วปิงก็ดีใจจนน้ำตาไหล เทพผู้ชนะสงครามในใจเขา ยังคงความไม่แพ้ของเขาไว้อย่างต่อเนื่อง

ชั้นบนสุดของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ในห้องทำงานของหยางเฉิน คนชุมนุมกันมากมาย

อวี๋เหวินเกาหยางผู้นำของตระกูลอวี๋เหวิน หวงเทียนเชิงผู้นำตระกูลหวง เย่ม่านผู้นำตระกูลเย่ ยังมีตระกูลหานและตระกูลกวนที่ติดตามหยางเฉินมาเมืองเยี่ยนตูด้วยกัน และผู้นำของตระกูลเฉิน ล้วนอยู่กันหมด

“คุณหยาง ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว ถ้าไม่กลับมาอีก พวกเราตาแก่พวกนี้ คงจะต้านไม่ไหวจริงๆ แล้ว”

หวงเทียนเชิงเอ่ยแบบน้ำตาไหลนองหน้า มือทั้งสองจับมือของหยางเฉินไว้แน่น

อวี๋เหวินเกาหยางก็ทำหน้าปลื้มใจ ไม่ว่าอย่างไร หยางเฉินก็เป็นลูกที่เขาเห็นเติบโตขึ้นมา

“วางใจก็พอ ทุกอย่างที่พวกคุณสูญเสีย จะให้พันธมิตรตระกูลเดอะคิงคืนกลับมาเป็นเท่าตัว!”

หยางเฉินทำหน้าแน่วแน่พูดขึ้น

ในเวลานี้เอง ลั่วปิงเดินเข้ามาแล้ว พูดด้วยเสียงต่ำ “ท่านประธานครับ เจ้าบ้านหลงมาครับ!”

พอได้ยิน หยางเฉินยักคิ้วเบาๆ ตระกูลหลง ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู เป็นหนึ่งตระกูลที่ความสามารถแกร่งสุด และจนกระทั่งทุกวันนี้ แม้แต่พันธมิตรตระกูลเดอะคิง ก็ไม่ได้ล่วงล้ำ

ไม่เพียงแค่นี้ ตระกูลหลงยังมีสถานะใหญ่ที่ปิดซ่อนไว้ คือสาขาของตระกูลหลง ในราชวงศ์ทั้งสี่แห่งจิ่วโจว

หลังจากคนอื่นๆ รับรู้ข่าวที่หลงเถิงมาแล้ว สีหน้าก็เผยความเคร่งขรึมออกมา