บทที่ 1317 สั่งสอนเทพเจ้า

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,317 สั่งสอนเทพเจ้า

เพียงประโยคเดียวเท่านั้น

คำพูดไม่กี่คำจากหลินเป่ยเฉินกลับส่งเสียงดังปานฟ้าถล่มดินทลายในหัวใจของใต้เท้าหมิงรั่ว

ตำแหน่งเทพเจ้า?

เจี๋ยนเซียวเหยามีตำแหน่งเป็นเทพเจ้า?

ไม่ใช่แต่เพียงใต้เท้าหมิงรั่วเท่านั้น คนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ต่างก็ตกตะลึงไปเช่นกัน

สำหรับดินแดนทวยเทพ ผู้ที่ได้ดำรงตำแหน่งเทพเจ้ามีอยู่ไม่มาก เพราะฉะนั้น ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่รู้มาก่อน

แล้วเจี๋ยนเซียวเหยามีตำแหน่งเทพเจ้าจริงหรือ?

หากเป็นเช่นนั้น เขาจะเข้าร่วมการแข่งขันเพื่ออะไร?

ทันใดนั้น ความคิดของผู้คนจำนวนมากก็คาดเดาไปต่าง ๆ นานา

พานตั่วชิงรู้สึกหนังหัวของตนเองชายิบขึ้นมา

ช่างน่ากลัวอะไรถึงเพียงนี้

เมื่อเจี๋ยนเซียวเหยาสามารถสลายฝ่ามือพลังเวทของใต้เท้าหมิงรั่วได้ นั่นก็ทำให้พานตั่วชิงตื่นตระหนกมากพอแล้ว

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่ตนเองคาดเดาจะกลายเป็นจริง

ทันใดนั้น พานตั่วชิงก็ทราบแล้วว่าปัญหาของเขากำลังจะเกิดขึ้น

หากเจี๋ยนเซียวเหยามีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าจริง ๆ ไม่ใช่แต่เขาจะแสดงกริยาหยาบคายต่อเจี๋ยนเซียวเหยาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พานตั่วชิงเคยถึงกับพยายามลอบสังหารเจี๋ยนเซียวเหยามาแล้วด้วยซ้ำ…

นี่คือความผิดใหญ่หลวงใช่หรือไม่?

เมื่อรับทราบว่าตนเองกำลังจะพบเจอกับปัญหาใหญ่ บุรุษหนุ่มก็รีบปิดพลังปราณเทวะประจำตัว เพราะกลัวว่าจะดึงดูดความสนใจจากผู้คนขณะค่อย ๆ ถอยหลังห่างออกมา

แต่การกระทำนี้จะรอดพ้นสายตาหลินเป่ยเฉินไปได้อย่างไร

“คิดที่จะหนีอย่างนั้นหรือ เกรงว่าคงสายไปเสียแล้ว”

หลินเป่ยเฉินหันหน้ากลับมาจ้องมองพานตั่วชิงเขม็ง

“ตอนแรกข้าก็ไม่อยากถือโทษโกรธเจ้าหรอกนะ แต่เจ้าเล่นตอแยข้าไม่เลิกรา เพราะฉะนั้น ข้าถึงต้องเปิดเผยฐานะที่แท้จริงแล้ว…”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้าย ก่อนจะกวักมือเรียกพานตั่วชิงและกล่าวว่า “ยังไม่รีบมาคุกเข่าคำนับข้าอีก”

สีหน้าของพานตั่วชิงปรากฏความโกรธแค้น กัดฟันกรอด ไม่ตอบรับคำใด

“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด”

ใต้เท้าหมิงรั่วกล่าวออกมาเพื่อช่วยเหลือพานตั่วชิงอีกครั้ง

ไม่ว่าสิ่งที่เจี๋ยนเซียวเหยาพูดออกมาจะเป็นความจริงหรือไม่ แต่เขาก็ยังต้องช่วยเหลือพานตั่วชิงต่อไป

เพราะนี่คือสิ่งที่เบื้องบนสั่งมา

ความจริงนั้น ใต้เท้าหมิงรั่วค่อนข้างเชื่อว่าเจี๋ยนเซียวเหยามีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าผู้หนึ่งจริง ๆ

เพราะหากไม่ได้มีตำแหน่งเป็นเทพเจ้า ย่อมไม่สามารถทำลายฝ่ามือพลังเวทของเขาได้เด็ดขาด

ยิ่งไปกว่านั้น ในดินแดนทวยเทพแห่งนี้ ยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าแอบอ้างว่าตนเองมีตำแหน่งเป็นเทพเจ้ามาก่อน

“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

หลินเป่ยเฉินจ้องมองใต้เท้าหมิงรั่วด้วยความเหยียดหยาม ไม่ต่างจากกำลังมองคนปัญญาอ่อนผู้หนึ่ง

ใต้เท้าหมิงรั่วพยายามข่มกลั้นโทสะและกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด ในเมื่อเจ้าเข้าร่วมการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ เรื่องนี้จะโทษว่าเป็นความผิดของพานตั่วชิงไม่ได้…”

“พวกท่านน่ารำคาญเกินไปแล้ว”

หลินเป่ยเฉินร้องคำรามออกมา “คนไม่รู้ย่อมไม่ผิดอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นประโยคเด็ดที่ข้าต้องเป็นคนพูดเท่านั้น ท่านกล้าดีอย่างไรถึงพูดมันออกมา?”

ใต้เท้าหมิงรั่วเบิกตาโตด้วยความเดือดดาล

แต่ทันใดนั้น เขาก็สงบสติอารมณ์ กล่าวเสียงเข้มว่า “ข้าเป็นเทพเจ้าระดับสูงภายใต้อาณัติของใต้เท้าฉาง เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้า?”

“ข้าเพียงปกป้องศักดิ์ศรีของเทพเจ้าระดับสูงเท่านั้น”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะและกล่าวต่อ “เจ้าหน้าโง่จากเผ่าเทพตะวันที่เอาแต่ตั้งคำถามกับหอคอยผู้พิชิตครั้งแล้วครั้งเล่า นี่เท่ากับเป็นการดูหมิ่นเทพเจ้าผู้สร้างหอคอย… ยังไม่รีบคุกเข่าขอขมาอีก”

ขาดคำ

หลินเป่ยเฉินพลันโจมตีใส่พานตั่วชิงอีกครั้ง

มือที่สวมใส่ถุงมือทองคำยื่นออกไปข้างหน้า

พร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกโชน

ตุบ!

พานตั่วชิงถูกพลังกดดันทำให้ต้องคุกเข่าลงไปกับพื้นหินทันที

เมื่อทราบสถานะที่แท้จริงของเจี๋ยนเซียวเหยา บุรุษหนุ่มก็ไม่มีจิตใจขัดขืนอีกต่อไป เขาไม่กล้ากล่าววาจาออกมาอีกแม้แต่คำเดียว

เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังคงส่งพลังกดดันลงมาหนักหน่วง

กร๊อบ! กร๊อบ! กร๊อบ!

กระดูกขาแตกหัก กล้ามเนื้อฉีกขาด โลหิตไหลเนืองนอง

“อ๊าก…”

พานตั่วชิงส่งเสียงร้องโหยหวน

ดวงตาของเจี๋ยนเซียวเหยาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความอำมหิต แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาต้องการสังหารพานตั่วชิงให้ตกตายอยู่ในที่แห่งนี้จริง ๆ

“ท่านใต้เท้าหมิงรั่ว ได้โปรดช่วยเหลือข้าด้วย”

พานตั่วชิงร่ำร้องออกมาด้วยความหมดหวัง

ใต้เท้าหมิงรั่วใบหน้ากระตุก ถึงเขาจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้อีกต่อไป แต่ก็คงทำไม่ได้แล้ว

“บังอาจนัก ข้าเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ เจ้ากล้าดีอย่างไรคิดฆ่าแขกผู้ร่วมงาน”

ใต้เท้าหมิงรั่วระเบิดเสียงคำรามดังสนั่น เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมร่างกาย ชุดเกราะทมิฬก็ปรากฏขึ้นบนลำตัวของเขา นอกจากนี้ ยังมีดาบหัวมังกรเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมืออีกด้วย ก่อนที่ตัวคนจะพุ่งเข้าหาหลินเป่ยเฉินด้วยความรวดเร็ว

“ช่างต่ำช้านัก”

หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวอยู่นานแล้ว จึงร้องตะโกนออกไปว่า “คิดปกป้องคนร้ายที่ดูหมิ่นเทพเจ้าระดับสูง อย่างนี้ต้องสั่งสอน…”

เปรี้ยง!

ดาบหัวมังกรปะทะเข้ากับถุงมือทองคำอย่างรุนแรง

พลังศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายไปรอบบริเวณ

มวลพลังทำลายล้างจากทั้งสองฝ่ายกระจัดกระจาย

“พวกเรารีบถอย”

“รีบออกไปจากห้องโถงใหญ่ก่อนดีกว่า”

บรรดาผู้คนที่รับชมความตื่นเต้นพลันรีบหนีออกไปทันทีเมื่อเห็นการต่อสู้อันดุเดือดนี้

ส่วนบรรดาสาวรับใช้นั้นหลบหนีออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

เปรี้ยง!

ห้องโถงใหญ่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

โต๊ะหินอ่อนและเก้าอี้ที่อยู่ภายในงานเลี้ยงถูกมวลพลังเหล่านั้นระเบิดกระจายกลายเป็นผุยผง

เช่นเดียวกับบรรดาเครื่องตกแต่งต่าง ๆ ที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ก็แตกสลายหายไปเช่นกัน

เจ้าอ้วน เจ้ากิ้งก่ายักษ์ และบรรดานักกินคนอื่น ๆ รู้สึกหัวใจปวดร้าวที่เห็นอาหารของตนเองปลิวกระจายหายไปต่อหน้าต่อตา

บนพื้นหิน บนเสาหินและกำแพง ค่ายอาคมพากันเรืองแสงอย่างบ้าคลั่ง เพื่อปกป้องไม่ให้ห้องโถงใหญ่แห่งนี้พังถล่มลงมา

ครืน! ครืน! ครืน!

ภายใต้แสงโคมไฟและคบเพลิง หลินเป่ยเฉินกับใต้เท้าหมิงรั่วต่อสู้กันหลายร้อยกระบวนท่า

“อ๊าก…”

ใต้เท้าหมิงรั่วร้องโหยหวนระหว่างที่ลอยกระเด็นไปกระแทกกับบัลลังก์ใหญ่อย่างแรง

โครม!

บัลลังก์ใหญ่แตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี

“ความผิดในการช่วยเหลือผู้ที่ดูหมิ่นเทพเจ้าระดับสูง… คือความตายสถานเดียว”

หลินเป่ยเฉินควงกำปั้นทองคำของตนเองด้วยจิตสังหารแรงกล้า

คืนนี้ เขาไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายรอดชีวิตไปได้เด็ดขาด

ต่อให้คืนนี้หลินเป่ยเฉินจะเมตตาต่อใต้เท้าหมิงรั่วเพียงใด แต่เมื่อคำนวณถึงทุกอย่างในอนาคต หลินเป่ยเฉินก็รู้ดีว่าใต้เท้าหมิงรั่วจะต้องคิดแก้แค้นตนเองอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น เขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายรอดชีวิตไปไม่ได้

นี่คือความตั้งใจของหลินเป่ยเฉิน

“เอื้อ…”

ใต้เท้าหมิงรั่วนอนจมอยู่ในกองเลือด แต่ก็ยังคงต้องกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่

ชุดเกราะที่สวมใส่เริ่มแตกร้าว

เขารู้สึกเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง

เจี๋ยนเซียวเหยาผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก อาศัยข้อหาดูหมิ่นเทพเจ้าใช้เป็นจุดเล่นงานพานตั่วชิง

แต่มันก็เป็นความผิดที่เขาหาข้อแก้ต่างให้ไม่ได้

ใต้เท้าหมิงรั่วไม่รู้ว่าตนเองสมควรพูดอย่างไรดี

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

การโจมตียังคงถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่นาน ดาบหัวมังกรก็แตกหัก ชุดเกราะบนร่างกายแตกสลาย

“อ๊ะจ๊า ย่าห์ ๆๆๆๆ…”

หลินเป่ยเฉินส่งเสียงร้องประหลาดขณะสาวหมัดต่อยรัว ๆ

ระหว่างที่กำลังต่อสู้อยู่นี้ เด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ว่าหมวกเหล็กอมตะและถุงมือทองคำเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

เมื่อเขาสวมใส่หมวกเหล็กอมตะ พลังการโจมตีจากถุงมือทองคำก็ดูจะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า

ความเร็วในการออกหมัดเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า

ความเร็วหมัดของเขาแทบเทียบเท่าความเร็วแสงแล้ว

การสวนหมัดของหลินเป่ยเฉินมองเห็นเป็นเพียงประกายไฟวูบวาบเท่านั้น

เร็วเกินไปที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

หลินเป่ยเฉินระดมหมัดใส่ใต้เท้าหมิงรั่วซึ่งร่างกระเด็นกระดอนขึ้นไปในอากาศ หลินเป่ยเฉินลอยตัวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ปรากฏตัวขึ้นข้างกายของใต้เท้าหมิงรั่ว

“ย้าก!”

หลินเป่ยเฉินกระแทกหมัดออกมา

โครม!

ร่างของใต้เท้าหมิงรั่วร่วงหล่นลงสู่พื้นหิน

โลหิตไหลทะลักออกจากร่างกาย ตัวคนสภาพยับเยินไม่ต่างจากกระสอบป่านเก่าขาดใบหนึ่ง

หลินเป่ยเฉินมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

เทพเจ้า?

เป็นเทพเจ้าแล้วจะอย่างไร?

ยามดื่มสุราก็เมามาย ถูกทุบตีก็เจ็บปวด ได้รับบาดเจ็บก็ยังหลั่งเลือด

ไม่เห็นจะน่าเกรงขามตรงไหนเลย!!!